หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/52

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๕

ตามประเพณี แลจำเริญทางพระราชไมตรีด้วย ประการหนึ่ง ซึ่งพระองค์จะให้ใช้ศักราชตามพระนครศรีอยุทธยานั้น ฝ่ายกรุงภุกามประเทศแลรามัญประเทศได้ใช้ศักราชเดิมหลายชั่วกระษัตริย์มาแล้ว ครั้นจะใช้ตามมีพระราชสาสนไปนั้น เกรงจะฟั่นเฟือน ซึ่งพระเจ้ากรุงทวาราวดีลบได้ ก็ให้พระองค์ใช้เถิด ครั้นแปลแล้ว สมุหนายกเอากราบทูลพระกรุณา ทรงเคืองพระไทย ตรัศว่า อ้ายพม่ามันมิใช้ตามเราก็แล้วไป ครั้งนั้น เสด็จออกมุขเด็จพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท เบิกแขกเมืองเข้าถวายบังคม ตรัศพระราชปฏิสันถารสามนัดแล้ว สั่งให้เลี้ยงแขกเมือง ก็เสด็จเข้า เจ้าพนักงานยกของมาพระราชทาน แขกเมืองมิได้รับพระราชทาน ว่า อย่างธรรมเนียมอังวะ ถ้าทูตานุทูตไปเยือนพระศพ ห้ามมิให้รับพระราชทาน เพลาเย็น สมุหนายกกราบทูล ทรงพระกรุณาให้ต่อว่าแขกเมืองว่า อย่างกรุงพระนครศรีอยุทธยา ถ้าไปเยือนศพ ย่อมแต่งของบริโภคเลี้ยงให้อิ่มหนำ จึงได้ชื่อว่านับถือกัน นี่ตัวมากรุงพระนครศรีอยุทธยาแล้วไม่รับพระราชทานนั้น ไม่นับถือกรุงพระนครศรีอยุทธยาฤๅ ๆ ว่าสิ่งของซึ่งพระราชทานนี้ไม่ดีเหมือนกรุงอังวะ ถ้าไปต่อว่า แขกเมืองดื้อดึงไม่รับพระราชทาน ก็ให้เอาสิ่งของราดรดศีศะลงแล้วขับเสียจากเมือง เจ้าพนักงานก็ไปต่อว่าโดยพระราชโองการ แขกเมืองก็มิได้รับพระราชทาน เจ้าพนักงานก็เอาสิ่งของราดรดศีศะแขกเมืองแล้วขับเสียจากพระนคร.

ลุศักราช ๑๐๐๓ ปีมเสง ตรีนิศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงไปประพาศพระนั่งไอสวรรย์ทิพอาศน์ วันนั้น เสด็จอยู่แรม