หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/54

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗

สามพันสรรพด้วยพร้าขอกะตร้อน้ำรักษา ห้ามมิให้หุงเข้าในพระราชวัง แล้วเรือตำรวจคอยบอกเหตุทุกทุ่มโมง ครั้นคำรบสามวัน เพลาชายแล้วสี่นาฬิกา เรือตำรวจลงไปกราบทูลพระกรุณาว่า สงบอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศว่า ครั้งนี้ เห็นพระโหราธิบดีจะผิดอยู่แล้ว สั่งเรือเถิด จะเข้าพระราชวัง เจ้าพนักงานก็เลื่อนเรือพระที่นั่งกิ่งเข้ารับเสด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึงฉนวนประจำท่า พระโหราอยู่ท้ายเรือพระที่นั่ง กราบทูลว่า ขอให้ย่ำฆ้องก่อน จึงจะสิ้นพระเคราะห์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ให้ลอยเรือพระที่นั่งอยู่ เพลาชายแล้วห้านาฬิกา เมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้นข้างประจิมทิศ ฝนตกพรำ ๆ ลงมา ทรงพระกรุณาตรัศแก่พระโหราว่า ฝนตกลงมา สิ้นเหตุแล้วกระมัง พระโหรากราบทูลว่า ขอพระราชทานงดก่อน พอสิ้นคำลง อสนีเปรี้ยงลงมาต้องเหมพระมหาปราสาทเปนเพลิงติดพลุ่งโพลงขึ้นไหม้ลามลงมา คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระราชวังมิรู้ที่จะทำประการใด แลดีบุกอันดาษหลังคานั้นไหลราดลงมาดังห่าฝน เพลิงก็ไหม้ติดต่อไปทั้งห้วยคลังเรือนน่าเรือนหลังร้อยสอบเรือนจึงดับได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศให้พระโหราดูว่า เพลิงฟ้าไหม้ดังนี้จะดีฤๅร้าย พระโหรากราบทูลพระกรุณาว่า ดี จะมีพระราชลาภแลกอปรด้วยอิศริยยศ ประเทศทั้งปวง บรรดาอริราชไพรี จะเกรงพระเดชเดชานุภาพเปนอันมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศได้ทรงฟัง มีพระไทยปราโมทย์ยินดีนัก ครั้งนั้น ไหม้แต่พระที่นั่งมังคลาภิเศกที่ชื่อ ปราสาททอง พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาทแลพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทจะได้ไหม้ด้วยหามิได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระราชวัง ทรงพระกรุณาให้ช่างจับการก่อพระมหาปราสาทแล