หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/89

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๒

อันมาก จึงมังนันทมิตรก็ให้กุมเอามอญอันหนีมานั้นใส่ตรางไว้ ว่าจะเผาเสีย แลสมิงนายอำเภอทั้ง ๑๑ คนนั้นควบคุมมอญประมาณห้าพันยกเข้ามาเผาเมืองเมาะตมะ แลได้ตัวมังนันทมิตรจำไว้ แล้วจึงปฤกษากันว่า เรากระทำความผิดถึงเพียงนี้ ถ้าทราบถึงพระเจ้าอังวะ ก็จะมีไภยันตรายแก่พวกเราเปนแท้ แลเราทั้งปวงหาที่พึ่งมิได้ จำจะพากันกวาดอพยพหนีเข้าไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา เอาพระเดชานุภาพปกเกล้าฯ ร่มเย็นเปนที่พำนัก จึงจะพ้นไภย ครั้นปฤกษาเห็นพร้อมกันแล้ว สมิงนายอำเภอทั้ง ๑๑ นายก็กวาดต้อนครอบครัวรามัญในแว่นแคว้นเมืองเมาะตมะทั้ง ๓๒ หัวเมือง กับสมัคพรรคพวกของตัว แลพรรคพวกมังนันทมิตร เปนคนประมาณหมื่นเศษ แล้วให้ถอนมังนันทมิตรออกจากพันธนาการ พากันอพยพออกจากเมืองเมาะตมะมาทางเมืองสมิถึงด่านพระเจดีย์ ๓ องค์ในปีรกา นพศกนั้น จึงสมิงนายอำเภอทั้ง ๑๑ นายก็แต่งหนังสือบอกให้รามัญถือเข้ามาแจ้งกิจการแก่พระยากาญจนบุรีว่า จะเข้ามาศวามิภักดิ์เปนข้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยากาญจนบุรีก็ส่งหนังสือบอกเข้ามาถึงอรรคมหาเสนาธิบดีให้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบ พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าช้างเผือกได้ทรงทราบเหตุ ก็ทรงพระโสมนัศ ดำรัศให้สมิงรามัญเก่าในกรุงถือพลพันหนึ่งออกไปรับครัวเมืองเมาะตมะเข้ามายังพระมหานคร แล้วทรงพระกรุณาโปรดให้พวกครัวมอญใหม่ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ตำบลสามโคกบ้าง ที่คลองคูจามบ้าง ที่ใกล้วัดตองปุบ้าง แล้วดำรัศโปรดให้สมิงนายกองทั้ง ๑๑ คนเข้าเฝ้ากราบถวายบังคม ทรง