ข้ามไปเนื้อหา

กฎหมายลักษณผัวเมีย/เรื่อง 4

จาก วิกิซอร์ซ
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ ประกาศพระราชบัญญัติลักพา จ.ศ. 1230
ประกาศรัชกาลที่ ๔
ว่าด้วยลักภา

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า คนมีแผลคัน ถ้าจะห้ามไม่ให้เกา ยังมีที่ว่าควรจะห้ามอยู่ เพราะว่าเกาเข้าหนังถลอกฤๅที่คันนั้นเปนเม็ดยอดสำคัญก็ให้โทษมาก ก็ผู้มีบุตรหญิงจะมาขังไว้ไม่ให้มีผัวนั้นจะต้องการอะไร ถ้าผู้มีบันดาศักดิ์จะกักบุตร์หญิงไว้ไม่ให้มีผัวเพราะกลัวจะปนระคนด้วยชาติต่ำช้า เพราะบุตร์เกิดมาเขานับถือขึ้นชื่อตามหมู่บิดา ถ้าชายชาติต่ำช้ามาเปนผัวหญิงบุตร์ผู้ดี มีบุตร์เกิดขึ้น ก็คงจะต้องรู้ ต้องเรียกว่าเปนบุตร์ไพร่ตามตระกูลบิดา จะเชิดชูตามฝ่ายมารดามิได้ ด้วยเหตุนี้ บิดาของหญิงที่มีบันดาศักดิ์จะขังจะกักบุตร์หญิงของตัวไว้ด้วยกลัวจะปะปนระคนด้วยคนต่ำ ๆ ก็ควร เพราะฉนั้น ถ้าบิดาหญิงฤๅมารดาหญิงมีศักดินาสูงตั้งแต่ ๔๐๐ ขึ้นไป ถ้าฝ่ายตระกูลชาย คือ ตัวชาย ฤๅบิดาของชาย ฤๅปู่ตัวปู่ข้างชิด ๆ ของชาย มีบันดาศักดิ์สูงเสมอบิดาหญิง ฤๅสูงกว่าบิดาหญิง ถ้าปู่แลบิดายังมีตัวอยู่ มาเปรียบเทียบตกลงกับบิดาของหญิงก็ดี ถ้ามิตกลง ก็ต้องตัดสินว่าตามแต่ใจหญิงสมัค เพราะฝ่ายชายเปนบุตรผู้มีบันดาศักดิ์ มิใช่ไพร่ ก็ถ้าฝ่ายชายฤๅบิดาแลปู่ของชายต่ำศักดิ์กว่าบิดาของหญิง ต้องสุดแต่ใจบิดาของหญิง เมื่อบิดาของหญิงไม่รังเกียจเสียใจด้วยบุตร์ช้ำชอกแล้วนั้น จะเรียกเอาตัวคืนก็ได้เพื่อจะเอาตัวมากักขังไว้รักษาตระกูลบันดาศักดิ์ ก็สุดแต่ใจของบิดาหญิงที่มีบันดาศักดิ์ จะยอมยกให้ก็ได้ ไม่ยอมยกให้ก็ได้ จะเรียกตัวคืนมาแล้วไปยอมยกให้คนอื่นก็ได้ ชายที่ต่ำศักดิ์มาล่วงเกิน จะให้ทำโทษให้ฤๅจะให้ปรับไหมเปนเบี้ยเลมิดให้ก็ได้ ถึงมาขอษะมาแล้วก็ไม่คุ้มเบี้ยเลมิดได้ แต่การอย่างนี้ ว่าแต่ในเรื่องฝ่ายข้างบิดาหญิงมีบันดาศักดิ์สูง ฝ่ายชายมีบันดาศักดิ์ต่ำ ก็ถ้าฝ่ายชายฝ่ายหญิงมีบันดาศักดิ์สูงด้วยกันก็ดี บันดาศักดิ์ต่ำด้วยกันก็ดี ให้ตัดสินเอาตามใจหญิงสมัคอย่างเดียว ถ้าหญิงสมัคจะกลับมาอยู่กับบิดามารดา ก็ให้กลับมา ถ้าสมัคจะไปกับชายชู้ ก็ให้ไป ถ้าได้มาขอษะมารับผิดแล้ว ข้างบิดามารดาหญิงรับษะมาก็ดี ไม่รับก็ดี ไม่มีเบี้ยเลมิด แต่สิ่งของ ๆ ฝ่ายบิดามารดาหญิงหายไปเมื่อเวลาลักภากันเท่าใด ให้เจ้าทรัพย์สาบาลตราสินไว้โดยไม่ตราสินด้วยเข้าใจว่ามิใช่ผู้ร้ายอื่น เมื่อมาให้การกำหนดของแม่นยำว่าเฉพาะหายในวันนั้นเวลานั้นเท่าใดสาบาลได้ เมื่อจะยอมให้แก่บุตร์หญิงเท่าใด ก็ยอมให้ เหลือนั้นให้ชายผู้ลักภาต้องใช้จงทั้งสิ้น แต่ผู้ชักสื่อแลพวกเพื่อนที่มากับชายแลเจ้าสำนักที่ต่าง ๆ ถ้าแม้นลักภากันสูญหายไปไม่ได้ตัวหญิงไม่ได้ตัวชายฤๅไม่ได้ทั้งสองคน จึ่งควรต้องฟ้องต้องเกาะครองเร่งรัดให้ส่งให้นำ ถ้าได้ตัดหญิงตัวชายมาแล้ว โทษผู้ชักสื่อแลผู้มาเปนเพื่อนผู้ลักภาแลเจ้าสำนักให้ยกเสีย แต่การข้างผู้มีบันดาศักดิ์ยังมีนัยที่จะว่าไปหลายอย่างอยู่ ถ้าที่อยู่ของบิดามารดาเปนวังเจ้าบ้านขุนนางผู้ใหญ่มีข้างน่าข้างในกำหนดกฎชามั่นคง คนผู้ล่วงเดินเข้าไป ก็จะต้องให้มีโทษสมควรแก่วังใหญ่วังน้อยตามบันดาศักดิ์ใหญ่น้อยของท่านเจ้าของวังเจ้าของบ้าน อนึ่ง ผู้มีบันดาศักดิ์สูงต่ำจะว่าตามศักดินาเปนแม่นย่ำก็ไม่ได้ เพราะผู้มีศักดินาสูงบางจำพวกก็เปนแต่ผู้ดีชั้นเดียว เมื่อมาข้องมาเกี่ยวกับผู้มีบันดาศักดิ์สืบตระกูลมาหลายชั่วแผ่นดิน ก็จะต้องรู้ว่า ผู้มีบันดาศักดิ์ชั้นเดียวเหมือนกับไพร่ แต่การในเรื่องอย่างนี้ก็ไม่เปนวิสัยที่ลูกขุนจะตัดสินได้ ต้องเรียนท่านเสนาบดีให้ตัดสินฤๅกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงตัดสิน เพราะในการในทิศในทางที่ไม่เคย ถ้าตัดสินไม่ชอบกล ก็จะเปนเยี่ยงเปนอย่างไป ต้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ตัดสินจึ่งควร แต่ในการผู้มีบันดาศักดิ์ต่อผู้มีบันดาศักดิ์ด้วยกัน ในการที่เหมือน ๆ กัน เคยสมาคมกันอยู่แล้ว ให้ตัดสินว่า สุดแต่ใจหญิง ฤๅสุดแต่ใจบิดามารดาฝ่ายหญิง แลบิดามารดาทั้งสองข้างปรานีปรานอมกันตามยศบันดาศักดิ์ทั้งสองฝ่าย ถ้าบิดาหญิงเปนสูงศักดิ์ตัดอาไลยไม่เอาเปนธุระไม่พอใจที่จะว่าถึง ถ้าผู้หญิงคบชายที่ไม่ควรแท้ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชดำริห์ตัดสินให้ทำโทษชายแลจำจองหญิงตามอำนาจแผ่นดิน ไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติยศแก่ราชตระกูล แต่ในการเช่นนี้ ไพร่ผู้ไม่มีบันดาศักดิ์แลเชื้อสายตระกูลสูงที่ได้รู้อยู่ทั่ว ๆ กันแล้ว แลมีศักดินาต่ำกว่า ๔๐๐ ไร่ลงไปทั้งสองฝ่าย ไม่ควรที่จะมาหาทางวุ่นวายเอาอย่างท่านผู้มีบันดาศักดิ์สูงเลย บุตร์หญิงของใคร ๆ จงระวังรักษาเอง จงหาผัวให้เปนที่ชอบใจให้เร็ว ๆ เถิด ถ้าเกิดเหตุติดตามผู้ชายไป ก็จะต้องคงลงให้ถามตามใจหญิงสมัค ผู้ลอบลักพาถ้าไม่ได้ขอษะมาก็ให้มีเบี้ยเลมิด ของซึ่งหายในเวลาหญิงหนีตามชายไป เจ้าทรัพย์สาบาลได้ว่าหายในเวลานั้น ผู้ลักพาก็ต้องใช้ต้องเร่งรัดให้ใช้เจ้าของทรัพย์จงเต็มฤๅตามใจเจ้าทรัพย์จะยอมลดยอมให้บ้าง จะให้ว่ายิ่งกว่านี้ไปไม่ได้ เพราะบิดามารดาแลญาติผู้ใหญ่เลี้ยงบุตร์หลานไม่ดี ว่านี้ตามการปรกติ ถ้าการวิปริต คือ ชายหลอกลวงลักพาหญิงไปแล้วไปฆ่าฟันรันตีแย่งชิงสิ่งของ ฤๅไปชวนชายอื่นมาข่มขืนทำยับเยินแลเอาไปขายเปนคนชั่ว ฤๅหญิงไม่สมัค คุมพวกพ้องมาฉุดคร่าเอาตัวไปด้วยพลการเช่นนี้ ถึงผู้มีบันดาศักดิ์สูงเปนเจ้าเปนนายทำ ก็มีโทษมีความผิดต่อแผ่นดินรบิลเมือง ควรต้องลงพระราชอาญาเสมอฤๅใกล้กับโทษผู้ร้ายปล้น บันดาศักดิ์แลตระกูลไม่คุ้มผู้ที่ถูกพิพาทอย่างนี้ ถึงจะไม่ได้ฟ้องโรงศาลด้วยเห็นการว่าจะเนิ่นช้าไป จะมาร้องถวายฎีกาทีเดียว ก็จะรับ แต่การจะเปนอันฉุดฤๅไม่เปนอันฉุด จะต้องฟังเอาคำหญิงคนกลางประมาณ เพราะการลางเรื่องฉุดล้ม ๆ กันก็มี ถ้าหญิงสมัคอยู่กับชายแล้ว จะเอาเรื่องฉุดขึ้นมาว่าไม่ได้ อนึ่ง หญิงซึ่งตามชายไปโดยความสมัครักใคร่กันเอง บิดามารดาไม่ได้ยอมยกให้ ไม่ได้ตกแต่งมีทุนมีสินสอดอย่างนี้ ก็ชื่อว่าเปนหญิงไม่ดี ชายจะถือว่าเปนเมียไม่ได้ ก็เมื่อไม่สมัคอยู่กับชาย จะหนีกลับมาหาบิดามารดาแลญาติพี่น้องก็ดี จะตามชายอื่นไปก็ดี ชายที่เรียกว่าเปนผัวเมียนั้นจะตามฟ้องเร่งรัดเอาตัวฤๅจะเอาเบี้ยปรับแก่ชายชู้ใหม่ไม่ได้ เพราะมันมาฉันใด ให้มันไปฉันนั้น จะตามว่ากล่าวได้แต่สิ่งของ ๆ ตัวที่หญิงฉกลักไปเมื่อวันหนี แลที่ได้ทำตราสินสาบาลไว้ ฤๅหนี้สินเกี่ยวข้องแก่ผู้อื่นอย่างไรเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ถ้าเมื่อหญิงอยู่ในเรือนชายคบชายอื่นเปนชู้เข้ามาในเรือน ตัวชายที่เปนผัวจับได้หรือสืบความได้ ชายที่เปนผัวควรจะร้องฟ้องว่ากล่าวให้มีเบี้ยปรับไหมเหมือนอย่างผู้ร้ายขึ้นเรือน แต่เรื่องทำชู้ในเมีย ให้ยกเสีย เพราะเมียเปนหญิงไม่ดีมาแต่เดิมแล้ว ถ้าบิดามารดาของหญิงกลับมาดีด้วยบุตร์หญิง อุปถัมภ์ค้ำชูให้ทุนรอนทาษกรรมกรเครื่องเย่าเรือน ฤๅหญิงนั้นมีบุตร์กับชายที่ตัวตามมา บิดามารดากลับรักใคร่ว่าเปนหลาน ตั้งแต่กาลเมื่อหญิงนั้นดีกับบิดามารดา แลบิดามารดาของหญิงนับถือชายนั้นว่าเปนเขย เรียกใช้สอยกิจการต่าง ๆ เปนปรกติไป เมื่อนั้นจะว่าชายหญิงนั้นเปนเมีย ถ้าหญิงนั้นมีชู้ จะฟ้องร้องชายชู้ตามลักษณผัวเมียก็ได้ เพราะโทษที่ให้เปนร้ายกลายเปนดีไปเสียแล้ว ประกาศนี้ให้รู้ทั่วไปทุกโรงทุกศาลว่าเปนพระราชกำหนดใหม่ ให้สุภาตระลาการถือตาม แลอย่าให้ลูกขุนเก็บเอาการที่ว่าในกฎหมายเก่า ๆ ซึ่งเปนอันขัดแก่พระราชบัญญัตินี้มาว่าจู้จี้เปนสำนวนทุ่มเถียงวุ่นวายไป

ประกาศพระราชบัญญัติใหม่มาณวันพุฒ เดือนเจ็ด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีมโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๓๐