กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ/ส่วนที่ 3
หน้าตา
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ กลอนเพลงยาว เรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เพลงยาว
เรื่อง
พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ[1]
๏ขอบังคมพระบรมนาถา | ||
ทั้งพระมิ่งมงกุฎอยุทธยา | อีกมารดาสุริยันพระจันทร | |
ทั้งครูผู้ได้สอนกลอนประดิษฐ์ | มาต่อติดศุภลักษณ์เรื่องอักษร | |
จะกล่าวคำร่ำคิดประดิษฐ์กลอน | ขอพระพรคุ้มสารพัดภัย | |
นิราศร่ำทำอักษรเป็นกลอนสด | ให้ปรากฎด้วยปัญญาอัชฌาสัย | |
เมื่อเดือนสี่ปีเถาะ[2] เคราะห์เหลือใจ | ละห้อยไห้แสนคะนึงถึงประชวร | |
เที่ยวบวงสรวงเทวาสุรารักษ์ | ทุกสำนักพฤกษ์ไพรไศลหลวง | |
ให้เคลื่อนคลายหายพระโรคที่โศกทรวง | เฝ้าบำบวงสรวงสังเวยเช่นเคยมา | |
ทุกเช้าเย็นเป็นไปมิได้ขาด | สนองบาททูลกระหม่อมจอมเกศา | |
ผู้คนแลแออัดตามรัถยา | ทั้งโขลนจ่าหลวงแม่เจ้าพวกท้าวนาง | |
กรมหมอขอเฝ้าเจ้าตำแหน่ง | ต้องตกแต่งให้สำนักตำหนักขวาง | |
ข้างชั้นบนกรมหมอกับขุนนาง | พานหมากวางเรียงงามตามทำนอง | |
ท่านพระยาพิพัฒ[3] ต้นรับสั่ง | เข้าในวังกับหลวงนาย[4] ได้เป็นสอง | |
ทั้งเย็นเช้าเข้าประจำตามทำนอง | คอยสนองโอษฐ์รับพระโองการ | |
ถ้าเพลาพระระวีสี่โมงเศษ | ต่างน้อมเกษทูลพระโรคโศกสงสาร | |
จะเบาพระองค์ทรงอะไรในอาการ | พระอาหารมากน้อยถอยทวี | |
ไม่ขัดข้องสองเพลามาไม่ขาด | เคารพบาทบงกชบทศรี | |
ข้างในนั้นเจ้าคุณ[5] มาทุกราตรี | อิกทั้งสี่พวกงานอาการเชิญ | |
สำหรับทูลเมื่อเพลาห้าโมงเช้า | เป็นของเจ้าคุณคอยไม่ห่างเหิน | |
เพลาสองยามจอมสำหรับเชิญ | ไม่ละเมินต่างฉลองสองเวลา | |
หม่อมหม่อมพวกพระอาการพานคอยเหตุ | แสนสมเพชนั่งมองริมช่องฝา | |
มีอิกทั้งพวกขวางต่างตำรา | ทั้งพวกจ่าหม่อมเจ้าเฝ้าทวาร | |
ประชวรจับนับแน่นนั่งจนล้น | พอคลายคนหายแน่นไม่แก่นสาร | |
เห็นยังคงอยู่แต่หม่อมเชิญอาการ | ประจำบานประตูอยู่ไม่รู้วาย | |
กับคุณบัวพระสมุดนั้นสุจริต | คอยประดิษฐประดับเรื่องนิยายถวาย | |
อิกคุณสุดหม่อมกิ่งผู้พริ้งพราย | เล่านิยายต่างต่างอ้างอวดกัน | |
กับเจ๊กเหลียน[6] เพียรไม่ขัดสันทัดคล่อง | ปัญญาว่องแก้ไวได้ขันขัน | |
ยกเอาเรื่องคุณขำขึ้นรำพัน | เป็นเป็ดสุวรรณปีกหางเหมืองอย่างยนต์ | |
มีต่างต่างช่างแสดงไม่แกล้งว่า | ถ้าสนธยาแล้วก็เห็นเปนสับสน | |
แต่หัวค่ำแน่นหนักหนาล้วนหน้าคน | แต่พอพ้นสองยามความก็คลาย | |
อิกเพลาหมอเข้าไปเป่าปัด | ก็แออัดเหลือล้นคนทั้งหลาย | |
เที่ยวจุกช่องมองแฝงตะแคงกาย | เจ้าขรัวนายเจ้าคุณนั่งบังประตู | |
จำเภาะมีช่องตาน่าหัวเราะ | มองเฉภาะลูกตาน่าอดสู | |
มีต่างต่างทางทำดูพร่ำพรู | เหมือนแมวหนูจ้องขยับจะจับไป | |
เวลาเสวยเกยหาดออกกลาดเกลื่อน | ดังไส้เดือนถูกแสงพระสุริใส | |
พอสี่ทุ่มเจ้าจอมกลับต่างหลับไป | เหลืออาไลยพวกประจบหลบไม่ทัน | |
จนล่วงเข้าหลายเดือนค่อยเคลื่อนคลาศ | ฝ่าพระบาทนั้นคลายวายโศกศัลย์ | |
แต่ยังไม่ฟื้นพระองค์เช่นก่อนนั้น | ทรงพระกรรษะอยู่ไม่รู้วาย ฯ | |
๏พอพระมิ่งทูลกระหม่อมจอมมงกุฎ | ผู้ครองอยุทธยาสิ้นถิ่นทั้งหลาย | |
ทรงขุ่นข้องหมองพระไทยไม่สบาย | ไม่ผันผายออกพระโรงรัตนา | |
ก็ร้อนใจไม่มีใครเกษมสันต์ | มาพร้อมกันน้อมประนมก้มเกษา | |
จอมเจ้าคุณกรมขุนกัลยา[7] | ใครมาเชิญเสร็จเสด็จ[8] จร | |
หลวงนายศักดิเข้ามาพร้อมน้อมคำนับ | เคารพรับบพิตรอดิศร | |
ตัวของเราเล่าก็ตามเสด็จจร | ไม่นิ่งนอนระวังอรรถที่ตรัสการ | |
จึงได้เฝ้าเจ้าแผ่นดินพิภพราช | ได้ตามพระบาทติดเข้าไปด้วยใจหาญ | |
แต่พี่น้องใครไม่กล้าดูอาการ | ใครไม่หาญเข้าไปได้สักคน | |
แต่พระองค์วงเดือนนั้นไวว่อง | อุส่าห์ย่องเข้าไปได้ไม่ขัดสน | |
ครั้งนั้นได้เป็นที่สามไม่ขามคน | จนเจ้านายรายร่นกันเข้ามา | |
นึกก็น่าใคร่ครวญส่วนข้างทุกข์ | พระองค์ปุกกราบย้ายได้หลายท่า | |
ยังมีพระองค์ยี่สุ่นหนุนเข้ามา | นั่งซ้อนหน้าพวกเราเฝ้าบังคม | |
ท่านกรมขุนต้นรับสั่งคอยฟังเหตุ | พวกน้องน้องน้อมเกษคอยประสม | |
ดังฟังธรรมเทศนาปลงอารมณ์ | ต่างน้อมก้มคอยสดับรับโองการ | |
ข้างพวกเจ้าพี่น้องหมอบซ้องน่า | เหลือตำราแลไปให้สงสาร | |
บ้างนั่งบังลับแลหมอบยอบกราบกราน | น่ารำคาญองค์มาลีนี่กระไร | |
เฝ้าหมอบร่นจนเข้าใต้กระไดสูง | จะลากจูงสักเท่าไรมิไปได้ | |
จนเจ้านายรายถอยเลื่อนออกไป | ยังแต่ไทธิราชบาทมูล[9] | |
กับตัวข้าฝ่าลอองคอยรองบาท | พอประภาษถึงพระโรคที่โศกสูญ | |
เอาเทียบพิศชิดพระองค์ทรงนุกูล | เห็นซูบสูญผิดฉวีพระศรีมัว | |
สุรเสียงเครือขัดตรัสผิดหมด | พระภักตร์สลดท่านจ้องมองจนทั่ว | |
ท่านร่ำสอนสั่งว่ารักษาตัว | จนขนหัวลุกซ่านสงสารครัน | |
จนท่านเรากราบกรานมาจนลับ | เจ้าจอมกลับตามออกมากำชับมั่น | |
มาตามส่งถึงที่อัฒจันท์ | เจ้าคุณนั้นตามมานำน่าพลัน |