การเทศมหาชาติ ๑๓ กัณฑ์/กัณฑ์ ๔ วนปเวสน์
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๔
วนปเวศน์
ฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)
วนปเวสน์ ๕๗ คาถา
ดูราเจ้าแม่เทวี เจ้าเคยอยู่ดีสุขมาก บ่ทุกข์ยากอันใด เคยไปไหนด้วยยัวยานบ่พราก สีวีกายฅำหากนำไป บัดนี้เจ้าเทียวทางไกลด้วยตีนเปล่า บ่เอาเกิบรองไป เทียวทางไกลในป่า เจ้ามาที่นี้ด้วยเหตุอันใดชา ฯ ฅนทังหลายมวลมาก หันท้าวสี่ตนพรากเมืองมา หาปริวารบ่ได้ หายานช้างยานม้าใช้บ่มี เขาก็ลีลาไปสู่ ยังที่อยู่พระยาเจตราชรัฏฐา บอกกรียาอันมาแห่งพระยาเวสสันตระเจ้า ฯ
ตสฺสตฺถุ เต ปฏิปเถ อากจฺฉนฺเต มนุสเส ทิสวา กหึ วงฺกฏปพฺพโต ปุจฺฉนฺตีติ ฯ
ล่ำดับธัมมเทสนามา ส่วนมหากระษัตรา ๔ ตน ก็เอากันออกจากเมืองไป หันฅนทังหลายพายหน้า เจ้าจิ่งถามว่าดูราเพื่อนทังหลาย เขาวงกฏปัพพะตาคิรีมีที่ใดชา
มนุสฺสา ฅนทังหลาย แขวดกฏหมายรู้ว่า พระยาเวสสันตระเจียนจากพรากเมืองมา จิ่งยอหัตถาน้อมไหว้ว่า เทว ข้าแด่พระแก่นไธ้บุญมี เขาวงกฏคิรีไกลนักและว่าอั้น ฯ
ฅนทังหลายฝูงนั้นหันกระษัตริย์ ๔ ตน ต่องเทียวหนทางมาที่ใด มีใจกรุณณาอดบ่ได้ ก็ร้องไห้บอกทางอันไกลมากนักหนา ว่าข้าแด่มหาราชะเจ้า หนทางเข้าสู่วงกฏคิรีไกลนักแท้และ ฯ
เต ทารกา อันว่าเจ้าชาลีและกัณหาทังคู่ หันดอกไม่ตั้งอยู่ตราบข้างทางไป ก็มีใจใคร่ได้ จิ่งร้องไห้วอนขอ รุกขเทวดาก็อิ่นดูสองแก่นไธ้ จิ่งหื้อกิ่งไม้ค้อมอ้อมลงมา พอยอหัตถาหยุบถือเอาได้ มหาสัตว์เจ้าก็บิดเอาดอกไม้และหน่วยไม้ หื้อแก่ลูกไธ้สองรา ฯ ส่วนนางราชะมัทที ตนทรงลักขณะอิตถีบ่หย่อน หันกิ่งไม้ค้อมลงมา ปูนอัศจรรย์ล้ำเลิศ ก็หื้อบังเกิดสาธุการว่า อโห โอ๋ยนอ ด้วยมีแท้ไม้ทังหลายอันหาจิตใจบ่ได้ อาไสรเซิ่งอันไห้แห่งกุมาร ก็บันดาลค้อมอ้อมลงมา ก็ด้วยอานุภาวะแห่งพระยาเจ้า จอมเจื่องเหง้าพระราชา อัศจรรย์นี้นาบ่เคยมีมาแต่ก่อน ควรขนหัวพองสยองเส้นขนลุก ก็เกิดมีในโลกนี้แลว่าอั้น ฯ
ที่นี้จักจาด้วยมัคคาอันบ่ใหญ่ อันมหาสัตว์เจ้าไต่เทียวไป ยังมีดอยนึ่งชื่อว่าสุวัณณคีรี อันไกลได้ ๕ โยชนะคณะนา ว่าแต่เวียงเจตุตตระนครไป มีแม่น้ำชื่อว่าโกนทีมารา มีพายหน้าได้ ๕ โยชนะคณะนา ยังมีบ้านพราหมณ์อันนึ่งชื่อว่า มารัญจระคีรี ไกลก็ได้ ๔ โยชนะคณะนา ยังมีบ้านพราหมณ์อันนึ่งชื่อว่านารีกัณฑคาม เป็นสนามที่ยั้งใจก็มีไกลได้ ๕ โยชนา เวียงมาตุตระนครมีไกลบ้านพราหมณ์ได้ ๑๐ โยชนะ เหตุนั้นไปสู่เวียงเจตุตตระนคร บ่ได้นอนคราวทางไปวันเดียวก็รอด สี่กระษัตริย์ออกจากเจตุตตระนครยามงาย เจ้าทังหลายก็ไปรอดประเทศ อันเป็นเขตเจตราชปุรี อันอุดมสมฤทธีด้วยฅนมาก ดาดเต็มไปด้วยบ้าน น้อยใหญ่เหลือประหมาณ บัวรมวลด้วยชิ้นปลาอาหารเข้าเหล้า
สี่มหากระษัตริย์บ่เข้าสู่เวียงไชย ก็ยั้งอยู่ศาลาใกล้ประตูเวียง เมื่อนั้นราชะมัทที ก็ปัดฝุ่นผงธุลีอันติดปาทาทังคู่ แห่งพระอยู่เหนือหัว จิ่งฅนิงใจว่ากูจักหื้อฅนทังหลายรู้เหตุ อันพระยาเวสสันตระมาเทอะว่าอั้น นางก็ไปยืนอยู่ใกล้ประตูศาลา เพื่อสัญญาหื้อชาวเจตราช รู้ข่าวอันตนคลาคลาดจากเมืองมา
ชาวเมืองเจตราชหันนางนาฏไธ้มัทที ผู้มีลักขณะงามดีชุแง่ เขาก็มาอ้อมแห่เป็นปริวาร ก็กล่าวโวหารถ้อยข่าว ว่าดูราเจ้าแม่เทวี เจ้าเคยอยู่ดีสุขมาก บ่ทุกข์ยากอันใด เคยไปไหนด้วยยัวยานบ่พราก สีวีกายฅำหากนำไป บัดนี้เจ้าเทียวทางไกลด้วยตีนเปล่า บ่เอาเกิบรองไป เทียวทางไกลในป่า เจ้ามาที่นี้ด้วยเหตุอันใดชา ฯ
ฅนทังหลายมวลมาก หันท้าวสี่ตนพรากเมืองมา หาปริวารบ่ได้ หายานช้างยานม้าใช้บ่มี เขาก็ลีลาไปสู่ ยังที่อยู่พระยาเจตราชรัฏฐา บอกกรียาอันมาแห่งพระยาเวสสันตระเจ้า ฯ
ยามนั้นท้าวพระยาหกหมื่นตน ได้ยินฅนมาบอกกล่าว ได้รู้ข่าวอันมา แห่งพระยาเวสสันตระแก่นไธ้ เขาก็ร้องไห้ร่ำไรไปมา ก็มาสู่ศาลาท่านท้าว ร้องไห้กล่าวปราไสร ว่าข้าแด่พระเหง้าไธ้เทวราช สภาวะอันหาพยาธิ์บ่ได้ บ่มีโสกไหม้เฅืองขี ก็ยังมีแก่เจ้าอั้นชารือ ฯ
- ประการนึ่งชาวสีพีในนอก ทังข้างขอกสีมา ทังประชาชนะราษฎร์ บ่พยาธิ์โรคา บ่มีโสกาเดือดร้อน บ่ทุกข์ข้อนใจอั้นชารือ ฯ ประการนึ่ง หมู่ริพลมวลมาก ช้างม้ารถลากมีหลาย ไปที่ไหนบ่เทียมเจ้าราช รือเจ้าคลาคลาดเมืองมา เพราะข้าเสิกหนาเหลือแหล่ มาปราบแพ้แก่เจ้าราชา ขับเจ้าไคลคลาออกจาก หื้อพลัดพรากเมืองมาอั้นชา ฯ
มหาสตฺโต ส่วนพระมหาสัตว์เจ้า จิ่งบอกข่าวเหตุอันมา แก่พระยาเจตราช จิ่งโอกาสคาถาว่า กุสลญฺเจว เม สมฺมา อโถ สมฺมา อนามยํ ดั่งนี้เป็นต้น ดูราเพื่อนเจ้าทังหลาย เราอยู่ในเมืองสุขมาก บ่ทุกข์ยากอันใด บ่มีภัยอาพาธ บ่มีพยาธิ์กังวล กับทังปิตาตนธิราช ทังประชาชนะราษฎร์สีพี ด้วยมีแท้เราหื้อช้างมงคลตัวประเสริฐ ตัวล้ำเลิศงางอน ทานชอบไปแก่พราหมณ์กลิงคราษฎร์ ชาวเมืองเข้าอำนาจโกธา จิ่งขับหื้อเราไคลคลาออกจาก หื้อพลัดพรากเมืองมา เราจักพากันไปอยู่ยังเขาวงกฏพุ้นแลฯ
เมื่อนั้น ท้าวพระยาเจตราชทังหลาย จิ่งโอกาสคำงามว่า ข้าแด่มหาราชะเจ้า บัดนี้เจ้ามาแล้วด้วยดี บ่มีมาร้อนร้าย ขอเจ้าอย่าฅ้ายหนีไกล จุ่งอยู่ในเมืองเจตราช เสวยอำนาจเมืองมูล เป็นท้าวขุนตนใหญ่ แก่หมู่ไพร่ชาวเรา เจ้าจักบันเทาทุกข์ร้อน บ่โสกข้อนโสกา ชิ้นปลาอาหารและเข้าสาลีมีมาก น้ำเผิ้งน้ำมิ้นหากเหลือหลาย เชิญท่านอยู่สบายเทอะเจ้า ว่าอั้น ฯ
เวสสนฺตโร อาห ยามนั้นพระยาเวสสันตระเจ้า จิ่งต้านกล่าวคำดีว่า ดูราเจ้าทังหลาย สิ่งอันใดมวลมาก อันเจ้าทังหลายหากนำมา เราก็ปฏิคหารับเอาแต่แรก (ปฏิคหิต-รับเอา)เป็นของแขกปูชา องค์พระปิตาธิราช ได้ขับเราคลาคลาดจากเมืองมา เราจักพากันไปอยู่เขาวงกฏปัพพตาพุ้นและ ฯ เราทังหลายสี่ควรไปอยู่ที่ใด ๆ เจ้าทังหลายจุ่งหื้อโอกาส ฯ
ยามนั้นท้าวพระยาเจตราช ก็หื้อโอกาสคำจา ว่าพระราชาจุ่งโอกาส ผู้ข้าจักใช้ไปขออนุญาต กับพระปิตาธิราชสญไชย หื้อรู้สภาวะอันหาโทษบ่ได้ เมื่อฅนใช้ไป่ทันมา ขอพระราชาอย่าไปสู่ทางอื่น หื้อชาวเจตราชชมชื่นโสมนัสสา เขาจักมาหลิ่งน้อม อยู่แวดล้อมห้อมเป็นปริวาร แล้วเจ้าก็จักกลับฅืนไปสู่เมืองสีพี ดั่งเก่าแท้ดีหลีและนา ฯ
มหาสตฺโต ส่วนว่าพระมหาสัตว์เจ้า ได้ยินคำท้าวพระยามากล่าวคำงาม เจ้าบ่อาจกับตามใจเขาได้ จิ่งไขจาว่า ดูราเพื่อนชาวเราทังหลายมวลหมู่ กรียาอันจักฅืนไปสู่ส่ำนักพระปิตา เพื่อจักบอกพระยาตนใหญ่ หื้อรู้สภาวะอันหาโทษบ่ได้แห่งตนเรา ขอเจ้าทังหลายอย่าเพิงใจ เหตุสันใดเราว่าอั้น ฯ ท้าวตนนั้นบ่เป็นใหญ่ ในห้องปัพพาชนียกัมม์ กระทำหื้อข้าได้พลัดพราก ที่แท้หากเป็นชาวเมือง เขายินเฅืองเคียดใหญ่ จักหื้อพ่อข้าใส่ทัณฑกัมม์ บ่อั้นจักก็กำจัดพ่อแห่งข้า หื้อพลัดพรากหน้านิรเทศ เพราะข้าเป็นเหตุตนเดียว และนา ฯ
ราชาโน ยามนั้นท้าวพระยาทังหลาย จิ่งกล่าวว่า เทว ข้าแด่มหาราชะเจ้า ผิว่าปวัตติการนั้นอันใด มีอยู่ในเมืองเจตุตตระราช เป็นเจ้าอำนาจเหนือเมือง เจ้าจักบ่เฅืองสังสักสิ่ง จักสมฤทธียิ่งชุประการ ฯ
มหาสัตว์เจ้า จิ่งกล่าวเป็นคาถาว่า น เม สนฺโน มติ อตฺถิ ราชสฺส ดั่งนี้เป็นเค้า ว่าดูราชาวเราทังหลาย เราบ่ขงขวายเป็นใหญ่ เป็นเจ้าแก่ไพร่ประชา เป็นท้าวพระยาสอนชาวราษฎร์ ชาวสีพีขับเราพรากเมืองมา ผิว่าเราราอยู่เสวยราช ชาวสีพีทังเสนาอามาตย์ปุโรหิต ก็จักได้ผิดเถียงกัน คำเดือดนันจักมีมาก คำอันนั้นหากบ่เพิงใจเรา เราจักเอากันไปสู่ ยังที่อยู่ดอยวงกฏพุ้นและ ฯ
ที่นั้น พระยาเจตราช ได้ยินโอกาสคำจา แห่งพระยาเวสสันตระราชา เขาก็กระทำสักการะปูชา ประดับประดาทิสะทังแปด วงแวดด้วยผ้ากั้งและปูอาสนาแก่มหาสัตว์เจ้า ก็ตกแต่งเฝ้าอยู่เป็นปริวาร เสี้ยงจิรกาลฅืนนึ่งแล้ว ตนแก้วก็ออกจากศาลา ยามนั้นท้าวพระยาหกหมื่นตน ก็ไปส่งหน่อทสะพลแก่นไธ้ เสี้ยงหนทางได้สิบโยชนะคณนา ก็อยู่ในป่าหิมพานต์ที่นั้น จิ่งกล่าวว่า ข้าแด่มหาราชะเจ้า ฅนทังหลายฝูงฉลาด หากหื้อโอวาทว่าไว้ ด้วยประการสันใด ผู้ข้าทังหลายก็จักบอก
ท้าวพระยาตนใดออกไปบวชเป็นระสี มีใจดีเที่ยงหมั้น บ่ข้อนเหงี่ยงในกัมมัฏฐาน ย่อมจ่ำเริญฌานทุกฅ่ำเช้า ท้าวจุ่งเอาลูกเต้าและเทวี ไปอยู่วังกฏคีรี มีดอยอันนึ่งชื่อว่ามาทนะ ก็มีแล ฯ
- ตํ เจตา อนุสยิงสุ ท้าวพระยาเจตราช ได้โอกาสบอกเขตดงหนา ว่าข้าแด่พระราชาหน่อหล้า เจ้าจุ่งสะเพราะหน้าสู่หนเหนือแล้ว ตนแก้วจุ่งย่างย้ายไปด้วยตีนดอยอันซื่อ ก็จักหันดอยอันชื่อวิปุลละ อันอาเกียนเต็มไปด้วยไม้ทังหลาย อันยังยายเย็นควรระเมาเอาใจ แล้วจักได้หันแม่น้ำเกตุวดี อันไหลมาดีแต่ท้องดอยเลิ้กมาก ดาดาดเต็มไปด้วยปูปลาและเต่าน้ำ ทุกก้ำราบเพียงงาม มีน้ำอันเย็นใสซะราบ พระราชะเจ้าอาบและดูดกิน ก็จักมีฅวามยินดีชื่นช้อย กับด้วยลูกน้อยและปิยะชายา เรียงนั้นนายิ่งโยชน์ จักได้หันไม้นิโครธต้นใหญ่ มีกิ่งก้านไขว่สาขา มีลูกหนาซะซว้าง มีร่มกว้างเย็นด
ียังมีดอยลูกนึ่งชื่อว่านาลิกา มีสกุณณาหลายต่าง ๆ สีดำด่างขาวแดง เขียวขาวแซงลายดอก บินไล่หลอกชิงกัน มีหลายพันธุ์หลายหลาก กินนะรีนะรอนหากวิ่งเต้น ขับฟ้อนเหล้นควรละเมา ยังมีสระอันงามเลาชื่อว่ามุจจรินท์ มีทิสะหนเหนือจ้วยวันออก มีดอกบัวดอกพ้านและจังกอน สีเขียวขาวออนแดงด่าง มีสีต่าง ๆนานา ยามนั้นพระราชะเจ้าฟ้า จักได้หันหญ้าแพรดเขียวงาม ในวนารามป่าไม้ ประกอบด้วยไม้สองจ่ำพวก คือว่าผ้งเป็นดอกและเป็นลูก ควรเป็นที่ถูกเนื้อเพิงใจ แห่งพระบัวไขกาบอ้า กับทังลูกหล้าและอัคคชายา
คันพระราชข้ามพ้นดอยอันเป็นขุนแม่น้ำ ก็จักไต่ล้ำข้ามยากแท้ดีหลี จักได้หันสระโปกขรณี มีจตุรัสสะแบ่งเสมอกัน มีหลายอันหลายหลาก เต่าน้ำมากและปูปลา หว้ายไปมาภะภาบ มีท่าราบเพียงงาม มีน้ำบริสุทธิ์เย็นซะราบ ปูนดีใคร่อาบและกิน ชะแล ฯ
ปัณณศาลาแห่งมหาราชะเจ้าทังหมู่ หื้อตั้งอยู่หนอีสาน แห่งสระโปกขรณี แล้วจุ่งวิถีเลี้ยงชีวิตเจ้า กับทังลูกเต้าและอัคคชายา ด้วยอันแสวงหาหัวมันและลูกไม้ เจ้าอย่าได้ประมาทใจไกล จุ่งปรารภเพียรไปไจ้ ๆ เพื่อหื้อเข้าใกล้เมืองฟ้าและเนรพานแด่เทอะ ฯ
เอวํ วุตฺเต ท้าวพระยาเจตราช คันโอกาสกล่าวหนทางไกล มาตราว่าได้สิบห้าโยชน์ แก่พระมหาสัตว์เจ้า เขาก็ร่ำเพิงในใจว่า ข้าเสิกอย่าได้โอกาส มากระทำร้ายแก่เจ้าราชสี่ตน หื้อเป็นอนธะรายตายกว่า เขาก็ตั้งพรานป่าชื่อว่าเจตบุตร อันสั่งสอนดีตั้งไว้ หื้อรักษาประตูป่าไม้หิมพานต์ ว่าท่านจุ่งพิจารณาการในนอก ยังฅนเข้าออกไปมา ท่านจุ่งรักษาอยู่เฝ้า อย่าหื้อเป็นทุกข์แก่เจ้าเวสสันดรเทอะ ว่าอั้นแล้ว ก็ฅืนมาสู่เรือนตน ก็มีวันนั้นแล ฯ
ส่วนพระยาเวสสันตระ กับทังปิยะชายา คันไปรอดเขาคันธะมัทนะแล้ว ตนแก้วก็อยู่ที่นั้นฅืนนึ่ง วันพรูกเช้าก็เข้าสะเพราะหน้าสู่หนเหนือ ก็ไปด้วยเขาวิปุลละที่นั้น ก็ไปเถิงแม่น้ำเกตุมวดี ยามเมื่อสุริยะรังษีร้อนกล้า เจ้าก็พากันมานั่งใกล้ริมฝั่งนที มีใจยินดียิ่งล้ำ ก็เสวยเข้าน้ำอาหาร มีรสหวานอันพรานป่าหากหื้อ แล้วเจ้าก็มอบปิ่นฅำแก่พรานป่าผู้นั้น แล้วก็อาบองค์สรงเกศเกล้า แล้วก็กินน้ำอิ่มเพียงใจ ฅวามร้อนกระหายดับกว่า
เจ้าก็เข้าป่าไม้เถิงเค้าไม้นิโครธใหญ่ อันตั้งอยู่จอมดาย เจ้าก็ยั้งหื้อหายล้ำบาก ด้วยอันทุกข์ยากเทียวทางไกล ก็ไปเถิงเขานาลิกาอันใหญ่ ก็ไต่ไปเถิงตีนเขาที่นั้น ก็ไปเถิงเขตขั้นมุจจรินทสระ ไปเถิงแจ่งวันออกจ้วยเหนือ ก็เข้าไปสู่ราวป่า ด้วยหนทางอันพอรอยตีนผู้เดียวเทียวไต่ได้ ก็ล่วงข้ามป่าไม้สู่ราวป่าก็มีแล ฯ
ตสฺสมึ ขเณ ในขณะยามนั้นนา พระยาอินทาตนวิเศษ ก็รู้แจ้งเหตุว่าพระเวสสันดร ได้เดินจรยากไร้เข้าสู่ป่าไม้หิมพานต์ พระโองการตนเป็นใหญ่ จิ่งได้รีบพิจารณา ว่าควรกูอินทาหื้อได้ ยังที่อยู่แห่งพระแก่นไธ้เวสสันตระราชา คันอินทาร่ำเพิงสันนี้แล้ว ตนแก้วก็หามายัง วิสุกัมม์เทวบุตรตนวิเศษ ว่าเจ้าจุ่งเนรมิตเพศ ลงไปสู่โขงเขตเมืองฅน ไปเนรมิตอาสรมบทที่อยู่ อันควรคู่สนุกใจ ในชุมพูไชยเทศท้อง เขตเขาห้องวงกฏ แด่เทอะ ฯ
ยามนั้นวิสุกัมม์เทวบุตรใจกว้าง ก็รับเอาคำอ้างแห่งอินทา ก็ลงมาเนรมิตศาลาทังคู่ หื้อเป็นที่อยู่เมื่อวันและเมื่อฅืน เนรมิตจงกมสองหลัง แล้วก็ส่ำแดงกอดอกไม้ อันเป็นใบดอกบานงาม กับดงรามป่ากล้วย ในที่สุดห้วยจงกม แล้วก็แต่งปริขารสรมณ์นักบวช ลวดหื้อครบแล้วชุประการ เขียนหนังสือสารไว้ว่า ผู้ใดใคร่บวชทรงผนวชเป็นระสี จุ่งรับปริขารฝูงนี้แล้วบวช สร้างผนวชแสงบุญเทอะ ฯ
วิสุกัมม์เทวบุตรตนองอาจ ก็ขับผีวิศาจฝูงร้าย หื้อหลีกฅ้ายหนีไกล เนื้อและนกทังหลายสังสลืด อันมีเสียงพืสะเพิงกลัว ก็หื้อเอาตัวหนีหลีก จุ่งหื้อฟีกหนีไกล แล้วก็กลับฅืนไปสู่ ยังที่อยู่แห่งตนวันนั้นแล ฯ
มหาสตฺโต พระมหาสัตว์เจ้า ก็ต่องเต้าตามทางเทียว พอผู้เดียวเทียวไต่ได้ ก็ไว้น้องไธ้และราชะปุตตา เข้าไปสู่ปัณณศาลานั้นแล้ว ตนแก้วร่ำเพิงใจ ว่าที่นี้เป็นที่อาไสรแห่งนักบวช มาสร้างผนวชภาวนา เจ้าก็ไขประตูบัณณศาลาเข้าสู่ ในแก้วกู่พายใน ก็เล็งหันลายสืออันวิสุกัมม์เขียนไว้ ท้าวไธ้ลวดยินดี ว่ากูนี้มาอยู่ป่า อินทาเจ้าฟ้าหากรู้ทัน ท้าวจักหันกูจักทุกข์ยาก ลำบากทางภาวนา จิ่งหื้อวิสุกัมม์มาแปงแต่ง ยังห้องแห่งปัณณศาลา เพิงมีชะแล ฯ
ว่าอั้นแล้ว เจ้าก็วางสรีกัญไชย และธนูแก้ว แล้วก็แก้ผ้าขาวไว้ นุ่งผ้าเปลือกไม้พาดหนังเสือ ขอดชะฎาไว้เหนือเกศเกล้า นุ่งเพศเป็นเจ้าตาปสาระสี มีมือถือไม้เท้า เจ้าก็ออกมาจากศาลา เทียวไปมาในจงกมแล้ว ก็ออกมาสู่ลูกแก้วและราชะมัทที ร่ำงับอินทรีย์บ่เศร้า เป็นดั่งพระปัจเจกพุทธเจ้าตนบุญ นั้นแล ฯ
มทฺทีปิโข ส่วนว่าราชะมัทที ทรงตนดีสุภาพ ก็ก้มกราบแทบตีน แห่งพระภูมินทร์เป็นเจ้า แล้วก็เข้าสู่ปัณณศาลา เอาเพศเป็นตาปสาสินีชื่นช้อย แล้วก็หื้อกุมารน้อยทังสององค์ ทรงตนเป็นนักบวช สร้างผนวชเป็นชี ขัตติยะระสีพ่อแม่ลูกเต้า พากันอยู่ในห้องเขาวงกฏคีรี ก็มีวันนั้นแล ฯ
อถ ในกาละนั้น นางมัททีอ้วนอ่อน ก็ขอพรกับพระมหาสัตว์เจ้า จอมเจื่องเหง้าราชาว่า เทว ข้าแด่พระราชะเจ้า อย่าว่าจักเข้าสู่ดงหนา เพื่อแสวงหาหัวมันและลูกไม้ ขอพระเหง้าไธ้จุ่งอยู่รักษา ยังสองลูกราทังคู่ หื้อเจ้าอยู่อาสรมบท ข้าจักอดเข้าป่า ไปสอดล่าแสวงหา ยังผลาลูกไม้ คันว่าได้แล้วก็จักรีบมา เลี้ยงพระราชาเป็นเจ้า กับทังลูกเต้าทังสองแด่เทอะ ฯ
พระมหาสัตว์เจ้า ก็ขอพรกับนางหน่อเหน้ามัทที ว่าดูรามัททีเจ้าพี่ ราทังสองนี้ ได้ชื่อว่านักบวชแท้ดีหลี อันว่าอิตถีแม่ญิงทังหลาย เทียรย่อมเป็นอนธะรายแก่พรหมะจริยกัมม์ กระทำจิตใจหื้อฟุ้งแตก แรกแต่นี้ไปเมื่อหน้า นางอย่าได้เข้ามาสู่ส่ำนักกูพี่ ในกาละที่บ่ควรมา ฯ นางราชะมัททีก็รับเอาคำมหาสัตว์เจ้า ว่านางบ่เข้ามาในกาละบ่เพิงควร ก็มีและนาฯ
แม่นว่าสัตว์ทังหลายมวลหมู่ ถ้วนหน้าอยู่หิมพานต์ มีประหมาณหลายหลาก เนื้อเบื้อหากอาเกียน เขาบ่มาเบียนหื้อทุกข์ร้อน หื้อลำบากข้อนโกลา มีเมตตาไมตรีชุจอด ทุกเบื้องรอดทุกพาย ก็มีแล ฯ
มทฺทีปิ ส่วนนางมัททีตื่นแล้ว นางหน่อแก้วก็นำเอา ยังน้ำกินและน้ำซ่วยหน้าและไม้สีฟัน ไปปันแก่มหาสัตว์เจ้า แล้วก็กวาดเผี้ยวอาสรมศาลา แล้วหื้อปุตตาทังสองอยู่ใกล้กับท้าวบุญลือ นางก็ถือกระเช้าและเสียมจอดบ้อง อันจักขุดต้องหัวมัน กับทังขออันจักเกี่ยวลูกไม้ รีบไปเซาะไซ้แสวงหายังผลาลูกไม้ คันนางได้แล้วก็ฅืนมา สู่ศาลาเมื่อยามตาวันตกต่ำ ลูกไม้ส่ำเต็มถง เจ้าก็อาบองค์สรงเกษเกล้า แห่งลูกรักเจ้าปุตตา ฯ
ยามนั้นกระษัตราทังสี่ นั่งอยู่ที่ใกล้ประตูศาลา ก็พากันเสวยหัวมันและลูกไม้ อันตนแม่ได้นำมานั้นแล ฯ เมื่อกระษัตราพ่อแม่ลูก ได้เสวยลูกไม้หัวมันแล้ว นางแก้วราชะมัทที ก็พาเอาลูกรักสองสรี ไปสู่ที่อยู่แห่งตน ก็มีวันนั้นแล ฯ
จตฺตาโร ขตฺติยา กระษัตราทังสี่ พากันอยู่ในห้องที่เขาวงกฏคิรี มีนานประหมาณว่าได้เดือนนึ่ง ก็มีด้วยประการดั่งกล่าวมานี้แล ฯ
วนปเวสนกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ กรียาอันสังวัณณนาห้องเหตุ วันนะปเวสน์กัณฑัง อันประดับประดาด้วยคาถาว่าได้ ๕๗ คาถา ก็บังคมสมเร็จ เสด็จ ฯ