คำพิพากษาปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 224/2566

จาก วิกิซอร์ซ

  คำพิพากษา
(อุทธรณ์)
ตราครุฑ
ตราครุฑ
(ต. ๒๒.๑)
คดีหมายเลขดำที่  อ. ๗๘๙/๒๕๖๔
คดีหมายเลขแดงที่  อ. ๒๒๔/๒๕๖๖


ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ 
ศาลปกครองสูงสุด
วันที่  ๑๖  เดือน มีนาคม  พุทธศักราช ๒๕๖๖
ระหว่าง นายวีระ สมความคิด ผู้ฟ้องคดี






สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ๑
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี
เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

 ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคตีทั้งสองอุทธรณ์คําพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดําที่ ๒๖๐๕/๒๕๖๒ หมายเลขแดงที่ ๑๓๒๖/๒๕๖๔

 คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ขอให้ไต่สวนกรณีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ต่อมา ผู้ฟ้องคดีได้ทราบข่าวตามสื่อมวลชนว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติไม่รับเรื่องตังกล่าวไว้ทําการไต่สวน จึงได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ขอข้อบูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวกับกรณีกล่าวหาดังกล่าวจํานวน ๓ รายการคือ ๑. รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด ๒. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว และ ๓. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติไม่ให้เปิดเผยข้อมูลตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอ ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีคำวินิจฉัย ที่ สค ๓๓๓/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการดังกล่าว พร้อมทั้งให้สำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องแก่ผู้ฟ้องคดี ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ผู้ฟ้องคดีจึงได้ไปติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่ได้รับแจ้งว่าต้องรอไปก่อน เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติให้ข้อมูลบางรายการ แต่ต้องปกปิดบางส่วน และข้อมูลบางรายการต้องขออนุญาตจากพยานเสียก่อน หากได้รับอนุญาตจากพยานแล้วจะแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ซึ่งไม่ทราบว่าจะให้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเมื่อใด ผู้ฟ้องคดีจึงมีหนังสือ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขอให้บังคับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีหนังสือ ที่ นร ๐๑๐๘/๔๕๗๓ ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ แจ้งผู้ฟ้องคดีว่า สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ขอให้เร่งรัดการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวและขอให้แจ้งผลให้ สขร. ทราบภายในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ หากผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับแจ้งผลภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหรือได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน ผู้ฟ้องคดีสามารถใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยได้ แต่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง ๓ รายการดังกล่าวให้แก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขั้นต้น

 ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ และให้สำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องแก่ผู้ฟ้องคดี ดังนี้

 ๑. รายงานและสำนวนการตรวจสอบ การไต่สวน และการไต่สวนเบื้องต้น รวมทั้งบรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ การไต่สวน และการไต่สวนเบื้องต้น กรณีดังกล่าว

 ๒. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ซ. ทุกคน ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว

 ๓. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว

 ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่า ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นเรื่องกล่าวหาต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ กรณีกล่าวหาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แถลงข่าวว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้มีมติด้วยคะแนนเสียง ๕ ต่อ ๓ ว่า กรณียังไม่มีมูลเพียงพอว่าพลเอกประวิตรจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเห็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น และให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน ๒๒ เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอข้อมูล ๓ รายการตามคำฟ้อง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ พิจารณาแล้วมีมติให้เปิดเผยเฉพาะสำเนามติคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยปกปิดข้อมูลเฉพาะของบุคคล ตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคำขอข้อมูล โดยไม่ให้เปิดเผยรายงานการประชุม และบันทึกเสนอรายงานผลการตรวจสอบและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นข้อมูลข่าวสารของราชการ ทั้งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบเรื่องกล่าวหาพลเอกประวิตรว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ และเรื่องกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติต้องห้ามไม่ให้มีการเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลจนกว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะได้พิจารณาและมีมติแล้ว ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ต่อมา คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีคำวินิจฉัย ที่ สค ๓๓๓/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง ๓ รายการ พร้อมทั้งให้สำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องแก่ผู้ฟ้องคตี และได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ เร่งรัตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าว ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ปช ๐๐๑๕/๑๐๐๑ ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ แจ้งประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ว่าการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ และอยู่ระหว่างนำเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที ๒ พิจารณา

 ข้อมูลข่าวสารที่พิพาทเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณีกล่าวหาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมาตรา ๑๘๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมบูญดังกล่าวได้กำหนดโทษแก่ผู้ที่เปิดเผยข้อความ ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่ได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจารณาแล้วมีมติว่า เอกสารรายการที่ ๑ และรายการที่ ๒ เป็นข้อมูลรายงาน สำนวนการตรวจสอบ และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบในเรื่องกล่าวหาพลเอก ประวิตรหน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/4หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/5หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/6หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/7หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/8หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/9หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/10หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/11หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/12หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/13หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/14หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/15หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/16หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/17หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/18หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/19หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/20หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/21หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/22หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/23หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/24หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/25หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/26หน้า:ศาลปกครองสูงสุด คดีแดง อ.๒๒๔-๒๕๖๖.pdf/27ในขณะที่ผู้ฟ้องคดีในคดีนี้ได้ขอข้อมูลข่าวสารเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจารณาและมีมติแล้วว่าไม่รับเรื่องไว้ดําเนินงานไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว จึงเป็นเรื่องที่มีข้อเท็จจริงต่างกัน อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงไม่อาจรับฟังได้

 การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ ๑ รายการที่ ๒ เฉพาะความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอประกอบการพิจารณาของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และรายการที่ ๓ ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค ๓๓๓/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยบางส่วน

 พิพากษาแก้คําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการ ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค ๓๓๓/๒๕๖๒ แก่ผู้ฟ้องคดี ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษา


นายฤทัย หงส์สิริ ตุลาการเจ้าของสํานวน
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายอนุพงศ์ สุขเกษม
ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปถครอง

นายวิบูลย์ กัมมาระบุตร
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายรังสิกร อุปพงศ์
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายภิรัตน์ เจียรนัย
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด


ตุลาการผู้แถลงคดี : นายวิโรจน์ ธิตา

บรรณานุกรม[แก้ไข]

  • ศาลปกครอง. (๒๕๖๖, ๒๑ เมษายน). คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีแดงที่ อ. ๒๒๔/๒๕๖๖ ในคดีที่นายวีระ สมความคิด ยื่นฟ้อง สำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องกับกรณีการกล่าวหา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖. สืบค้นจาก http://www.admincourt.go.th/admincourt/site/08hotsuit_detail.php?ids=24222

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (4) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"