ตำนานหนังสือสามก๊ก/๓๗

จาก วิกิซอร์ซ
๔. ว่าด้วยพิมพ์หนังสือสามก๊กภาษาไทย


หนังสือไทยแม้พิมพ์ได้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ ก็ดี มาใช้การพิมพ์แพร่หลายต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๔ ก็ในสมัยเมื่อก่อนพิมพ์หนังสือไทยได้นั้น หนังสือที่แปลจากเรื่องพงศาวดารจีนมีแต่ห้าเรื่อง คือ เรื่องห้องสิน เรื่องเลียดก๊ก เรื่องไซ่ฮั่น เรื่องตั้งฮั่น กับเรื่องสามก๊ก แต่คนเราทั้งหลายชอบเรื่องสามก๊กยิ่งกว่าเรื่องอื่น ผู้มีบรรดาศักดิ์ซึ่งสะสมหนังสือก็มักคัดลอกเรื่องสามก๊กไว้ในห้องสมุดของตน ด้วยเหตุนี้ หนังสือเรื่องสามก๊กจึงมีฉบับมากกว่าเพื่อน[1] ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ หมอบรัดเล มิชชันนารีอเมริกัน ย้ายโรงพิมพ์มาตั้งที่ปากคลองบางกอกใหญ่ เริ่มพิมพ์หนังสือไทยเรื่องต่าง ๆ ขาย ได้ต้นฉบับหนังสือเรื่องสามก๊กของผู้อื่นมาสองฉบับแล้วไปยืนต้นฉบับของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ที่สมุหพระกลาโหมมาสอบกันเป็นสามฉบับ พิมพ์หนังสือสามก๊กขึ้นเป็นสมุดพิมพ์สี่เล่มตลอดเรื่องสำเร็จเมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๐๘ ขายราคาฉบับละยี่สิบบาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับซื้อช่วยหมอบรัดเลเห็นจะราวสักห้าสิบฉบับ พระราชทานพระราชโอรสธิดาพระองค์ละฉบับทั่วกัน[2] เหลือนั้นก็เห็นจะพระราชทานผู้อื่นต่อไป การที่หมอบรัดเลพิมพ์หนังสือสามก๊กขึ้นครั้งแรกนั้น เมื่อมาพิจารณาดูเห็นควรนับว่าเป็นการสำคัญในทางพงศาวดารอย่างหนัง ด้วยเรื่องสามก๊กเป็นเรื่องที่ไทยชอบอยู่แล้ว บุคคลชั้นสูงได้เคยอ่านหนังสือก็มี แลบุคคลชั้นต่ำได้เคยดูงิ้วเล่นก็มาก ครั้นเกิดมีหนังสือสามก๊กฉบับพิมพ์อันจะพึงซื้อหาหรือหยิบยืมกันอ่านได้ง่าย ก็ทำให้มีผู้ชอบอ่านหนังสือมากขึ้น เลยเป็นปัจจัยต่อออกไปถึงให้มีผู้พิมพ์หนังสือขายมากขึ้น แลให้ผู้มีศักดิ์ เช่น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นต้น เอาเป็นธุระสร้างหนังสือสำหรับให้พิมพ์มากขึ้น ที่ชอบแปลแต่เรื่องจีนเป็นพื้นนั้นก็ไม่ประหลาดอันใด ด้วยในสมัยนั้นผู้รู้ภาษาฝรั่งยังมีน้อยนัก ถึงเรื่องจีนก็ทำให้เกิดปัญญาความรู้เจริญแพร่หลายยิ่งกว่าแต่ก่อน จึงควรยกย่องหนังสือสามก๊กว่าได้ทำให้เกิดประโยชน์เกื้อกูลการศึกษาในประเทศนี้ด้วยอีกสถานหนึ่ง

หนังสือไทยที่ตีพิมพ์จับแพร่หลายเมื่อตอนปลายรัชกาลที่ ๔ พอถึงรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดบำรุงการศึกษา ทรงอุดหนุนซ้ำ การพิมพ์หนังสือไทยก็ยิ่งเจริญขึ้นโดยรวดเร็ว ก็ในสมัยเมื่อแรกขึ้นรัชกาลที่ ๕ นั้นมีโรงพิมพ์นับว่าเป็นโรงใหญ่อยู่สามโรง คือ โรงพิมพ์หลวง ตั้งอยู่ที่ในพระบรมมหาราชวัง (ตรงบริเวณสวนศิวาลัยบัดนี้) กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ เมื่อยังดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นอักษรศาสนโสภณ ได้ทรงบัญชาการ โรงหนึ่ง โรงพิมพ์ของหมอบรัดเล มิชชันนารีอเมริกา ตั้งอยู่ที่ริมปากคลองบางกอกใหญ่ โรงหนึ่ง โรงพิมพ์ของหมอสมิธ มิชชันนารีชาติอังกฤษ ตั้งขึ้นที่บางคอแหลม โรงหนึ่ง โรงพิมพ์หลวงนั้นเมื่อชั้นแรกในรัชกาลที่ ๕ ก็พิมพ์หนังสือเรื่องพงศาวดารจีนจำหน่ายหลายเรื่องดังปรากฏอยู่ในบัญชีหนังสือเรื่องจีนซึ่งได้แสดงมาแล้ว แต่ต่อมา เมื่อต้องพิมพ์หนังสือแบบเรียนสำหรับโรงเรียนหลวงแล้วต้องพิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา ก็ต้องงดพิมพ์หนังสืออื่น คงพิมพ์หนังสือเรื่องต่าง ๆ ขายแต่โรงพิมพ์หมอบรัดเลกับโรงพิมพ์หมอสมิธ ต่างไปขอต้นฉบับที่สมเด็จเจ้าพระยาฯ ท่านจึงไกล่เกลี่ยให้หมอบรัดเลเอาแต่หนังสือจำพวกความร้อยแก้ว เช่น เรื่องพงศาวดารจีน ไปพิมพ์ ส่วนหมอสมิธให้พิมพ์หนังสือจำพวกบทกลอน[3] ต่างคนต่างพิมพ์มาเช่นนั้นหลายปี ทีหลังเกิดมีฝรั่งฟ้องหมอสมิธในศาลกงสุลอังกฤษว่า พิมพ์หนังสือไม่เป็นศีลธรรมจำหน่ายหาประโยชน์ โจทก์อ้างพวกมิชชันนารีอเมริกันที่รู้ภาษาไทยเป็นพยานแลขอให้เป็นผู้แปลหนังสือบทกลอนที่หมอสมิธพิมพ์บางแห่ง เช่น บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนที่อยู่ข้างหยาบและบทละครตอนเข้าห้องสังวาส เป็นภาษาอังกฤษพิสูจน์ในศาล ศาลตัดสินให้หมอสมิธแพ้ ห้ามมิให้พิมพ์หนังสืออย่างนั้นจำหน่ายอีกต่อไป หมอสมิธก็ต้องเลิกพิมพ์หนังสือบทกลอน แต่เมื่อถูกห้ามนั้น หมอสมิธรวยเสียแล้ว นัยว่าแต่หนังสือพระอภัยมณีของสุนทรภู่เรื่องเดียวพิมพ์ขายได้กำไรงามจนพอสร้างตึกได้หลังหนึ่ง หมอสมิธก็ไม่เดือดร้อน ส่วนหมอบรัดเลนั้นตัวเองอยู่มาในรัชกาลที่ ๕ เพียง พ.ศ. ๒๔๑๗ ก็ถึงแก่กรรม แต่บุตรภรรยายังทำการโรงพิมพ์ต่อมา พิมพ์หนังสือจำพวกความร้อยแก้วขายก็ได้กำไรมาก ครั้นนานมาไม่มีตัวผู้ที่จะจัดการก็ต้องเลิกโรงพิมพ์ การพิมพ์หนังสือขายจึงกระจายไปตามโรงพิมพ์อื่น ๆ ซึ่งตั้งขึ้นใหม่[4]

การพิมพ์หนังสือเรื่องสามก๊ก โรงพิมพ์หมอบรัดเลได้พิมพ์สามครั้ง แล้วโรงพิมพ์อื่นพิมพ์ต่อมาอีกสามครั้ง รวมเบ็ดเสร็จได้พิมพ์ถึงหกครั้งด้วยกัน แต่การที่พิมพ์ต่อ ๆ กันมาเป็นแต่อาศัยฉบับที่พิมพ์ก่อนเป็นต้นฉบับ ไม่ได้ตรวจชำระเหมือนอย่างหมอบรัดเลพิมพ์ครั้งแรก แลบางฉบับซ้ำมีผู้แก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำลงตามอำเภอใจ หนังสือสามก๊กที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดสมัยนี้จึงวิปลาสคลาดเคลื่อนจากฉบับเดิมด้วยประการฉะนี้

  1. หอพระสมุดวชิรญาณได้ไว้ก็หลายฉบับ มีทั้งฉบับที่เขียนด้วยเส้นหรดาน เขียนด้วยเส้นฝุ่น แลเขียนด้วยเส้นดินสอ
  2. เมื่อข้าพเจ้าได้พระราชทานหนังสือสามก๊ก เป็นเวลาพึ่งอ่านหนังสือออก ยังจำได้ว่าอ่านสนุกมาก แต่สนุกประสาเด็ก ไม่เข้าใจความเท่าใดนัก
  3. มีหนังสือสามก๊กหมอสมิธพิมพ์ยังปรากฏอยู่ แต่ว่ามีเฉพาะเล่มที่ ๑ เล่มเดียว ข้อนี้เป็นเค้าเงื่อนให้สันนิษฐานว่า ชะรอยหมอสมิธเห็นคนชอบซื้อหนังสือสามก๊กก็พิมพ์ขายบ้าง คงเกิดเกี่ยงแย่งกับหมอบรัดเล สมเด็จเจ้าพระยาฯ จึงไกล่เกลี่ยให้พิมพ์หนังสือคนละประเภทดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายก็จำยอม เพราะต้องอาศัยหนังสือของสมเด็จเจ้าพระยาฯ เป็นต้นฉบับอยู่ด้วยกัน
  4. ได้ยินว่า เมื่อหมอสมิธถูกศาลห้ามมิให้พิมพ์หนังสือบทกลอนขายนั้น บรรดาหนังสือซึ่งพิมพ์ไว้แล้วแลกำลังพิพม์ค้างอยู่ นายเทพ ทรรทรานนท์ อยู่แพที่หน้าโรงเรียนราชินีเดี๋ยวนี้ รับซื้อจากหมอสมิธเอามาพิมพ์จำหน่ายที่โรงพิมพ์ของตน แล้วโรงพิมพ์อื่นจึงพิมพ์จำหน่ายบ้าง ส่วนโรงพิมพ์หมอบรัดเลนั้น หลวงดำรงธรรมสาร (มี ธรรมาชีวะ) เจ้าของโรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ รับซื้อหนังสือค้างพิมพ์มาจำหน่าย แล้วโรงพิมพ์อื่นจึงพิมพ์จำหน่ายบ้าง