บ้วนฮ่วยเหลา/เล่ม ๑/ตอน ๑๘
หน้า ๑๐๖–๑๑๒ สารบัญ
พระเจ้าซ่องยินจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังขุนนางทั้งสองกราบทูลดังนั้น จึงตรัสว่า ข้อซึ่งเป็นทหารและราษฎรนั้นหาสำคัญไม่ ข้อที่ลักเอาเครื่องเจ้ามาใส่นั้นมีโทษ ให้เปาบุ้นจิ้นเอาตัวไปชำระได้ความจริงแล้วให้ทำโทษเสีย พอโลฮวยอ๋องเข้าไปถึง ก็กราบทูลความเดิมซึ่งเกิดสัตว์ร้ายขึ้นในสวน เต็กเซงกำจัดสัตว์ร้ายได้ นางเต็กไทเฮาให้หาเต็กเซงเข้ามาถามถึงปู่และบิดา ก็ได้ความว่า เต็กเซงเป็นหลายของนางเต็กไทเฮา นางเต็กไทเฮาให้ข้าพเจ้ามากราบทูลพระองค์ขอให้พระองค์ตั้งเต็กเซงเป็นเจ้าด้วย
พระเจ้าแผ่นดินจึงตรัสถามว่า บัดนี้ เต็กเซงไปไหนเล่า โลฮวยอ๋องจึงกราบทูลว่า เวลาคืนนี้ ข้าพเจ้าเอาเครื่องของข้าพเจ้าให้เต็กเซงใส่ เต็กเซงไปเที่ยวเล่นตามถนน พังหองกับชิงชิวพบเข้าก็จับตัวไว้ว่า เต็กเซงไปลักเอาเครื่องเจ้ามาใส่ จะเอาตัวไปทำโทษ พังหอง ชิงชิว เปาบุ้นจิ้น จึงได้พากันมาเฝ้า คือ เต็กเซงคนนี้
พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงฟังโลฮวยอ๋องกราบทูลสิ้นข้อความแล้ว จึงตรัสกับพังหอง ชิงชิว ว่า เต็กเซงเป็นหลานของเต็กไทเฮา ก็เป็นพี่น้องของเราด้วย เหตุใดจึงไม่ไต่ถามเอาความจริงก่อน จะทำโทษเอาตามอำเภอใจ นี่หากว่าเต็กไทเฮา ราชมารดาเรา หากริ้วโกรธไม่ ถ้าหาไม่ท่านทั้งสองก็จะมีโทษเป็นอันมาก พังหอง ชิงชิว ได้ฟังตรัสดังนั้นก็หาอาจกราบทูลประการใดไม่ ต่างคนก็ก้มหน้านิ่งอยู่
พระเจ้าแผ่นดินจึงมีพระราชดำรัสกับเปาบุ้นจิ้นว่า ท่านจงพาตัวเต็กเซงเข้ามา เปาบุ้นจิ้นก็ถวายบังคมลาไปพาตัวเต็กเซงเข้ามาเฝ้า พระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตรเห็นเต็กเซงมีลักษณะดีมีตระกูล จึงถามว่า ปู่และบิดาเจ้าเป็นขุนนางทำราชการตำแหน่งใด แซ่ใด ชื่อไร จงบอกไปแต่ตามจริง เต็กเซงจึงกราบทูลซึ่งปู่และบิดาได้เป็นขุนนางกับชื่อและแซ่ให้ทรางทราบทุกประการ พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบจึงดำริว่า เต็กเซงนี้เขาก็เป็นเทือกเถาเหล่าขุนนางนายทหาร แล้วก็เป็นหลานของเต็กไทเฮา เต็กไทเฮาก็ขอให้เราให้ตั้งเป็นเจ้า จำเราจะตั้งให้เต็กเซงเป็นเจ้าตามคำพระมารดาจึงจะชอบ ทรงพระดำริแล้วจึงตรัสกับเต็กเซงว่า มีรับสั่งเต็กไทเฮามาให้ตั้งเจ้าเป็นเจ้า เราจะตั้งให้เป็นเจ้า เจ้าจะยอมหรือไม่ เต็กเซงจึงกราบทูลว่า ซึ่งพระองค์ทรงพระเมตตาจะชุบเลี้ยงแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นเจ้านั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า พึ่งเข้ามาทำราชการ ยังหามีความชอบสิ่งใดไม่ ซึ่งจะรับที่ตั้งนั้น ขุนนางและข้าราชการทั้งหลายจะติฉินนินทาได้ ขอพระองค์จงรอให้ข้าพเจ้าทำราชการให้มีความชอบก่อน จึงโปรดพระราชทานที่ตั้งให้ข้าพเจ้าต่อภายหลัง
พระเจ้าแผ่นดินก็เห็นชอบด้วย แต่เต็กไทเฮามีรับสั่งมา ครั้นจะไม่ตั้งให้ตามปรารถนาก็ไม่ได้ จึงตรัสกับเต็กเซงว่า การซึ่งจะตั้งให้เจ้าเป็นเจ้านี้ เต็กไทเฮา มารดาเรา รับสั่งมา ผู้ใดจะอาจนินทาได้ เต็กเซงก็นิ่งอยู่ หากราบทูลประการใดไม่ โลฮวยอ๋องเห็นเต็กเซงนิ่งอ้ำอึ้งอยู่ จึงพูดกับเต็กเซงว่า เต็กไทเฮามีรับสั่งมา อย่าขัดขืน หาดีไม่ จงรับเอาตามรับสั่งเถิด เต็กเซงจึงว่า ข้าพเจ้ามีข้อความอยู่ข้อหนึ่งจะขอกราบทูลให้ทรงทราบก่อน พระเจ้าแผ่นดินจึงตรัสว่า เจ้าจะว่าอย่างไรก็จงว่าไปเถิด เต็กเซงจึงกราบทูลว่า แต่บรรดาขุนนางนายทหารซึ่งพระองค์ทรงตั้งแต่ไว้มีเป็นอันมาก ขอพระองค์จงให้ลองฝีมือกับข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าสู้ฝีมือนายทหารคนใดได้ จงโปรดพระราชทานตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นที่ขุนนางผู้นั้นเถิด พระเจ้าแผ่นดินก็เห็นชอบด้วย จึงตรัสสั่งเจ้าพนักงานว่า ให้จัดสนามรบไว้ให้พรักพร้อม พรุ่งนี้เราจะไปดูทหารประลองฝีมือ ตรัสแล้วก็เสด็จขึ้น
โลฮวยอ๋องก็พาเต็กเซงกลับไปวังนำเชงเก๋ง แล้วทูลให้เต็กไทเฮาทราบความตามซึ่งเต็กเซงไม่รับเป็นที่เจ้าให้ทราบทุกประการ เต็กไทเฮาแจ้งความแล้วก็เสียใจ จึงพูดกับเต็กเซงว่า เจ้านี้หาควรจะไปรบพุ่งลองฝีมือกับเขาไม่ รูปร่างอย่างนี้หรือจะสู้เขาได้ ขุนนางนายทหารแต่ละคนนั้นเขาล้วนมีฝีมือเข้มแข็งเป็นอันมาก ถ้าเจ้าเสียทีเขามา อาจะเอาหน้าไปไว้ไหน จะมิพากันอายแก่เขาหรือ อนึ่ง พังหองกับชิงชิวเล่าก็เป็นคู่พยาบาทกันอยู่ นายทหารเหล่านั้นก็อยู่ในบังคับเขาสิ้น เต็กเซงจึงตอบว่า เกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว ถ้ายังไม่มีความชอบ ซึ่งจะรับเอาที่ตั้งง่าย ๆ นั้นหาควรไม่ ข้อซึ่งจะทดลองฝีมือกับผู้ใดนั้น ข้าพเจ้าหากลัวไม่ ด้วยได้ฝึกหัดเพลงอาวุธไว้คล่องแคล่วทุกอย่าง ท่านอย่าได้วิตกเลย นางเต็กไทเฮาได้ฟังเต้กเซงว่า ก็ยังไม่วางใจ จึงปรึกษากับโลฮวยอ๋องว่า พรุ่งนี้ เต็กเซงจะไปลองฝีมือกับขุนนางนายทหาร กลัวจะสู้เขาไม่ได้ ถ้าเสียท่วงทีมา จะอายกับขุนนางทั้งปวง มารดาคิดว่า จะขอยืมเสื้อเกราะและเครื่องทรงของพระเจ้าซ่องไทโจ๊มาให้เต็กเซงใส่ ถ้าขุนนางผู้ใดเห็นก็คงยำเกรง หาอาจทำอันตรายกับเต็กเซงไม่ เจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร โลฮวยอ๋องก็เห็นชอบด้วย จึงไปจัดเครื่องทรงมาให้เต็กเซงใส่
ฝ่ายพังหอง ชิงชิง ฮูคุน จึงปรึกษากันว่า เต็กเซงคนนี้เป็นคนพยาบาทกับพวกเรา พวกเราคิดว่า ถ้าเต็กเซงเป็นเจ้าแล้ว ที่ไหนเราจะแก้แค้นได้ ซึ่งเต็กเซงจะลองฝีมือกับขุนนางนายทหารนั้น เรามีความยินดีนัก เฮงเทียนฮวย นายทหารนั้น มีฝีมือเข้มแข็ง คงจะกำจัดเต็กเซงได้เป็นแน่ พูดแล้วก็สั่งให้คนใช้ไปเชิญเฮงเทียนฮวย ซือหลวน เกาไหง ลิมฮอก นายทหารทั้งสี่มาที่บ้านพร้อมกัน พังหองก็สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงนายทหารทั้งสี่ แล้วพังหองจึงพูดกับนายทหารทั้งสี่ว่า เรากับเต็กเซงมีสาเหตุกันมาช้านาน เราคิดจะกำจัดเต็กเซงเสีย จึงเชิญท่านทั้งสี่มา ถ้าพวกเรากำจัดเต็กเซงไม่ได้ ข้าพเจ้าเห็นว่า พวกเราจะหาความสบายมิได้ เฮงเทียนฮวยจึงว่า ซึ่งจะกำจัดเต็กเซงนั้นไม่ยากดอก ข้าพเจ้ากลัวแต่เต็กไทเฮาจะทำโทษ พังหองจึงว่า ข้อนั้นท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะรับธุระเอง เฮงเทียนฮวยจึงว่า ถ้าข้าพเจ้าตัดศีรษะเต็กเซงไม่ได้ ข้าพเจ้าจะยอมให้ศีรษะข้าพเจ้า ครั้นสนทนากันแล้ว นายทหารทั้งสี่ก็คำนับลาไป
ครั้นเวลารุ่งเช้า พระเจ้าแผ่นดินก็เสด็จไปที่ท้องสนามพร้อมด้วยขุนนางเจ้าพนักงานทั้งปวง ฝ่ายโลฮวยอ๋องให้เต็กเซงใส่เครื่องทรงเสร็จแล้ว ก็พาเต็กเซงไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินที่ท้องสนามหลวง พระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตรเห็นเต็กเซงแต่งเครื่องสำหรับกษัตริย์ จึงตรัสกับโลฮวยอ๋องว่า เต็กเซงใส่เครื่องสำหรับกษัตริย์มาดังนี้หาควรไม่ ถ้าดังนั้น ยกบ้านเมืองให้เต็กเซงว่ากล่าวจะมิดีหรือ ท่านจงไปทูลเต็กไทเฮา มารดาเรา ให้ทราบก่อน โลฮวยอ๋องก็ถวายบังคมลามาทูลเต็กไทเฮาตามมีรับสั่งนั้นทุกประการ นางเต็กไทเฮาจึงตอบว่า เจ้าจงไปกราบทูลว่า เต็กเซงหามีเสื้อจะใส่ไม่ มารดาขอยืมให้เต็กเซงใส่สักครั้งเถิด โลฮวยอ๋องก็คำนับลามากราบทูลตามคำนางเต็กไทเฮาว่ามานั้นทุกประการ พระเจ้าแผ่นดินไม่รู้ว่าจะทำประการใด ก็ต้องให้เต็กเซงใส่เสื้อทรงอยู่ดังนั้น แล้วตรัสว่า แต่บรรดานายทหารจงออกไปสู้รบลองฝีมือกับเต็กเซงให้เป็นลำดับกันตั้งแต่ชั้นที่สามจนถึงชั้นที่หนึ่ง