ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๘๙

จาก วิกิซอร์ซ

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๘๙


โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นว่า ในขณะนี้ประชาชนได้นิยมเข้าไปขุดค้นโบราณวัตถุและศิลปวัตถุตามบริเวณต่าง ๆ ในท้องที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดสกลนคร และกำลังลุกลามไปยังจังหวัดอื่น และเนื่องจากมิได้ขุดค้นตามหลักวิชาการขุดค้นโบราณวัตถุจึงเป็นการทำลายหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันสำคัญเกี่ยวกับอารยธรรมของมนุษยชาติให้สูญเสียไป เพราะวัตถุที่ค้นพบนั้นเป็นของโบราณเก่าแก่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งโดยอายุลักษณะแห่งการประดิษฐ์ และหลักฐานที่เกี่ยวกับวัตถุเหล่านั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอารยธรรมของมนุษยชาติ คณะปฏิวัติเห็นสมควรรีบดำเนินการป้องกันการขุดค้นทำลายโดยไม่ชอบ เนื่องจากโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขุดค้นพบนั้นได้ถูกนำไปจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบุคคลต่างๆ ซึ่งบางชิ้นสมควรเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติยิ่งกว่าของเอกชน และโดยที่การขุดค้นและการจำหน่ายจ่ายโอน ซึ่งประชาชนในท้องที่ดังกล่าวได้กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเป็นการผิดกฎหมาย สมควรกำหนดมาตรการให้ผู้ครอบครองโบราณวัตถุและศิลปวัตถุปฏิบัติ เพื่อมิให้การกระทำนั้นเป็นความผิดกฎหมายอีกต่อไป หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ห้ามมิให้ผู้ใดขุดค้นหาโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามความหมายของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ภายในบริเวณท้องที่ตามบัญชีท้ายประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ หรือภายในบริเวณท้องที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมศิลปากรหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรมอบหมาย ผู้ใดฝ่าฝืนความในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อ ๒ ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายจ่ายโอนหรือเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้มาจากการขุดค้นภายในบริเวณท้องที่ตามความในข้อ ๑ ออกไปจากสถานที่เก็บโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมศิลปากรหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรมอบหมาย เมื่ออธิบดีกรมศิลปากรอนุญาตให้จำหน่ายจ่ายโอนโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุใดแล้ว ให้โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นพ้นจากการควบคุมตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนความในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อ ๓ ให้ผู้มีอยู่ในครอบครองในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้มาจากการขุดค้นภายในบริเวณท้องที่ตามความในข้อ ๑ แจ้งปริมาณ รูปพรรณ และสถานที่เก็บโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นต่ออธิบดีกรมศิลปากร สำหรับสถานที่เก็บในนครหลวงกรุงเทพธนบุรี หรือต่อนายอำเภอท้องที่ สำหรับสถานที่เก็บในจังหวัดอื่น ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ ผู้ใดแจ้งปริมาณ รูปพรรณ และสถานที่เก็บโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามความในวรรคหนึ่ง ให้ได้รับยกเว้นโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๓๑ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๕ และมาตรา ๓๕๗ สำหรับความผิดที่ได้เกิดขึ้นแล้วเกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้น ให้อธิบดีกรมศิลปากรหรือผู้ที่อธิบดีกรมศิลปากรมอบหมายมีอำนาจเข้าไปในสถานที่เก็บตามที่ผู้แจ้งได้แจ้งไว้ตามความในวรรคหนึ่ง เพื่อตรวจดูโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่แจ้งปริมาณและรูปพรรณไว้ได้ ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก ผู้ใดฝ่าฝืนความในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดขัดขวางมิให้อธิบดีกรมศิลปากรหรือผู้ที่อธิบดีกรมศิลปากรมอบหมายเข้าปฏิบัติการตามความในวรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อ ๔ เมื่ออธิบดีกรมศิลปากรเห็นว่าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุใดตามความในข้อ ๓ มีคุณค่าในทางศิลป ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี สมควรเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ครอบครองส่งมอบโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นต่ออธิบดีกรมศิลปากร ณ สถานที่และภายในเวลาที่กำหนด ในกรณีนี้มิให้นำความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาใช้บังคับ ทั้งนี้ รวมทั้งกรณีที่มีผู้เก็บโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้มาจากการขุดค้นภายในบริเวณท้องที่ตามความในข้อ ๑ ได้ และส่งมอบโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามความในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ส่งมอบโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามคำสั่งของอธิบดีกรมศิลปากรตามความในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อ ๕ ให้อธิบดีกรมศิลปากรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรมอบหมาย มีอำนาจเข้าตรวจค้นสถานที่อันมีเหตุควรสงสัยว่าจะมีโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุซึ่งมิได้แจ้งปริมาณ รูปพรรณและสถานที่เก็บตามความในข้อ ๓ หรือมิได้ส่งมอบตามคำสั่งอธิบดีกรมศิลปากรตามความในข้อ ๔ วรรคหนึ่ง อยู่ และมีอำนาจยึดหรืออายัดโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้น ผู้ใดขัดขวางมิให้อธิบดีกรมศิลปากรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรมอบหมายปฏิบัติการตามความในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อ ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้

ข้อ ๗ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป


ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ จอมพล ถ. กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ

บัญชีท้ายประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๘๙ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๕


ตำบล อำเภอ จังหวัด

บ้านเชียง หนองหาน อุดรธานี บ้านธาตุ เพ็ญ อุดรธานี บ้านดุง บ้านดุง อุดรธานี ศรีสุทโธ บ้านดุง อุดรธานี บ้านชัย บ้านดุง อุดรธานี อ้อมกอ บ้านดุง อุดรธานี ม่วงไข่ พังโคน สกลนคร แวง สว่างแดนดิน สกลนคร พันนา สว่างแดนดิน สกลนคร


งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"