ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 302
ฉบับที่ 302
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร เพื่อเพิ่ม
อำนาจของศาลจังหวัดทหารในการลงโทษปรับ ปรับปรุงองค์คณะตุลาการของ
ศาลจังหวัดทหาร และเพิ่มเติมอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหา
ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำความผิดและเป็นผู้ต้องหา
ในคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แต่ได้ออกจากประจำการหรือถูกปลด
จากกองประจำการไปแล้ว หรือซึ่งมิได้จัดเข้ารับราชการในกองประจำการ
หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญ
ศาลทหาร พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
`มาตรา 19 ศาลจังหวัดทหาร มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาได้ทุกบท
กฎหมาย เว้นแต่คดีที่จำเลยมียศทหารชั้นสัญญาบัตร
คดีที่กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำ หรือกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำ
ไว้ให้จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับไม่เกิน
กำหนดนี้ ถ้าศาลจังหวัดทหารเห็นควรยกฟ้องโจทก์ หรือเห็นควรลงโทษจำเลย
แต่ละกระทงจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไม่เกินกำหนดนี้ ก็ให้พิพากษาได้
คดีที่ศาลจังหวัดทหารไม่มีอำนาจพิพากษา ให้ศาลจังหวัดทหารทำความเห็น
ส่งสำนวนไปให้ศาลมณฑลทหารหรือศาลทหารกรุงเทพพิพากษา แล้วแต่กรณี'
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญ
ศาลทหาร พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
`มาตรา 26 ศาลจังหวัดทหารต้องมีตุลาการสามนายเป็นองค์คณะ
พิจารณาพิพากษา คือ
นายทหารชั้นสัญญาบัตรสองนาย
ตุลาการพระธรรมนูญหนึ่งนาย'
ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญ
ศาลทหาร พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
`มาตรา 46 การควบคุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ตามความในมาตรา 16 นั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจ
ศาลทหารหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้บังคับบัญชาทหารมีอำนาจสั่งควบคุมได้โดยอนุโลม
ตามอำนาจลงทัณฑ์ขังในกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยวินัยทหารมิได้ระบุผู้มีอำนาจลงทัณฑ์ขังหรือ
ผู้รับทัณฑ์ขังไว้หรือให้อำนาจลงทัณฑ์ขังไว้อย่างสูงไม่ถึงเก้าสิบวัน ให้นายทหาร
ซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บัญชาการกองพลขึ้นไปเป็นผู้มีอำนาจสั่งควบคุมหลายครั้ง
ติด ๆ กันได้ แต่ครั้งหนึ่งต้องไม่เกินสิบสองวัน และรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน
เก้าสิบวัน ถ้าไม่มีนายทหารซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการกองพลขึ้นไป
หรือผู้ต้องหาอยู่ต่างท้องถิ่นกับผู้บังคับบัญชาก็ให้ผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด
ณ ที่นั้น เป็นผู้มีอำนาจสั่งควบคุม
ในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำ
ความผิดและเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แต่ขณะที่ตกเป็น
ผู้ต้องหาผู้นั้นมิได้รับราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือเป็นผู้ที่ถูกปลด
จากกองประจำการแล้ว หรือเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามมาตรา 16 (5)
แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารยังมิได้จัดเข้ารับราชการในกองประจำการในสังกัด
หน่วยทหารใด ให้นายทหารซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกขึ้นไป
ในท้องที่ที่การกระทำความผิดเกิดขึ้นหรือในท้องที่ที่จับตัวผู้ต้องหาได้ เป็น
ผู้มีอำนาจสั่งควบคุมหลายครั้งติด ๆ กันได้ แต่ครั้งหนึ่งต้องไม่เกินสิบสองวัน
และรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกินเก้าสิบวัน
การควบคุมผู้ต้องหานี้ให้ถือว่าเป็นการควบคุมตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา'
ข้อ 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการตามประกาศ
ของคณะปฏิวัติฉบับนี้
ข้อ 5 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
จอมพล ถ. กิตติขจร
หัวหน้าคณะปฏิวัติ
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"