ประกาศตามมาตรา ๑๑ ของ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ แล้ว นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
๑. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ เท่าที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้บุคคลนั้นกระทำการหรือร่วมมือกระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง หรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรง และมิใช่เป็นการกล่าวหาว่าบุคคลนั้นกระทำผิดอาญาซึ่งต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ดำเนินการดังนี้
๑.๑ ก่อนจับกุมและควบคุมตัวบุคคลตามข้อนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องร้องขอต่อศาลจังหวัดที่มีเขตอำนาจในพื้นที่ที่มีการจับกุมหรือควบคุมตัว หรือจะร้องขอต่อศาลอาญาก็ได้ ทั้งนี้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่อาจดำเนินการตามมาตรา ๕๙ ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้
๑.๒ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับกุมและควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลอนุญาต เว้นแต่ไม่อาจจับกุมในวันเดียวกับวันที่ศาลอนุญาต ให้เริ่มนับเจ็ดวันนับแต่วันที่จับกุมได้ และให้นำตัวผู้ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวไปศาลในกรณีที่ศาลมีคำสั่ง
ในการจับกุมและควบคุมตัวบุคคล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำรายงานเกี่ยวกับการจับกุมและควบคุมตัวโดยพลันเพื่อเสนอต่อศาลที่มีคำสั่งอนุญาตและจัดสำเนารายงานนั้นไว้ ณ กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศาลากลางจังหวัดที่มีการจับกุมและควบคุมตัวและที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ญาติของบุคคลนั้นสามารถขอดูรายงานดังกล่าวได้โดยสะดวก
รายงานตามข้อนี้ต้องประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
ก. ชื่อและตำแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม และผู้ควบคุมตัว
ข. ชื่อบุคคลที่ถูกจับกุมและควบคุมตัว
ค. เหตุอันเป็นที่มาของการจับกุมและควบคุมตัว โดยให้ระบุพฤติการณ์ตามสมควร
ง. สถานที่ที่จะนำไปควบคุมตัว
จ. พยานผู้รู้เห็นในการจับกุมและควบคุมตัว อย่างน้อย ๒ คน
ฉ. หากมีการย้ายที่ควบคุมตัวก็ต้องดำเนินการตามข้อ ก ข้อ ข ข้อ ง และข้อ จ
๑.๓ การควบคุมตัวบุคคลจะต้องควบคุมตัวไว้ ณ สถานที่ที่ไม่ใช่สถานีตำรวจ ที่คุมขังทัณฑสถาน หรือเรือนจำ แต่ให้ควบคุมไว้ในสถานที่ที่ผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้กำหนด
๑.๔ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อบุคคลผู้ถูกควบคุมตัวอย่างผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหา ทั้งนี้ จะล่ามโซ่ตรวน หรือขังในกรงขัง หรือกระทำการอื่นที่รุนแรงต่อบุคคลผู้ถูกควบคุมตัวมิได้
๑.๕ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการร้องขอต่อศาล และดำเนินการตามข้อ ๑.๑ ถึงข้อ ๑.๔ ในแต่ละครั้งที่มีการร้องขอต่อศาล ทั้งนี้ โดยจะควบคุมตัวไว้ได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลอนุญาตวันแรก
การปฏิบัติตามข้อนี้ ให้ยึดถือกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพโดยเคร่งครัด
๒. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือมาให้ถ้อยคำหรือส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ฉุกเฉินในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่เรียกมารายงานตัวนั้น ให้ดำเนินการตามข้อ ๑ โดยเคร่งครัด
๓. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งยึดหรืออายัดอาวุธ สินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัตถุใด ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ได้ใช้หรือจะใช้สิ่งนั้น เพื่อการกระทำหรือสนับสนุนการกระทำให้เกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉิน
๔. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งตรวจค้นตามความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อระงับเหตุการณ์ร้ายแรงให้ยุติโดยเร็วและหากปล่อยเนิ่นช้าจะทำให้ไม่อาจระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที
๕. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งการให้คนต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยให้นำกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
๖. ให้การซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธ สินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในการก่อความไม่สงบหรือก่อการร้ายตามที่ผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศกำหนดต้องรายงานหรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ให้การซื้อขายบัตรประจำตัวของผู้ใช้บริการ (Sim card) ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วราชอาณาจักรต้องเก็บหลักฐานที่ระบุชื่อผู้ซื้อตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกาศกำหนด
สำหรับบัตรประจำตัวของผู้ใช้บริการ (Sim card) ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการขายไปก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้บุคคลผู้ครอบครองบัตรประจำตัวของผู้ใช้บริการ (Sim card) ดังกล่าวทั่วราชอาณาจักรไปรายงานการครอบครองโดยระบุชื่อผู้ครอบครอง ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกาศกำหนด
เพื่อประโยชน์ในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรง ให้ผู้ให้บริการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่ต้องงดการให้บริการตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกาศกำหนด
การประกาศตามข้อนี้ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
๗. ให้กำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อไป แม้ว่าจะมีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกแล้วก็ตาม โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ทั้งนี้ โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารปฏิบัติตามคำสั่งของรองนายกรัฐมนตรีผู้กำกับการปฏิบัติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้การใช้กำลังทหารเป็นไปตามกฎ ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร
การดำเนินการตามประกาศนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำรายงานตามแบบที่ผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้กำหนด เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"