ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๓

จาก วิกิซอร์ซ

ประชุม พงศาวดาร ภาคที่ ๔๓ เรื่อง จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๔

พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพันเอก พระยาวิชิตสรสาตร์ (อำนวย อมาตยกุล) เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๗๐

พิมพ์ที่โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหม


คำนำ

นายร้อยโท ทวีวัฒน์ อมาตยกุล จะทำการปลงศพสนองคุณ นายพันเอก พระยาวิชิตสรสาตร์ (อำนวย อมาตยกุล) ผู้บิดา ใคร่พิมพ์หนังสือแจกในเวลาพระราชทานเพลิงศพด้วย ได้มาขอหนังสือที่ราชบัณฑิตยสภา กรรมการจึงเลือกเรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ภาค ๔ นับเปนประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๓ ให้พิมพ์ จดหมายเหตุคณะพ่อค้าฝรั่งเศสเรื่องนี้ศาสตราจารย์ ยอชเซเดส์ เลขานุการราชบัณฑิตย สภาได้ขอคัดมาจากประเทศฝรั่งเศสคราวออกไปเยี่ยมบ้านเรือน พ.ศ. ๒๔๖๓ ตามรายการที่ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ จดมาให้นั้น ปรากฎว่าได้พบแหล่งหนังสือเหล่านี้ ๔ แห่ง คือที่กระทรวงว่าการเมืองขึ้นแห่ง ๑ เปนรายการแลจดหมายต่าง ๆ ที่รัฐบาลฝรั่งเศสได้รับจากประเทศสยาม ที่กระทรวงทหารเรือแห่ง ๑ เปนสำเนาจดหมายแลคำสั่งต่าง ๆ ที่ได้ส่งมายังประเทศสยาม ที่กระทรวงต่างประเทศแห่ง ๑ เปนสำเนาหนังสือสัญญาแลรายงานสำคัญที่คณะทูตานุทูตฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเมืองไทยในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทำเสนอเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศไว้ ที่หอสมุดสำหรับนครแห่ง ๑ เปนเรื่อง


ข เบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับเมืองไทยในเวลานั้น มีทั้งต้นฉบับแลสำเนาจดหมายเหตุที่เก็บอยู่ตามกระทรวงต่าง ๆ ศาสตราจารย์ยอช เซเดส์ ขอคัดมาได้คราวนั้นแต่ ๓ แห่ง ที่กระทรวงทหารเรือยังไม่ได้มา ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ หวังใจว่าคงจะได้มาในไม่ช้า จดหมายเหตุคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ที่เข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยานี้ ว่าโดยรูปเรื่องที่เกี่ยวกับพงศาวดารก็คล้ายกับจดหมายเหตุคณะบาดหลวงฝรั่งเศส ผิดกันแต่ความมุ่งหมายของคณะ คือพวกบาดหลวงมุ่งหมายในการสอนสาสนามาก มีเหตุการณ์อันใดเกี่ยวแก่การสาสนาก็จดลงโดยพิสดาร พวกพ่อค้าผู้มุ่งมากอยู่ในการค้าขายก็จดรายละเอียดไปในทางค้าขาย ส่วนประวัติของบ้านเมืองใครรู้เห็นอย่างไรก็จดอย่างนั้น ข้อความจึงตรงกันบ้าง แผกเพี้ยนกันบ้าง เพราะเปนธรรมดาของคนภายนอกจะล่วงรู้การบ้านเมืองภายในให้ละเอียดนั้นยาก จดหมายเหตุที่คนในสมัยนั้นจดไว้ ถึงจะไม่แจ่มแจ้งทีเดียว ก็ยังเปนหนังสือที่ช่วยความรู้ในพงศาวดารสมัยนั้น เพราะเปนเรื่องที่ได้ยินแก่หูรู้เห็นด้วยตาใกล้ความจริงโดยมาก ราชบัณฑิตยสภา วันที่ ๙ ธันวาคม พระพุทธศักราช ๒๔๗๐ อุปนายก


ประวัติสังเขป นายพันเอก พระยาวิชิตสรสาตร์ (อำนวย อมาตยกุล) ___________________ นายพันเอก พระยาวิชิตสรสาตร์ นามเดิมอำนวย นามสกุล อมาตยกุล เกิดเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ตรงกับวันเสาร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๒๔ เปนบุตร์ ที่ ๒ ของพระยาอภัยรณฤทธิ์ (ถวิล อมาตยกุล) คุณหญิงทรามสงวน ท.จ. เปนมารดา มีพี่น้องร่วมท้อง ชาย ๔ หญิง ๓ รวม ๗ คน คือ ๑ พระยาอภัยรณฤทธิ (กระเษียร อมาตยกุล) ได้แต่งงานกับคุณหญิงเผื่อน ธิดาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฮวด โชติกพุกกณะ) ๒. พระยาวิชิตสรสาตร์ (อำนวย อมาตยกุล) ๓. พระยาอรรถกลย์วทาวัท (กระแส อมาตยกุล) ได้แต่งงานกับเพ็ญ ธิดาหลวงฤทธิ นายเวร (พุด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ๔.ท่านผู้หญิงธรรมาธิกรณาธิบดี (นงเยาว์) สมด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ดำรัสขอแล้วพระราชทานเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ ปุ้ม มาลากุล ณอยุธยา) ๕. นางสรกิจพิศาล (ชลอ อมาตยกุล) ได้แต่งงานกับพระสรกจพิศาล (ดำริห์ อมาตยกุล) บุตร์หลวงพิเทศพิสัย (ประวัติ อมาตยกุล) ๖. พระยารักษาเทพ (เชาวน์ อมาตยกุล) ได้แต่งงาน กับ วลี ธิดานายประยูร อมาตยกุล ๗. นางสาวสนาน อมาตยกุล ................................. ฆ เมื่อ ร.ศ. ๑๐๕ (พ. ศ . ๒๔๒๙) พระยาวิชิตสรสาตร์ อายุ ๖ ปี ได้เริ่มเรียนอักขรวิธีภาษาไทยและเลขในสำนักหลวงสิทธิโวหาร อยู่ ๔ ปี ถึง ร.ศ. ๑๐๙ (พ.ศ.๒๔๓๓) ย้ายไปเรียนโรงเรียนสุนันทาลัยอีก ๔ ปี ร.ศ. ๑๑๓ (พ.ศ. ๒๔๓๗) บิดาส่งไปให้ศึกษาในต่างประเทศคือ ไปศึกษาภาษาอังกฤษอยู่ที่สิงคโปร์ ๒ ปี ร.ศ.๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) เมื่ออายุ ๑๖ ได้ออกไปศึกษาวิชาในประเทศอังกฤษ ๓ ปี ถึง ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๒) จึงย้ายไปเรียนวิชาอินยิเนียที่โรงเรียนประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งโดยปรกติสกุลนี้มักพอใจเล่าเรียนวิชาประเภทนี้มาแต่บรรพบุรุษแล้ว เมื่อเสร็จการเล่าเรียนจากประเทศสก๊อตแลนด์แล้ว จึงกลับเข้ามารับราชการเปนล่ามแพนกภาษาอังกฤษกระทรวงยุติธรรม เมื่อเดือนมกราคม ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔) ถึงเดือนเมษายน ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๕) ย้ายจากกองล่ามไป เปนเสมียนในศาลฎีกาชั่วคราว จนถึงเดือนมกราคมปีนี้ จึงย้ายกลับมารับราชการในหน้าที่ล่ามตามเดิม แลได้สมัคเข้าเปนนักเรียนกฎหมายในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ด้วย ถึง ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๕) ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เปนหลวงสุนทรานุยุตกิจ เมื่อเดือนมิถุนายน คงรับราชการเปนตำแหน่งล่ามอยู่ตามเดิม จนถึงเดือนเมษายน ร.ศ.๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๑) โปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายไปเปนผู้เปนผู้พากษาศาลโบริสภา ที่ ๒ ............................... ง ไปสอบไล่กฎหมายได้เปนเนติบัณฑิตชั้น ๒ เมื่อเดือนมกราคม ร.ศ.๑๒๗ คงรับราชการเปนผู้พิพากษาศาสโบริสภาอยู่จน พ.ศ. ๒๔๕๖ รวมเวลา ๖ ปี ในระหว่างนี้ได้พระราชทานตราช้างเผือกชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์เปนบำเหน็จ เมื่อ ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ. ๒๔๕๓) และได้พระราชทานยศเปนรองอำมาตย์เอกเมื่อเดือนสิงหาคม ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) ต่อมาถึงวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๖ ได้พระราชทานตรามงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทราภรณ์เปนบำเหน็จอีกดวงหนึ่ง ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ใหย้ายไปรับราชการในตำแหน่งปลัดกรมพระธรรมนูญทหารบกกระทรวงกระลาโหม ได้เปนว่านายพันตรีอยู่ปีหนึ่ง ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรยศเปนนายพันตรี ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเลื่อนเปนนายพันโท และได้พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์เลื่อนเปนพระวิชิตสรสาตร์ ในเดือนมกราคมปีนี้ด้วย ต่อมาถึงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเลื่อนขึ้นเปนนายพันเอก และได้รับพระราชทานตราช้างเผือกเลื่อนขึ้นเปนชั้นที่ ๔ จตุรถาภรณ์ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคมปีนี้ด้วย ต่อมาถึงเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์เลื่อนขึ้นเปนพระยาวิชิตสรสาตร์ คงรับราชการอยู่ในกรมอยู่กรมพระธรรมนูญทหารบกตลอดมา .......................... จ นอกจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระยาวิชิตสรสาตร์ยังได้รับพระราชทานเหรียญที่ระลึกในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ตามบรรดาศักดิ์อีกหลายประการคือ ได้รับพระราชทานเหรียญรัชมงคลเงิน เมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ (๒๔๕๐) ได้รับพระราชทานเหรียญ รัชมังคลาภิเษกเงิน เมื่อ ร.ศ.๑๒๗ (พ.ศ.๒๔๕๑) ได้รับพระราชทานเหรียญบรมราชาภิเษก (รัชกาลที่ ๖) เงิน เมื่อ ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) ได้รับพระราชทานเหรียญบรมราชาภิเษก (รัชกาลปัจจุบัน) เงิน เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘ นายพันเอกพระยาวิชิตสรสาตร์ (อำนวย อมาตยกุล) ได้แต่งงานกับคุณหญิงพน ธิดาคนที่ ๑ ของมหาอำมาตย์ตรี พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (มิ้น เลาหเสรษฐี) เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ มีบุตร์ ธิดา รวม ๘ คน คือ ๑ บุตร์ ชื่อ ทวีวัฒน์ อมาตยกุล เปนนายร้อยโท รับราชการในกระทรวงกระลาโหม เปนผู้รั้งตำแหน่งผู้รักษาพระธรรมนูญกรมพระธรรมนูญทหารบก ๒ ธิดา ชื่อ พัฒนเพิ่ม อมาตยกุล ๓ ธิดา ชื่อ พูลเจริญ อมาตยกุล ๔ ธิดา ชื่อ เพิ่มศิริ อมาตยกุล ............................... ฉ ๕ บุตร์ ชื่อ ถนัดถวิล อมาตยกุล ไปศึกษาวิชาอยู่ณประเทศฝรั่งเศส ๖ ธิดา ชื่อ พึงใจ อมาตยกุล ๗ ธิดา ชื่อ งามจิตร์ อมาตยกุล ๘ บุตร์ ชื่อ จินตมัย อมาตยากุล นายพันเอกพระยาวิชิตสรสาตร์ เปนผู้ที่ตั้งตนไว้ในที่ชอบ คือ ตั้งตนไว้เสมอไม่มักใหญ่ไฝ่สูงแลไม่ถอมฐานะของตนจนเกินไปสมด้วยพระยาบาลีว่า อตฺตสมฺมาปณิธิ จึงเปนที่ชอบพอแก่ญาติแลมิตรทั่วไป นายพันเอก พระยาวิชิตสรสาตร์ป่วยเปนโรคหัวใจพิการ ถึงแก่กรรมที่ถนนเพลินจิตร เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๐ คำนวณอายุได้ ๔๖ ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหีบทองทึบเปนเกียรติยศ สิ้นประวัติพระยาวิชิตสรสาตร์เท่านี้





สารบาน คำสั่งสำหรับมองซิเออร์เวเรต์ ซึ่งจะเข้ามาประเทศสยาม พร้อมกับราชทูต หน้า ๑ เครื่องราชบรรณาการของพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ " ๑๐ บัญชีของที่มกุฎราชกุมารี ส่งมาถวายสมเด็จพระราชธิดา แห่งกรุงศรีอยุธยา " ๑๘บัญชีของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสส่งไปพระราชทาน มองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๒๐ บัญชีของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพระราชทานแก่ราชทูตที่ ๑ " ๒๓บัญชีของต่างๆที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ ราชทูตที่ ๒ " ๒๕ บัญชีของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ ราชทูตที่ ๓ " ๒๗ บัญชีของที่ดุกดูเมนส่งไปพระราชทานมองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๒๘ บัญชีของที่มาควิศเดอครัวซีส่งไปฝากมองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๓๐ บัญชีของที่มาควิศเดอเซเนเลฝากไปให้มองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๓๒



ซ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ มกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารี ส่งไปเมืองไทย หน้า ๓๔ บัญชีของต่าง ๆ ซึ่งเบิกจากคลังหลวง " ๓๖ ราคาของที่มกุฎราชกุมารส่งไปถวายพระเจ้า กรุงสยาม " ๓๘ ราคาของที่มกุฎราชกุมารีส่งไปถวายสมเด็จ พระราชธิดาของสมเด็จพระนารายณ์ " ๓๙ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ส่งไปพระราชทาน มองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๔๑ ราคาของที่พระเจ้าหลุยประทานราชทูตที่ ๑ " ๔๒ " " " ๒ " ๔๓ " " " ๓ " ๔๔ แยกประเภทสิ่งของแลราคา " ๔๕ บัญชีของที่สมเด็พระนารายณ์ส่งไปถวาย พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส " ๕๔ สำเนา จดหมาย ราชทูตฝรั่งเศสถวายพระเจ้ากรุงสยาม " ๖๐ จดหมายมองซิเออร์เวเรต์ " ๖๕ ว่าด้วยความคิดคนไทยที่ทำสัญญากับฝรั่งเศส " ๖๕ ว่าด้วยนิสสัยของมองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๖๖


ฌ อธิบายถึง การค้าขายในเมืองไทย " ๖๘ ว่าด้วย อาชีพ ของเจ้านาย แล ราษฎร ในสยาม " ๖๙ ว่าด้วย ความคิดที่ คนไทยชวน ฝรั่งเศส มาตั้งห้าง " ๗๐ ว่าด้วยฝรั่งเศสคิดผูกขาดพริกไทย แล จันทร์เทศ " ๗๑ ว่าด้วยสัญญาแลความประพฤติของมองซิเออร์ คอนซตันซ์ กับระหว่างฝรั่งเศส " ๗๔ มองซิเออร์เวเรต์เกิดบาดหมางกับมองซิเออร์ คอนซตันซ์ " ๑๐๑








จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ต่อจากภาคที่ ๓ ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๒ )

คำสั่งสำหรับมองซิเออร์เวเรต์ซึ่งทำการแทน บริษัทฝรั่งเศสฝ่ายอินเดียตวันออก และซึ่งจะไปยังประเทศสยามโดยเรือรบฝรั่งเศส ชื่อ ลัวโซ ซึ่งเปนเรือที่จะพาราชทูตฝรั่งเศสไปยังประเทศสยาม บริษัท จะได้ฝากเงินไปกับเรือรบฝรั่งเศส ชื่อ ลัวโซ เปนเงินแสนปอนด์ (ฝรั่งเศส) เพื่อสำหรับใช้สรอยในการค้าขาย ของบริษัทเงินรายได้ที่ฝากไปดังนี้คือ ฝากเปนหนังสือใบสั่งจ่ายให้หัวหน้า ของพวกมิชันนารีในกรุงศรีอยุธยาจ่ายและให้มองซิเออร์บรีซาเซียกับมองซิเออร์แฟมาเนล เปนผู้รับเงินในเวลาที่เรือลัวโซได้ไปถึงกรุงศรีอยุธยา เงิน ๒๒,๐๐๐ ปอนด์ ถ้าหากว่าเงินรายนี้จะมิได้จ่ายด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ก็ให้มองซิเออร์เวเรตทำคำ ร้องขอให้ส่งเงินคืนไปยังประเทศฝรั่งเศส ฝากเปนหนังสือใบสั่งจ่ายอีกฉบับ ๑ ให้เจ้าพนักงานของบริษัทที่กรุงศรีอยุธยาเปนผู้จ่ายและให้มองซิเออร์มาเธเภอวิเทลาวีลเปนผู้รับเงินในเวลาที่เรือลัวโซได้ไปถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว เงิน ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ ๑

๒ ฝากเปนของรูปพรรณคือกระจกต่าง ๆ ๑ หีบ กระจกนั้นมีขนาดต่างๆกัน ซึ่งแปลกไม่เหมือนกับ กระจกของคณะมิชันนารี คิดเปนราคาตามบัญชี แต่ค่าท่าเรือและค่าระวางเรือถึงเมืองเบรสต์มิได้คิด เงิน ๑,๐๐๖ ปอนด์ ผ้าต่างๆทอที่เมืองลังเกอดอกสีเขียวและสีแดง คิดตามบัญชีเปนราคา ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ นอกจากนี้ส่งเปนเงิน รีล (ประเทศสะเปน) ๕๘,๐๐๐ ปอนด์ เมื่อมองซิเออร์เวเรต์ ได้ไปถึงเมืองเบรสต์ ให้ไปตรวจดูของเหล่านี้ แล้วให้เปนธุระรับของเหล่านี้บันทุกลงเรือลัวโซ และในระหว่างเดินทางนั้นให้มองซิเออร์เวเรต์เปนธุระรับผิดรับชอบในของเหล่านี้ มองซิเออร์เวเรต์จะต้องทำการโดยระมัดระวังตัว และต้องคอยเอาใจท่านราชทูต (ฝรั่งเศส) ทั้งเอาใจพวกนายเรือและพวกลูกเรือด้วย ส่วนมองซิเออร์วาเชต์และมิชันนารีอื่น ๆนั้น มองซิเออร์เวเรต์ ก็ต้องคอยเอาอกเอาใจไว้เหมือนกัน เพราะมองซิเออร์เวเรต จะต้องอาศรัยท่านเหล่านี้ทุกคน การทั้งปวงจึงจะทำสำเร็จได้ มองซิเออร์เวเรต์ จะไปทำการในคราวนี้ในบ้านเมืองที่ห่างไกล และเปนทำเลที่มองซิเออร์เวเรต์ไม่มีความรู้ความชำนาญเลย การที่มองซิเออร์เวเรต์จะมีความรู้ความชำนาญเกิดขึ้นนั้น ก็ต้องอาศัยผู้ที่ได้เคยไปอยู่ในเมืองนั้นแล้ว และบรรดาท่านมิชันนารีก็ได้รับ ๓ รองต่อบริษัทว่า จะได้ให้ความรู้แก่มองซิเออร์เวเรต์ทุกอย่างเพื่อมองซิเออร์เวเรต์จะได้ทำการตามคำสั่งของบริษัทให้สดวก และเพื่อจะได้จัดการทั้งปวงให้เปนประโยชน์ แก่บริษัทมากที่สุดที่จะทำได้ เพราะต่อไปในภายหน้าบริษัทจะได้ตั้งห้างใหญ่ที่สุดในประเทศสยาม โดยจะได้ส่งเรือไปยังกรุงสยามทุก ๆ ปี แต่ก่อนที่จะส่งเรือไปประเทศสยามนั้น มองซิเออร์เวเรต์จะต้องส่งรายงานมากับเรือลัวโซบอกให้บริษัททราบเปนการแน่นอนว่าการที่จะไปค้าขายในประเทศสยามนั้น จะเปนประโยชน์และมีกำไรหรืออย่างไร บริษัทได้ไปตั้งห้างที่กรุงศรีอยุธยามาหลายปีแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ห้างนั้นหาได้ทำประโยชน์ให้แก่บริษัทอย่างใดไม่ มีแต่จะต้องออกค่าโสหุ้ยเรื่อยไป เพราะฉนั้นต่อไปถ้าการงานของบริษัทไม่ดีขึ้นแล้ว บริษัทจะได้ถอนงดห้างนั้นเสียทีเดียว ที่ห้างของบริษัทในกรุงศรีอยุธยานั้น ผู้ที่ประจำอยู่มี มองซิเออร์คอชและมองซิเออร์คอมบาล ซึ่งเปนพ่อค้าทั้งสองคน และแต่ก่อนก็เคยอยู่ในความบังคับบัญชาของมองซิเออร์เดลานด์ บู โรผู้เปนหัวหน้า ซึ่งเปนผู้ที่มีความรู้ความชำนาญถึงการค้าขายทั้งปวง แต่มาภายหลังได้ทราบจากจดหมายของมองซิเออร์เดลานด์ ลงวันที่ ๓ เมษายน เขียนมาจากเมืองสุหรัต ว่ามองซิเออร์เดลานด์ ต้องไปที่เมืองสุหรัตโดยที่พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งใช้ให้ไปในกิจการส่วนพระองค์


๔ บริษัทมีความสงสัยว่าป่านนี้มองซิเออร์เดลานด์จะได้กลับยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปรายงานกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามถึงกิจการที่ทรงใช้ให้ไปแล้วหรือยัง ถ้ามองซิเออร์เดลานด์ได้กลับไปถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว ก็จะเปนการดีสำหรับกิจการของบริษัท แต่ถึงอย่างไร ๆ มองซิเออร์เวเรต์คงจะได้ไปพบกับมองซิเออร์คอช และมองซิเออร์คอมบาล ซึ่งเปนคนที่บริษัทได้ทราบมาว่า ฉลาดไหวพริบดีทั้งสองคน เพราะฉนั้นให้มองซิเออร์เวเรต์ไปปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอชและมองซิเออร์คอมบาล ช่วยกันคิดอ่านจะหาทางที่จะใช้ทุนของบริษัทให้เปนประโยชน์โดยหาซื้อสินค้าอย่างดีที่จะสมควรจำหน่ายในประเทศฝรั่งเศสได้ และสินค้าเหล่านี้บริษัทก็ได้ทำเปนบัญชีมอบไว้กับมองซิเออร์เวเรต์แล้ว เพราะฉนั้นมองซิเออร์เวเรต์จะต้องทำการติดต่อกับบริษัทอยู่เสมอ เพื่อรายงานให้ทราบเนือง ๆ ว่าจะมีสินค้าอย่างใดที่จะสมควรจำหน่ายในประเทศฝรั่งเศสได้เช่น ผ้าต่าง ๆ เครื่องลายคราม เครื่องใช้ต่าง ๆ พลอยต่าง ๆ ชมดเชียง เครื่องเทศและของอื่นๆ ซึ่งหาซื้อได้ และเมื่อจะส่งรายงานนั้นจะต้องทำคำอธิบายอย่างลเอียด และจะต้องส่งตัวอย่างสินค้าต่าง ๆ มาพร้อมกับรายงานด้วย เมื่อบริษัทได้รับความรู้จากรายงานและตัวอย่างสินค้าซึ่งจะส่งมาพร้อมกับเรือลัวโซในเวลาเรือกลับนั้น บริษัทจะได้มีคำสั่งเด็ดขาดในเรื่องเหล่านี้ได้ และในเรื่องนี้บริษัทใจว่าท่านมิชันนารีในคณะบาดหลวงคงจะได้ช่วยแนะนำท่านราชทูต (ฝรั่งเศส) กับท่านบาดหลวงเดอชัวซี คงจะได้


๕ ช่วยเหลืออุดหนุนทุกอย่าง เพื่อมองซิเออร์เวเรต์จะได้ทำการโดยสดวกและให้เปนที่พอพระราชหฤทัยของพระเจ้ากรุงสยาม ทั้งพอใจของเสนาบดีของพระเจ้ากรุงสยามด้วย มองซิเออร์เวเรต์จะได้มีโอกาสใช้ต้นทุนของบริษัทให้เปนประโยชน์ต่อบริษัท ทั้งในเวลาเรือลัวโซจะกลับจากเมืองไทย มองซิเออร์เวเรต์จะได้ส่งสินค้าไปให้บริษัทอันจะทำให้เปนประโยชน์ และซึ่งทำจะให้บริษัทได้มีน้ำใจสำหรับไปตั้งห้างใหญ่ในกรุงศรีอยุธยาต่อไปด้วย แต่ในเรื่องนี้มองซิเออร์เวเรต์ไม่ควรจะต้องคิดให้เกินแก่เหตุไป ถ้าเห็นว่าในเวลาที่เรือจะกลับจากเมืองไทย ยังจะส่งสินค้าเต็มเท่าต้นทุนที่มีอยู่แล้วไม่ได้ก็ควรจะสงวนเงินต้นทุนไว้บ้าง เพื่อต่อไปภายหน้าจะหาประโยชน์ยิ่งกว่านี้ได้บ้าง เมื่อมองซิเออร์เวเรต์ไปถึงกรุงศรีอยุธยาเวลาไร จะต้องลงมือสืบสวนถึงการค้าขายที่มีอยู่ในเมืองนั้นโดยทันที และจะต้องสืบสวนถึงการค้าขายที่จะติดต่อกับเมืองตังเกี๋ย เมืองมาเก๊า และเมืองอื่น ๆ ซึ่งเปนเมืองท่าค้าขายด้วย คือจะต้องสืบให้ได้ความว่า ๑ การค้าขายเหล่านี้ใครเปนผู้ทำและค้าขายกันด้วยวิธีอย่างไร ๒ เรือที่มาจากเมืองต่าง ๆ ถึงกรุงศรีอยุธยามีจำนวนวันละกี่ลำ ๓ เรือพ่อค้าเหล่านี้มาถึงกรุงศรีอยุธยาระดูไหน ๔ เรือเหล่านี้กลับจากกรุงศรีอยุธยาเวลาเท่าไร ๕ เรือเหล่านี้บันทุกสินค้าชนิดไรและมีจำนวนมากน้อยเท่าไร ๖ การซื้อการขายสินค้าเหล่านี้ได้ทำกันด้วยวิธีอย่างไร กล่าวคือเวลาซื้อเวลาขาย


๖ คิดราคากันอย่างไรมีข้อสัญญากันอย่างไรหรือไม่ เวลาจะชำระเงินทำกันอย่างไร คือเอาสินค้าอย่างอื่นมาแลกเปลี่ยนหรือชำระเงินสดกันอย่างไร มองซิเออร์เวเรต์จะต้องสืบสวนให้ได้ความอย่างลเอียด ถึงการค้าขายของเมืองจีนและเมืองยี่ปุ่น และให้ได้ความตามหัวข้อที่ได้กล่าวมาข้างบนนี้แล้วด้วย ในเรื่องการค้าขายนี้ได้ทราบความมาว่า การค้าขายทั้งปวงตกอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้ากรุงสยามเปนผู้ทรงทำการค้าขายแต่ฝ่ายเดียว และเรือที่บรรทุกสินค้านั้นก็ล้วนแล้วแต่เปนเรือของพระเจ้ากรุงสยามทั้งสิ้น และส่วนสินค้าที่ตกเข้าไปในเมืองไทยนั้น พระเจ้ากรุงสยามก็ทรงเอาไว้และเอาเข้าเก็บไว้ในพระคลังหลวงทั้งหมด เมื่อเจ้าพนักงานเอาสินค้าเหล่านั้นออกจำหน่ายก็จำหน่ายแทนพระเจ้ากรุงสยาม กำไรที่จะได้มากน้อยเท่าใด ก็ตกเปนของพระเจ้ากรุงสยามทั้งสิ้นดังนี้ ในข้อนี้มองซิเออร์เวเรต์จะต้องสืบสวนให้ลเอียดให้ทราบว่าพระเจ้ากรุงสยามทำการค้าขายด้วยวิธีอย่างใด และถ้าจะเข้าไปตรวจดูในพระคลังหลวงได้แล้วก็จะต้องตรวจดูว่า ๑ สินค้าที่มีอยู่ในพระคลังหลวงมีสินค้าชนิดใดบ้าง ๒ สินค้าชนิดใดมีจำนวนมากน้อยเท่าใดและสินค้าชนิดใดมีราคาอย่างใด ๓ การจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ทำกันด้วยวิธีอย่างไร ๔ การชำระเงินทำกันด้วยวิธีอย่างใด ๕ ผลประโยชน์รายได้ของพระเจ้ากรุงสยาม มีจำนวนมากน้อยเท่า


๗ ใด ข้อเหล่านี้เมื่อได้สืบทราบความตลอดแล้วจะได้เปนหนทางสำหรับดำริหว่าถ้าบริษัทจะรับซื้อสินค้าจากพระคลังหลวงจะมีกำไรหรือไม่ และจะต้องสืบสวนต่อไปว่า ถ้าจะรับซื้สินค้าจากที่อื่นโดยไม่ต้องรับซื้อจากพระคลังหลวงจะมีหนทางอย่างไรบ้างหรือไม่ และถ้าได้แล้วจะต้องทำด้วยวิธีอย่างใด แต่ในการที่บริษัทได้ส่งคนและเงินไปฉะเพาะคราวนี้ มีเหตุผลพอจะเชื่อได้ว่า พระเจ้ากรุงสยามและเสนาบดีสยาม คงจะทรงพระเมตตากรุณาแก่มองซิเออร์เวเรต์ และคงจะทรงยอมให้มองซิเออร์เวเรต์เข้าไปตรวจเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ในท้องพระคลังโดยราคาถูก ๆ เพื่อจะได้ซื้อให้หมดทุนที่บริษัทได้ส่งไปในคราวนี้ และจะได้เปนโอกาสสิ่งสินค้าเหล่านี้กลับไปพร้อมกับเรือลัวโซได้เมื่อได้จัดการดังนี้ได้แล้วก็เท่ากับเปนการทดลองสำหรับจะได้ทราบว่าต่อไปบริษัทจะทำการค้าขายโดยมีกำไรหรือไม่ มองซิเออร์เวเรต์จะต้องตรวจ สิ่งของฉะเพาะที่ใช้ในเมืองไทยด้วย ให้ทราบว่าสินค้าอย่างใด มีราคาอย่างไรและสินค้าอย่างใดจะมีประโยชน์กว่ากัน และจะควรส่งทองคำหรือเงินเข้าไปจำหน่ายอย่างไร ถ้าหากว่าจะไม่ส่งเงินไปยังเมืองไทยแล้ว จะควรส่งสินค้าชนิดไรของประเทศฝรั่งเศสไปแทนเงินได้บ้าง และถึงการที่จะส่งสินค้าแทนเงินจะได้กำไรเล็กน้อยก็ตาม แต่ต้องให้เปนการที่แน่นอนและทำกันได้เสมอเปนนิตย์ก็ใช้ได้


๘ ในข้อที่เสนาบดีของพระเจ้ากรุงสยามได้พูดกับมองซิเออร์เดลานด์ในชั้นเดียวว่าถ้าบริษัทฝรั่งเศสส่งเรือไปยังเมืองไทยทุก ๆ ปีแล้ว บริษัทจะบันทุกสินค้าเปนราคาเงิน ๑๐๐,๐๐๐ แฟรงก็ได้ คือบันทุกเปนผ้าต่างๆ ที่ทอในประเทศฝรั่งเศสคิดเปนเงิน ๕๐,๐๐๐ แฟรง นอกนั้นให้ส่งเงินสดก็ได้นั้น ข้อนี้มองซิเออร์เวเรต์จะต้องไปพูดฟื้นขึ้นอีกเพราะเปนเรื่องที่สำคัญมาก และจะต้องสืบสวนในข้อนี้ให้ลเอียดด้วย ในเรื่องนี้เมื่อพูดกันในชั้นต้นได้ตกลงกันว่า เมื่อเรือของบริษัทฝรั่งเศสได้ไปถึงกรุงศรีอยุธยาพระเจ้ากรุงสยามจะได้รับซื้อผ้าต่างๆไว้เปนราคา ๕๐,๐๐๐ แฟรง และจะทรงคิดกำไรให้บริษัท ๒๐ หรือ ๒๕ เปอร์เซนต์ซึ่งเปนการดีมาก ถ้าตามที่พูดกันไว้เช่นนี้เปนการที่แน่จริงและจะทำกันได้เสมอ ๆ ไปแล้ว บริษัทก็จะได้มีน้ำใจคิดการให้เปนไปตามที่ตกลงกันนี้ แต่ในเรื่องนี้เมื่อมองซิเออร์เดลานด์รายงานมานั้น มองซิเออร์เดลานด์ได้ลืมข้อสำคัญเสียข้อ ๑ คือลืมส่งตัวอย่างผ้าให้รู้ว่าผ้าที่ต้องการในเมืองไทยนั้นเปนผ้าชนิดไร สีอะไร ราคาอย่างไร และจำนวนที่ต้องการมากน้อยเท่าไร นอกจากข้อนี้มองซิเออร์เดลานด์ยังลืมรายงานให้ทราบว่า เมื่อพระเจ้ากรุงสยามได้รับซื้อผ้าไว้แล้วพระเจ้ากรุงสยามจะชำระเงินอย่างไร และมองซิเออร์เดลานด์ก็หาได้รายงานมาไม่ว่า เงินที่ขายผ้านี้ได้ซึ่งนับเปนต้นทุนมาก จะเอาไปใช้ทำอะไร เช่นว่าจะได้ซื้อสินค้าชนิดใดส่งกลับไปฝรั่งเศส


๙ ทุก ๆ ปี ได้บ้าง เพราะเปนธรรมดาของการค้าขายที่จะต้องสืบสวนตรวจตราให้ลเอียดถ่องแท้เสียก่อน จึงจะลงมือทำการค้าขายนั้น ๆ ได้ ยังเปนการจำเปนที่มองซิเออร์เวเรต์จะต้องรายงานมาให้ลเอียดว่าสินค้าต่าง ๆ ทุก ๆ อย่างซึ่งส่งไปจำหน่ายในระหว่างเมืองต่าง ๆ ในอินเดียมีสินค้าอะไรบ้าง สินค้าชนิดใดมีประโยชน์อย่างใด แต่ในข้อนี้จะต้องจับเอาการค้าขายของพวกอังกฤษและฮอลันดาเปนหลักเกณฑ์จึงจะได้ ยังมีเหตุผลที่ควรจะหวังใจได้ว่า พระเจ้ากรุงสยามคงจะได้พระราชทานสิทธิต่าง ๆ และความสดวกต่าง ๆ ให้แก่บริษัทอันมิได้พระราชทานให้ประเทศอื่น ๆ เลย ในข้อนี้ต้องหวังใจว่าท่านราชทูต (ฝรั่งเศส) ทั้งท่านบาทหลวงเดอชัวซี มองซิเออร์วาเชและท่านคณะบาดหลวงทั้งปวงคงจะช่วยเหลืออุดหนุนทุกอย่างเปนแน่ มองซิเออร์เดลานด์ บูโร ได้ส่งสำเนาหนังสือสัญญาที่ได้ทำไว้กับพระเจ้ากรุงสยาม อันเปนสัญญาซึ่งพระเจ้ากรุงสยามยอมพระราชทานพริกไทยที่จะได้เพาะปลูกในประเทศสยามทั้งหมดให้แก่บริษัท โดยไม่ยอมให้ชาติใด ๆ ได้รับซื้อพริกไทยนี้ได้เปนอันขาด ในเรื่องนี้เปนสิ่งที่บริษัทเห็นชอบด้วยทุกประการ และบริษัทจะได้คอยปฏิบัติตามข้อความในหนังสือสัญญานั้นทุกๆข้อ เพราะเชื่อว่าข้างฝ่ายพระเจ้ากรุงสยามคงจะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยดังมองซิเออร์


๑๐ เดลานด์ได้พยากรณ์ไว้เปนแน่ และหนังสือสัญญาเรื่องการค้าพริกไทยนี้ ยังอีก ๒ ปีครึ่งจึงจะเปนอันใช้ได้ บัญชีของเครื่องราชบรรณาการซึ่งพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ มกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารี ส่งไปถวายสมเด็จพระนารายณ์และพระราชธิดา และของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ส่งไปพระราชทานมองซิเออร์คอนซตันซ์ กับบัญชีของพระเจ้าหลุยที่๑๔ ได้พระราชทานแก่ราชทูตสยาม ทั้งบัญชีของต่าง ๆ ซึ่งท่านดุกดูเมน ท่านมาควิศเดอลามูร์ ท่านมาควิศเดอครัวซี ท่านมาควิศเดอเซเนเลได้ส่งฝากไปยังเมืองไทย








เครื่องราชบรรณาการของ พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ หมายเลข ๘ พระมหามงกุฎทำด้วยทองคำ มีดอกฝังเพ็ชร์ ทับทิม มรกต และไข่มุก ขนนกใหญ่ทำด้วยทองคำ และฝังเพ็ชร ทับทิม มรกต และไข่มุก กระจกเงาใหญ่ทำด้วยแก้วอย่างดีขอบประดับทองคำ ๑ กระจกกรอบ กระจกฝังเพ็ชร์ และทำเปนดอกลายดุล ทำด้วยทองคำลงยา หมายเลข ๑ เครื่องอานม้า ๑ อาน ซองสำหรับใส่ปืนพกบังเหียนและสายรัดทึบปักลายดุล โกลนลงยาฝังพลอยต่าง ๆ ทั้งเครื่อง เสื้อกำมะหยี่ ๔ เสื้อ เปนเสื้อดำ ๒ เสื้อ แดง ๒ เสื้อ เสื้อตัว ๑ มีแขน อีกตัว ๑ ไม่มีแขน เหมือนกันทั้ง ๒ สี เสื้อนั้นปักเปนดอกลายทอง หมายเลข ๔ ผ้าแพรขอบปักลายทองฝังไข่มุก แพรดำมีลูกไม้แดง แพรแดงมีลูกไม้สีเขียว แพรเหล่านี้ได้ปักตามลวดลายซึ่งส่งตัวอย่างมาจากเมืองไทย



๑๒ เข้มขัด ๒ สาย ปักลายทอง ขอบทำเปนทองลงยา หมายเลข ๑๐ ลูกโลกทำด้วยเงิน ๑ อัน กว้าง ๑๐ นิ้ว มีฐานใหญ่ทำด้วยเงินเหมือนกัน มีเส้นรอบ ทั้งหมดทำด้วยฝีมืออย่างประณีต บ้านเมืองในโลกทุกแห่งสลักข้างในมีลานและเครื่องกลสำหรับทำให้พระอาทิตย์พระจันทร์ และดาวหมุนได้ ลูกโลกนี้บรรจุในหีบปิดผ้าไหมทองและเงิน ซับในบุกำมะหยี่ หมายเลข ๑๓ ลูกโลกกลม ๑ อัน ในโลกนี้ได้สลักรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตรงตามตัวจริงตามลองตีจูดแลตีจูดทุกอย่าง ดวงดาวนั้นทำด้วยทองคำ ข้างในมีเครื่องนาฬิกาตีชั่วทุ่มชั่วโมงจนถึงตี ๑๒ ที ลูกโลกนี้หมุนได้โดยมีเครื่องพิเศษสำหรับทำให้พระอาทิตย์พระจันทร์และดาวเดินได้ตามตัวจริง พระอาทิตย์นั้นก็เดินประจำวันประจำปี พระจันทร์และดาวนั้นก็เดินอย่างของเปนจริงทั้งสิ้น เส้นต่าง ๆ นั้นฝังลวดเงิน เลขชั่วโมงนนลงยา ลูกโลกอันนี้บรรจุใส่หีบอย่างงดงามที่สุด หมายเลข ๘ นาฬิกา ๑ เรือนทำด้วยทองคำลงยาหลายสี มีระฆังตีชั่วทุ่ม ชั่วโมงและครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง มีเข็มบอกวันบอกเดือนตามลัทธิของไทย โดยมีรูปพระจันทร์ ๒ ดวง ซึ่งโผล่ขึ้นมาทีละดวง ๆ ๑ มีกำหนด ๓๐ วัน อีกดวง ๑ มีกำหนด ๒๙ วัน ตามลัทธิคิดเดือนปีของไทย


๑๓ นาฬิกาเรือนนี้เปนฝีมือ ตูเรต์เปนผู้ทำ และมีดอกไม้ทำด้วยทองคำประดับทั้งเรือน นาฬิกาเรือนเงินอีก ๑ เรือน มีกระจก ๒ หน้า มีพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ให้เห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตกตลอดปี และมีพระจันทร์ขึ้นพระจันทร์ตกตามลัทธิคำนวณอย่างไทย นาฬิกาเรือนนี้มีดอกไม้ทำด้วยเงินประดับรอบ นาฬิกาพกตลับทองคำลงยา ๑ เรือน ตลับนั้นฝังดอกทองคำ นาฬิกาเรือนนี้เปนฝีมือช่าง ตูเรต์ เหมือนกัน หมายเลข ๔ เสื้อเกราะทำด้วยหนัง ๑ อัน ปักลวดทอง แขน เข็มขัด ขอ ลงยาชุบทอง หมายเลข ๑๘ กระจกเงาบานใหญ่ ๑ กระจก มีกรอบใหญ่ผิดปรกติทำด้วยอำพัน มีลายภาพต่าง ๆ สลักเปนลายดุล ข้างบนมีตราของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทั้งฉลองพระองค์คลุม สลักลายดุลทั้งสิ้น หมายเลข ๒๐ โถใหญ่ทำด้วยอำพันสลักลายดุล เลี่ยมทองคำและลงยา หมายเลข ๑๕ หีบแก้วอย่างดี ขอบลงยา ๑หีบ


๑๔ หมายเลข ๔๐ ปืนอย่างแบบไทย ๒ กระบอก สลักลายต่าง ๆ ปลอกเงิน ลำกระบอก ฝังลวดทองและเงิน ด้ามทำด้วยไม้สลักลายต่าง ๆ ถุงใส่ปืนทำด้วยหนังสีแดง หมายเลข ๒๖ ผ้าไหมทองและเงิน ๔ พับตามลายฝรั่งเศส คือ พับ ๑ เปนผ้าไหมพื้นทอง มีลวดลายทอง และเงินขอบเปนลายสีเขียว พับ ๑ ลายทองพื้นเขียว มีลวดทองแดงและเงิน ขอบสีแดงเข้ม พับ ๑ ลายทองพื้นม่วง มีลวดทองและเงิน ขอบสีเขียว ผ้าดอก ๑๐ พับขอบทอง มีลายตามแบบของไทย คือ พับ ๑ พื้นทอง ขัดเปนมัน พับ ๑ พื้นสีแดงเข้ม ดอกทอง พับ ๑ พื้นสีแสด ดอกทอง พับ ๑ พื้นสีน้ำเงิน ดอกทอง พับ ๑ พื้นสีดำ ดอกทอง พับ ๑ พื้นสีขี้เท่าอ่อน ดอกทอง ผ้าไหมทอง และเงิน ๒ พับ เปนผ้าอย่างดี มีลายตามแบบของฝรั่งเศส คือ พับ ๑ พื้นทอง ลายทอง ดอกทอง และปักสีต่างๆ พับ ๑ พื้นทอง สีแดงแก่ ลายก้านขดทองและเงิน

๑๕ พับ ๑ ลายทองและเงินพื้นดำ ปักเส้นทองเปนลายก้านขด ปักด้วยไหมขอบสีแดงแก่ พับ ๑ ผ้ายืนเขียวพุ่งทอง ขอบปักไหมทองเปนลายก้านขด พับ ๑ ผ้ายืนสีแดงพุ่งไหมทอง ขอบปักไหมทองเปนลายก้านขดเล็ก พับ ๑ ผ้าผืนสีบานเย็นพุ่งไหมทอง เส้นทองเปนลายก้านขด ขอบเงิน พับ ๑ ผ้ายืนสีน้ำเงินพุ่งไหมทองและเงิน ลายก้านขดเงิน พับ ๑ ยืนสีน้ำเงินพุ่งไหมทอง หมายเลข ๓๔-๓๖ โต๊ะศิลาอ่อน ๘ โต๊ะ ขอบโต๊ะและขาสลักลายปิดทอง บัญชีของที่มกุฎราชกุมารส่งไปถวายพระเจ้ากรุงสยาม หมายเลข ๖ นาฬิกาใหญ่ ๑ เรือน หน้ากระจก ๔ หน้า มีหลัก ๔ หลัก ที่ยอดหลักทำเปนรูปดอกลีซ ๔ ดอก หลักนั้นตั้งบนลูกแก้ว ๔ ลูก ฝานาฬิกามีลวดทองฝังพลอยต่าง ๆ ข้างบนนาฬิกาทำเปนรูปโคม มีลายใบไม้ทอง บนยอดทำเปนรูปดอกลีซ ๑ ดอก หมายเลข ๔ เข็มขัด ๒ สายปักไหมทอง หัวเข็มขัดทำด้วยทองคำลงยา หมายเลข ๔๐ ปืนเล็กอย่างแบบไทย ๒ กระบอก ปลอกเงิน ลำกระบอกฝังลวดทอง ด้ามไม้ฝังลวดเงิน ถุงใส่ปืนทำด้วยหนังสีแดง ๑๖ หีบเหลี่ยมยาวปิดทองสองชั้น ๑ หีบ ในหีบนี้มีลิ้นชัก ๑ ลิ้นชัก กับหีบเล็ก ๑ หีบ บนหลังหีบนี้มีตัวอักษรปิดทอง และมีรูปลายสลักปิดทอง กับมีลวดลายลงยาฝังเพ็ชร ๓๙ เมล็ด นาฬิกาพกตลับทองคำ ๑ เรือน มีกระจกสองหน้า และมีรูปพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก กับพระจันทร์ข้างขึ้นข้างแรมตามวิธีคำนวณของไทย นาฬิกาเรือนนี้เปนฝีมือนายช่างชื่อ ตูเรต์ เปนผู้ทำ ที่ฝาตลับนั้นเปนลายดอกไม้ทอง นาฬิกาลูกตุ้มเรือนเงิน ๑ เรือน ตีชั่วทุ่มชั่วโมงและครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง มีเข็มบอกวันคืนตามวิธีคำนวณของไทยโดยมีพระจันทร์ ๒ ดวง ผลัดกันขึ้นผลัดกันลง พระจันทร์ดวง ๑ นั้นขึ้น ๓๐ วัน อีกดวง ๑ กำหนด ๒๙ วัน เรือนนาฬิกามีลายดอกไม้เงิน ผ้าปักทองและเงิน ๒ พับ ตามลายอย่างประเทศฝรั่งเศส คือ พับ ๑ เปนผ้าพื้นทองลายทองและเงิน เปนช่อง ๆ สีแดงไฟ พับ ๑ เปนผ้าไหมทองพื้นสีน้ำเงินปักลายทองและเงิน ขอบเปนสีแดง ไฟ ผ้าไหมทองและเงินอีก ๒ พับ เปนผ้าอย่างดี หมายเลข ๒๖ ผ้าสีแดงและทอง ๑ พับ ปักไหมทองเปนทองเปนลาย ลเอียด ผ้าอีก ๑ พับพื้นทอง ลายเขียว ทอง และเงิน ปักไหมทอง และเงินเปนลายก้านขด ๑๗ ผ้าไหมทองและเงิน ๕ พับ ปักไหมทองตามลายของไทย คือ พับ ๑ พื้นเงิน พับ ๑ พื้นเหลืองปักไหมทอง พับ ๑ พื้นและลวดลายเหมือนกับผืนก่อน พับ ๑ พื้นเขียวปักไหมทอง พับ๑ พื้นสีเขียวแก่ปักไหมทอง หมายเลข ๑๕ กล่องแก้วอย่างงาม ๑ กล่อง มีลายลงยาปิดทอง หมายเลข ๓๖ โต๊ะหินศิลาอ่อน ๔ โต๊ะ ขอบและเท้าปิดทอง







บัญชีของที่มกุฎราชกุมารี ส่งไปถวายต่อสมเด็จพระราชธิดา แห่งกรุงศรีอยุธยา หมายเลข ๘ ดอกกุหลาบใหญ่ ๔ ดอกฝังเพ็ชร์ ดอกกุหลาบใหญ่ขึ้นไปอีก ๑ ดอก ฝังเพ็ชร์เหมือนกัน ดอกกุหลาบใหญ่ ๑ ดอก ฝังเพ็ชร์และมรกตซึ่งได้คัดเลือกอย่างดี กระจกเงาทำด้วยแก้วอย่างดีขอบหุ้มทอง กรอบและกระจกด้านหลังมีลายใบไม้ดุล ฝังเพ็ชร์และทับทิม หีบทองคำ ๑ หีบ ในหีบนั้นมีตลับทองคำ ทั้งหีบและตลับ สลักลายและฝังเพ็ชร์ หีบทองคำลงยา ๒ หีบ มีลายดอกไม้โต ๙ นิ้ว หีบทองคำอีก ๒ หีบ ขนาดเดียวกันลายดุลร่องทาแดง หีบทองคำอีก ๒ หีบ ลงยาเหมือนกัน แต่ลายต่างกัน ถ้วยทองคำลงยาถ้วยใหญ่ ๒ใบ กระจกเงาใหญ่กรอบทองคำ ๑ กระจก กระจกนี้ทำเปนรูปหีบลงยา และมีกระจก ๒ บาน



๑๙ หมายเลข ๑๖ หีบใหญ่ทำด้วยอำพัน ๑ หีบ มีลายภาพดุล ฝาหีบเปนรูปคน และรูปต้นไม้ หีบใหญ่และงามมากทำด้วยกระจกอย่างดี ๑ หีบ หมายเลข ๘ นาฬิกาตลับทองคำ ๑ เรือน นาฬิกาพกใหญ่ ๑ เรือน มีบอกพระจันทร์ตามลัทธิคำนวณอย่างไทย ตลับทำเปนลายดอกไม้ดุลหน้าปัดทอง นาฬิกาพกอีก ๑ เรือนลงยาสีเขียว หมายเลข ๒๖ ผ้าและผ้าไหมทองกับเงินอย่างงามมีลวดลายอย่างแบบฝรั่งเศส รวม ๕ พับ คือ พับ ๑ พื้นเงินลายเปนสีต่าง ๆ ปักไหมทองลายก้านขด พับ ๑ พื้นเขียวทองและเงินปักไหมทองลายก้านขด ขอบเงิน พับ ๑ เปนผ้าดอกทอง ปักไหมทองแซมเปนลายก้านขดบ้างเล็กน้อย พับ ๑ พื้นสีน้ำเงินและเงินและเงินพุ่งไหมทองเปนลายโปร่ง ปักไหมเงิน พับ ๑ เปนผ้าสีเหลือง ดอกปักด้วยไหมทอง มีแพรสีเขียวทับเปนเส้นเล็กๆ


๒๐ หมายเลข ๑๗ หีบใหญ่ ๑ หีบ ฝังลวดลายใช้ไม้อย่างดีมีราคา และทำอย่างฝีมือประณีต บัญชีของที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ส่งไปพระราชทานมองซิเออร์คอนซตันซ์ หมายเลข ๘ หีบใหญ่หนึ่งหีบ มีพระรูปพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ฝาหีบฝังเพชร์ หมายเลข ๑๑ ดาบฝักทองคำ ๑ เล่ม ที่มือจับทำอย่างแบบของไทย ฝักนั้นฝังพลอย หมายเลข ๘ นาฬิกาพกทองคำ ลงยาสีแดง ๑ เรือน เปนฝีมือทองนายช่างตูเรต์เปนผู้ทำ นาฬิกาพกทองคำอีก ๑ เรือน ตลับทำเปนลายใบไม้ทองคำ นาฬิกาพกทองคำอีก ๑ เรือน ลงยาสีเขียว ตลับทำเปนลายดอกไม้ทองคำ หมายเลข ๔๐ ปืน ๑ กระบอก สกัดลายดุล ลำกระบอกฝังลวดทองอย่างงามมาก และทำเปนร่องสองอย่าง ถุงสำหรับใส่ปืนทำด้วยหนังแดงเดินเส้นทอง


๒๑ ปืนอีก ๑ กระบอกสลักลายดุล ลำกระบอกเซาะเปนร่องฝังลายทองด้ามฝังลวดเงิน ปลอกทองมีถุงใส่พร้อม ปืนอีก ๑ กระบอก สลัก ลายภาพ ลำกระบอกฝังลายทอง มีถุงใส่พร้อม ปืนพก ๑ คู่ สลักลายดุลหุ้มทองคำ ถุงใส่ปืนทำด้วยหนังเดินลายทอง ปืนพกอีก ๑ คู่ สลักลายภาพลำกระบอกเดินลวดทอง ด้ามฝังลายเงิน ถุงทำด้วยหนัง ปืนอีก ๑ คู่ ด้ามงาทำเปนศีร์ษะราชสีห์ ( ไลออน ) สลักลายด้วย หมายเลข ๔๕-๔๖ เชิงเทียนกิ่งอย่างงาม ๒ อัน กิ่งนั้นปิดทอง และมีระบายแก้วด้วย หมายเลข ๓๓ พรมเมืองแฟลนเดอ ๑ ผืน ทำเปนลายภาพเปนเรื่องตำนาน ของ เดียนา หมายเลข ๒๐ หีบทำด้วยอำพัน ๑ หีบ สลักลายภาพดุล หมายเลข ๒๖ ลูกประคำ ทำ ด้วยอำพัน ๑ สาย มีไม้กางเขนห้อย และมีเครื่องประดับอย่างงดงามมา

๒๒ ผ้าแพรผ้าไหมทองและเงินรวม ๑๐ พับ มีลวดลายตามแบบของประเทศฝรั่งเศสคือ พับ ๑ พื้นสีเขียว งามมาก พับ ๑ พื้นสีชมภูอ่อน มีลายทองและเงินแซม พับ ๑ พื้นสีน้ำเงิน มีลายทองและเงิน อีกพับ ๑ พื้นสีน้ำเงิน มีลายทอง พับ ๑ สีแดง ลายทอง พับ ๑ สีแดงแก่ แรทอง หมายเลข ๓๒ ผ้าอย่างดี ๗ พับ สีแดง สีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีไข่มุก และสีเหลืองอ่อน รวมเปนผ้า ๑๐๖ หลา ผ้าสักหลาดสีแดง ๑ผืน หมายเลข ๗ เสื้อ ๑ ตัว เปนฉลองพระองค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสอย่างดีที่สุด พร้อมทั้งหมวก ถุงมือ ถุงเท้า

หมายเลข ๒-๓ อานม้าอย่างงาม ๒ เครื่อง เปนอานม้าของหลวง อาน ๑ พื้นกำมะหยี่แดงปักลายทอง มีเครื่องพร้อมทั้งโกลนปิดทองและซองสำหรับใส่ปืนพกด้วย อีกอาน ๑ นั้นพื้นกำมะหยี่สีเขียว ปักลายทองมีเครื่องพร้อมทั้งโกลน ปิดทอง และซองสำหรับใส่ปืนพกด้วย

๒๓ บัญชีของที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส พระราชทานแก่ราชทูตที่ ๑ หีบ ๑ หีบ มีพระรูปพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ฝาหีบฝังเพชร์ หมายเลข ๑๑ ดาบฝักทองคำ อย่างดาบแขกเตอร์กีด้ามและฝักฝังพลอยสีตะแบก พลอยสีขาวและทับทิมเม็ดใหญ่ ๆ หมายเลข ๔๒ เชิงเทียนแก้วอย่างงามมีกิ่ง ๑๐ กิ่ง ๑ อัน กิ่งเชิงเทียนนั้นมีร่องทอง และมีกิ่งยื่นสำหรับรับขวดปักดอกไม้ มีเฟื่องแก้วและตรงกลางมีลูกแก้วใหญ่ ๑ ลูก หมายเลข ๓๓ พรมเมืองแฟลนเดอ ๑ ผืน มีลายเปนภาพคนและรูปต้นไม้ หมายเลข ๓๙ ปืน ๑ กระบอก สลักลายดุล ปลอกทองคำ ลำกระบอกฝังลายทองและลายเงินสลับกัน ปืน ๒ นัด ๑ กระบอก ลำกระบอกฝังลายทอง ปืนอีก ๑ กระบอก สลักลายต่าง ๆ ปืนอีก ๑ กระบอก สลักลายต่าง ๆ แต่ที่ศูนย์ฝังลวดเงินโดยรอบ ปืนพก ๑ คู่ สลักลายดุล ลำกระบอกฝังลวดเงินและทองสลับกัน ปลอกเงินและทอง ปืนพกอีก ๑ คู่ สลักลายดุล ลำกระบอกฝังลายทอง ปืนพกอีก ๑ คู่ สลักลายต่าง ๆ ๒๔ หมายเลข ๕ นาฬิกามีลูกตุ้มเปนนาฬิกา ๔ เหลี่ยม ๑ เรือน นาฬิกานี้เดินได้ ๑๕ วัน ตีทุกชั่วทุ่มชั่วโมง และทุกครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง ตัวนาฬิกาฝังลวดลายต่าง ๆ เสาสลักเปนลายเกล็ดเต่า หมายเลข ๘ นาฬิกาพกทองคำเรือนเล็ก ๑ เรือน ตลับสลักลายใบไม้ นาฬิกาพกทองคำลงยา ๑ เรือน ฝาตลับเปนรูปพระอังคาร กับพระศุกร และมีภาพคนและรูปบ้านเมืองด้วย หมายเลข ๒๕ ผ้าแพรและผ้าไหมทองและเงินรวม ๘ พับ มีลวดลายตามแบบของประเทศฝรั่งเศส คือ พับ ๑ เปนผ้าไหมทองพื้นม่วง ปักไหมทองเปนลายก้านขด พับ ๑ พื้นสีน้ำเงินทองและเงิน ปักไหมทองและมีลายเงิน เปนลายก้านขด พับ ๑ พื้นเขียวแรทอง ปักไหมทองเปนลายไคว่และลายก้านขด พับ ๑ พื้นแดงแก่ ปักไหมเงินทั้งผืนเปนลายก้านขด พับ ๑ พื้นขาวแร ทอง แซมไหมสีแดงและปักไหมทอง พับ ๑ พื้นเขียวเส้นทอง มาจากเมืองเนเปอล หมายเลข ๒๗ ผ้าอย่างดี ๑๕ พับ สีแดง สีเขียว สีม่วง สีไข่มุก รวมเปนผ้า ๒๔๕ หลา ผ้าสักหลาดสีแดง ๒ พับ รวมเปน ๕๕ หลาครึ่ง ๒๕ บัญชีของต่างๆ ที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ราชทูตที่ ๒ เหรียญใหญ่ ๑ เหรียญ: เปนเหรียญพระรูปพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ มีสายทองคำสำหรับห้อย ๑ สาย หมายเลข ๔๓ เชิงเทียนแก้ว ๑ อัน มีกิ่ง ๑๐ กิ่ง ร่องปิดทอง มีรูปมงกุฎทำด้วยแก้ว และมีลูกรุ่ยแก้วห้อย หมายเลข ๕ นาฬิกาลูกตุ้มเดิน ๑๕ วัน ๑ เรือน ตีชั่วทุ่มชั่วโมงและครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง นาฬิกาทำเปนรูปปัศตันพื้นทองแดงปิดทองเครื่องประดับก็ปิดทองด้านเหมือนกัน หมายเลข ๘ นาฬิกาพกเรือนทองลงยา ๑ เรือน บนฝานั้นมีลายภาพ แสดงเรื่องลักคนชื่อยุโรป ข้างหลังนั้นมีลายภาพเปนรูปพระศุกร เล่นอยู่กับนางเงือก นางเงือกนั้นขี่บนหลังปลา ข้างในนาฬิกานั้นเปนรูปบ้านเมือง หมายเลข ๓๓ นาฬิกาพก ๔ เหลี่ยม ๑ เรือน ลวดลายทำเปนรูปใบไม้ทอง หมายเลข ๓๙ พรมเมืองแฟลนเดอ ๑ ผืน มีภาพเด็กกำลังเล่นกันอยู่ ปืน ๑ กระบอก สลักลายดุล ปิดทอง ลำกระบอกฝังเส้นทอง


๒๖ ปืนอีก ๑ กระบอก ปลอกเงิน สลักลายฝังลวดเงิน ปืนสลักลายอีก ๑ กระบอก ปืนอีก ๑ กระบอก ลำกระบอกสลักลายต่าง ๆ ที่ศูนย์ก็สลักลาย ปืนพก ๑ คู่ สลักลายดุล ปลอกและลำกระบอกฝังลายทอง ปืนพกอีก ๑ คู่ สลักลายต่าง ๆ ที่ด้ามฝังลวดเงินเปนลาย ปืนพกอีก ๑ คู่ ลำกระบอก และด้ามฝังลายเงิน หมายเลข ๒๕ ผ้าและผ้าไหมทองและเงิน ๔ พับ ลายผ้าตามแบบของฝรั่งเศส คือ พับ ๑ พื้นม่วงแก่แซมทองและเงิน ปักทองเปนลายก้านขด และปักไหมเงินเปนลายโปร่ง พับ ๑ พื้นแดงแซมทองและเงินปักไหมทอง พับ ๑ สีกาแฟ ปักไหมเงินและไหมสีต่าง ๆ พับ ๑ พื้นเหลืองแซมเงิน ปักไหมเงิน พับ ๑ พื้นเขียวแซมทองและเงิน ปักไหมเปนลายต่างๆ พับ ๑ พื้นแดงแซมเขียวและเงิน พับ ๑ สีบานเย็นแซมทอง พื้นเปนไหม ปักไหมดำ พับ ๑ พื้นสีน้ำเงิน แซมทองและเงิน หมายเลข ๒๙-๓๐ ผ้าอย่างเนื้อดี ๑๕ พับ สีแดง สีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีไข่มุก สีเหลือง รวมเปนผ้า ๒๓๓ หลา กับเศษ ๓ ส่วน ๔ ผ้าสักหลาด ๒ ผืน รวมเปนผ้า ๒๙ หลาครึ่ง ๒๗ บัญชีของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ราชทูตที่ ๓ เหรียญพระรูปของพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ หนึ่งเหรียญ มีสายสร้อยทองคำ ๑ สาย หมายเลข ๙ นาฬิกาลูกตุ้มเดิน ๑๕ วัน ๑ เรือน ตีชั่วทุ่มชั่วโมงและครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง เรือนนาฬิกา ทำเปนเกล็ดเต่าฝัง ลายและมีลวดลายทองด้วย หมายเลข ๘ นาฬิกาพกทองคำลงยา ๑ เรือน เปนภาพคนและรูปบ้านเมือง นาฬิกาพกทองคำลงยาอีก ๑ เรือน ลงยาสีเขียว ปืน ๑ กระบอก สลักลายดุลลำกระบอกทำเปนร่องปิดลายทอง ปืนอีก ๑ กระบอก สลักลายมาก ปืนอีก ๑ กระบอก สลักลายเหมือนกัน ลำกระบอกฝังลายทอง หมายเลข ๓๙ ปืน ๑ กระบอก สลักลายภาพต่าง ๆ ปืนอีก ๑ กระบอก สลักลายภาพต่าง ๆ เหมือนกัน ปืนพก ๑ คู่ สลักลายภาพต่าง ๆ ลำกระบอกฝังลายทอง ด้ามสลักเปนรูปใบไม้ ปิดเงิน ปืนพก ๑ คู่ สลักลายภาพต่าง ๆ ปืนพกอีก ๑ คู่ สลักลายภาพต่าง ๆ เหมือนกัน หมายเลข ๓๓ พรมเมืองแฟลนเดอ ๑ ผืน ปักลายภาพคนและสัตว์ ๒๘ หมายเลข ๔๔ เชิงเทียนใหญ่ ๒ อัน มีกิ่ง ๖ กิ่ง ร่องปิดทองเครื่องประดับ เอาแก้วทำเปนรูปดาว หมายเลข ๒๕ ผ้าแพรและผ้าไหมทองไหมเงิน ตามลวดลายของประเทศฝรั่งเศส ๗ พับ คือ พับ ๑ พื้นสีน้ำเงินและทองงามมาก ปักไหมทอง พับ ๑ สีกาแฟและสีน้ำเงิน ปักด้วยไหมเงิน พับ ๑ สีแดงและเงิน มีดอกทองปักไหมเงิน พับ ๑ สีเนื้อคนและเงินมาแต่เมืองเนเปอล แซมไหมเขียว พับ ๑ พื้นน้ำเงินกับทอง มาแต่เมืองเนเปอล พับ ๑ สีเหลืองมาแต่เมืองเนปอล แซมไหม พับ ๑ พื้นแดงและเขียว หมายเลข ๓๑ ผ้าอย่างเนื้อดี ๗ พับ สีแดง สีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีไข่มุก รวมเปนผ้า ๘๓ หลา เศษ ๓ ส่วน ๔ บัญชีของที่ท่านดุกดูเมน ส่งไปประทานมองซิเออร์คอนซตันซ์ หมายเลข ๕๐ เชิงเทียนใหญ่ทำด้วยแก้วอย่างดี ๑ อัน มีกิ่ง ๑๒ กิ่ง ทำเปนร่องปิดทอง ที่กลางมีมงกุฎและมีลูกรุ่ยและลูกแก้วประดับรอบมงกุฎข้างล่างมีลูกรุ่ยห้อยเปนระย้า กลางมีลูกแก้วใหญ่ ๑ ลูก ๒๙ ผ้าไหมทองและไหมเงิน ๒ พับ งามมากมีลวดลายอย่างแบบของฝรั่งเศส หมายเลข ๕๑ นาฬิกาลูกตุ้ม ๑ เรือนงามมาก ตีชั่วทุ่มชั่วโมง และครึ่งชั่วทุ่มชั่วโมง เดินได้ ๘ วัน โถ ๒ โถ ถ้วยแก้ว ๒ ใบ จานรองโถ ๑ จาน คนโทน้ำ ๑ ใบ ขวด ๒ใบ ถังน้ำ ๑ ใบ ถ้วยใหญ่ ๑ ใบ ของเหล่านี้ทำด้วยแก้วเจียรนัยทั้งสิ้น หีบใบใหญ่ทำด้วยแก้วเจียรนัย ๑ หีบ ในหีบใบนี้มีพัดเขียนรูปภาพคน มีเข็มขัดเงิน และเข็มขัดทอง กับมีรูปท่านดุกดูเมน ๑ รูป หมายเลข ๑๔ สมุดเล่มใหญ่ ๑ เล่ม มีรูปต่าง ๆ แสดงการที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้ทรงมีไชยชนะในการสงคราม มีรูปคนและรูปบ้านเมืองตามของที่เปนจริง และมีแผนที่ต่าง ๆ ด้วย สมุดเล่ม ๑ ทำด้วยหนังฟอกอย่างดี และมีคำอธิบายเรื่องต่าง ๆ สมุดเล่มนี้หุ้มหนังขอบเดินลายทอง กลางสมุดมีตราของพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ข้างมุมมีเลขบัญชีของที่ท่านมาควิศเดอลูมาส่งไปฝากมองซิเออร์คอนซตันซ์ หมายเลข ๕๒ โต๊ะหินศิลาใหญ่ ๖ โต๊ะหินศิลานั้นเปนศิลาลายสีต่าง ๆ งามมาก


๓๐ หมายเลข ๕๓ พรมใหญ่อย่างงาม ๑ ผืน บัญชีของที่ท่านมาควิศเดอครัวซี ส่งไปฝากมองซิเออร์คอนซตันซ์ หมายเลข ๕๔ กระจกเงาบานใหญ่ ๑ กระจก กรอบนั้นฝังพลอยสีน้ำเงิน เครื่องประดับก็ฝังพลอยสีน้ำเงินเหมือนกัน ยอดกระจกก็ทำเปนลายฝังพลอยสีน้ำเงินเหมือนกัน หมายเลข ๕๕ กระเช้าแก้วใหญ่ ๆ ๑๒ กระเช้า ชามอ่างเงินกาไหล่ทองใหญ่ ๒ ใบ ที่ก้นชามอ่างนั้นทำเปนรูปแสดงพงศาวดารเรื่อง ซีปีอองเดอมาอันตวน และเรื่องคเลโอปาตรา ชามอ่างใหญ่ ๑ ใบ ฝังแผ่นเงินกาไหล่ทองมีรูปเนปทูนขี่รถมีม้าน้ำลาก ๔ ตัว หมายเลข ๕๖ โถอย่างงาม ๑ ใบ ทำเปนรูปน้ำพุ มีชามอ่างทำด้วยเงินกาไหล่ทอง ๒ ใบ ๆ ๑ ทำ เปนรูปคนยืนบนแท่นเงินกาไหล่ทองประคองอีกใบ ๑ ตั้งอยู่บนรูปอาวุธทำด้วยเงินกาไหล่ทอง และมีห่านทำด้วยเงินยืนอยู่บนฟองทอง ยอดโถนั้นทำเปนรูป เมอคูรี เงิน รูป ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่พ่นน้ำเปนน้ำพุออกมาทั้งสิ้น


๓๑ ไม้กางเขนทำด้วยอำพัน ๑ อัน เปนของแปลกน่าดูมาก หีบแก้วเจียรนัยใหญ่๑หีบ มีเฟื่องดอกกุหลาบเพ็ชร์กับใบไม้ทองคำ ทำอย่างประณีต งดงามมาก ในหีบนั้นมีถุงมือ ๑๒ คู่ พัดทำด้วยแพร ๑ เล่ม บนแพรนั้นระบายสีเปนรูปการเลี้ยงใหญ่ในประเทศ ฝรั่งเศสซี่พัดนั้นฝังลายทองและฝังไข่มุกด์กับเพชร์เมล็ดเล็ก ๆ ด้ามพัดนั้นมีหมุดทองขันเข้าขันออกได้ และปลายซี่มีดอกกุหลาบทองทุกซี่ พัดอีก ๗ เล่มสีต่าง ๆ กัน และรูปที่เขียนบนพัดนั้นก็ต่าง ๆ กันทุกเล่ม พัดเหล่านี้มีผ้ารีบิน ทำด้วยทองคำและเงิน หีบแก้ว ๑ หีบ ในหีบนั้นมีกำไลมือทำด้วยกัลปังหา สลักลาย ๑ คู่ กัลปังหาสลักลาย ๑ คู่ มีห่วงทำด้วยเพ็ชร์ห้อยทั้งสองอัน นาฬิกาพกทองคำลงยาฝังเพ็ชร์ เม็ดเล็ก ๆ ๑ เรือน กุญแจสำหรับไขนาฬิกาฝังเพ็ชร์ กล่องใส่ยานัดถุ์ ทำด้วยทองคำ ลงยาฝังทับทิม ๑ กล่อง ตรงหมุดสำหรับเปิดนั้นฝังทับทิมเม็ดใหญ่ ลูกประคำทำด้วยกัลปังหา อย่างงาม ๑ สาย ลูกประคำทำด้วยกัลปังหาร้อยติดกัน ๑ สาย ลูกประคำทำด้วยอำพันเปนของมีราคามาก ๑ สาย กัลปังหาอย่างงาม ๑ สาย หีบหุ้มแพรเขียว ๑ หีบ มีตะปูเงินฝังประกับ ในหีบมีขวดแก้ว หุ้มเงิน ๑๒ ขวด ในขวดเหล่านี้มีน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ

๓๒ ถุงมือมาจากเมืองสะเปญ ๒๔ คู่ มีผ้ารีบินสีต่าง ๆ ห้อย หนังมาจากเมืองสะเปญเปนของแปลก ๒ ผืน ถ้วยลงยาอย่างงามมีฝาพร้อม ๑ ใบ ที่ถ้วยนี้เขียนภาพการสงครามต่างๆ และมีถุงแพรแดงดอกเงินหุ้มด้วย ถ้วยแก้วมีเท้าเงิน ๑ ถ้วย ใส่ถุงแพรแดง ถ้วยแก้วทำเปนรูปโถมีฝา ๑ ใบ ใส่ถุงแพรแดงดอกทอง หีบหุ้มแพรแดง ๑ หีบ ในหีบนั้นมีถ้วยแก้วเจียรนัย ๖ ถ้วย หีบหุ้มแพรแดงอีก ๑ หีบ มีถ้วยแก้วเจียรนัย ๕ ถ้วย บัญชีของที่มาควิศเดอเซเนเล ฝากไปให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ หมายเลข ๑๘ กระจกเงาใหญ่รูป ๘ เหลี่ยม ๒ บาน ขอบทำด้วยแก้วเจียรนัย หมายเลข ๒๐ อ่างสำหรับใส่น้ำมนต์ทำด้วยแก้ว ๑ ใบ ขอบเลี่ยมเงิน หมายเลข ๓๕-๓๗ โต๊ะหินศิลาอ่อน ๔ โต๊ะ ตัวไม้และเท้าสลักปิดทอง หมายเลข ๒๔ พรมหนังพื้นเขียว ลายทอง ๑ ผืน หมายเลข ๔๗ ตุ๊กกระตาหินศิลาอ่อนใหญ่ ๑ อัน เปนรูปเด็ก ๒ คน ประคองโถ หมายเลข ๔๙ รูปคนสำคัญ ๆ ในราชสำนักฝรั่งเศส ๕๐ รูป กรอบปิดทอง

๓๓ หมายเลข ๑๘ ปืนสลักลายมาจากเมืองคานาดา ๑ กระบอก ปืนกระบอกนี้ ทำด้วยฝีมืออย่างประณีต ใส่ถุงทำด้วยหนังแดงปิดลายดอกไม้ทอง หมายเลข ๒๐ ปืนพก ๑ คู่ ด้ามงา กระบอก ๑ ยิงได้ ๒ นัด หมายเลข ๒๑, ๒๒, ๒๓ หีบใหญ่ ๆ ๓ ใบ บรรจุเครื่องแก้วต่าง ๆ มาจากเมืองเยอรมันนี หมายเลข ๒๐ ถ้วยแก้ว ใหญ่ ๑ ใบ ทำเปนแก้วมีร่องเท้าปิดทอง จานรองถ้วยแก้วใหญ่ทำด้วยแก้ว ๑ใบ เท้าปิดทองเหมือนกัน ลูกแก้วกลมใหญ่ ๑ ลูก ทำเปนรูปเขาวงกฏที่ตำบลเวอซาย หมายเลข ๑๙ ตู้ถ้ำมองใหญ่ ๑ ตู้ รูปในถ้ำมองนั้นเปนรูปดอกไม้งาม ๆ ต่าง ๆ หมายเลข ๒๐ แผ่นรูปทำด้วยหอย ๒ แผ่น กรอบนั้นหุ้มแพรลายทอง รูปพระราชวังเวอซาย ๑ รูป กรอบปิดทอง บัญชีของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ข้าราชการไทย เหรียญพระรูปพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ เปนเหรียญทอง ๖ เหรียญ ๕


๓๔ ราคาของต่างๆซึ่งพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ มกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารี ส่งไปยังเมืองไทย

ขอที่เบิกจาก คลังหลวง ของที่ต้องไป จ้างเขาทำ รวม ๙๒๐๐ ๕๙๒๒๖ ๖๘๓๒๖

๘๐๐ ๑๕๘๘๔ ๑๖๖๘๔

๑๐๐๐ ๒๑๒๒๑ ๒๒๒๒๑

๖๘๐๐ ๒๒๓๐๕ ๒๙๑๐๕

๖๐๐๐ ๑๒๗๙๘ ๑๘๗๙๘

๒๐๒๓ ๙๘๑๔ ๑๑๘๓๗

๑๗๑๓ ๖๗๔๗ ๘๔๖๐


เครื่องราชบรรณาการ พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ สิ่งของที่มกุฎราช กุมารส่งไปเมืองไทย สิ่งของที่มกุฎราช กุมารีส่งไปเมืองไทย

ของหลวงพระราชาน มองซิเออร์คอนซตันซ์ ของหลวงพระราชาน ราชทูตที่ ๑ ของหลวงพระราชาน ราชทูตที่ ๒ ของหลวงพระราชาน ราชทูตที่ ๓ ๒๗๕๓๖ ๑๔๗๙๙๕ ๑๗๕๔๓๑

๓๕ ค่าสิ่งของที่บาดหลวง เดอลาเซซฝากไป ค่ากล้องส่องของพวก บาดหลวงเยซวิต ค่าเสื้อพระราชทานแก่ราช ทูตทั้ง ๓ คนและพระราช ทานข้าราชการและเสมียน ค่าซ่อมแซมกระจกเงาและหีบ อำพัน ค่าซ่อมแซมอาวุธ ค่า หีบตะกั่วและค่าสำลีสำหรับหุ้ม ห่อค่าหีบไม้สำหรับบรรจุของ ค่าครั่งค่าบรรจุและโสหุ้ยอย่าง อื่น ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งค่ารถที่ จ่ายไปล่วงหน้า รวมทั้งสิ้น ๑๒๔๓๙.๑๐ ในเงินรายนี้หาได้บอกค่ารถซึ่งบันทุกของไปทางบกไม่ เพราะค่ารถเหล่านี้จะต้องจ่ายที่เมืองเบรสต์ และไม่ได้คิดค่ารถบันทุกของไปเมืองรูอัง และส่งทางบกตลอดถึงเมืองเบรสต์



๓๖ บัญชีของต่าง ๆ ซึ่งเปนเครื่องราชบรรณาการและของส่งไปถวายยังราชสำนักสยาม ซึ่งเปนของเบิกมาจากคลังหลวงทั้งเครื่องเพ็ชร์พลอย และของที่ต้องซื้อตามรับสั่งของพระเจ้า หลุยที่ ๑๔ เครื่องราชบรรณาการส่งไปถวายพระเจ้ากรุงสยาม ซึ่งเบิกจากคลังหลวง คือ กระจกเงาบานใหญ่อำพันกับ โถอำพัน ๑ โถ เครื่องอาวุธพร้อม ๒ เครื่อง มีสายสพาย ปิดทอง หีบแก้วอย่างดี ๑ หีบ ๒๒๐๐ รวม ๙๒๐๐ ยังจะต้องใช้ค่าแพรสำหรับทำซับใน และค่าจ้างสำหรับซ่อมแซมอีกด้วย ของที่จะต้องซื้อและจ้างทำ คือ มงกุฎทองคำดอกไม้เพ็ชร์และขนนกทองคำ ฝังเพ็ชร์ ทับทิมมรกตและไข่มุกด์ กระจกเงาบานใหญ่ ๑ บาน กรอบทองฝังเพ็ชร์ ข้างหลังปิดทองมีลายดอกไม้ดุลลงยา อานม้า ๑ อาน เครื่องพร้อมมีลวดลายปัก และฝังพลอย เสื้อกำมะหยี่ ๔ เสื้อเปน เสื้อปักและติดไข่มุกด์ ๓๗ เข็มขัด ๒ สาย ปัก ทองและขอบเปนทอง เสื้อเกราะทำด้วยหนัง ๑ อันปัก ลวด ทอง แขนเข็มขัด ขอลงยาชุบทอง ลูกโลกกลม ๒ อัน ๆ ๑ เปนแผนที่โลก เท้าเงินและเส้นรอบโลกทำด้วยเงิน อีกอัน ๑ เปนโลกพระอาทิตย์ พระจันทร์ เท้าเปน เงินเหมือนกัน นาฬิกาพกทำที่ช่าง ตูเรต์ ๓ เรือน ปืนยาว ๒ กระบอกทำอย่างแบบไทย นาย ช่างปีโรปเปนผู้ทำลำกระบอกฝังลวดทอง ด้าม สลัก ลาย ดุลเปนเงิน ผ้าไหมทองและเงิน ๔ พับ ๓๓๕๔ ผ้า ๖ พับเปนลายดอกไม้ปัก ทอง ทำตามลายของไทย ผ้าไหมทองและไหมเงิน ๘ พับ โต๊ะหินศิลาอ่อน ๘ โต๊ะ ไม้รอง หินและเท้าสลักลายปิดทอง รวมทั้งสิ้น ๕๙๒๒๖

๓๘ รวมเครื่องราชบรรณาการที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ส่งไปถวาย สมเด็จพระนารายณ์เปนราคา ๖๘๔๒๖ ราคาของที่มกุฎราชกุมาร ส่งไปถวายพระเจ้ากรุงสยาม ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ หีบแก้ว ๑ หีบ ๘๐๐ รวมเปน ๘๐๐ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ นาฬิกาลูกตุ้มกระจก ๔ ด้าน ๑ เรือนมี เสา ๔ เสา ประตูปิดทองและฝังพลอย เข็มขัด ๒ สาย ปักทอง ขอบเปนทองลงยา ปืนอย่างแบบไทย ๒ กระบอกฝังลายทองและ สลักเปนภาพคนและรูปใบไม้ปลอกเงิน หีบเหลี่ยมยาว ๑ หีบ ปิดทองคำ ๒ ซ้ำในหีบนี้มีลิ้นชักและมีหีบอีก ๑ ใบ เขียนเปนรูปต่าง ๆ ปิดทอง และมีเฟื่อง ลงยาฝังเพ็ชร์ ๓๙ เม็ด นาฬิกาพกนายช่างตูเรต์ เปนผู้ทำ ๒ เรือน ผ้าไหมทองและไหมเงิน รวม ๒ พับ

๓๙ ผ้าไหมทองและไหมเงิน รวม ๒ พับ ผ้าไหมทองและเงิน ๕ พับเปนลายดอก ไม้ปักทองเปนแบบลายของไทย โต๊ะหินอ่อน ๔ โต๊ะ ไม้รองหินและเท้าสลักลายปิดทอง รวม ๑๕๘๘๔ รวมของที่มกุฎราชกุมารส่งไปถวายพระเจ้ากรุงสยามรวม เปนราคา ๑๖๖๘๔ ราคาของที่มกุฎราชกุมารีส่งไปถวาย สมเด็จพระราชธิดาของสมเด็จพระนารายณ์ ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ หีบแก้ว ๑ หีบ ๑๐๐๐ รวม ๑๐๐๐ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ ดอกกุหลาบเพ็ชร์ ๔ ดอก ดอกกุหลาบเพ็ชร์ อีก ๑ ดอกใหญ่กว่า ดอกกุหลาบมรกตอีก ๑ ดอก หีบทองคำใหญ่ ๔ หีบ หีบทองคำ เล็ก ๒ หีบ โถ ๒ โถ กระจกเงาปิดทอง ลงยา ๑ บาน


๔๐ กระจกเงาสำหรับแต่งตัวปิดลายทองเปน ลายใบไม้ฝังเพ็ชร์และทับทิม ๑ บาน หีบทองคำ ๑ หีบในหีบนั้นมีตลับ ทองคำสลักลายและฝังเพ็ชร์ด้วย หีบเครื่องแต่งตัว ๑ หีบ ลงยาปิดทอง ฝาหีบทำเปนลายใบไม้ทองฝังเพ็ชร์ หีบอำพันใหญ่ ๑ หีบ สลักลายดุล นาฬิกาพกทำที่ช่างตูเรต์ ๒ เรือน ผ้าไหมทองและไหมเงิน รวม ๕ พับ หีบสลัก ลายหีบใหญ่ ๑ ใบ มีเท้ารองหีบปิดทอง รวม ๒๑๒๒๑

รวมราคาของที่มกุฎราชกุมารี ส่งไปถวายสมเด็จพระราชธิดาของสมเด็จพระนารายณ์เปนราคา ๒๒๒๒๑



๔๑ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ส่งไปพระราชทานมองซิเออร์คอนซตันซ์ ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ หีบฝังเพ็ชร์เปนพระรูปพระเจ้า หลุยที่ ๑๔ หนึ่งหีบ หีบอำพนขนาดเล็ก ๑ หีบรูปโบสถ์จำลอง ทำด้วยอำพัน ๑ อันมีไม้กางเขนด้วย ฉลองพระองค์ปัก ๑ องค์ พร้อมทั้งหมวกและถุงมือ อานม้าของหลวง ๒ อาน เครื่องม้าปักลวดลายต่าง ๆ รวม ๖๘๐๐ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ กระบี่ทองคำฝังพลอย ๑ กระบี่ นาฬิกาพกทองคำ รวม ๓ เรือน อาวุธต่าง ๆ ๑๒๕๐ พรม ๑ ผืน ๕๕๐๐ เชิงเทียนแก้ว ๒ คัน ๑๓๐๐ ผ้าแพรและผ้าไหมทอง ไหมเงินรวม ๖ พับ ๔๒ ผ้าต่าง ๆ ๑๘๕๐ สายสร้อยตราเซนมิเชล พร้อมทั้งดวงตราด้วย ๒๒๐๐ รวม ๒๒๓๐๕ รวมราคาของต่าง ๆ ที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ส่งไปพระราชทาน แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์รวมทั้งสิ้นเปนราคา ๒๙๑๐๕ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ พระราชทานแก่ราชทูตที่ ๑ ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ หีบฝังเพ็ชรเปนพระรูปพระเจ้าหลุย ที่ ๑๔ หนึ่งหีบ ดาบฝักทองคำเปนดาบเตอร์กี ฝังพลอยสีตะแบก ๑ เล่ม รวม ๖๐๐๐ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ เชิงเทียนแก้ว ๑ อัน ๖๕๐ พรม ๑ ผืน ๓๓๐๐ อาวุธต่าง ๆ ๘๗๐ นาฬิกาลูกตุ้ม ๑ เรือนกับนาฬิกา ทองคำ ลงยา ๒ เรือน ผ้าแพรผ้าไหมทองและ ไหมเงินรวม ๘ พับ ผ้าต่าง ๆ และผ้าสักหลาด ๔๐๐๐ ๔๓ ราชทูตที่ ๑ ได้ของพระราชทาน เสื้อผ้าแดงทอที่ประเทศฝรั่งเศสมีลูก กระดุมและขลิบทองสำหรับให้ลูกของ ราชทูต ๔ คน กระจกเงาบานเล็กหลายบาน กันไกร มีดและกล้องส่อง ของเหล่านี้รวมอยู่กับของสำหรับทำเครื่องแต่งตัวให้ราชทูต สามคน กับข้าการไทยด้วย รวม ๑๒๗๙๘ รวมราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้พระราชทานแก่ราชทูต ที่ ๑ เปนราคา ๑๘๗๙๘ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้พระราชทานราชทูตที่ ๒ ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ เหรียญพระรูปมีสร้อยทองคำ ๑ เหรียญ ๒๐๒๓ รวม ๒๐๒๓ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ เชิงเทียน ๑ อัน ๕๙๐ นาฬิกาลูกตุ้ม ๑ เรือน กับนาฬิกาพก ๒ เรือน อาวุธต่าง ๆ ๗๗๐ พรม ๑ ผืน ๓๐๐๐

๔๔ ผ้าไหมทองและไหมเงิน รวม ๘ พับ ผ้าต่าง ๆ ๒๘๐๐ รวม ๙๘๑๔ รวมราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้พระราชทานแก่ราชทูต ที่ ๒ เปนราคา ๑๑๘๓๗ ราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้พระราชทานแก่ราชทูตที่ ๓ ของที่เบิกจากคลังหลวง คือ เหรียญพระรูปมีสายสร้อยทองคำ ๑๗๑๓ รวม ๑๗๑๓ ราคาของที่ต้องซื้อ คือ นาฬิกาลูกตุ้ม ๑ เรือน กับนาฬิกาพก ๑ เรือน อาวุธต่าง ๆ ๖๘๐ พรม ๑ ผืน ๒๒๐๐ เชิงเทียนแก้ว ๒ อัน ๔๐๐ ผ้าแพรและผ้าไหมเงิน ๗ พับ ๑๘๔๗ ผ้าต่าง ๆ ๑๒๐๐ รวม ๖๗๔๗


๔๕ รวมราคาของที่พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ได้พระราชทานแก่ราชทูต ที่ ๓ เปนราคา ๘๔๖๐ รวมราคาของต่าง ๆ ที่ส่งไปถวายสมเด็จพระนารายณ์และส่ง ไปพระราชทานในเมืองไทยรวมทั้งสิ้นเปนเงิน ๑๗๕,๕๓๑ รายเงินนี้ยังจำแนกออกได้ดังนี้ คือ ค่าสิ่งของที่เบิกมาจากคลังหลวงและ เครื่องเพ็ชร์ พลอยของหลวง มิได้คิดค่า ฉลองพระองค์ และไม่ได้คิดค่าซ่อมแซม กระบี่ของราชทูตที่ ๑ ค่าของที่ต้องซื้อ ค่าเครื่องเรือนและเครื่องใช้สรอยสำหรับราชทูตในระหว่างที่พัก อยู่ในกรุงปารีศ จ่ายตามคำสั่งของมองเซนเยอร์ คือ ค่าผ้าซื้อจากมองซิเออร์คูตาด์ สำหรับตัดเสื้อ ให้ข้าราชการไทย ๖ คน เสมียน ๒ คน กับ ล่ามญวน จ่ายให้มองซิเออร์โกเตียค่าผ้าตัดเสื้อให้ราชทูต ทั้งสามคนเปนเสื้อ ๖ ตัว ค่าผ้าตัดเสื้อให้บุตร์ ราชทูตที่ ๑ กับค่าตัดเสื้อให้มองซิเออร์ ฟรังซัวล่าม และค่ากำมะหยี่สำหรับตัดฉลอง ๔๐๘๖.๘ พระองค์ประดับไข่มุกต์ ของพระเจ้ากรุงสยามซึ่ง เปนของที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสส่งไปถวายและค่า เครื่องกระจุกระจิกอย่างอื่นอีกหลายอย่าง ๔๖ จ่ายให้มองซิเออร์มายยาด์และค่าเครื่องประดับเสื้อ ๓ ตัว สำหรับราชทูตและค่าหนังกระต่ายขาว แซมดำสำหรับทำซับในเสื้อ ๓ ตัว ตามบาญชี จ่ายให้มองซิเออร์ซาลอมอน ช่างตัดเสื้อค่าแบบและค่า เครื่องประดับเสื้อราชทูตและ เสื้อข้าราชการสยาม เสมียน และล่าม กับเครื่องประดับ เสื้อของบุตร์ ราชทูตที่ ๑ จ่ายให้มองซิเออร์เดอลาเลอ ค่าเครื่องประดับและลูกกระดุม เสื้อ ๙ ตัว สำหรับข้าราชการ ล่ามญวน มองซิเออร์ฟรังซัว ล่ามอีกคน ๑ และเสื้อสำหรับ บุตร์ราชทูตที่ ๑ รวม ๔ คน ตามบัญชี


รวม ๖๑๔๔.๑๐.๒ บัญชีของที่ชำได้ระเงินแล้วและยังต้องชำระอีก ซึ่งเปนสิ่งของสำหรับส่งไปยังเมืองไทย แต่มิได้รวมเครื่องเพ็ชร์พลอยของหลวง หรือของที่ได้เบิกจากคลังหลวง ค่าของที่มองซิเออร์ อาลวาเรศทำ และของที่ซื้อจากมอง ซิเออร์ อาลวาเรศ ตามบาญชี คือ ๔๗ ขนนกประดับเพ็ชร์พลอย ต่าง ๆ ๑ อัน มงกุฎฝังพลอยต่าง ๆ ๑๓๕๕๖. ค่าเพ็ชร์ ๕ หีบ ๔๙๐๗. ค่ามงกุฎและเพ็ชร์ ๑ หีบ ๑๕๐๖. ค่าพลอยฝังเครื่องอานม้า ๕๘๕๙. ค่าพลอยสีตะแบก ๑๑๒ เม็ด ทับทิม ๖๖ เม็ด ค่าฝัก กระบี่ ๑ อัน นาฬิกาแก้วฝังพลอย ๔๒๕๗ กระจกเงากรอบฝังเพ็ชร์ และทับทิม ๔๒๙๕ กระบี่ใหญ่ ๑ เล่ม ฝังเพ็ชร์ ๘๘๕๓ ค่าทองเมืองสเปญ ๘ หีบ กับกระจกเงา ๑ บาน ค่าเชิงเทียนกิ่ง ๒ อัน ๑๓๐๐ ค่าไข่มุกร์สำหรับประดับฉลอง พระองค์พระเจ้ากรุงสยาม ๑๒๒๔ ๔ องค์รวมไข่มุกต์หนัก ๑๘ ออนซ์


๔๘ ค่าหินศิลาอ่อน ๑๒ แผ่น ๙๖๐ ค่าปืนพกด้ามงา ๑ คู่ ๑๒๐ ค่าไข่มุกต์ ราคาต่าง ๆ กันรวม หนัก ๕๑ ออนซ์ สำหรับประดับ ฉลองพระองค์ของพระเจ้า กรุงสยามตามบัญชีของ มองซิเออร์เลอเบรีงรวมทั้งไข่มุกต์ ๒๙๒๖.๑๐ ที่ซื้อจากมองซิเออร์ อาลวาเรศ ๑๘ ออนซ์ เปนไข่มุกต์ ๖๙ ออนซ์ ค่าไข่มุกต์ฉะเพาะ ๕๑ ออนซ์ ค่าลูกไม้ติดฉลองพระองค์ ๔ องค์ ตามบัญชีของมองซิ ๒๐๐๐. เออร์ มาโกเลต์ รวม ๖๐๐๑๗. ค่าปักอานม้าและเครื่องอาน ม้าของพระเจ้ากรุงสยามตาม ๑๐๐๐ บาญชีของมองซิเออร์มาโกเลต์ ค่าเสื้อเกราะทำด้วยหนังปิด ทองแขนเข็มขัดและขอปิดทอง ๒ หน ตามบัญชีของมองซิเออร์ มาโกเลย์


๔๙ ค่าลูกไม้ติดเข็มขัด ๔ สาย ตามบัญชี ของมองซิเออร์มาโกเลต์ ค่าทองและค่าลงยาเข็มขัด ทอง ๔ สาย ค่าลูกโลกกลม ๒ อัน ๆ ๑ เปน แผนที่ภูมิศาสตร์เท้าเปนเงิน เส้นรอบโลกเปนลวดเงิน ลูกโลกอีกอัน ๑ เปนรูป พระอาทิตย์พระจันทร์และดาว ๓๕๐๐. เท้าเปนเงินดวงดาวทำด้วยทอง มองซิเออร์ มาตีโนต์เปน ผู้ทำ ค่ากล่องสำหรับใส่ลูกโลก ตามบัญชีของมองซิเออร์มาตีโนต์ จ่ายให้มองซิเออร์ แมงดี ช่างตัดเสื้อ ค่าตัดเสื้อ ๔ ตัว ทั้งค่าเครื่องประดับด้วย จ่ายให้ช่างเย็บผ้าค่าทำเข็มขัด และค่าหนังทำเข็มขัด


๕๐ จ่ายให้มองซิเออร์ปิโรบ์ค่า ปืน ๒ กระบอกเปนปืนที่พระ เจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงซื้อสำหรับ พระราชทาน จ่ายให้มองซิเออร์ ลังเกอด๊อก ค่าปืน ๒ กระบอก ซึ่งท่าน มองเซนเยอร์ ซื้อสำหรับประทาน ค่าถุงปืนทำ ด้วยหนัง ๔ ถุง เดิน ลาย ทอง จ่ายให้มองซิเออร์มาตีโนต์ ค่านาฬิกาพกทองคำ ๘ เรือน ซึ่ง ระบายสีลายภาพต่าง ๆ ๓ เรือน ลงยา ๓ เรือน จ่ายให้มองซิเออร์ตุเรต์ ค่านาฬิกาพก ๘ เรือน จ่ายให้มองซิเออร์มาตีโนต์ ค่านาฬิกาลูกตุ้ม ๓ เรือน จ่ายให้มองซิเออร์โกเตีย ค่าผ้าไหมทองและไหมเงินทำ ลายต่าง ๆ ตามลายไทยและ ลายฝรั่งเศส

๕๑ จ่ายให้มองซิเออร์ชาเลียค่าผ้า ไหมทองและไหมเงินเปนผ้า .....................พับ ค่าทำโครงโต๊ะหินศิลาอ่อน ๑๒ ตัว และค่าสลักปิดทอง รวม ๑๑๑๓๒๓.๑๐.๓ จ่ายให้มองซิเออร์มองตาซีค่า หีบเหลี่ยมยาวปิดทองซึ่งใส่หีบ เขียนหนังสือปิดทองและมีเฟื่อง ฝังเพ็ชร์ ๓๙ เม็ด จ่ายให้มองซิเออร์มองตาซีค่า กระจกเงา ๑ บานปิดทองและ ฝังเพ็ชร์กับทับทิม ค่าหีบทองคำ ๑ ใบ ทำเปนรูป กล่องข้างในมีตลับทองคำ ๑๙๘๐. ฝังเพ็ชร์ ค่าหีบสี่เหลี่ยมเปนหีบเครื่อง แต่งตัวสำหรับผู้หญิงมีลาย ใบไม้ทองคำฝังเพ็ชร์นายช่าง เบรีงเปนผู้ทำ


๕๒ ค่าหีบสลักลายใหญ่ ๑ หีบ มี เท้ารองฝังลายทองนายช่าง ๖๖๐ เบรีงเปนผู้ทำ ค่าหีบทำด้วยอำพัน ๑ หีบสลัก ลายดุลมองซิเออร์ลอแรง ๑๕๐๐. เปนผู้ทำ ค่าอาวุธต่างๆ ปืนพก ๔ คู่ ตามบัญชีของ มองซิเออร์ อาลวาเรศ จ่ายให้มองซิเออร์ปิโรบ์ ค่าถุง ปืนยาว ๔ ถุง ปืนพก ๓ คู่ จ่ายให้มองซิเออร์ ตีตองค่าปืน พก ๑ คู่ จ่ายให้มองซิเออร์ดูปิว ค่าปืน ยาวหลายกระบอก จ่ายให้มองซิเออร์กีเลต์ช่างทำ อาวุธ ค่าอาวุธต่าง ๆ ตาม บัญชีที่ได้ยื่นมาแล้ว จ่ายให้มองซิเออร์ปิโรบ์ค่า อาวุธต่าง ๆ จ่ายให้มองซิเออร์โรแบงค่าปืน พก ๑ คู่ กับปืนยาว ๑ กระบอก ๕๓ ค่าถุงปืนทำด้วยหนังเดินลายทอง ๓๐๒ จ่ายให้มองซิเออร์โปรเซล์ ค่าพรม ๔ ผืน จ่ายให้มองซิเออร์ลารูค่าเชิง เทียน ๒ อัน เชิงเทียนกิ่ง ๒ อัน สำหรับราชทูต ๓ คน จ่ายให้มองซิเออร์คูตาด์ค่า ผ้าต่างๆซึ่งทำเปนของแจก รวมทั้งสิ้น ๑๕๑.๘๒๖.๑.๑ รวมเงินที่ได้จ่ายไปแล้วและยังจะต้องจ่ายอีก เปนเงินค่าของที่ฝากส่งไปยังเมืองไทย แต่มิได้เอาเครื่องเพ็ชร์พลอยของหลวงหรือของที่ได้เบิกมาจากคลังหลวงมารวมในเงินจำนวนนี้ รวมทั้งสิ้นเปนเงิน ๑๕๑.๘๒๖.๑.๑





๕๔ บัญชีของต่าง ๆ ซึ่งสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงสยาม ได้ส่งมาถวายพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ โถทองคำหลายชนิด เปนฝีมือยี่ปุ่นทองหนักประมาณ ๒๓ หรือ ๒๔ ปอนด์ (ฝรั่งเศส) โถทองคำเหล่านี้รวมทั้งหมด ๑๘ โถ บางอย่างสำหรับใส่น้ำชา บางอย่างใช้ต่างถ้วยน้ำชา และมีโถใหญ่ ๒ โถสำหรับใส่น้ำหอม ถ้วยเงิน ๑๐ หรือ ๑๑ ถ้วยเปนฝีมือยี่ปุ่นเหมือนกัน ถ้วยทองเหลือง ๑ หรือ ๒ ถ้วย มีฝาทำด้วยแร่เหมือนกัน แร่ชนิดนี้เปนแร่ที่มีราคาเกือบเท่าทองคำ เพราะไม่มีสนิมและไม่เศร้าหมองเลยคงมีเงาอยู่เสมอ ข้าพเจ้าเห็นว่าแร่ชนิดนี้นั้นเองซึ่งคนโบราณเรียกกันว่า อีเล็กตรำ (Electrum) ดาบยี่ปุ่น ๒ เล่ม ซึ่งเปนดาบที่พระเจ้าแผ่นดินยี่ปุ่นได้ส่งมาต่อถวายพระเจ้ากรุงสยาม ดาบเหล่านี้มีด้ามพันด้วยด้ายชนิด ๑ ซึ่งเปนเครื่องหมายเกียรติยศในเมืองยี่ปุ่น ข้าพเจ้ากะไม่ถูกว่าดาบยี่ปุ่นเหล่านี้จะเปนราคาสักเท่าไร เพราะของอย่างนี้ไม่ได้ตีราคากันไว้ ดาบเล่ม ๑ มีหูทำด้วยทองคำ แต่อีกเล่ม๑ นั้นได้ชักเอาทองคำออกเสีย และได้เอาทองเหลืองใส่แทน โดยไทยเชื่อว่าในประเทศฝรั่งเศสคงจะนิยมแร่ชนิดนี้มากกว่าทองคำ เขาพูดกันว่าผู้ที่ชำนาญใช้ดาบอย่างนี้อาจจะฟันคนที่เดียวขาด ๒ ท่อน เพราะฉนั้น


๕๕ ดาบชนิดนี้จึงเปนของมีราคามาก และเวลานี้ก็เปนของที่หายาก ในเวลานี้ผู้ที่จะมีใช้ก็ฉะเพาะแต่พระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น เพราะเหตุว่าเปนของที่หายากอย่างที่สุด ทั้งมีข้อบังคับห้ามมิให้นำดาบชนิดนี้ออกจากเมืองยี่ปุ่นด้วย พรมผืนใหญ่ทำด้วยไหมเมืองจีน ๑ ผืน พรมผืนนี้เปนพรมที่พระเจ้ากรุงจีนได้ส่งเข้ามาถวายต่อพระเจ้ากรุงสยาม ได้ประมาณ ๑๐ หรือ ๑๒ ปีมาแล้ว เสื้ออย่างแบบยี่ปุ่น ๒ เสื้อ ๆ ๑ พื้นสีม่วง อีกเสื้อ ๑ พื้นสีแดง เสื้อทั้งสองตัวปักลายด้วยไหมทอง ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเหตุใดเสื้อชนิดนี้จึงได้มีคนนิยมกันนัก แต่ข้าพเจ้าทราบว่าในเมืองนี้เสื้อยี่ปุ่นชนิดนี้มีราคาแพงมาก นอกจากนี้มีตุ๊กกระตาทำด้วยหินศิลาอ่อน ซึ่งเปนของเก่าแก่มาก ในพวกตุ๊กกระตาเหล่านี้มีอยู่อัน ๑ เปนรูปคนจีน ซึ่งในเมืองไทยเรียกกันว่าตำมหงง (Tamghong) แต่ข้าพเจ้าให้นึกสงสัยว่า รูปนี้คงจะเปนรูปคนที่พวกเราเรียกกันว่า คอนฟูชซู (Confusuis) นั้นเอง ตุ๊กกระตา ตัวอื่น ๆ เปนรูปพวกจีนโบราณ ซึ่งพวกจีนนับถือกันจนเท่าทุกวันนี้ ยังมีตุ๊กกระตาอื่น ๆ ทำเปนลายโปร่งอีกหลายอันซึ่งล้วนแต่เปนของเก่าทั้งนั้น โถทำด้วยกำมถันแดง ๒ โถ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าที่ใช้คำว่ากำมถันแดงนั้นคงจะหมายความว่าตะกั่วแดง (Cinnabar ) นั้นเอง เว้นแต่สรรพคุณของแร่สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน ด้วยชนิด ๑ มี

๕๖ สรรพคุณแรงกว่าอีกชนิด ๑ โถใบใหญ่นั้นหุ้มด้วยแร่ชนิด ๑ ซึ่งเรียกกันว่า ตันเตอนัก (Tantenaque) และโถใบเล็กหุ้มด้วยแร่ชนิด ๑ ซึ่งเปนแร่ที่ไม่มีใครรู้จัก ได้มีคนมายืนยันเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า โถใบใหญ่นั้นถ้าใครเอาน้ำที่เปนยาพิษใส่ลงไปแล้ว ก็เกิดเปนควันออกทันที และโถใบเล็กนั้นถ้าเอายาพิษใส่ในโถแล้ว ยาพิษนั้นก็หมดฤทธิลงทันที จนที่สุดยาพิษนั้นก็รับประทานได้โดยไม่มีอันตรายอย่างใด เรื่องนี้ผู้เล่ายืนยันว่าได้มีคนทดลองเปนของแน่นอนแล้ว โถ ๒ ใบที่มีสรรพคุณผิดกันนั้นก็อยู่ที่แร่ที่หุ้มโถไว้เปนแร่ต่างชนิดกันนั้นเอง ตำนานของใบใหญ่นั้นมีว่า เมื่อประมาณ ๕๘ ปีที่ล่วงมาแล้ว พระเจ้ากรุงจีนซึ่งทรงพระนามว่า ธีอาเด (Thiarde) ซึ่งเปนพระราชบิดาของพระเจ้าแผ่นดินซึ่งทรงพระนามว่า ทาเนียน (Tanien) วงตาดได้ส่งเข้ามายังเมืองไทย โถใบเล็กนั้นมีตำนานว่าเมื่อเจ้ากรุงจีนตีประเทศจีนได้แล้ว ได้ส่งโถใบนี้เข้ามาถวายพระเจ้าแผ่นดินสยาม พระเจ้ากรุงจีนมีพระประสงค์จะให้พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทราบถึงสรรพคุณของโถใบนี้ จึงได้ทูลเข้ามาว่า โถชนิดนี้เปนโถซึ่งใช้ได้แต่ฉะเพาะพระเจ้าแผ่นดินจีนเท่านั้น และพระเจ้าแผ่นดินจีนก็ทรงใช้โถชนิดนี้สำหรับใส่สุราเสวย อนึ่งโถชนิดนี้ได้หุ้มด้วยแร่ชนิด ๑ จึงมีคุณวิเศษอย่าง ๑ สำหรับไล่สัตว์ร้ายที่มีพิษ คือว่าถ้าโถใบนี้ตั้งอยู่ณที่ใดแล้ว สัตว์ร้ายที่มีพิษไม่อาจเข้ามาใกล้ได้เลย ถ้าแม้ว่าถูกสัตว์ร้ายกัดแล้ว ก็ให้เอาโถนี้ถูให้เปนผงเล็กน้อย จึงเอาผงนั้นใส่น้ำรับประทาน หรือเอาผงนั้นทาแผลที่ถูกกัดก็จะพ้นอันตราย และว่าผงนี้รักษายาพิษได้ทุกชนิดด้วย


๕๗ นอกจากนี้ยังมีไม้กะลำพัก (Calambac) อย่างดีราคาแพงที่สุดที่จะหาได้ ไม้ชนิดนี้มีแต่ฉะเพาะในป่าใกล้เมืองญวนและเมืองจำปา และท่อนที่ส่งไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสคราวนี้ เปนไม้ซึ่งคนนิยมมากกว่าไม้หอมชนิดอื่น ทั้งกลิ่นก็หอมกว่าไม้อย่างอื่นด้วย เพราะฉนั้นจึงเปนไม้ที่มีราคาแพงมากและหายากอย่างที่สุด ตามปรกติไม้ซึ่งขายเปนไม้กะลำพักนั้น หาใช่กะลำพักแท้ไม่ แต่มักเปนไม้อีเกอล์ วูด (Eagle wood) โดยมากถ้าไม้กะลำพักที่แท้แล้วมีราคาซื้อขายกันถึง ๓ หรือ ๘ หรือบางที ๑๔ หนักเงิน แล้วแต่เปนไม้ใหญ่เล็กดีหรือไม่ดี ไม้กะลำพักนี้พอจะเชื่อได้ว่าเปนไม้ซึ่งมีปรากฎในหนังสือเก่า ๆ ว่าไม้แอโล (Aloes) นั้นเองและในคัมภีร์ ก็เรียกกันว่า ลีนำ เทนำ (Lignum Theynum) บ้าง ลีนำ อาลัว (Lignum Aloir) บ้าง แต่ในเวลานี้ในประเทศฝรั่งเศสหามีไม้ชนิดนี้ไม่ คงมีแต่ไม้อีเกอล์วูด พวกฝรั่งเศสจึงหลงเรียกว่าไม้ อากาลอกำ (Agallochum) พวกไทยพื้นเมืองใช้ไม้กะลำพักนี้สำหรับทำยาแก้โรคต่าง ๆ หลายอย่าง และใช้สำหรับทำเครื่องหอมด้วย ถ้าไม้นี้เก่าจนกลิ่นหมดเสียแล้ว ก็จะทำให้มีกลิ่นหอมขึ้นได้อีกโดยง่าย คือให้เอาน้ำมาต้มจนเดือดจึงเอาไม้นั้นแช่ลงไปในน้ำสักครู่ ๑ จึงเอาไม้นั้นขึ้นจากน้ำ แล้วให้เอาผ้าชุบน้ำร้อนห่อพันไม้นั้นไว้ ไม่ช้าไม้นั้นก็จะมีกลิ่นหอมอย่างเดิมและ


๕๘ จะอ่อนนุ่มดุจขี้ผึ้งด้วย วิธีที่เอาไม้ลงต้มกับน้ำร้อนเช่นนี้เปนวิธีสำหรับตรวจว่าไม้นั้นจะเปนไม้กะลำพักแท้หรือไม่ นอกจากไม้กะลำพักนี้ ยังมีไม้อีเกอล์วูดอีกหลายท่อน ซึ่งเปนไม้ที่คัดเลือกอย่างดีแล้วเพราะไม้ชนิดนี้มีหลายชนิดที่เปนไม้ดีก็มีที่ไม่ดีก็มี ไม้ชนิดนี้มีอยู่ตามป่าในราชอาณาเขตร์นี้ (ไทย) ซึ่งเปนป่าหวงห้ามไว้สำหรับพระเจ้าแผ่นดิน ใคร ๆ จะเอาไปซื้อไปขายไม่ได้เปนอันขาดส่วนไม้ชนิดอื่น ๆ อนุญาตให้พวกพ่อค้าไปตัดทอนซื้อขายได้ ไม้ชนิดนี้พวกพื้นเมืองใช้สำหรับทำยา หลาย อย่าง และใช้สำหรับทำเครื่องหอมด้วยไม้นี้ถ้าจะเอามาทำลูกประคำเปนอันทำได้ดีที่สุด ไม้อีเกอล์วูดนี้ที่เปนอย่างดีต้องมีสีดำ สนิท ไม่เปนเส้นและต้องจมน้ำ เพราะไม้ที่ลอยน้ำและที่สีไม่ดำจริงมียางน้อย ไม้ที่ลอยน้ำนั้นเปนไม้ที่ได้มาจากโพรงต้นไม้ตาย แต่ไม้ที่จมน้ำและมีสีดำสนิทซึ่งนับว่าเปนไม้อย่างดีนั้น เปนไม้ที่ได้มาจากโพรงต้นไม้ซึ่งยังเปนอยู่ ในข้อนี้พวกชาวฝรั่งเศสที่แต่งหนังสืออธิบายเรื่องธรรมชาติไม้ต่าง ๆ คงจะไม่ทราบเปนเเน่ และการที่ไม่มีใครเอาไม้ชนิดนี้ส่งไปประเทศฝรั่งเศส นอกจากท่อนเล็ก ๆ นั้นไม่ควรจะเปนข้อประหลาดอย่างใด เพราะจะต้องทราบไว้ว่า ทั้งไม้กะลำพักและไม้อีเกอล์วูดมิได้เปนต้นไม้ซึ่งลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปนไม้ชนิดนี้ไปทั้งหมด ด้วยเหตุว่าไม้กะลำพัดนี้เกิดแต่ฉะเพาะในกลางใจต้นไม้และเปนท่อนเล็ก ๆ


๕๙ เท่านั้น เพราะฉนั้นเวลาจะหากะลำพักจึงต้องฟันต้นไม้ชนิดที่เกิดกะลำพักลงหลาย ๆ ต้นจึงจะพบกะลำพักแต่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉนั้นไม้ชนิดนี้จึงมีราคาแพงนัก และยิ่งท่อนใหญ่ก็มีราคาแพงที่สุด ไม้กะลำพักนี้ผิดกันกับไม้จันทน์ ด้วยไม้จันทน์เปนไม้จันทน์ทั้งต้น การที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอธิบายในเรื่องไม้กะลำพักนี้ ก็เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่จะอยากมีความรู้ถึงของแปลก ๆ นอกจากของเหล่านี้ยังมีอำพันสีเทาหนัก ๑๐ ตำลึง ซึ่งเปนน้ำหนักเท่ากับ ๑ ปอนด์ ๔ ออนซ์ อำพันสีเทานี้เกิดตามชายเกาะภูเก็จ ซึ่งเปนเกาะขึ้นอยู่กับประเทศสยาม และในเวลานี้มีชาวฝรั่งเศสเปนผู้รักษาราชการเมืองภูเก็จอยู่ ของต่าง ๆ เหล่านี้ได้บรรจุในหีบยี่ปุ่น ๒ หีบ และหีบนั้นหุ้มด้วยหนังปลาชนิด ๑ ซึ่งเปน ของที่นิยมกันในเมืองยี่ปุ่นมาก ข้างในหีบนั้นทาน้ำมันเงาและเขียนลายดอกไม้ลีซ ซึ่งทำสำหรับฉะเพาะส่งไปฝรั่งเศส ในหีบทั้ง ๒ ใบมีลิ้นคล้าย ๆ กับโต๊ะ ซึ่งหุ้มด้วยหนังปลาและทาน้ำมันเงาเหมือนกัน ได้มีคนบอกกับข้าพเจ้าว่าหีบเหล่านี้ขายกันในเมืองยี่ปุ่นเปนราคา ๒๐๐๐ แฟรง ถ้าจะเทียบกับราคาเมืองอื่นก็คงจะแพงยิ่งกว่านี้มาก เพราะของเหล่านี้เมื่อเอามาถึงเมืองไทยก็ขายได้ง่าย ๆ โดยมีกำไร ๑๐๐ เปอร์เซนต ์



๖๐ สำเนาจดหมายราชทูตฝรั่งเศส ถวายต่อพระเจ้ากรุงสยาม ด้วยการที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้า มีความนับถือและทรงรักใคร่พระองค์ด้วยจริงใจนั้น เปนการกระทำให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้าเอาพระทัยใส่ในสิ่งทั้งปวงที่เกี่ยวด้วยพระเกียรติยศของพระองค์ อันเหลือวิสัยที่ข้าพเจ้าจะกราบทูล ให้ทรงทราบโดย ลเอียดได้ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้าทรงทราบอยู่ว่า พระเดชานุภาพและพระเกียรติคุณของพระองค์ได้กระทำให้ทวีปยุโรปทั้งทวีปนิยมนับถือยิ่งนัก และพระองค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเองก็ทรงนิยมในพระเดชานุภาพของพระองค์เหมือนกัน แต่การนิยมนับถือเพียงเท่านี้หาเปนการพอพระทัยของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ เพราะทรงหวังอยู่ว่า บรรดาเจ้านายทั้งหลายในฝ่ายทิศตวันออก ก็ควรจะมีความนิยมและนับถือพระองค์บ้างเหมือนกัน อนึ่ง พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้า ได้ทรงแสวงหาโอกาสมาช้านานแล้ว ที่จะทำให้ปรากฎทั่วโลกว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงนิยมในพระราชไมตรีของพระองค์ยิ่งนัก เพราะฉนั้นเมื่อเธอวาเลียเดอโชมองราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ได้นำความไปกราบทูลว่าพระองค์จะได้ทรงโปรดพระราชทานที่แห่งหนึ่งในพระราชอาณาเขตร์ สำหรับให้ชาวฝรั่งเศสได้ไปตั้งบ้านสร้างเรือนนั้น พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้าจึงทรงพระโสมนัสยินดียิ่งนัก เพราะ


๖๑ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงรู้สึกในพระทัยอยู่แล้ว ว่าการที่ชาวฝรั่งเศสได้ไปตั้งบ้านสร้างเรือนเปนปึกแผ่นหลักฐานในพระราชอาณาเขตร์ของพระองค์ เปนหนทางที่ดีที่สุดสำหรับให้พระเกียรติยศ ของพระองค์ได้แผ่ออกไปทั่วทิศตวันออก และทั้งเปนหนทางอันดีสำหรับให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีโอกาสปฏิบัติการให้พระองค์ได้ทรงเห็นและให้ทั่วโลกได้เห็น ว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสมีพระราชประสงคจะทำการให้เปนที่พอพระทัยของพระองค์ ทั้งให้เปนประโยชน์แก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ด้วย พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีพระราชประสงค์มาช้านานแล้ว ที่จะให้พระองค์ได้มีพระ เกียรติยศและพระอำนาจในฝ่ายอินเดียยิ่งกว่าเจ้านายทั้งหลายในทวีปยุโรปและฝ่ายทิศตวันตกทั่วไป เพราะ ฉนั้นเมื่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงเห็นเจ้านายฝ่ายทิศตวันตกได้มาตั้งบ้านและตั้งห้างใหญ่ ๆ ในพระราชอาณาเขตร์ของพระองค์ และเจ้านายเหล่านั้นก็ได้กำไรและผลประโยชน์เปนอันมากนั้น พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงทรงเสียพระทัยนัก เพราะจนทุกวันนี้พวกฝรั่งเศสยังหาได้มาตั้งห้างในพระราชอาณาเขตร์ของพระองค์ไม่ เมื่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงพระราชดำริห์เช่นนี้ จึงให้ข้าพเจ้ามากราบทูลว่า ทรงเห็นว่าเมืองสงขลาเปนเมืองที่เหมาะที่สุดสำหรับให้พวกฝรั่งเศสมาตั้งบ้านสร้างเรือนและตั้งห้างได้ เพราะเปนทำเลที่ดีสำหรับการค้าขายจะหาที่ดียิ่งกว่านี้ในทะเลเหล่านี้ไม่ได้แล้ว พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงทรงเหนว่า ถ้าพวกฝรั่งเศสได้ไปตั้งอยู่ที่เมืองสงขลา และ


๖๒ ฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงช่วยเหลืออุปถัมภ์ในการทั้งปวงแล้ว ในไม่ช้าเมืองสงขลาคงจะเปน เมืองที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายอินเดีย อนึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้า ได้มีรับสั่งให้ข้าพเจ้ามากราบทูลต่อพระองค์ ว่า ในเวลานี้ดูเปนเวลาเหมาะสำหรับที่จะจัดการในเรื่องเมืองสงขลาแล้ว จึงทรงเห็นว่าเปนการสำคัญยิ่งนัก ที่จะรีบจัดการในเรื่องนี้เสียโดยเร็ว เพราะทรงเกรงว่าบรรดาผู้ที่จะเห็นว่าถ้าพระองค์ทั้งสอง ได้เปนพระราชไมตรีอย่างสนิทแน่นหนา จะเปนการกระทำให้เสียประโยชน์ของเขาแล้วผู้นั้นก็ควรจะคิดอ่านหาทางคอยป้องกันมิให้พระองค์ทั้งสองได้เปนพระราชไมตรีกันได้ เพราะฉนั้นเวลาที่เหมาะนั้นไม่เปนสิ่งที่จะถาวรยั่งยืนไปได้ ถ้าถึงเวลาที่เหมาะแต่ไม่ได้ฉวยโอกาสทำการตามเวลาแล้ว ต่อไปภายหลังจะหาโอกาสที่ดีอีกก็จะเปนการยากอย่างที่สุด อนึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้าได้ทรงอุดหนุนบำรุงบริษัทฝรั่งเศสมาหลายปีแล้ว ครั้นมาภายหลังได้ทรงแสดงพระราชไมตรีต่อพระองค์ จึงกระทำให้พวกฮอลันดามีความริษยายิ่งนัก และมีเหตุผลควรเชื่อได้ว่าในไม่ช้าพวกฮอลันดาคงจะพยายามจนสุดกำลังที่จะคอยกีดกันมิให้บริษัทฝรั่งเศสได้มาตั้งอยู่ในประเทศสยามได้ ถ้าจะพิเคราะห์ดูตามเหตุการที่เปนอยู่ในทุกวันนี้แล้ว การที่พวกฮอลันดาจะคิดการเช่นนี้ก็จะทำได้โดยง่ายไม่ยากอะไรเลย เพราะถ้าพวกฮอลันดาได้เอาเรือมาปิดทางเข้าเมือง


๖๓ ไทยและคอยห้ามไม่ให้พ่อค้าต่างประเทศ เข้าไปในเมืองไทยได้แล้วก็เปนอันหมดหนทางที่บริษัทฝรั่งเศส จะเข้าไปทำการค้าขายในเมืองไทยต่อไปได้ ในข้อนี้เปนสิ่งที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะทำการป้องกันอย่างใดยังไม่ได้ เพราะเหตุว่าคนไทยเคยทำสงครามแต่ทางบกเท่านั้น เรือรบที่ไทยมีอยู่ในเวลานี้สำหรับไปรบทางทะเลนั้น ไม่เพียงพอที่จะไปต่อสู้กับเรือรบของพวกฮอลันดาได้ แต่ถ้าพวกฝรั่งเศสได้ไปตั้งอยู่ณที่ใดให้เปนหลักและพวกไทยได้เอากำลังไปสมทบกับฝรั่งเศสและเอาเรือรบของฝรั่งเศสเปนกำลังช่วยไทยแล้ว ก็จะเปนการง่ายที่สุดที่จะป้องกันมิให้พวกฮอลันดามาปิดท่าเมืองไทยได้ และพวกพ่อค้าต่างประเทศก็จะได้เข้าออกได้โดยสดวก เมื่อการได้เปนไปดังนี้แล้วพวกฮอลันดาก็คงจะคร้ามเพราะคงวิตกเกรงว่าพวกไทยและฝรั่งเศสจะคิดต่อสู้พวกฮอลันดา และพวกฮอลันดาคงจะคิดระวังตัวมิได้คิดที่จะทำร้ายแก่ใคร ๆ เปนแน่ ข้าพเจ้า ไม่กล้าที่จะกราบทูลโดยยืดยาวว่าการที่พวกฝรั่งเศสได้ไปตั้งอยู่ที่เมืองสงขลาจะเปนประโยชนเพียงใดเพราะเกรงว่าจะเปนเครื่องรบกวนพระทัย แต่ถ้าเรื่องนี้เปนเรื่องที่ทรงเห็นชอบด้วยแล้ว ข้าพเจ้าจะได้ไปปรึกษาหารือกับเสนาบดีของพระองค์และจะได้พูดจาปรึกษากันให้ลเอียดต่อไป แต่ก่อนที่จะจบจดหมายฉบับนี้ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะกราบทูลให้ทรงทราบ ว่าข้าพเจ้ารู้สึกรำลึกถึงพระเดชพระคุณของพระองค์ยิ่งนักในการที่พระองค์ได้ทรงพระเมตตากรุณาแก่พวกข้าพเจ้า


๖๔ มากนัก และข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสนำข่าวไปกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนายของข้าพเจ้า ในเวลาที่ข้าพเจ้าจะได้ทูลลากลับไปจากเมืองไทยแล้ว ซึ่งเปนข่าวอันจะทำให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงโสมนัสยินดียิ่งนัก ข่าวที่ข้าพเจ้าจะได้นำกลับไปกราบทูลนั้นมีอยู่ ๒ ข้อ คือข้อ ๑ จะได้กราบทูลให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงทราบโดยลเอียด ถึงพระเดชานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าได้มาเห็นแล้ว และอีกข้อ ๑ จะได้กราบทูลพระทรงทราบถึงพระเมตตากรุณาที่พระองค์ได้ทรงแสดงต่อพวกข้าพเจ้า อันเปนสิ่งสำคัญเท่ากับเปนประกันถึงพระราชไมตรีของพระองค์เช่นนั้น







จดหมายมองซิเออร์เวเรต์ซึ่งได้รับ มาจากเรือเลอคอชอันได้แล่นไปมาถึงท่าเรือเมืองหลุย เมื่อวันที่ ๒๒ เดือนสิงหาคม ค.ศ. ๑๖๘๗ ( พ.ศ. ๒๒๓๐ )

ข้าพเจ้าต้องขออภัยในการที่ได้เขียนจดหมายมายังท่านโดยรีบด่วนในเวลาที่ท่านราชทูตฝรั่งเศสจะกลับจากเมืองไทย แต่ในเมืองนี้มักทำงานกันอย่างล่าช้าที่สุด เพราะฉนั้นถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำในเวลาที่สุดซึ่งจวนจะหมดเวลาอยู่แล้ว การที่ไทยทำการเช่นนี้ก็เพื่อประสงค์จะให้การทั้งหลายได้เปนตามใจของเขา และการเหล่านี้เมื่อเปนไปตามความมุ่งหมายของไทยแล้ว ก็มิได้อยู่ในคลองยุติธรรมหรือด้วยน้ำใจสุจริตเลย ข้อนี้ท่านคงจะรู้สึกได้เมื่อได้อ่านหนังสือสัญญาฉบับหลังที่ท่านราชทูตได้ตกลงทำเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถ้าข้าพจ้าได้มีเวลามากกว่านี้ ข้าพเจ้าจะได้พยายามทำการตามหน้าที่โดยรายงานให้ท่านทราบอย่างลเอียดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาของตัวเอง เพราะตั้งแต่ข้าพเจ้าได้มาอยู่ในเมืองนี้ก็ได้พยายามแสวงหาความจริงและแสวงหาความรู้สำหรับจะได้ให้บริษัทมีประโยชน์มากที่สุดที่จะทำได้ และข้าพเจ้าก็ได้คอยปฏิบัติการตามคำแนะนำของท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ท่านบาดหลวงเยซวิด และมองซิเออร์เดอลามาร์ ผู้เปนเอนยินเนีย



๖๖ ซึ่งท่านราชทูตได้ทิ้งไว้ในเมืองไทย เพราะมองซิเออร์เดอลามาร์คนนี้เปนคนที่ฉลาดไหวพริบที่สุด และเปนคนซื่อจะหาใครในโลกนี้ซื่อเท่ากับมองซิเออร์เดอลามาร์เปนไม่ได้ มองซิเอร์คอนซตันซ์นั้นเปนคนที่จะได้พูดถึงบ่อย ๆ ในจดหมายฉบับนี้ และเปนคนที่เปนหัวหน้าอันเด็ดขาดของการทั้งปวงที่ทำกันในเมืองนี้ เพราะฉะนั้นถ้าข้าพเจ้าได้กล่าวอธิบายถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านคงจะไม่ขัดเคืองเปนแน่ มองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเปนคนไม่สูงไม่ต่ำ รูปร่างหน้าตาดีพอใช้ได้สำหรับเมืองนี้ อายุอยู่ในราว ๓๕ หรือ ๓๖ ปี เปนคนไหวพริบรูปกายภายนอกงดงาม แต่ข้าพเจ้าสงสัยว่าภายในใจจะไม่ตรงกับรูปภายนอก เพราะทุก ๆ วันคงคิดการหลายพันอย่างแต่ไม่ได้ทำตามที่คิดไว้สักอย่างเดียว มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนคนมักได้ไฝ่สูงเปนคนชอบเงิน ชอบทำการแก้แค้น ชอบคนยอและชอบคนที่ลงหมอบคลาน นอกจากนี้ก็เปนคนดีที่สุดในโลกนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนชาติกริก ได้เคยทำการกับบริษัทอังกฤษอยู่ช้านานในหน้าที่กะลาสี ภายหลังได้ลาออกจากบริษัทอังกฤษ จึงมารับจ้างทำงานอยู่กับมิสเตอร์ฮอยต์ชาวอังกฤษซึ่งเปนคนมีทรัพย์มาตั้งบ้านเรือนอยู่ในเมืองนี้ มิสเตอร์ฮอยต์ได้ใช้ให้มองซิเออร์ซตันซ์ไปเมืองจีนและเมืองตังเกี๋ยในกิจการส่วนตัวของเขา ครั้นภายหลังมิสเตอร์ฮอยต์ได้กลับไปเมืองอังกฤษ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ตกค้างอยู่ในเมืองไทย จึงได้คิดอ่านเสือกไสตัวจนบัดนี้กลายเปนคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองนี้

๖๗ ในชั้นต้นข้าพเจ้าออกหนักใจอยู่บ้าง ด้วยไม่ทราบว่าจะควรวางตัวกับมองซิเออร์คอนซตันซ์อย่างไร ข้าพเจ้าจึงได้ไปหารือกับผู้ที่ได้ออกนามมายังตอนต้นนั้นแล้ว ว่าข้าพเจ้าควรจะทำท่าวางตัวอย่างไร ท่านเหล่านั้นได้ตกลงว่า ข้าพเจ้าควรจะถ่อมตัวลงให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ที่สุดที่จะทำได้โดยอย่าให้เสียเกียรติยศของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับท่านเหล่านั้นว่าทำอย่างไร ๆ ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์คอน ซตันซ์ก็คงจะต้องมีข้อขัดใจกัน เพราะเหตุว่าข้าพเจ้าจะต้องถือเอาประโยชน์ของบริษัทเปนใหญ่ และเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ได้เอาใจท่านราชทูตเลย ข้าพเจ้าก็หมดความหวังว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะให้ความยุติธรรมในการของข้าพเจ้า ถึงข้าพเจ้าจะพูดอย่างไรหรือปฏิบัติอย่างไรก็คงจะสำเร็จเปนแน่ ท่านสังฆราชและท่านบาดหลวงจึงได้แนะนำห้ามไม่ให้ข้าพเจ้าตกใจในการต่าง ๆ ที่ได้เปนไปแล้ว ถ้าข้าพเจ้าได้ยอมทำดีต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว ทำอย่างไร ๆ ข้าพเจ้าก็คงจะได้รับผลที่จะเปนประโยชน์ต่อบริษัท เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์มีนิสสัยถ้าเคยได้เปรียบใครลงสักครั้ง ๑ แล้ว ก็คงจะบีบคั้นคน ๆ นั้นเสมอไป ข้อนี้ได้เคยมีตัวอย่างปรากฎแก่สายตาโลกมาแล้ว คือมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จับหัวหน้าชาวอังกฤษไปใส่ขื่อคน ๑ โดยผู้นั้นก็มิได้มีความผิดอย่างใดเลย แต่ที่ถูกเอาใส่ขื่อนั้นก็เพราะชาวอังกฤษผู้นั้นจะต้องการกราบทูลกล่าวโทษมองซิเออร์คอนตันซ์ต่อพระเจ้ากรุงสยามเท่านั้น


๖๘ การต่าง ๆ ที่เปนอยู่ดังนี้เปนเรื่องที่ข้าพเจ้ามิได้พอใจเลย ข้าพเจ้าจึงอยากนักที่จะให้มีใครมาทำการแทนข้าพเจ้าในเมืองนี้ หรือมิฉนั้นก็ให้ข้าพเจ้าได้ปฎิบัติการอย่างมองซิเออรเดลานด์ หรือมองซิเออร์ลูแวงก็ยังดี แต่เมื่อมาถึงที่สุดเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็จำต้องทนเอาและต้องเอาใจดีเข้าต่อไว้เท่านั้น ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ชี้แจงถึงการงานของบริษัทนั้น จำเปนข้าพเจ้าจะต้องอธิบายถึงการค้าขายของเมืองนี้ให้ท่านทราบเสียก่อนคือ ในเมืองนี้ไม่มีสินค้าอย่างใดนอกจากดีบุก หนังโคกระบือและหนังกวางเท่านั้น และสินค้าเหล่านี้ไทยก็ได้ยกให้แก่พวกฮอลันดาเสียหมดแล้ว แต่เมื่อไทยได้ยอมให้พวกฮอลันดาได้ทำการต่าง ๆ ตั้งพันอย่าง พวกฮอลันดาก็ยังไม่พอใจ และพวกออลันดาก็คิดจะทำสงครามกับพระเจ้ากรุงสยามมาสามหรือสี่ปีแล้ว ซึ่งเปนการที่พวกไทยออกจะกลัวมาก นอกจากนี้ยังมีงาช้างซึ่งเปนสินค้า แต่สินค้างาช้างนี้เปนของผูกขาดของพระเจ้ากรุงสยามเสียแล้ว สินค้าอย่างอื่นก็มีไม้ฝางและไม้อย่างอื่น แต่สินค้าไม้นี้ก็ไม่ใคร่เปนประโยชน์เท่าไรนัก ส่วนสินค้าที่มาจากต่างประเทศนั้น เขาพูดกันว่าเมื่อก่อนหลายปีมาแล้วได้มีสินค้ามาจากเมืองจีน เมืองยี่ปุ่นและเมืองอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ตกเข้ามาในเมืองไทยมากหลายอย่าง แต่มาในเวลานี้ถ้าจะต้องการหาซื้อของแปลก ๆ เปนราคาสัก ๑๐๐ แฟรงก็เกือบจะหาซื้อไม่ได้ เหตุที่เปนเช่นนี้ก็เพราะพวกไทยได้ทำการกดขี่พวกพ่อค้า เมื่อพวก


๖๙ พ่อค้าพาสินค้าเข้ามาพวกไทยก็เอาไว้เสียและคิดราคาให้ตามชอบใจ จนที่สุดพวกพ่อค้าก็ไม่อาจจะเข้ามาค้าขายในเมืองนี้ และพวกที่อยู่ในเมืองนี้ก็จำเปนต้องกลับออกไปหมด เมื่อท่านราชทูตฝรั่งเศสยังอยู่ในเมืองไทยก็ได้ซื้อของบ้างเล็กน้อยแต่ราคาแพงอย่างที่สุด และผู้ที่เอาของมาขายนั้นก็ต้องมาขายอย่างลับ ๆ ไม่กล้าเปิดเผย เพราะเหตุว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พยายามอย่างที่สุด ที่จะอวดอ้างในความมั่งคั่งบริบูรณ์ของพระเจ้ากรุงสยาม จนที่สุดของที่แจกนั้นก็ต้องเบิกมาจากคลังของพระเจ้ากรุงสยามและคลังของพระราชินีจนหมดของในคลังหาอะไรไม่ได้อีกแล้ว ในที่นี้ขอให้ท่านทราบด้วยว่า ฝ่ายพระราชินีก็ทรงทำการค้าขายฉะเพาะพระองค์เหมือนกัน แต่เผอิญของในท้องมองซิเออร์คอนซตันซ์จะอวดอ้างอย่างไร ก็ไม่เห็นมีอะไรวิเศษหรือแปลกอย่างใดเลย และข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเรือรบฝรั่งเศสซึ่งมีเงินติดตัวมาสำหรับซื้อสินค้าต่าง ๆ เปนอันมาก คงจะไม่ได้ซื้อของเปนราคาถงสองหรือสามพันแฟรงเสียซ้ำ เพราะของต่าง ๆ ในเมืองนี้เปนราคาแพงอย่างที่สุด ราษฎรพลเมืองในเมืองนี้เปนคนที่ยากจนอย่างสาหัส และถ้าบางคนมีความหมั่นเพียรจนมีเงินหรือมีของบ้างเล็กน้อย ก็ต้องเอาเงินหรือของนั้นส้อนเสียด้วยเกรงจะต้องถูกกดขี่ เพราะท่านผู้ที่เปน



๗๐ ผู้ใหญ่หรือเปนเจ้านายในเมืองนี้เลี้ยงตัวอยู่ได้ก็ด้วยอาศรัยกำลังของพวกทาส ทาสเหล่านี้เปนคนที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้แก่เจ้านายและข้าราชการผู้ใหญ่ และท่านผู้ใหญ่เหล่านี้ก็มักปล่อยทาสให้ไปทำมาหากินเสียครึ่ง ๑ ทาสเหล่านี้ก็เอาเงินมาให้แก่นายวันละอัฐหรือ ๒ อัฐทุกวันไป นี่และเปนผลประโยชน์รายได้ของผู้ที่มีตระกูลและบรรดาศักดิ์ในเมืองนี้ เพราะท่านเหล่านี้จะหาเรือกสวนไร่นาหรือทรัพย์สมบัติอย่างใดก็ไม่ได้ และทรัพย์ที่มีอยู่ก็เปนทรัพยที่ท่านพวกนี้ลักขะโมยจากทาสและคนใช้ของตัวเท่านั้น ของที่บีบคั้นจากพวกทาสนั้นก็เปนของเล็กน้อยที่สุด เพราะฉนั้นเปนเรื่องที่น่าสงสารมาก การที่ไทยคิดชักชวนให้ท่านมาอยู่ในเมืองไทยนั้น ก็ไม่มีประสงค์อย่างอื่นนอกจากจะคิดเอาเงินของท่านเท่านั้น และถ้าท่านยอมให้เปนไปเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นว่าจะติเตียนพวกไทยไม่ได้ ในความดำริห์ของพวกไทยนั้น ก็คิดว่าจะเอาสินค้าที่มาจากเมืองจีนเมืองยี่ปุ่นและเมืองอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงอันไม่ใช่สินค้าของไทยนั้น ขายให้แก่ท่านโดยคิดเอากำไรมาก ๆ จากท่าน ความคิดนี้เปนความคิดของมองซิเออร์คอนซตันซ์ และถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์คิดว่าการนี้จะไม่สำเร็จก็คงจะไม่มาเปนเพื่อนกับข้าพเจ้าเปนแน่ ส่วนข้าพเจ้าก็คอยเอาใจอยู่และทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เชื่ออยู่เสมอว่าความคิดอันนี้คงจะเปนการสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าหวังใจว่าท่านคงจะคิดหาหนทาง อย่างอื่นสำหรับที่จะทำประโยชน์ให้ดีกว่านี้ได้เปนแน่ ในเรื่องนี้


๗๑ ข้าพเจ้าได้มีจดหมายชี้แจงไปยังท่านมาควิศเดอเซเนเลด้วยฉบับ ๑ เหมือนกัน และข้าพเจ้าได้อธิบายให้ท่านมาควิศเดอเซเนเลเข้าใจว่า ถ้าจะลงทุนแต่เล็กน้อยเท่านั้น บริษัทก็คงจะได้ค้าขายพริกไทย ลูกจันทน์เทศ และกานพูลเปนจำนวนมากเท่ากับพวกฮอลันดาเหมือนกัน ในส่วนพริกไทยนั้น พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงรับรองว่าจะได้พระราชทานให้เราเปนจำนวนพริกไทยมาก แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าทำอย่างไร ๆ เราก็คงจะไม่ได้พริกไทยนี้เปนแน่ เพราะข้าพเจ้าได้พยามนักหนาที่จะไปดูไร่พริกไทย แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คอยกีดกันไม่ยอมให้ข้าพเจ้าไปเลย ข้าพเจ้าได้ซื้อเรือเล็ก ๆ ไว้ลำ ๑ และได้ซื้อสินค้าต่าง ๆ ไว้สำหรับจะเอาไปจำหน่ายที่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเปนอุบายปิดไม่ให้รู้ว่าข้าพเจ้าจะไปเมืองนครศรีธรรมราชด้วยความประสงค์อันใด มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็รับรองอยู่ทุกวันว่าจะยอมให้ข้าพเจ้าไป แต่ก็ผัด ๆ อยู่อย่างนี้ถึง ๓ เดือน ข้าพเจ้าจึงได้ไปชี้แจงต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า การที่ทำเช่นนี้เปนการเสียหายต่อบริษัท มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า ต้องนำความกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยามเสียก่อนข้าพเจ้าถึงจะไปได้ ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ช่วยกราบทูลให้ด้วย ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้หลอกให้ข้าพเจ้าขึ้นไปเมืองลพบุรีหลายเที่ยว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามทรงพระราชดำริห์เห็นว่า ยังไม่เปนการสมควรที่ข้าพเจ้าจะไป


๗๒ เที่ยวเตร็จเตร่ในพระราชอาณาเขตร์เพราะทรงเกรงว่าชาวประเทศอื่น ๆ จะเกิดสงสัยขึ้น ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจึงจะเล่าให้ท่านฟังโดยลเอียด แต่ที่ข้าพเจ้าได้เล่ามาเพียงนี้ก็เพื่อจะให้เห็นว่าพวกไทยไม่อยากให้ใครรู้ความจริงเลย และถ้าพวกไทยจะมีพริกไทยจริง พริกไทยนั้นก็คงจะไม่ใช่สำหรับพวกเรา ได้มีคนมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า พวกอังกฤษได้ไปตั้งห้างอยู่ที่เมืองปัตตานีแล้ว เมืองปัตตานีก็เปนเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองนครศรีธรรมราช และข้าพเจ้าได้ทราบแน่ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หลอกลวงพวกอังกฤษเหมือนกับที่พวกหลอกเราเหมือนกัน ส่วนพริกไทยที่เพาะปลูกกันในแถบเหล่านี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็สัญญาว่าจะให้กับพวกอังกฤษเช่นเดียวกับที่ได้สัญญาว่าจะให้แก่พวกเรา อีกประการ ๑ ท่านควรจะต้องทราบไว้ว่าพลเมืองพื้นเมืองนี้เปนคนที่เกียจคร้านและโกงอย่างที่สุด เพราะฉนั้นจะควรไว้ใจพวกนี้ไม่ได้เปนอันขาด พวกฮอลันดาซึ่งมีของทุกอย่างสำหรับล่อน้ำใจของคนไทย ก็ยังทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะถูกหลอกและถูกดูหมิ่นอยู่ทุกวัน พริกไทยซึ่งพวกฮอลันดาควรจะซื้อจะได้สัก ๑๐ ส่วน ก็ซื้อได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น แต่ก่อน ๆ นี้พวกฮอลันดาเคยส่งเรือมาที่เมืองไทยประมาณ ๑๔-๑๕ ลำ แต่มาบัดนี้มีเรือฮอลันดาแวะมาที่เมืองไทยเพียงสองหรือสามลำเท่านั้น แต่ถึงดังนั้นเรือฮอลันดาก็ต้องไปแวะที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อจะได้บรรทุกสินค้าให้เต็มลำ เพราะที่เมืองไทยได้สินค้าบรรทุก


๗๓ ไปเพียงครึ่งลำเท่านั้น เพราะเหตุฉะนั้นถ้าบริษัทมีความประสงค์จะค้าพริกไทยแล้ว ก็เปนการจำเปนที่บริษัทจะต้องจัดการเอาเอง คือว่าบริษัทจะต้องจัดการให้ปลูกพริกไทยเอง และจะต้องเก็บเกี่ยวเอาเอง ฝ่ายพระเจ้ากรุงสยามก็จะโปรดพระราชทานเมืองสงขลาให้แก่บริษัทอยู่แล้ว เพราะฉนั้นการที่บริษัทจะปลูกพริกไทยเอาเองนั้นจึงไม่เปนการยากลำบากอะไร และการที่จะส่งผู้คนไปเพาะปลูกพริกไทยนั้นก็คงจะไม่เปลืองเงินเท่าไรเลย ถ้าได้จัดการเช่นนี้แล้วทำอย่างไรบริษัทก็จะไม่ขาดพริกไทยได้ ในส่วนกานพลูและลูกจันทน์เทศนั้น ถ้าท่านจะไปตั้งอยู่ที่เกาะปูโลคอนดอแล้วก็พอจะทำได้ เพราะเกาะปูโลคอนดอนี้เปนเกาะที่ไม่มีผู้คนอยู่ และตั้งอยู่ตรงปากน้ำเมืองเขมร เกาะนี้มีเนื้อที่โดยรอบยาวประมาณ ๖ ไมล์ มีท่าเรืออยู่ ๓ แห่ง ท่า ๑ อยู่ข้างทิศเหนือ อีกท่า ๑ อยู่ข้างทิศใต้ ข้างด้านเมืองเขมรมีป่าไม้อย่างงาม ข้างด้านทิศตวันออกและทิศตวันออกเฉียงเหนือนั้น มีแม่น้ำเล็ก ๆ และมีภูเขาหลายลูกกับมีต้นมะพร้าวและต้นตาลอย่างงามที่สุดในโลกนี้ ท่านสังฆราชได้บอกกับข้าพเจ้าว่ามีคนที่รู้จักกับท่านสังฆราชได้เคยไปเก็บลูกจันทน์เทศในเกาะนี้ แต่ถึงหากว่าจะไม่มีลูกจันทน์เทศในเกาะนี้ ก็คงจะเพาะปลูกได้โดยง่ายที่สุด เพราะเกาะนี้อยู่ในแนวเดียวกับเกาะที่พวกฮอลันดาไปหาลูกจันทน์และกานพลู ต่างกันแต่เพียงเกาะเหล่านี้อยู่ต่างทิศคือทิศ


๗๔ ใต้และทิศเหนือเท่านั้น นอกจากจะได้ปลูกลูกจันทน์เทศแล้ว บริษัทยังจะได้เปนใหญ่ในทะเลจีน ยี่ปุ่น ตังเกี๋ยและเมืองทั้งหลายในแถบเหล่านี้ เพราะถ้าจะไปเมืองเหล่านี้ก็จำเปนต้องผ่านเกาะปูโลคอนดอนี้เสียก่อน นอกจากนี้สินค้าเมืองเขมรเมืองลาวก็จะตกเปนของบริษัทหมด และสินค้าเมืองเขมรเมืองลาวนั้นก็มีมากกว่าสินค้าเมืองไทยกว่า ๑๐๐ เท่า แต่ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้มีจดหมายไปยังมาควิศเซเนเลอธิบายไปอย่างลเอียดแล้ว ถ้าจะอธิบายมายังท่านอีกก็จะเปนเรื่องซ้ำกันรำคาญต่อท่าน เพราะฉนั้นในที่นี้ข้าพเจ้าจะได้เล่าถึงเหตุการทั้งปวงที่ได้มีขึ้นตั้งแต่ท่านราชทูตได้ออกจากเมืองไทยไปแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าท่านคงจะไม่พอใจในหนังสือสัญญาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำไว้กับท่านราชทูต แต่ถ้าจะพูดตามความจริงแล้ว การต่าง ๆ ที่ไทยยกให้ตามหนังสือสัญญานั้น ไม่ควรจะหวังว่าจะได้ตามนั้นแม้แต่ส่วนเดียว การที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เพราะข้าพเจ้ามีความรู้ความชำนาญถึงการต่าง ๆ ไม่ฉะเพาะแต่การของบริษัท แต่ทราบถึงการต่าง ๆ ของคนอื่นและบริษัทอื่นเหมือนกัน เช่นพวกอังกฤษเปนต้น ก็ถูกไทยหลอกเอาเหมือนกัน ได้เปนอันตกลงกันว่า เมื่อท่านราชทูตได้กลับไปประเทศฝรั่งเศลแล้ว ท่านสังฆราชจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามทุก ๆ วัน เพื่อจะได้สั่งสอนพระเจ้ากรุงสยามให้ทรงเข้าพระทัยในการสาสนาต่อไป แต่ภายในปี ๑ ท่านสังฆราชก็ได้เข้าเฝ้า ๒ ครั้งเท่านั้น


๗๕ ในคราวเเรกที่ท่านสังฆราชได้เข้าเฝ้าก็มิได้พูดกันเรื่องอะไร นอกจากสนทนากันด้วยเรื่องพระอาทิตย์ พระจันทร์และดาวเท่านั้น ในคราวที่เฝ้าครั้งที่ ๒ ก็ได้กราบทูลแต่ถึงข่าวต่าง ๆ เท่านั้น มิได้กล่าวถึงเรื่องสาสนาจนคำเดียว ดูเหมือนกับสาสนาในโลกนี้ไม่มีเสียแล้ว ส่วนพวกบาดหลวงคณะเยซวิตนั้น พวกไทยก็รับว่าจะให้อะไรต่ออะไรต่าง ๆ อันเปนสิ่งที่ดีที่พวกเยเซวิตพอใจทั้งนั้น เช่นจะให้บ้านงาม ๆ สำหรับอยู่ดังนี้เปนต้น แต่ลงท้ายที่สุดพวกบาดหลวงเยซวิตก็ถูกไทยหลอกทั้งสิ้น และพวกบาดหลวงเยซวิตนี้ก็ต้องนับว่าเปนคนที่ฉลาดพอตัวอยู่แล้ว ได้มีพวกบาดหลวงเยซวิตไปยังประเทศจีน ๔ คน และบาดหลวงทั้ง ๔ คนนี้ก็นึกว่าตัวต้องตายกลางทะเล เพราะเหตุว่าเรือก็ใช้ไม่ได้และคนเรือก็เปนคนที่เลวทรามมาก เรือที่ใช้กันในเมืองนี้พวกไทยต่อเอาเองทั้งสิ้นและการที่ต่อเรือนั้นก็มิได้ออกโสหุ้ยแต่อย่างใดเลย เพราะเขาใช้วิธีเกณฑ์และบังคับคนของเขาให้เปนทั้งช่างไม้ช่างเหล็กและช่างต่าง ๆ ทุกอย่าง แต่ความจริงผู้ที่ถูกบังคับให้เปนช่างต่าง ๆ นั้นก็หาได้มีความรู้ในวิชาช่างที่ตัวต้องทำไม่ เพราะฉนั้นเมื่อช่างเหล่านี้ได้ต่อเรือเสร็จแล้ว เรือที่ต่อใหม่นั้นก็ทนกำลังคลื่นลมไม่ได้ เมื่อเรือออกไปถึงทะเล พอถูกคลื่นกระทบเข้าเล็กน้อยก็แตกทำลายทีเดียว ถ้าหากว่าผู้ที่ไปในเรือนั้นพาเรือไปเข้าฝั่งได้ก็ต้องนับว่าเคราะห์ดีมาก เพราะข้าพเจ้าได้สังเกตดูในบรรดาคนที่ลงเรือเหล่านี้ออกไปทะเล น้อยนักที่จะกลับมาได้ ข้าพเจ้า


๗๖ มาใคร่ครวญดูว่า การที่เปนไปดังนี้เห็นจะเกี่ยวแก่การที่พระเปนเจ้าลงโทษเปนแน่ เพราะพวกไทยเกณฑ์กำลังผู้คนโดยไม่ได้ให้ค่าจ้างหรือบำเหน็จรางวัลอย่างใดเลย แม้ที่สุดแต่อาหารก็ไม่ให้รับประทาน ถ้าพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำการงานไม่มีภรรยาคอยเอาเข้าปลาอาหารมาส่งแล้ว พวกนี้ก็คงต้องตายด้วยอดเข้าเปนแน่ เพราะฉนั้นท่านก็คงจะพอแลเห็นได้แล้ว ว่าการที่ไทยคิดอ่านจัดการต่างๆนั้นก็ประสงค์จะล่อลวงให้ท่านมายังเมืองไทยเท่านั้น การที่ไทยประสงค์จะให้ท่านมาตั้งการค้าขายในเมืองไทยนั้นก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินด้วย เพราะไทยเข้าใจว่า ถ้าพวกฝรั่งเศสหรือพวกอังกฤษไม่มาอยู่ในเมืองไทยแล้ว พวกฮอลันดาก็คงจะคิดอ่านแก้แค้นในการที่ไทยได้ทำการล่อลวงพวกฮอลันดามาแล้วแต่ข้อที่น่าพิศวงที่สุดนั้นก็คือ ในเวลานี้เปนเวลาที่ไทยอยากเปนไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสนัก เหตุใดจึงยังคงหลอกลวงพวกเราอยู่เสมอเล่า และความนับถือและเชื่อถือพวกฝรั่งเศสนั้น ก็คงเชื่อถือมากกว่าพวกอังกฤษด้วย แต่การที่ไทยทำกับพวกเราเช่นนี้ ก็คงเปนเพราะเหตุที่พวกเราทำการโอนอ่อนเข้าหาไทย ไม่เหมือนกับคนชาติอื่น ๆ ซึ่งไม่ทำการอนุโลมผ่อนผันเลย ถ้าไทยจะต้องการสิ่งใดจากคนชาติอื่น ก็ต้องไปอ้อนวอนกราบไหว้จึงจะได้ เพราะฉนั้นคนชาติอื่นจึงมีน้ำหนักมากขึ้น



๗๗ เมื่อข้าพเจ้าได้กลับมาถึงเรือลัวโซได้นั้น เปนเวลาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แก้หนังสือสัญญามาได้ ๒ วันแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ไปพลัดหายไปดังท่านคงจะได้ทราบอยู่แล้ว ซึ่งเปนการกระทำให้ท่านราชทูตมีความเสียใจมาก ดังท่านคงจะได้ทราบแล้วเหมือนกัน แต่เมื่อข้าพเจ้ากลับมาถึงเรือแล้ว ก็เปนอันหมดเวลาที่จะแก้ไขอะไรได้ ข้าพเจ้าจึงได้ลาท่านราชทูตกลับไปยังกรุงศรีอยุธยา ครั้นถึงวันสิ้นเดือนธันวาคมข้าพเจ้าจึงได้ออกจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อไปเมืองลพบุรีและกำหนดจะให้ไปถึงเมืองลพบุรีในวันปีใหม่ เพื่อจะไปให้ศีลให้พรสำหรับวันปีใหม่แก่มองซิเออร์ คอนซตันซ์ แต่การที่ไปเมืองลพบุรีบ่อยๆ เช่นนี้เปนการเปลืองโสหุ้ยมาก ครั้นตอนกลางคืนข้าพเจ้าได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ ข้าพเจ้าจึงได้อ้อนวอนขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ คืนเครื่องของมองซิเออร์เดอรูอัง ซึ่งมีราคาถึง ๕๐๐๐ ปอนด์ (ฝรั่งเศส) เครื่องทองอันนี้ ข้าพเจ้าได้มอบไว้ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ตามคำสั่งของท่านราชทูตกว่า ๑ เดือนมาแล้ว มองซิเออร์เดอรูอังเองก็ไม่กล้าทวงของสิ่งนี้จากมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะมองซิเออร์เดอรูอังได้รับควมกดขี่จากมองซิเออร์ คอนซตันซ์ โดยไม่มีมูลอย่างใดเลย ในเรื่องนี้ท่านราชทูตได้มีความเสียใจเปนอันมาก ถึงกับแนะนำให้มองซิเออร์เดอรูอังกลับไปเมืองฝรั่งเศสเสียดีกว่า มองซิเออร์เดอรูอังก็คิดอยากจะกลับไปยังประเทศฝรั่งเศส แต่เผอิญยังไปไม่ได้เพราะเหตุว่าทรัพย์สมบัติของมองซิเออร์เดอรูอังยังกระจายอยู่ใน


๗๘ เมืองจีน เมืองยี่ปุ่นและเมืองอื่น ๆ ทั่วไป การที่มองซิเออร์คอนซ์ตันซ์ทำกับมองซิเออร์เดอรูอังเช่นนี้ ก็มิได้เกรงใจท่านราชทูตเลย ครั้นข้าพเจ้าไปขอของสิ่งนี้คืนมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้พูดกับมองซิเออร์เดอฟอแบง ว่าข้าพเจ้าไม่ไว้ใจมองซิเออร์คอนซตันซ์เสียเลย แต่ความจริงของสิ่งนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ว่ายืมไปชั่วสองสามวันเท่านั้น ในเรื่องนี้ท่านควรจะต้องทราบไว้ ว่าเครื่องทองสิ่งนี้เดิมเปนของเมืองเปอเซีย มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อ้อนวอนขอให้มองซิเออร์เดอรูอังสั่งมาจากเมืองเปอเซียโดยฉะเพาะ และการที่มองซิเออร์เดอรูอังได้สั่งเครื่องทองสิ่งนี้ก็ต้องจ่ายเงินไปถึง ๑๐๐ เหรียญ สะเปนเศษ เพราะต้องให้คนคุมเดินมาทางบกโดยฉะเพาะ เมื่อเปนเช่นนี้ท่านก็คงจะเห็นได้ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ทำการเช่นนี้เปนการไม่สมควรเลย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้คืนของสิ่งนี้ให้ข้าพเจ้าแล้วอีก ๕ หรือ ๖ วัน ข้าพเจ้าก็ได้ล่องจากเมืองลพบุรี ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นก็ล่องลงมาที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อจะลงไปที่บางกอก เพราะพระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ไปจัดป้อมคูประตูหอรบที่บางกอกให้แน่นหนาแข็งแรงขึ้น เพราะทรงเกรงพวกฮอลันดาที่อยู่ที่บางกอก ภายหลังสักสามสี่วันมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็บ่นว่าข้าพเจ้าไม่ไปหา พวกบาดหลวงได้ทราบตามความปรารภของมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงมาบอกให้ข้าพเจ้าทราบ เวลานั้นข้าพเจ้าก็กำลังป่วยอยู่ แต่ถึงดังนั้นข้าพเจ้าก็ได้รีบไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์โดยทันที และได้ชี้แจงว่า


๗๙ การที่ข้าพเจ้ามาหาช้าไปนั้นก็เพราะเหตุที่ข้าพเจ้ายังป่วยอยู่ มองซิเออรคอนซตันซ์ได้รับรองข้าพเจ้าอย่างดี เพราะเผอิญในเวลานั้นได้เกิดการจลาจลขึ้น ซึ่งเปนเหตุเนื่องจากเรื่องที่มองซิเออร์เดอฟอแบงจะต้องการเอาพวกปอตุเกตมาหัดท่าทหาร ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กลับขึ้นไปเมืองลพบุรีแล้วสัก ๓-๔ วัน เกิดเสียงพูดกันขึ้นว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ถูกลงพระราชอาญา เพราะเหตุว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ไปรื้อทำลายพระเจดีย์ลง และข่าวนี้พวกปอตุเกตได้ลือกันออกเซ็งแซ่ แต่ข้าพเจ้ามาพิเคราะห์ดูคงจะไม่เปนข่าวที่จริง เพราะการเช่นนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นได้ แต่ในเมืองนี้ก็เปนธรรมเนียมอยู่ ใครทำผิดแม้แต่เล็กน้อย พระเจ้าแผ่นดินก็ลงพระอาญาเฆี่ยน ๑๐๐ ที และเมื่อให้ใช้ใครทำงานอย่างไรก็คงให้ทำงานสิ่งนั้นอยู่นั้นเอง แต่ในพวกไทยถือกันว่าถ้าพระเจ้าแผ่นดินโปรดใครจึงจึงจะลงพระราชอาญาแก่ผู้นั้น และถ้ายิ่งพระเจ้าแผ่นดินลงพระอาญาด้วยพระหัตถ์เอง พวกไทยก็ถือกันว่าเปนสิ่งที่ประเสริฐนัก แต่การที่พระเจ้าแผ่นดินจะลง มือตีเองนั้นไม่ใคร่มีเลย ตามปรกตินั้นถ้าพระเจ้าแผ่นดินให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนใครแล้ว ผู้ที่ถูกลงพระราชอาญานั้นก็ไปเฆี่ยนคนที่อยู่ในอำนาจของตัวอีก ๑ ต่อ เพราะฉนั้นถ้าพระเจ้าแผ่นดินได้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนคน ๆ ๑ คงจะมีคนถูกเฆี่ยนเปนลำดับลงมาตั้ง ๑๐๐ คน



๘๐ ในขณะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ป่วยลง จึงระฦกขึ้นมาได้ว่ามีชาวฝรั่งเศสคน ๑ ชื่อมองซิเออร์ชาลเปนช่างทำเหล็กเคยทำราชการของพระเจ้ากรุงสยาม มองซิเออร์ชาลผู้นี้ได้มาอ้อนวอนต่อท่านราชทูตให้จัดการให้มองซิเออร์ชาลได้หยุดพักราชการสักคราว ๑ เพราะได้ทำการมาครบกำหนดที่สัญญาไว้แล้ว ทั้งไม่พอใจที่จะทำราชการต่อไป เพราะเหตุว่าไม่ได้รับผลประโยชน์ เงินเดือนอย่างใดเลย ท่านราชทูตจึงได้สั่งข้าพเจ้าจัดให้มองซิเออร์ชาลเข้าทำการในห้างของบริษัท ข้าพเจ้าก็ได้จัดให้มองซิเออร์ชาลได้เข้าทำงานของบริษัทตามคำสั่งท่านราชทูต ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์กำลังป่วยอยู่ก็มีใจหงุดหงิด จึงได้ขู่ว่าจะเอามองซิเออร์ชาลใส่คุก เพราะมีความผิดที่ออกจากราชการของพระเจ้ากรุงสยาม และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ทราบได้ดีว่า ที่มองซิเออร์ชาลออกจากราชการนั้น ก็โดยคำสั่งของท่านราชทูต ส่วนตัวข้าพเจ้านั้นทราบอยู่ว่ายังจะต้องทำธุระติดต่อกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ และทราบอยู่ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์คอยปองร้ายต่อบริษัทอยู่ ทั้งทราบอยู่ด้วยว่ามอซิเออร์ชาลผู้นี้เปนคนเคยได้อยู่กับพวกฮอลันดามาช้านาน และได้เคยอยู่ตามเกาะที่มีต้นกานพลูและต้นจันทน์เทศ ข้าพเจ้าจึงได้เอามองซิเออร์ชาลไปซ่อนไว้จนกว่าเรื่องนี้จะสงบ และมองซิเออร์ชาลได้ซ่อนตัวอยู่ตั้งกว่าสองหรือสามเดือน



๘๑ ครั้นเรือของมองซิเออร์คอมบาลได้มาถึงเมืองไทยจากเมืองตีมอร์ ตัวมองซิเออร์คอมบาลก็หาได้อยู่ในเมืองไทยไม่ และฝ่ายมองซิเออร์เดอรูอังก็มิได้มีคนแทน สินค้าในเรือลำนี้ก็เปนของมองซิเออร์เดอรูอังโดยมาก ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบว่าเรือลำได้นี้บันทุกไม้จันทน์มา จึงได้ให้เจ้าพนักงานลงไปบังคับให้เรือลำนี้เสียค่าปากเรือ การเสียค่าปากเรือนี้เรือทุก ๆ ลำ ต้องเสียก็จริงอยู่ แต่ตามหนังสือสัญญาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำกับราชทูตฝรั่งเศสนั้น พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงโปรดยกเว้นค่าปากเรือนี้ให้แก่ฝรั่งเศสแล้ว แต่การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์มาบังคับให้เรือฝรั่งเศสต้องเสียค่าปากเรือนั้นยังไม่เพียงพอ ยังกลับมีคำสั่งห้ามไม่ให้ขายไม้จันทน์แม้ท่อนเดียว โดยอ้างเหตุว่าพระเจ้ากรุงสยามจะต้องพระราชประสงค์ไม้จันทน์นี้ทั้งหมด มองซิเออร์เดอรูอังซึ่งเปนผู้ที่มีหุ้นอยู่ในไม้จันทน์รายนี้จึงได้ตอบไปว่า เรื่องที่จะให้เสียค่าปากเรือนั้นมองซิเออร์เดอรูอังพร้อมอยู่ที่จะเสียให้ และส่วนไม้จันทน์นั้นก่อนที่จะได้ซื้อขายกัน มองซิเออร์เดอรูอังจะได้แจ้งให้เจ้าพนักงานของพระเจ้ากรุงสยามทราบเสียก่อน ครั้นต่อมาประมาณ ๕ หรือ ๖ วัน ได้มีเจ้าพนักงานมาถามมองซิเออร์เดอร์รูอังว่าไม้จันทน์นั้นมีจำนวนมากน้อยเท่าไร และมองซิเออร์เดอรูอังจะขายเปนราคาอย่างไร มองซิเออร์เดอรูอังจึงตอบว่าขออย่าได้วิตกเลยว่ามองซิเออร์เดอรูอังจะขายไม้จันทน์รายนี้ไปก่อนที่จะบอกให้เจ้าพนักงาน


๘๒ ของพระเจ้ากรุงสยามได้ทราบล่วงหน้า แต่ไม้จันทน์จะมีจำนวนมากน้อยเท่าไรนั้น มองซิเออร์เดอรูอังหาทราบแน่ไม่ แต่กะประมาณดูคะเนว่าคงจะมีไม้อยู่ในราว ๕๐๐ หาบ ซึ่งเปนไม้ของมองซิเออร์คอมบาลบ้าง ของคนอื่นบ้าง ของมองซิเออร์เดอรูอังบ้าง แต่ส่วนราคาที่จะขายไม้นั้น มองซิเออร์เดอรูอังคิดว่าคงจะขายได้ราคาหาบละ ๕๓ ปอนด์ ๑๐ อัฐ (ฝรั่งเศส) เพราะไม้จันทน์นี้เปนไม้อย่างดีที่สุด และได้ซื้อมาแพงกว่าธรรมดาอยู่แล้ว อีกประการ ๑ สินค้าที่ได้ส่งไปที่เมืองตีมอร์นั้นก็จำหน่ายยังไม่ได้ถึงส่วน ๑ เลย ซึ่งเปนการทำให้ขาดทุนเปนอันมาก เพราะฉนั้นมองซิเออร์เดอรูอังอาจจะแสดงให้เห็นได้ว่าถึงจะขายไม้จันทน์ตามราคาที่ว่านี้ก็คงจะยังขาดทุนอยู่นั่นเอง ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์เปนผู้ที่เกลียดมองซิเออร์เดอรูอังดังข้าพเจ้าได้กล่าวในมาตอนต้นนั้นแล้ว และดังใคร ๆ ก็อาจจะเปนพยานได้ทั่วไปนั้น จึงได้เอาโอกาสนี้สำหรับจะแก้แค้นแก่มองซิเออร์เดอรูอัง โดยมองซิเออร์คอนซตันซ์ใช้อำนาจมาขนเอาไม้จันทน์ไปและเอาสินค้าอื่น ๆ ไปทั้งหมดด้วย และกลับหาว่าธรรมดาราคาไม้จันทน์ก็เพียงหาบละ ๓๖ ปอนด์ ๑๐ อัฐ (ฝรั่งเศส) เท่านั้นแต่มองซิเออร์เดอรูอังมาโก่งราคาแพงเกินไปถึงหาบละ ๑๘ ปอนด์ (ฝรั่งเศส) ถ้าจะคิดตามจำนวนไม้จันทน์ก็ต้องเปนราคาถึง ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ (ฝรั่งเศส)



๘๓ ตามที่ข้าพเจ้าได้เล่ามาในเรื่องนี้ ก็เปนพยานให้ปรากฎว่าพวกไทยถือและปฎิบัติตามหนังสือสัญญาอย่างไร การอื่น ๆ นอกจากเรื่องนี้ก็ดำเนินตามวิธีนี้ทั้งสิ้น ส่วนมองซิเออร์คอนซตันซ์จะคิดจัดการให้เรื่องต่าง ๆ ของตัวเปนผลสำเร็จ จึงได้ใช้ให้มองซิเออร์เดอฟอแบงเชิญให้ข้าพเจ้าขึ้นไปที่เมืองลพบุรี เมื่อข้าพเจ้าได้ไปถึงเมืองลพบุรีแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็รับรองดี และแสดงตัวว่าจะช่วยข้าพเจ้าทุกอย่าง เปนต้นว่าถ้าข้าพเจ้าจะคิดทำการค้าขายในส่วนตัวของข้าพเจ้าเองแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะหาหนทางให้ข้าพเจ้าทุกอย่างและจะได้คอยป้องกันมิให้ข้าพเจ้าได้รับความลำบากอย่างใดเลย การที่มองซิเออร์คอนซ์ตันซ์ได้แสดงความเอื้อเฟื้อต่าง ๆ เช่นนี้ข้าพเจ้าก็แสดงตัวขอบบุญคุณเหมือนกัน ครั้นล่วงมาได้อีกหลายวันข้าพเจ้าก็ได้กลับไปถึงกรุงศรีอยุธยา พอมาถึงกรุงศรีอยุธยารุ่งขึ้นก็มีคนมาบอกข้าพเจ้าว่ามองซิเออร์เดอรูอังได้ถูกจับไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าก็เที่ยวสืบว่ามองซิเออร์เดอรูอังไปถูกขังอยู่ณะที่ใดแต่สืบไม่ใคร่ได้ความเลย จนภายหลังข้าพเจ้าได้เอาเงินออกแจกบ้างเล็กน้อยจึงได้ทราบว่ามองซิเออร์เดอรูอังถูกขังอยู่ณะที่ใด ครั้นตกเวลาค่ำข้าพเจ้าจึงได้ไปเยี่ยม มองซิเออร์เดอรูอังจึงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าที่ต้องถูกจับและคุมขังคราวนี้ ก็เพราะไทยจะบังคับให้มองซิเดอรูอังใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาเมื่อตอนต้นแล้ว และถ้ามองซิเออร์เดอรูอังไม่ใช้เงินรายนี้ก็เปน


๘๔ อันออกจากที่คุมขังไม่ได้ มองซิเออร์เดอรูอังจึงได้อ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้าขึ้นไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ที่เมืองลพบุรี เพื่อไปชี้แจงให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังว่า การที่ทำกันเช่นนี้ไม่เคยมีตัวอย่างในเมืองไทยเลย ในส่วนไม้จันทน์นั้นมองซิเออร์เดอรูอังไม่มีความผิดอย่างใดเพราะไม่ได้ขายไม้ให้แก่ผู้ใด การที่มองซิเออร์เดอรูอังได้คิดขายไม้ราคา ๕๐ ปอนด์เศษนั้น ก็เพราะเหตุว่าต้องซื้อแพงกว่าธรรมดา เพราะไม้จันทน์คราวนี้เปนไม้ท่อนใหญ่ผิดธรรมดา ถ้าหากว่ามองซิเออร์เดอรูอังได้คิดค่าโสหุ้ยอย่างละเอียดแล้ว ที่ขายไม้ตามราคานี้ก็คงจะยังขาดทุนอยู่นั่นเอง ข้าพเจ้าเกรงจะเสียเวลาจึงได้รีบขึ้นไปเมืองลพบุรี ครั้นไปถึงแล้วข้าพเจ้าก็ได้ไปหาท่านสังฆราช ๆ จึงได้บอกข้าพเจ้า ว่าความประสงค์ของข้าพเจ้าต้องการอย่างไรนั้นท่านสังฆราชเข้าใจได้ดี แต่ท่านสังฆราช จะช่วยเหลืออย่างไรไม่ได้ เพราะได้ทราบมาเปนการแน่ ว่าการที่มองซิเออร์เดอรูอังต้องถูกจับไปคุมขังเช่นนี้ ก็โดยพระราชโองการของพระเจ้ากรุงสยาม ข้อนี้ยากที่ข้าพเจ้าจะเชื่อว่าเปนความจริงได้ แต่ท่านสังฆราชก็ยังคงยืนยันว่าเปนความจริง เมื่อข้าพเจ้าได้ขึ้นมาถึงเพียงนี้แล้วจะกลับจากเมืองลพบุรีโดยไม่ไปชี้แจงเรื่องราวให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังก็ไม่ควร ข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ และเล่าเรื่องของมองซิเออร์เดอรูอังให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟัง มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ตอบข้าพเจ้าอย่างเดียวกับท่านสังฆราช ว่าเรื่องนี้เปนพระราชโองการของ ๘๕ พระเจ้ากรุงสยามซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์จะขัดไม่ได้เปนอันขาด ข้าพเจ้าจึงได้ออกจากเมืองลพบุรีกลับลงไปหามองซิเออร์เดอรูอังที่กรุงศรีอยุธยา มองซิเออร์เดอรูอังจึงได้ตกลงยอมจะใช้เงินรายนี้ แต่มองซิเออร์เดอรูอังไม่มีเงินจึงขอให้ข้าพเจ้าออกเงินเเทนไปก่อน และให้ข้าพเจ้าเอาทองคำซึ่งมองซิเออร์เดอรูอังได้ฝากข้าพเจ้าไว้นั้นแทนเงินต่อไป ทองคำรายนี้มองซิเออร์เดอรูอังได้มาจากเมืองตีมอร์ เพราะในเกาะตีมอร์นี้ไม่มีอะไรนอกจากทองคำ ครั่ง และไม้จันทน์เท่านั้น ข้าพเจ้าได้ออกเงินแทนมองซิเออร์เดอรูอังตามความประสงค์ มองซิเออร์เดอรูอังจึงออกจากคุกมาได้ ครั้นมองซิเออร์เดอรูอังได้ชำระเงินราย ๑๐,๐๐๐ ปอนด์เสร็จแล้วจึงได้ขึ้นไปยังเมืองลพบุรีเพื่อไปสืบเปนความลับ ๆ ว่าเรื่องนี้มีเหตุผลอย่างไรและเพื่อจะสืบให้ได้ความแน่ว่า การที่มองซิเออร์เดอรูอังได้ถูกจับขังคุกนั้น จะเปนด้วยพระราชโองการของพระเจ้ากรุงสยามหรืออย่างไร เมื่อมองซิเออร์เดอรูอังต้องขึ้นไปถึงเมืองลพบุรีแล้ว จึงได้เข้าหาเจ้านายและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อสืบหาความจริงให้จงได้ เจ้านายและข้าราชการจึงได้บอกแก่มองซิเออร์เดอรูอังว่าการที่อ้างพระราชโองการสั่งขังมองซิเออร์เดอรูอังนั้น เปนความไม่จริงเลย เพราะในเรื่องนี้พระเจ้ากรุงสยามไม่ได้ทรงทราบและไม่มีใครได้นำความกราบทูลเลย เจ้านายและข้าราชการได้พูดต่อไปว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เอาพระราชอำนาจและพระราชโองการมาอ้างเช่นนี้ เปนความผิดมาก และยิ่งมาทำแก่


๘๖ คนฝรั่งเศสเช่นนี้ยิ่งเปนความผิดมากขึ้น เพราะพระเจ้ากรุงสยามทรงโปรดปรานชาวฝรั่งเศสเปนอันมากแต่อย่างไรก็ดีเจ้านายและข้าราชการจะได้ไต่สวนในเรื่องนี้ให้ได้ความจริงต่อไป แต่ก็เชื่อว่าที่พระเจ้ากรุงสยามจะได้มีพระราชการเช่นนี้ เปนสิ่งที่คงเปนไปไม่ได้ มองซิเออร์เดอรูอังจึงได้กลับลงมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังตามที่ไปสืบมาได้ความเช่นนี้ และมาปรึกษาข้าพเจ้าว่าจะทำต่อไป ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่าถ้าข้าพเจ้าเปนตัวมองซิเออร์เดอรูอังแล้ว ข้าพเจ้าก็จะได้รีบออกจากเมืองไทยเสียโดยเร็วที่สุดที่จะไปได้ และเมื่อไปพ้นเมืองไทยแล้วจะได้ร้องขอให้ได้รับความยุติธรรมต่อไป แต่ในเมืองนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์มีอำนาจมากนัก เพราะฉนั้นไม่ควรทำอะไรในเมืองนี้ แต่ความที่มองซิเออร์เดอรูอังจะต้องการเอาเงินรายนี้คืนให้จงได้ จึงได้ไปปรึกษาคนอื่นซึ่งได้แนะนำมาสมกับความต้องการของมองซิเออร์เดอรูอัง เพราะต่อมาอีกหลายวันมองซิเออร์เดอรูอังได้มาบอกกับข้าพเจ้าว่า ในการที่มองซิเออร์เดอรูอังได้ถูกจับกุมครั้งนี้จะต้องจัดการให้เห็นเท็จและจริงให้จงได้ เพราะได้มีคนมาบอกแก่มองซิเออร์เดอรูอังเปนการแน่แล้ว ว่าในเรื่องนี้พระเจ้ากรุงสยามหาได้ทรงทราบเรื่องเลย ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์เดอรูอังว่า จะทำอะไรก็ตามแต่ขอให้ระวังให้มาก ข้าพเจ้าเองนึกวิตกว่ามองซิเออร์เดอรูอังจะคิดการไม่สำเร็จเปนแน่ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อมองซิเออร์เดอรูอังจะคิดการอย่างไร ข้าพเจ้าก็พร้อม


๘๗ อยู่ที่จะช่วยมองซิเออร์เดอรูอังโดยเต็มกำลังที่จะช่วยได้ การที่ข้าพเจ้าเตรียมจะช่วยมองซิเออร์เดอรูอังนั้นเปนด้วยเหตุ ๒ ประการ คือประการ ๑ เพราะที่เปนหัวหน้าของข้าพเจ้าได้สั่งข้าพเจ้าไว้ให้คอยช่วยเหลือมองซิเออร์เดอรูอัง ประการที่ ๒ เพราะเหตุว่าพวกอังกฤษและปอตุเกตได้เยาะเย้ยประเทศฝรั่งเศสนัก และกล่าวว่าที่การเปนไปเช่นนี้ก็เนื่องจากผลที่ราชทูตของพระเจ้าแผ่นดินผู้เปนใหญ่ได้มาจัดการในเมืองนี้ ในระหว่างเวลาที่มองซิเออร์เดอรูอังขึ้นไปอยู่เมืองลพบุรีนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ลงมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เพราะเหตุว่าประจวบกับเวลาที่มีเรือได้มาจากเมืองจีนเมืองยี่ปุ่นและเมืองมาเก๊า ในเวลานั้นข้าพเจ้าจำเปนต้องพบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ทุก ๆ วันเพื่อทำธุระให้แก่บริษัท เพราะข้าพเจ้าจะซื้อสินค้าจนราคาอัฐเดียวโดยไม่ได้รับอนุญาติจากมองซิเออร์คอนซตันซ์เสียก่อนไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงได้บอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ว่ามองซิเออร์เดอรูอังได้ขึ้นไปอยู่เมืองลพบุรีแล้ว การที่ข้าพเจ้าได้พูดเช่นนี้ก็มิได้คิดจะให้ร้ายต่อผู้ใด แต่คิดหวังจะเป็นคนกลางสำหรับเกลี่ยไกล่ให้เปนประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้น เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ออกจะเสียใจที่ได้ทำร้ายแก่มองซิเออร์เดอรูอังถึงเพียงนี้ ทั้งข้าพเจ้าก็มีความวิตกว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบจากคนอื่นว่ามองซิเออร์เดอรูอังได้ขึ้นไปที่เมือง


๘๘ ลพบุรีแล้ว ก็จะมาสงสัยว่าข้าพเจ้าเปนผู้ที่ได้จัดการในเรื่องนี้ก็จะเปนได้ ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็มุ่งหมายจะคิดทำการค้าขายกับบริษัท ทั้งเชื่อใจว่าตัวคงจะมีความฉลาดพอที่จะเอาเปรียบจากเราให้จงได้โดยไม่มีใครจะรู้สึกได้นั้น จึงได้มาแนะนำให้ข้าพเจ้าทำการค้าขายร่วมกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ และให้ข้าพเจ้ารับซื้อสินค้าในเรือที่มาจากเมืองจีนและเมืองอื่น ๆ ทั้งหมด ฝ่ายข้าพเจ้ามาตรองดูก็เห็นว่าจะเดินสายกลางไม่ได้เสียแล้ว ถ้าไม่ทำตามคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็เปนอันตกลงข้าพเจ้าจะทำอะไรไม่ได้เลย ข้าพเจ้าก็ตกลงยอมจะทำตามความต้องการของมองซิเออร์คอนซตันซ์ทุอย่าง แต่ข้าพเจ้าได้บอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ข้าพเจ้าจำเปนจะต้องฉวยโอกาสนี้รับซื้อไหมที่มาจากเมืองยี่ปุ่น เพราะเปนของที่ต้องห้าม แต่ข้าพเจ้าจะต้องรับซื้อไหมรายนี้ตามราคาไหมเมืองจีน หรือมิฉนั้นก็จะต้องรับซื้อโดยราคาถูกกว่าธรรมดา การที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้พอใจเลย เพราะที่ข้าพเจ้าพูดเช่นน หมายความว่าอย่างไรมองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจได้ดีทีเดียว แต่ต่างคนต่างไม่กล้าพูดตรง ๆ ลงท้ายที่สุดมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อุบาย ให้คนไปเรียกหัวหน้าอังกฤษมา ครั้นหัวหน้าชาวอังกฤษได้มาถึงแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้แนะนำว่าถ้าหัวหน้าชาวอังกฤษจะต้องการเข้าหุ้นกับมองซิเออร์คอนซตันซ์และตัวข้าพเจ้า


๘๙ แล้ว เราทั้งสามคนจะได้รับซื้อสินค้าที่มาจากเมืองจีนทั้งหมด หัวหน้าอังกฤษก็ตกลงยอมตามคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์โดยทันที และการเรื่องนี้ก็เปนอันตกลงกันตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น แต่ในเรื่องนี้ท่านควรจะต้องทราบไว้ว่า ในสินค้าเหล่านี้มองซิเออร์คอนซตันซ์มีหุ้นส่วนเปนเจ้าของด้วยเปนอันมาก และไหมนั้นก็เปนไหมของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ซึ่งเรืออังกฤษใหญ่ ๑ ลำ ได้บันทุกไหมมาจากเมืองจีนส่งไปเมืองยี่ปุ่นเมื่อปีกลายนี้ แล้วจึงได้ย้อนส่งไหมนั้นจากเมืองญี่ปุ่นมาเมืองไทย ไหมนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์กับนายเรืออังกฤษชื่อมองซิเออร์คอชเปนเจ้าของคนละครึ่ง มองซิเออร์คอชได้ไปซื้อไหมรายนี้จากชาวปอตุเกตเมืองมาเก๊าเปนราคา ๘๐ ปอนด์ ๕ และได้เอาสินค้าอย่างอื่นใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินซึ่งทำให้เขาได้มีกำไรกว่า ๓๐ หรือ ๔๐ เปอร์เซนต์ ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้ทราบความจากนายเรืออังกฤษคนนั้นเอง เพราะลงปลายที่สุดนายเรืออังกฤษไม่พอใจในความประพฤติของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ฝ่ายพวกบาดหลวงคณะเยซวิตซึ่งได้ลงเรือไปมาเก๊านั้นก็ได้บอกกับข้าพเจ้า ว่าในเรือซึ่งพวกบาดหลวงได้โดยสานไปนั้นก็ได้เล่าความตรงกันกับที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้ว ส่วนสินค้าอย่างอื่น ๆ นั้นก็ได้ซื้อขายกันอย่างวิธีนี้เหมือนกัน คือว่าเมื่อเราได้ซื้อสินค้าไว้แล้วเราต้องชำระด้วยเงินสด ด้วยเขาไม่ยอมรับสิน



๙๐ ค้าอย่างอื่นไว้แลกเปลี่ยนแม้แต่ราคาอัฐเดียว แต่ส่วนเขานั้นเวลาเขาซื้อสินค้าของเรา เขาก็เอาสินค้าอย่างอื่นมาแลกเปลี่ยนให้ หาได้ชำระเงินสดให้ไม่ ซึ่งกระทำให้เขามีกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๔๐ เปอร์เซนต์ดังข้าพเจ้าได้อธิบายมาแล้ว แต่การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กำไรถึงเท่านี้แล้วก็ยังหาเปนที่พอใจไม่ ไหมที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ลงทุนซื้อราคา ๘๐ ปอนด์ ๕ นั้น ได้เอามาขายให้แก่พวกเราโดยคิดราคาถึง ๘๔๓ ปอนด์ ๑๕ ซึ่งเปนราคาแพงกว่าธรรมดาหลายเท่า เพราะไหมที่ซื้อขายกันในเมืองไทยนั้น ไม่เคยขายกันเกินราคาหาบละ ๘๐ ปอนด์เลย และถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่คิดหากำไรเกินไปแล้ว เราก็พอจะซื้อได้โดยราคา ๖๓๖ ปอนด์ ซึ่งเปนราคาไหมขายกันในเมืองจีนอยู่แล้ว เพราะฉนั้นตามเรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้เล่ามานี้ ท่านก็คงจะเห็นได้ง่ายว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ซึ่งเปนผู้ปกครองอุดหนุนบริษัท ทำทีเหมือนจะอุดหนุนหาประโยชน์ ให้แก่บริษัท แต่ความจริงตัวของตัวเองกลับได้ประโยชน์มากกว่าเราหลายเท่า เพราะตามที่ซื้อขายสินค้ากันคราวนี้เปนเงินประมาณ ๖ แสน ๒ หมื่น ปอนด์ ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กำไรกว่า ๒ หมื่นแฟรงก่อนที่เราจะมีกำไรเสียอีก นี่และมองซิเออร์คอนซตันซ์คิดจะทำกับท่านราชเช่นนี้เหมือนกัน คือว่าคิดให้ท่านราชทูตส่งของและเงินมาเปนราคารวม ๘ แสนปอนด์ ให้แบ่งเปนสินค้าเสีย ๔ แสน นอกจากนั้นให้ส่งเปนเงินสด เพื่อจะคิดให้ท่านราชทูตรับสินค้าจากเมืองจีนเปน


๙๑ เงิน ๘ แสนแฟรง อันจะทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กำไรราว ๖๐เปอร์เซนต์ และการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้กำไรเท่านี้ก็เปนการง่ายที่สุด เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้สินค้าเหล่านี้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ถ้าหากว่าข้าพเจ้าได้เอาเงินซื้อไปสินค้าที่เมืองจีน เปนราคา ๔ แสนปอนด์ ก็คงจะหากำไรในเมืองฝรั่งเศสได้ไม่ต่ำกว่าล้านหนึ่ง เพราะเหตุว่าไหมอย่างดีที่สุดอันจะหาที่เปรียบในโลกนี้ไม่ได้ซื้อขายกันเปนราคา ๖๓๗ ปอนด์ ซึ่งคิดเปนน้ำหนักตกปอนด์ละ ๑๐๐ อัฐ (ฝรั่งเศส) เท่านั้น และในเมืองฝรั่งเศสคงจะขายได้น้ำหนักปอนด์ ๑ เปนเงิน ๑๕ หรือ ๑๖ ปอนด์เปนแน่ เพราะไหมนเปนไหมที่ดีที่สุด ในโลกนี้จะหาไหมที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าก็ตกลงยอมให้เขาเถือเนื้อ ถึงพวกอังกฤษเองก็ต้องยอมเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ยอมแล้วก็เปนอันไม่ได้ทำการค้าขายเลยจนอัฐเดียว ทั้งข้าพเจ้าก็จะต้องแตกร้าวกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย ข้าพเจ้าจึงต้องทำเปนไม่รู้เท่า เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าเวลานี้เปนการจำเปนที่บริษัทจะต้องยกย่องมองซิเออร์คอนซตันซ์ไปก่อนจนกว่าเราจะได้เกาะปูโลคอนดอเปนของเราต่อไป และความจริงในเรื่องนี้ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ ก็ไม่มีสินค้าในเมืองนี้ที่จะค้าขายได้ด้วย การที่ข้าพเจ้ากล่าวดังนี้ก็ขอให้ท่านเชื่อใจเถิดว่า ข้าพเจ้ามิได้มุ่งหมายอย่างอื่นนอกจากความมุ่งหมายอันบริสุทธิ์ต่อบริษัทเท่านั้น


๙๒ ข้าพเจ้าลืมเล่าให้ท่านฟังว่าสินค้าในเมืองจีนทั้งหมดก็ซื้อขายกันอย่างนี้ และคงจะได้กำไรไม่น้อยกว่าสินค้าไหมเท่าไรนัก ถ้าข้าพเจ้าได้ไปอยู่ที่เมืองจีนแล้ว ข้าพเจ้าจะได้จัดการให้พวกจีนทำเครื่องลายครามให้เปนรูปต่าง ๆ แปลก ๆ หลายพันอย่าง เช่นให้ทำเครื่องลายครามสำหรับประดับเพดาน หรือสำหรับปูพื้นเปนต้น อันจะงามกว่าหินอ่อนหลายเท่า และคงจะถูกกว่าหินอ่อนเปนแน่ ในเวลานั้นโดยเหตุที่ข้าพเจ้าปล่อยให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำอะไร ๆ ตามชอบใจทุกอย่าง มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้สนิทสนมกับข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าเห็นว่าเปนโอกาสอันดีจึงจะได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเรื่องของมองซิเออร์เดอรูอัง และเพื่อจะให้มีน้ำหนักขึ้นอีก ข้าพเจ้าจึงได้อ้อนวอนขอให้บาดหลวงเกอบียองช่วยข้าพเจ้าพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ ว่าบรรดาคนชาวต่างประเทศทุก ๆ ประเทศกำลังเยาะเย้ยเราอยู่ โดยเหตุที่ชาวฝรั่งเศสซึ่งอยู่ในความปกครองของบริษัทได้ถูกกดขี่อย่างร้ายแรงนัก และการที่ท่านผู้อำนวยการของบริษัทที่เมืองสุหรัตได้ส่งมองซิเออร์เดอรูอังมาเมืองไทยนั้นก็เพราะเหตุว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงออกประกาศเมื่อวันที่ ๒๐ เดือนมกราคม ค.ศ. ๑๖๘๒ (พ.ศ. ๒๒๒๔) จะทรงบำรุงอุดหนุนพวกพ่อค้าโดยฉะเพาะ เมื่อบาดหลวงเกอบียองกับตัวข้าพเจ้าได้ชี้แจงเหตุผลต่าง ๆให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังโดยกิริยาและวาจาอย่างอ่อนน้อมที่สุดแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ลุกเปนไฟขึ้นทันทีด่า

๙๓ และโกรธมองซิเออร์เดอรูอังเป็นมาก ยังมีบาดหลวงคณะเยซวิตเป็นชาวเมืองแฟลนเดอร์อีกคนหนึ่งอยู่ในที่นั้นด้วย พลอยพูดขึ้นว่าควรจะทำโทษคนพวกนี้เพื่อสั่งสอนเสียบ้าง ถ้าแม้ว่าคน ๆ นี้ไม่ได้เปนบาดหลวงแล้ว เมื่อออกมาแล้วข้าพเจ้าคงจะสั่งสอนให้เขารู้สึกตัวว่าไม่ควรจะเข้าไปเกี่ยวในกิจการของผู้อื่นเปนแน่ แต่ในขณะนี้ข้าพเจ้าแกล้งทำเปนไม่ได้ยินเสีย และแกล้งพูดเล้าโลมเอาใจต่าง ๆ บาดหลวงคนนี้จึงได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ควรจะอดใจเอาไว้ก่อน ไม่ช้าเขาหวังใจว่าคงจะได้รับความยุติธรรมและเรื่องของเราก็คงจะเปนผลสำเร็จตามความปราร์ถนา รุ่งขึ้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ออกจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อขึ้นไปเมืองลพบุรี เพราะได้มีคนบอกลงมาว่า มองซิเออร์เดอรูอังกำลังรังควาญในเรื่องนี้ และเตรียมที่จะถวายเรื่องราวต่อพระเจ้ากรุงสยามอยู่แล้ว ถ้าแม้ว่ามองซิเออร์เดอรูอังได้ถวายเรื่องราวและเรื่องราวนั้นได้เข้าไปถึงพระเจ้ากรุงสยามแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะเสียคนเปนแน่ ข้าพเจ้าก็ได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ตามเคย และได้ไปส่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ลงเรือด้วยบาดหลวงเกอบียองได้แนะนำกับข้าพเจ้าว่าในเรื่องมองซิเออร์เดอรูอังนั้น อย่าให้ข้าพเจ้าพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์อีกเลย เพราะบาดหลวงเกอบียองหวังว่าจะได้พูดจาเกลี่ยไกล่กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ และจะคิดจัดการให้มองซิเออร์คอนตันซ์คืนเงินให้แก่เราให้จง ได้ข้าพเจ้าจึงได้บอกกับบาดหลวงเกอบียองว่า ข้าพเจ้าเองไม่อยากเลย


๙๔ ที่จะแตกร้าวบาดหมางกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่ข้าพเจ้าจะยอมตายดีกว่าที่จะยอมทนให้พวกปอตุเกตเยาะเย้ยพวกเราอยู่เช่นนี้ เพราะพวกนี้เยาะว่า ราชทูตของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหญ่จะปกปักรักษาปกครองคนของตัวแต่คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะพวกปอตุเกตทราบอยู่เต็มใจว่า ท่านราชทูตได้เปนธุระในเรื่องพวกฝรั่งเศสมาก จนถึงกับอ้อนวอนขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอื้อเฟื้อช่วยเหลือชนชาวฝรั่งเศสให้มากกว่าชนชาติอื่น ๆ และการที่มองซิเออร์เดอรูอังได้ถูกทำโทษเช่นนี้ก็ชอบใจยิ่งนัก เพราะมองซิเออร์เดอรูอังเปนคนที่มีคนชอบมาก ในขณะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ เห็นว่าข้าพเจ้าไม่พอใจในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์โกรธมองซิเออร์เดอรูอังมากมายเช่นนี้ จึงคิดจะแกล้งข้าพเจ้าโดยให้คนมาบอกข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์จะเอามองซิเออร์คอมบาลใส่ขื่อเสียมีกำหนด ๖ เดือน เพราะเหตุที่มองซิเออร์คอมบาลได้ออกจากเมืองไทยโดยมิได้บอกให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบ แต่ความจริงในเรื่องนี้เมื่อมองซิเออร์ คอมบาลจะออกจากเมืองไทยคราวใด ก็เคยบอกให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบเสมอทุกคราวไป โดยเหตุที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เคยเอาสินค้าบันทุกลงเรือเสมอ ๆ เปนอันมาก และข้างฝ่ายมองซิเออร์คอมบาลก็มิได้คิดเอาค่าระวางเลย ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการอะไร มองซิเออร์คอมบาลก็จัดการให้โดยมิได้คิดค่าป่วยการอย่างใดเลย ซึ่งเปนการทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับ


๙๕ ผลประโยชน์เปนอันมาก แต่ถึงมองซิเออร์คอมบาลจะเอื้อเฟื้อต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์เช่นนี้ ก็ไม่พ้นที่จะได้รับความกดขี่ และความ อยุติธรรมเปนรางวัล เพราะฉนั้นมองซิเออร์คอมบาลจึงออกเรือไปเสีย โดยมิได้ไปถามมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าจะมีธุระอะไรบ้างดังที่เคยทำมาแต่ก่อน ๆ นอกจากนี้ได้ทราบว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะคิดทำการอย่างร้ายกาจอันน่ากลัวอย่างยิ่งแก่ชาวฝรั่งเศสทุก ๆ คน จนที่สุดชาวฝรั่งเศสที่ได้ออกจากเมืองไทยไปแล้ว ก็จะต้องได้รับความเดือดร้อนจากมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย ฝ่ายบาดหลวงถึงจะไม่ลั่นวาจาว่ากระไรก็มิได้มีความพอใจเลย เพราะพวกบาดหลวงทั้งคณะก็ได้ถูกบีบคั้นดุจเปนทาส และในข้อนี้ท่านก็คงจะได้ทราบจากทางอื่นทุกแห่งเหมือนกัน ทั้งท่านก็คงจะเห็นดังข้าพเจ้าได้อธิบายมาในตอนต้นแล้วว่าบริษัทถูกขะโมย แต่ข้าพเจ้าก็มิได้พูดว่ากระไรเลยจนคำเดียว จนที่สุดสิ่งใดที่ทำให้ข้าพเจ้าเสียใจนัก กลับทำให้พวกศัตรูของชาติเรายินดีมากขึ้น ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ไดขึ้นไปถึงเมืองลพบุรีแล้ว จึงได้ความว่ามองซิเออร์เดอรูอังเตรียมจะถวายเรื่องราวต่อพระเจ้ากรุงสยาม พอทราบเท่านั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็เข้าไปในพระราชวัง และแกล้งทำอุบายว่าได้ไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามกราบทูลในเรื่องนี้โดยตลอดแล้ว แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงเล่าให้พวกบาดหลวงฟังว่า พระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งให้ไล่มองซิเออร์เดอรูอังออกจากพระราชอาณาเขตร์ทันที แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลขอพระมหากรุณา


๙๖ ผ่อนให้มองซิเออร์เดอรูอังอยู่ในพระราชอาณาเขตร์อีก ๓ เดือน เพราะการงานของมองซิเออร์เดอรูอังยังติดพันกันอยู่ และได้กราบทูลว่าพ่อค้าอย่างมองซิเออร์เดอรูอังจะจัดการเรื่องที่ติดค้างให้สำเร็จก่อน ๓ เดือนไม่ได้ การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาแกล้งอุบายพูดเช่นนี้ก็เพื่อจะทำให้เห็นว่าตัวเป็นคนตั้งอยู่ในความยุติธรรมแต่ การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำโดยอ้างพระราชโองการมาแล้วนั้น ยังนับว่าเบากว่าที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้ทำต่อไป เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้คนไปจับตัวมองซิเออร์เดอรูอังมา เมื่อได้ตัวมาแล้วก็ได้ก็สั่งให้เอาเชือกผูกคอ ให้เอาเชือกมัดมือและให้เอาตรวนใส่เท้ามองซิเออร์เดอรูอัง แล้วให้เอามองซิเออร์เดอรูอังไปตระเวนตลอดเมืองลพบุรีในเวลากลางวันแสก ๆ เมื่อได้ตระเวนเสร็จแล้วจึงได้สั่งให้เอาตัวมองซิเออร์เดอรูอังไปจำขังไว้ที่บางกอก ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไกลประมาณ ๓๐ ไมล์ การที่เป็นเช่นนี้ก็พอจะเห็นได้ชัดว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำโดยลำพังของตัว พระเจ้ากรุงสยามหาได้ทรงทราบเรื่องไม่เลย คนใช้ของมองซิเออร์เดอรูอังคน ๑ ได้รีบมาบอกให้ข้าพเจ้าทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าจึงรีบไปหารือท่านบาดหลวงเพราะในเวลานั้นไม่มีใครนอกจากท่านคณะบาดหลวงเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงได้บอกกับบาดหลวงว่า ข้าพเจ้าคิดจะแย่งเอาตัวมองซิเออร์เดอรูอังกลับมาเสีย และเมื่อได้ตัวมาแล้วก็จะขอให้เขาฟ้องกล่าวโทษมองซิเออร์เดอรูอังตามกระบิลเมืองต่อไป ถ้ามองซิเออร์เดอรูอังมีความผิด ข้าพเจ้าก็จะส่งตัวคืนให้ ท่านบาดหลวงไม่เห็นชอบ

๙๗ ตามความคิดของข้าพเจ้า โดยอ้างว่าจะทำให้พระเจ้ากรุงสยามกริ้ว จึงเปนอันตกลงให้ข้าพเจ้าทำใจเย็น ๆ รอฟังไปดูก่อน แต่ข้าพเจ้าก็ต้องการทราบเรื่องของมองซิเออร์เดอรูอัง จึงได้ลงเรือไปแต่คนเดียวและได้ไปพบกับมองซิเออร์เดอรูอังใกล้กับพระราชวัง พวกที่คุมกับมองซิเออร์เดอรูอังเห็นข้าพเจ้าไปจึงได้ร้องตะโกนห้ามฝีพายเรือข้าพเจ้าไม่ให้เข้าใกล้ ข้าพเจ้าก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ทำการร้ายแรงอย่างใด จึงได้ถามเรื่องจากมองซิเออร์เดอรูอังแต่ไกล พอทราบความตามที่ต้องการแล้วข้าพเจ้าก็กลับมา มองซิเออร์เดอรูอังได้บอกกับข้าพเจ้าว่า คนที่คุมตัวมองซิเออร์เดอรูอังมานั้น ได้รับคำสั่งให้คุมตัวมองซิเออร์เดอรูอังอย่างแน่นหนาอย่าให้ข้าพเจ้าได้ไปแย่งชิงตัวเอามาได้ เพราะเกรงว่าข้าพเจ้าจะพาตัวมองซิเออร์เดอรูอังพร้อมทั้งโซ่ตรวนเครื่องจองจำไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม ภายหลังสักสองสามวัน มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กลับลงมาที่กรุงศรีอยุธยาอีก เพราะธุระที่มาทำครั้งก่อนยังคั่งค้างอยู่ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำแก่พวกเราอย่างร้ายแรงนักข้าพเจ้าจึงมิได้ไปหาตามเคย เปนแต่ข้าพเจ้าได้พูดกับบาดหลวงเกอบียอง ว่าข้าพเจ้าจะอดทนให้การเปนอย่างนี้ไม่ได้ และขอให้บาดหลวงเกอบียองลองเอาใจของข้าพเจ้าไปใส่ใจของตัว ก็จะเหนได้ว่าเปนอย่างไรบ้าง ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับบาดหลวงเกอบียองต่อไปว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ทำเช่นนี้ก็เพื่อประสงค์จะอวดอำนาจ และ


๙๘ เพื่อจะทำให้พวกอังกฤษพอใจ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ทำกับพวกอังกฤษอย่างร้ายแรงเหมือนกัน เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หลอกลวงพวกอังกฤษเช่นเดียวกับที่หลอกลวงพวกเรา โดยสัญญาจะให้พริกไทยในเมืองไทยทั้งหมดแก่อังกฤษ และสัญญาอะไรต่ออะไรต่าง ๆ อันน่าฟังทั้งนั้น ทั้งในเวลานั้นก็ประจวบกับเวลาที่ได้ข่าวมาว่า บริษัทอังกฤษจะต้องการทราบเหตุผลในเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำแก่หัวหน้าของเขาด้วย เมื่อข้าพเจ้าได้ยกเหตุผลชี้แจงให้บาดหลวงเกอบียองฟังโดยละเอียดแล้ว จึงเปนอันตกลงกันว่า บาดหลวงเกอบียองจะได้ไปบอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ส่งตัวมองซิเออร์เดอรูอังมาให้ข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะได้กลับจากเมืองไทย เพราะหมดหนทางที่จะทำอย่างอื่นได้แล้ว มิฉนั้นการงานของเราก็จะพลอยเสียหายไปหมด และการที่ข้าพเจ้าคิดจะกลับไปนั้น ก็เพราะเหตุว่าทนความเยาะเย้ยจากชาวต่างประเทศไม่ได้แล้ว ความคิดของข้าพเจ้าในเรื่องนี้ก็คือว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ให้ความยุติธรรมแก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็จะได้ออกจากกรุงศรีอยุธยาไปยังเกาะปูโลคอนดอ เพื่อคอยลมมรสุมไปยังฝั่งคอรอมันเดลต่อไป เมื่อไปถึงเกาะปูโลคอนดอแล้ว ข้าพเจ้าจะได้อุบายทำเปนทีไปยิงเนื้อยิงสัตว์และตกปลา แต่ความจริงข้าพเจ้าจะได้ทำแผนที่เกาะนั้นทั้งทำแผนที่ท่าเรือ และหยั่งน้ำให้รู้ร่องน้ำลึกตื้นเท่าไร กับสืบสวนตรวจตราการทั้งปวงในเกาะนั้นด้วย


๙๙ เมื่อบาดหลวงเกอบียอง ได้ไปพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หาเชื่อไม่กลับเห็นไปว่าข้าพเจ้าหลอกเพื่อจะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ส่งตัวมองซิเออร์เดอรูอังมาให้ข้าพเจ้าเท่านั้น และบาดหลวงเกอบียองจะพูดอย่างไร ๆ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หาเชื่อไม่ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้เลยล่องไปที่บางกอกโดยมิได้ให้คำตอบแก่ข้าพเจ้าว่าอย่างใดไม่ ข้างฝ่ายข้าพเจ้าก็จะต้องการให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นเหมือนกันว่า ข้าพเจ้าเปนคนที่พูดจริง เพราะฉนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ล่องลงไปบางกอกแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เตรียมเรือยาว ๒ ลำเพื่อจะได้พาผู้คนที่อยู่ในห้างไปด้วยทั้งหมด เพราะเกรงว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะทำร้ายคนเหล่านี้เช่นเดียวกับที่ได้เคยทำร้ายแก่หัวหน้าห้างอังกฤษแก่มองซิเออร์เดอรูอังและคนอื่น ๆ มาแล้ว ฝ่ายพวกไทยที่จะต้องพายเรือของเราเห็นว่าพวกเราถืออาวุธด้วยกันทุกคนก็เกิดกลัวขึ้นจึงต่างคนต่างกระโดดน้ำหนีไปหมด ทิ้งเราไว้ในเรือจะหาคนพายเรือสักคนเดียวก็ไม่มี ซึ่งกระทำให้ข้าพเจ้าลำบากใจเปนอันมากแต่เรื่องนี้ก็เปนเรื่องที่โด่งดังอื้อฉาวแล้ว จะถอยหลังเพราะติดขัดเพียงเท่านี้ก็ออกนึกอายอยู่บ้าง ข้าพเจ้าจึงได้ตกลงใจจะเดินบกไปให้จงได้ แต่มีชาวปอตุเกตคน ๑ ไม่ยอมไป เพราะเดินทางบกเปนการลำบากมาก ด้วยบางแห่งต้องข้ามห้วยน้ำข้ามคลอง บางทีก็ต้องจมโคลนจนถึงบั้นเอวก็มี แต่ถึงหนทางจะกันดารสักปานใด พวกเราก็ได้เดินทางบกไปถึงเมืองลพบุรีภายใน ๒๔ ชั่วโมง ครั้นไปถึง


๑๐๐ เมืองลพบุรีแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ตรงไปยังประตูพระราชวัง เพื่อไปขอความกรุณาให้ข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามให้จงได้ ผู้บังคับกองทหารซึ่งประจำการอยู่นั้นได้ออกมาถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้ามีกิจอะไร ข้าพเจ้าจึงตอบว่าข้าพเจ้าหวังจะได้รับเกียรติยศที่จะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม เพื่อกราบทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบถวายบังคมลากลับไปรายงานให้หัวหน้าของข้าพเจ้าทราบถึงเหตุการต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในเมืองนี้ ฝ่ายผู้บังคับกองคิดจะช่วยเหลือมองซิเออรคอนซตันซ์ เพราะพวกนี้จะทำการสิ่งใดก็รู้กันหมด จึงถามข้าพเจ้าว่ามีเรื่องราวอย่างไรที่จะต้องเข้าไปกราบทูล ข้าพเจ้าจึงได้ตอบผู้บังคับกองทหารว่า เรื่องที่ข้าพเจ้าจะไปรายงานนั้น เปนเรื่องที่ใคร ๆ จะแก้ไขไม่ได้นอกจากพระเจ้ากรุงสยามและหัวหน้าของข้าพเจ้าเท่านั้น เพราะฉนั้นถ้าข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องให้ผู้บังคับกองฟังก็ป่วยการเสียเวลาเปล่า ผู้บังคับกองจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า เวลานี้จะเข้าไปกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามยังไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องกลับและได้เลยไปรับประทานอาหารที่โรงเรียนสามเณร ซึ่งในเวลานั้นมีแต่มองซิเออร์เลอแคลอยู่คนเดียวเท่านั้น อีกสักครู่หนึ่งพระยาพระคลังได้ให้คนมาตามมองซิเออร์เลอแคลให้ขอให้พาและไปหาข้าพเจ้าไปด้วย แต่พะเอิญเวลานั้นคนที่ข้าพเจ้าพาไปด้วยได้ไปรับประทานอาหารกันหมด ทั้งตัวข้าพเจ้าก็ไม่ไว้ใจพระยาพระคลังเท่านักด้วย ข้าพเจ้าจึงขอให้มองซิเออร์เลอแคลล่วงหน้าไปเสียก่อน เมื่อข้าพเจ้ารวบรวมผู้คนของข้าพเจ้าได้


๑๐๑ เมื่อไร ข้าพเจ้าจึงจะตามไปภายหลัง ข้าพเจ้าได้ให้พระยาพระคลังคอยข้าพเจ้าช้าอยู่สักหน่อยเพราะคนของข้าพเจ้ายังกลับมาไม่หมด ครั้นข้าพเจ้ารวบรวมผู้คนได้หมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ไปหาพระยาพระคลัง พระยาพระคลังจึงได้ถามข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบดอกหรือว่า ในเรื่องชนิดนี้จะต้องพูดกับพระยาพระคลังเสียก่อน แล้วพระยาพระคลังจึงจะได้นำความกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยามต่อไป ข้าพเจ้าจึงได้ตอบพระยาพระคลังว่า ข้าพเจ้าเข้าใจดีทีเดียว แต่พระยาพระคลังไปทำกับมองซิเออร์เดอรูอังอย่างร้ายแรงเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงไม่พูดด้วยกับพระยาพระคลัง พระยาพระคลังจึงตอบข้าพเจ้าว่ามองซิเออร์เดอรูอังเปนผู้ร้าย แต่ข้าพเจ้าหาได้เปนผู้ร้ายเหมือนกับมองซิเออร์เดอรูอังไม่ ข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงให้พระยาพระคลังฟังว่า มองซิเออร์เดอรูอังมิได้เปนคนร้ายยิ่งกว่าข้าพเจ้าเลย และทั้งมองซิเออร์เดอรูอังและตัวข้าพเจ้าก็มิได้เปนผู้ร้ายทั้งสองคน พระยาพระคลังจึงถามว่า ข้าพเจ้าจะต้องการอย่างไร ข้าพเจ้าก็ได้ตอบพระยาพระคลังอย่างเดียวกับที่ข้าพเจ้าได้พูดกับผู้บังคับกองทหารที่ประตูพระราชวัง เมื่อได้พูดจาโต้ตอบกันอยู่ช้านาน แต่พดกันอย่างเรียบร้อยทั้งสองฝ่าย ข้าพเจ้าก็ลาพระยาพระคลังกลับไปที่พักและพระยาพระคลังก็รับรองกับข้าพเจ้าว่าจะได้นำความกราบทูลให้ทรงทราบตามความประสงค์ของข้าพเจ้า และเมื่อมีพระกระแสอย่างใด พระยาพระคลังจะได้ให้คนมาบอกให้ข้าพเจ้าทราบที่กรุงศรีอยุธยา และ ข้าพเจ้าก็ได้รับรองว่า ถ้ามีพระราชกระแสมา


๑๐๒ ประการใดข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามทุกประการ เพราะข้าพเจ้ามีความนับถือว่าพระเจ้ากรุงสยามเปนผู้ที่มีพระทัยดี ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กลับจากบางกอกมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้วข้าพเจ้าก็หาได้ไปหาไม่ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้เรียกขุนนางข้าราชการไปประชุมกันเปนการใหญ่โตเพื่อจะคิดอ่านหาทางแก้ตัวในข้อหาของข้าพเจ้า ในขณะนั้นพะเอิญข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากมองซิเออร์ เดลตอร์ฉบับ ๑ ร้องมาว่า มองซิเออร์คอนูเอลได้ถูกกดขี่ที่เมืองตะนาวศรี ข้าพเจ้าจึงได้เอาหนังสือฉบับนั้นส่งเข้าไปยังที่ประชุมและขอร้องให้ข้าพเจ้าได้รับความยุติธรรม ที่ประชุมในคราวนี้มิได้ตกลงอย่างไร นอกจากหาเรื่องกล่าวโทษข้าพเจ้าเปนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายพันอย่าง ซึ่งกระทำให้ข้าพเจ้ามีความสงสารพวกนั้นมากกว่าที่จะทำให้ข้าพเจ้ากลัว ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์กลับขึ้นไปถึงเมืองลพบุรี ก็กลับหาว่าการที่ข้าพเจ้าได้ไปทำที่เมืองลพบุรีนั้น เปนการหมิ่นพระเดชานุภาพ การเช่นนี้เปนวิธีการของมองซิเออร์คอนซตันซ์เมื่อตัวทำผิดแล้ว ก็คงจะหาความผิดใส่คนอื่นต่อไป เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กลับขึ้นไปถึงเมืองลพบุรีแล้ว ข้าพเจ้าก็รอคอยคำตอบของพระยาพระคลัง ครั้นเห็นว่าพระยาพระคลังไม่ตอบดังนัดไว้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้มีจดหมายโดยใช้ถ้อยคำอย่างอ่อนน้อมไปยังพระยาพระคลังฉบับ ๑ แต่ในจดหมายฉบับนี้ข้าพเจ้าได้เอาความที่เปนจริงกล่าวแทรกลงไปด้วย จึงได้ทำให้พระยาพระคลังโกรธ

๑๐๓ หนักยิ่งกว่าเก่าขึ้นไปอีก ครั้นพระยาพระคลังเห็นว่าจะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้แล้วเพราะข้าพเจ้าไม่กลัว ถึงพระยาพระคลังจะเอาข้าพเจ้าใส่ขื่อคาหรือจะด่าว่าข้าพเจ้าอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่กลัว พระยาพระคลังจึงได้เดินวิธีใหม่โดยให้คนมาพูดเกลี่ยไกล่ข้าพเจ้าอย่างสุภาพเรียบร้อย ข้าพเจ้าจึงยอมหมด พระยาพระคลังจะคิดอย่างไร จะทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็ยอมทุกอย่าง ขอแต่ให้ส่งตัวมองซิเออร์เดอรูอังมาให้ข้าพเจ้าเท่านั้น เพราะในเวลานั้นมองซิเออร์เดอรูอังก็ยังต้องจำตรวนอยู่ทั้งขาก็ถูกหนีบในระหว่างไม้สองอัน จะพลิกตัวหรือไปนั่งที่อื่นไม่ได้ทั้งกลางวันกลางคืน มองซิเออร์เดอฟอแบงได้ให้คนมาตามข้าพเจ้าขึ้นไปยังเมืองลพบุรี และรับรองจะให้เรื่องของข้าพเจ้าเปนผลสำเร็จ ข้าพเจ้าก็ได้รีบขึ้นไปเมืองลพบุรีทันที ครั้นไปถึงแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ไม่ยอมจัดการอย่างไร ข้าพเจ้าก็เตรียมตัวจะกลับ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บังคับให้ข้าพเจ้าไปหาให้จงได้ ข้าพเจ้าก็ได้ไปหาตามความประสงค์ ซึ่งเปนการทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เสียใจมาก เพราะเรื่องนี้เปนเรื่องที่โด่งดังอื้อฉาวมาก และใคร ๆ ก็รู้ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ทำการไม่ถูก ครั้นข้าพเจ้าได้พบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์และได้พูดตัวต่อตัวได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงขอให้ไล่คนออกไปให้หมดเพราะคนพวกนั้นก็ล้วนเปนคนช่างประจบสอพลอทั้งนั้น และข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าเราได้ทำธุระกันฉะเพาะสองต่อสองแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะพอใจข้าพเจ้าเปนอันมาก


๑๐๔ ข้าพเจ้าได้ไปหาท่านสังฆราชและได้กล่าวโทษมิชันนารีของท่านสังฆราชผู้ ๑ เพราะมิชันนารีคนนี้เปนคนที่อยู่ใกล้ชิดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เสมอ และเปนคนทำให้พวกมิชันนารีทั้งหลายรำคาญด้วย ความจริงพวกมิชันนารีเหล่านี้เปนคนที่ซื่อมาก และพวกบาดหลวงคณะเยซวิตก็คอยรักษาเกียรติยศของประเทศฝรั่งเศสอยู่เสมอ การที่ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปเมืองลพบุรีครั้งนี้ มองซิเออร์เดอฟอแบงก็ได้จัดการช่วยพูดจาหวังจะให้เสร็จเรื่องไป ครั้นพูดไปพูดมาก็ทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รู้สึกตัวว่าตัวทำผิด มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้แค้นมองซิเออร์เดอฟอแบงนัก และตั้งแต่นั้นมามองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็แกล้งมองซิเออร์เดอฟอแบงหลายพันอย่างเพราะนิสสัยของมองซิเออร์คอนซตันซ์เปนคนที่อาฆาตพยาบาท จะหาใครในโลกนี้เหมือนมองซิเออร์คอนซตันซ์เปนไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าก็รู้สึกอยู่ว่าในทุกวันนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์เปนคนที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดปรานมากกว่าคนอื่น ๆ และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์คิดเห็นว่าข้าพเจ้าเผลอเวลาใด ข้าพเจ้าก็คงจะถูกแทงข้างหลังเปนแน่ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์คงคิดผิด เพราะข้าพเจ้ารู้จักนิสสัยมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ดีทีเดียว ข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องระวังตัวอยู่ทุกเมื่อ ในเรื่องนี้เมื่อข้าพเจ้าได้เที่ยวขึ้นไปเมืองลพบุรีสักสองสามครั้งแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ส่งตัวมองซิเออร์เดอรูอังมาให้ข้าพเจ้า และได้สัญญากับข้าพเจ้าว่าจะคืนได้เงินค่าไม้จันทนให้แก่มองซิเออร์เดอรูอังด้วย

๑๐๕ ตั้งแต่ได้เกิดเรื่องนี้มา ในส่วนกิริยาวาจาของมองซิเออร์คอนซตันซ์ที่เกี่ยวแก่ตัวข้าพเจ้า เปนสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่มีข้อที่จะติได้แต่ในข้อที่เกี่ยวด้วยผลประโยชน์ส่วนต้วแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงยังปฏิบัติตามที่เคยอยู่เสมอ ส่วนเรือที่ข้าพเจ้าได้เตรียมไว้สำหรับจะกลับจากเมืองไทยนั้น เปนอันหมดโอกาสที่ข้าพเจ้าจะไปยังเกาะปูโลคอนดอได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เอาเรือนี้ขึ้นตั้งหน้าสำหรับขออนุญาตต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ที่จะไปตรวจดูพริกไทยที่เมืองนครศรีธรรมราชต่อไป การที่ข้าพเจ้าขออนุญาตไปเมืองนครศรีธรรมราชนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้พอใจเลยแต่ก็ไม่กล้าห้ามไม่ให้ข้าพเจ้าไป มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า มีความยินดีที่จะให้ข้าพเจ้าไป แต่ขอให้ข้าพเจ้ารอสักหน่อยเถิดจึงค่อยไป ข้าพเจ้าก็ได้รออยู่และได้เทียวไปเทียวมาหลาย ครั้งหลายหน มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ผัดเพี้ยนเรื่อยไปจนล่วงเวลาไปได้สามเดือน ข้าพเจ้าก็ได้ไปชี้แจ้งต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าการที่ทำให้เสียเวลาเช่นนี้ เปนการทำให้บริษัทได้รับความเสียหายมาก มองซิเออร์คอนซตันซ์ จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ในเรื่องนี้จะต้องกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามให้ทรงทราบเสียก่อนจึงจะได้ ตามการที่เปนเช่นนี้ก็พอจะเห็นได้ว่าพริกไทยคงจะมีจริง แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะต้องการกักไว้สำหรับขายให้พวกอังกฤษเปนแน่



๑๐๖ พวกบาดหลวงคณะเยเซวิตได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อเรือที่พวกบาดหลวงได้โดยสานมา ได้แวะเข้าไปที่ฝั่งเมืองเขมรนั้น พวกบาดหลวงได้พบกับคนที่ได้เคยไปค้าขายกับเมืองนครศรีธรรมราช คนเหล่านี้ได้เล่าให้พวกบาดหลวงฟังว่า ปีนี้มีพริกไทยมากพอบันทุกเรือได้ถึงสองลำ ข้อนี้คงจะเปนความจริงเพราะได้ทราบว่าพวกอังกฤษได้ไปตั้งห้างที่เมืองปัตตานีแล้ว ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะจัดการให้ดีกว่านี้ไม่ได้เพราะมองซิเออรคอนซตันซ์ไม่ยอมให้ข้าพเจ้าไปดังนี้ ข้าพเจ้าจึงได้จัดให้มองซิเออร์รากีเอมไปแทน แต่มองซิเออร์รากีเอมได้ไปทำอย่างไรจนถึงกับคนนำร่องได้เสียคนจึงเปนอันต้องงดไปไม่ได้ ดังท่านจะได้เห็นตามรายงานที่ข้าพเจ้าได้ส่งมาให้ท่านแล้ว ข้าพเจ้าเองก็มิได้ไว้ใจในคนนำร่องคนนั้นอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้จัดหาคนนำร่องหนุ่ม ๆ คน ๑ ซึ่งเปนคนมากับเรือของราชทูตและได้เลยอยู่ในเมืองไทยต่อไป แต่คนนำร่องคนนี้หนุ่มเกินไปข้าพเจ้าจึงไม่กล้าที่จะมอบเรือให้ทีเดียว การที่ต้องทำงานใหญ่โตและต้องอาศรัยคนชาวต่างประเทศนั้นเปนการน่าอัดใจเต็มที และคนนำร่องหนุ่มที่ว่านี้ ก็พะเอินเปนคนชาติอังกฤษเสียด้วย ข้าพเจ้าจะได้มีจดหมายไปยังผู้อำนวยการมาแตง ขอให้ส่งเรือเซนต์หลุยมาในปีหน้าแต่ต้นปี และจะได้ขอให้มองซิเออร์มาแตงสั่งนายเรือให้แวะตามฝั่งชายทะเลทุก ๆ แห่ง และให้รายงานให้ทราบว่าที่ท่าเรือแห่งใดจะมีพริกไทยบ้าง ข้าพเจ้าเชื่อว่าคงจะไปพบตำบลที่ปลูกพริกไทยเปนแน่

๑๐๗ ถ้าแม้ว่าข้าพเจ้าได้มีเรือสักลำ ๑ แล้ว ข้าพเจ้าก็จะได้อุบายว่าจะไปเกาะบอนิโอเพื่อไปซื้อเพชร์ แต่ข้าพเจ้าจะได้แวะตรวจที่เกาะปูโลคอนดอเสียก่อนจึงเลยไปเกาะบอนีโอ แล้วจากเกาะบอนีโอแล้วข้าพเจ้าจะได้เลียบตามฝั่งแหลมมลายูตรวจตราในเรื่องพริกไทยให้ตลอดทาง และเมื่อไปถึงเมืองสงขลาจะได้ตรวจตราการทั้งปวงในเมืองนั้นโดยละเอียด และข้าพเจ้าเชื่อว่าในเรื่องพริกไทยนี้ก็คงจะไม่ใช่การใหญ่โตเหลือเกิน ดังไทยจะต้องการให้เราเชื่อดอก โดยเหตุที่ข้าพเจ้าได้ตรึกตรองและปฏิบัติการอยู่ทุก ๆ วันเพื่อให้เปนประโยชน์แก่บริษัทนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เกิดมีความคิดในเรื่องเมืองสงขลาขึ้นอย่าง ๑ ซึ่งข้าพเจ้าได้นำไปหารือต่อท่านสังฆราชและท่านบาดหลวงคณะเยซวิตแล้ว และท่านบาดหลวงก็เห็นชอบด้วย ความคิดของข้าพเจ้าอันนี้ก็คือว่า ในระดูมรสุมที่ลมพัดมาจากทิศเหนือ ซึ่งเปนเวลาเหมาะสำหรับเดินเรือไปยุโรปนั้น ในเวลานั้นมีสายน้ำไหลเชี่ยวจากทิศตวันออกไปทิศตวันตกอันเปนเหตุทำให้เรือแวะเข้าไปตามฝั่งแหลมมลายูไม่ได้ ข้อนี้บรรดาคนทั้งหลายที่ได้เคยมาเมืองนี้แล้ว อาจจะรับรองว่าเปนความจริงทุกคน เพราะคนเหล่านี้ได้รับคำแนะนำมาทุกคนว่า ถ้าถูกเคราะห์ร้ายถูกลมตีเข้าหาฝั่งแล้ว ก็ต้องนับว่าเปนการเสียเที่ยวจะไปไหนไม่ได้อีก เพราะเหตุฉนี้ข้าพเจ้าจึงมีความเห็นว่า ถ้าท่านจะต้องการตั้งห้างที่เมืองสงขลาแล้ว ก็จะต้องให้เรือออกเดินก่อนระดูมรสุมถึงสองเดือน เพื่อไปคอยลมจะพัดมาจาก


๑๐๘ ทิศเหนือ และการที่จะคอยลมนั้นจะต้องเอาเรือไปทอดไว้ที่ท่าเมืองไทย หรือที่ฝั่งเมืองเขมร แต่การที่จะเอาเรือไปทอดคอยลมเช่นนี้ ก็จะทำให้โสหุ้ยเพิ่มเติมขึ้นมาก ทั้งเปนการเหน็จเหนื่อยลำบากต่อลูกเรือ เพราะต้องเดินทางช้าออกไปถึงสองเดือน และในเวลาที่เปลี่ยนมรสุมนั้น ก็อาจจะมีลมพายุอย่างร้ายแรงซึ่งจะทำให้เรือแตกทำลายก็ได้ ส่วนที่เกาะปูโลคอนดอนั้นเปนทำเลที่ดีกว่ามาก เพราะลมและสายน้ำก็เหมาะแก่การเดินเรือทุกอย่าง การที่ข้าพเจ้าออกความเห็นมาเช่นนี้ บางทีท่านจะหาว่าข้าพเจ้ารบกวนท่าน และหาว่าข้าพเจ้ามีน้ำใจโหดร้ายก็จะเปนได้ แต่ข้าพเจ้าจะต้องขอยืนยันต่อท่านว่า ข้าพเจ้าเปนผู้ที่รู้จักเมืองนี้ได้ดีทีเดียว และถ้าในเมืองนี้มีของดีแล้ว ของดีนั้นก็คงจะไม่ตกไปถึงมือท่านเปนแน่ ข้าพเจ้าก็อ้อนวอนต่อพระเปนเจ้าขอให้ข้าพเจ้าคิดผิดเถิด แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อใจว่าตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาทั้งนี้เปนเรื่องที่จริงทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะมีใครหาว่าข้าพเจ้าเปนคนชั่วที่สุด และในโลกนี้ไม่มีใครชั่วยิ่งกว่าข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องบอกให้ท่านทราบว่า พวกฝรั่งเศสในเมืองนี้ได้ถูกบีบคั้นกดขี่อย่างสาหัส มองซิเออร์เดอฟอแบงนั้นถึงจะถูกกดขี่บ้างก็ยังไม่ได้ถูกร้ายแรงเท่ากับมองซิเออร์เดอรูอัง แต่ก็จวนอยู่แล้วเหมือนกัน และถ้าข้าพเจ้าไม่คอยห้ามมองซิเออร์เดอฟอแบงมิให้กราบทูลขอรับความยุติธรรมจากพระเจ้ากรุงสยามแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะทำกับมองซิเออร์เดอฟอแบงอย่างที่ทำกับ


๑๐๙ มองซิเออร์เดอรูอังมาแล้ว หรือบางทีจะทำร้ายแรงยิ่งกว่าทำมองซิเออร์เดอรูอังเสียอีกก็จะเปนได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อท่านเหล่านี้ได้ถูกบังคับกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงเช่นนี้ ก็เปนเรื่องที่จะลืมไม่ได้เปนอันขาดตลอดถึงวันตาย ท่านสังฆราชและท่านบาดหลวงคณะเยเซวิตก็เปนพยานว่ามองซิเออร์เดอฟอแบงมิได้มีความผิดอย่างใดเลย แต่ถึงกระนั้นไทยก็ไล่และเนรเทศมองซิเออร์เดอฟอแบงให้ออกจากพระราชอาณาเขตร์สยามดุจมองซิเออร์เดอฟอแบงเปนคนเลวทรามต่ำช้าที่สุด และการที่ไทยขับไล่มองซิเออร์เดอฟอแบงออกจากพระราชอาณาเขตร์นั้นก็ให้เวลาเพียง ๔๐ ชั่วโมงเท่านน ฝ่ายมองซิเออร์คอมบาลก็ถูกขู่ว่าจะต้องติดขื่อมีกำหนดถึง ๖ เดือน ฝ่ายมองซิเออร์เดอรูอังก็ต้องติดคุกติดโซ่ตรวนดังท่านได้เห็นมาแล้ว ฝ่ายมองซิเออร์ชาลก็ถูกขู่ว่าจะต้องติดคุกมีกำหนด ๑ ปี จนมองซิเออร์ชาลจะต้องหนีเข้าไปซ่อนอยู่ในป่าถึงสามเดือนจนกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะหายโกรธ ยังมีชาวฝรั่งเศสอีกคน ๑ ซึ่งเคยเปนคนรักษาพระราชอุทยานของพระเจ้ากรุงสยาม ได้ตายด้วยความเสียใจ เพราะเหตุว่าไทยได้ขู่ว่าจะเอาไม้ตี เรื่องที่เกิดขนนั้นก็คือ ผู้รักษาพระราชอุทยานผู้นี้ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างใดเลยจนไม่มีอะไรจะซื้ออาหารรับประทาน ทนไม่ไหวจึงขอลาออก ไทยก็โกรธและว่าจะทำโทษเฆี่ยนดังนี้ ขอให้ท่านทราบเถิดว่า บรรดาชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในเมืองไทย ทั้งคนที่ท่านราชทูตได้ปล่อยไว้ที่นี่และคนที่เรียกมาสำหรับทำราชการพระเจ้ากรุงสยาม ถึงจะได้


๑๑๐ รับความเดือดร้อนสักปานใดก็ไม่กล้าลาออก เพราะกลัวจะต้องถูกเฆี่ยนนับตั้งพันที การที่ไทยทำการกดขี่ข่มเหงเช่นนี้ เมื่อนึกขึ้นมาทีไร ก็เท่ากับมีอะไรมาแทงหัวใจเหมือนกัน ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ถ้าพระเจ้าแผ่นดินของเราได้ทรงทราบว่าไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ได้มาถูกทรมานอย่างแสนสาหัตยิ่งกว่าทาสดังนี้ พระองค์คงจะหักโซ่ตรวนอันกระทำความทรมานให้แก่ชาวฝรั่งเศสให้หมดสิ้นเปนแน่ ข้าพเจ้าจะได้เล่าให้ท่านฟังถึงการเรื่องหนึ่งซึ่งเปนพยานให้เห็นในความดีของพวกฝรั่งเศส แต่ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าก็หาได้เกี่ยวข้องอย่างใดด้วยไม่ คือว่ามองซิเออร์เดอรูอังกับมองซิเออร์ชาลได้ถูกฆ่าตายในเวลาที่ออกไปรบกับพวกแขกมากาซา ซึ่งก่อการจลาจลคิดประทุษร้ายต่อพระเจ้ากรุงสยาม และคราวที่รบกันครั้งนี้ ชาวฝรั่งเศสนอกจากคนสองคนนี้ยังได้ตายไปอีกคน ๑ คือ คนเป่าแตร ซึ่งท่านราชทูตได้มอบไว้ให้กับมองซิเออร์มีลังได้ตายเหมือนกัน แต่ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่จำเปนจะต้องเล่าให้ยืดยาว เพราะเปนเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เปนธุระเล่าให้ท่านฟังถึงเหตุการที่ได้เกิดรบกันในคราวนี้อย่างละเอียดอยู่แล้ว ในการที่เกี่ยวด้วยเรื่องการค้าขายซึ่งทำกันในเมืองไทยนั้น ในเดือนมีนาคมคงมีเรือเข้ามาประมาณ ๑๐ ลำหรือ ๑๒ ลำ เรือเหล่านี้มาจากเมืองจีนบ้าง เมืองยี่ปุ่นบ้าง แต่เปนเรือของพระเจ้ากรุงสยามเกือบทุกลำ จะมีเรือที่เปนของพวกปอตุเกตุชาวเมืองมาเก๊าสักสองหรือสามลำเท่านั้น เมื่อปีนี้มีเรือพิเศษเข้ามาลำ ๑ เปน


๑๑๑ เรือของชาวอังกฤษ คือเรือลำนี้ได้ออกจากเมืองไทยเมื่อปีกลายนี้ได้ไปเมืองจีนแล้วย้อนกลับมาเมืองไทยอีก นอกจากนี้ยังมีเรือเล็ก ๆ มาจากเมืองกวางตุ้งอีก ๒ ลำ เมืองกวางตุ้งนี้เปนท่าเรืออยู่ชายทะเลเมืองจีน เรือต่าง ๆเหล่านี้ล้วนแต่บันทุกเครื่องลายครามสำหรับจำหน่ายแก่คนในเมืองไทย นอกจากนี้พวกปอตุเกตได้บันทุกไหมดิบบ้าง ผ้าแพรขาวบ้างและผ้าแพรสีต่าง ๆ บ้าง แพรสีต่าง ๆ นั้นบางพับก็มีดอกไม้ทอง แต่ดอกไม้ทองนั้นก็ทำด้วยกระดาดปิดทองทั้งนั้น นอกจากไหมและผ้าแพรนั้นพวกปอตุเกตยังบันทุกกะทะเหล็กสำหรับทำกับเข้าบ้าง ไม้เมืองจีนบ้าง โกฎน้ำเต้าบ้าง น้ำตาลบ้าง ทองคำบ้าง ในสินค้าต่าง ๆ ที่บันทุกเข้ามาในเมืองไทยนั้น คงจะได้กำไรราว ๒๕ ถึง ๓๐ เปอร์เซนต์ทุกอย่าง และสินค้าที่ดีที่สมควรจะเอาไปจำหน่ายในประเทศฝรั่งเศสได้ก็คงจะได้กำไรอย่างน้อย ๑๕๐ เปอร์เซนต์ ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงเรื่องไหมมาครั้ง ๑ แล้ว แต่ส่วนผ้าแพรนั้นค่าแรงคนทำงานในเมืองจีนคงจะเปนราคาถูกมาก เพราะผ้าแพรที่ทออย่างดีและมีน้ำหนักพับ ๑ ถึง ๑๘ หรือ ๒๐ ออนซ์ก็เปนราคาเพียง ๖ หรือ ๗ ปอนด์ (ฝรั่งเศส) เท่านั้น ผ้าแพรเหล่านี้พับ ๑ คง เปนเนื้อผ้ายาว ๗ หลาเท่านั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์กับข้าพเจ้าได้ซื้อผ้าแพรไว้โดยลงทุนซื้อเพียงราคา ๑๐ ปอนด์ ๑๕ อัฐ (ฝรั่งเศส) เท่านั้น ผ้าแพรนี้ข้าพเจ้าได้บอกให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ไว้ว่าข้าพเจ้าต้องการส่งไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อให้ท่านดูเปนตัวอย่าง แต่มองซิเออร์


๑๑๒ คอนตันซ์หาฟังไม่กลับเอาไปขายเสียโดยมิได้บอกให้ข้าพเจ้าทราบ เลยของอื่น ๆ ซึ่งได้ซื้อด้วยกันเช่น ไม้เมืองจีน โกฎน้ำเต้า น้ำตาลนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์กเอาไปขายเสียโดยไม่ได้บอกให้ข้าพเจ้าทราบเหมือนกัน แต่สำหรับของเหล่านี้ข้าพเจ้าไม่ได้ว่ากระไรเพราะเปนของที่เสียได้ง่ายสินค้าต่าง ๆ ดังข้าพเจ้าได้พรรณนามานี้เปนสินค้าที่ซื้อขายกันในเมืองนี้ และข้าพเจ้าก็ได้เลือกซื้อแต่ฉะเพาะของที่ดีทั้งนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ได้สิ้นเงินไปเพียงแสนแปดพันปอนด์ (ฝรั่งเศส) เท่านั้น แต่ในเรื่องการค้าขายนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกไว้กับท่านราชทูตว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ยังรอสินค้าที่จะเข้ามาจากเมืองเหล่านี้เปนราคาถึงสามล้าน การที่มีสินค้าเพียงเท่านี้คงไม่ใช่เพราะพวกจีนไม่รู้จักการค้าขาย และข้าพเจ้าเชื่อว่าพอที่จะหาสินค้าได้ทุกอย่างเพราะพวกจีนไม่ใช่บุคคลที่กลัวแก่ความเหน็ดเหนื่อย ทั้งเปนคนที่โกงอย่างที่สุด และข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้ามีโอกาสแล้ว พวกจีนก็คงยอมวิ่งไปจนสุดโลก สำหรับที่จะไปโกงเอาเพียง ๕ อัฐ เท่านั้น การที่พวกจีนโกงเช่นนี้ก็ไม่ได้ปิดบังอย่างไรหามิได้ และถ้าจับได้พวกจีนก็หัวเราะเสียเท่านั้นเอง ข้าพเจ้าลืมบอกให้ท่านทราบว่า การค้าขายในเมืองจีนเปิดให้คนทั้งหลายค้าขายได้ทั่วไป และถ้าใครยอมเสีย ๑๐ เปอร์เซนต์แล้วก็ทำการค้าขายได้ทุกคน ส่วนสินค้าเมืองยี่ปุ่นนั้นไม่มีตกเข้ามาเลย นอกจากมาในเรือของพระเจ้ากรุงสยามเท่านั้น ในเมืองยี่ปุ่นก็ไม่มีสินค้าอะไรนอกจากเครื่องลายครามเนื้อหยาบเครื่องเงินเครื่องทองและทองแดงเท่านั้น สินค้าเหล่านี้มีกำไรน้อยไม่เหมือนสินค้าเมืองจีน แต่ ๑๑๓ เหตุที่มีคนนิยมอยากไปค้าขายที่เมืองยี่ปุ่นนักนั้น ก็เพราะเหตุว่าสินค้าทุก ๆ อย่างที่เอาไปขายในเมืองยี่ปุ่นมีกำไรมาก แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เกิดห้ามไม่ให้ค้าผ้าด้ายและผ้าไหมต่าง ๆ ซึ่งทำให้การค้าขายในเมืองยี่ปุ่นเสียหายเป็นอันมาก และเมื่อพ่อค้าในเมืองไทยซื้อสินค้าของเราแล้ว ก็นำสินค้านั้น ๆ ไปจำหน่ายที่เมืองยี่ปุ่นทั้งสิ้น พวกยี่ปุ่นไม่ยอมให้คนที่ถือสาสนาคริสเตียนเข้าไปในเมืองยี่ปุ่นเลยเปนอันขาด จนที่สุดถ้าพ่อค้าคนใดเปนคริสเตียนแล้ว พวกยี่ปุ่นก็ไม่ยอมทำธุระด้วย ชาวต่างประเทศที่เข้าไปค้าขายในเมืองยี่ปุ่นนั้น ก็มีแต่พวกฮอลันดาชาติเดียวเท่านั้น แต่เขาพูดกันว่าพวกฮอลันดาต้องละสาสนาของตัวและต้องเหยียบย่ำไม้กางเขนเสียก่อนจึงจะเข้าไปค้าขายได้ แต่ทำอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อว่าพวกฮอลันดาจะเปนชาติสุนัขทำได้ถึงเพียงนั้น ในเมืองตังเกี๋ยนั้นราคาไหมยังราคาไหมยังกลับถูกกว่าในเมืองจีนอีก แต่เนื้อไหมไม่สู้ดีเท่ากับไหมเมืองจีน ในเมืองตังเกียยังมีผ้าแพรต่าง ๆ ราคาแพงมาก และมีชมดเชียงกับทองคำด้วย เขาพูดกันว่าการค้าขายในเมืองตังเกี๋ยกลับได้กำไรมากกว่าไปค้าขายในเมืองจีนเสียอีก และข้าพเจ้าได้ส่งสินค้าไปยังเมืองตังเกี๋ยเปนราคาเก้าพันหรือหมื่นปอนด์ (ฝรั่งเศส) แล้ว แต่ในข้อนี้ต่อปีหน้าข้าพเจ้าจึงจะได้รายงานให้ท่านทราบโดยละเอียดได้



๑๑๔ ที่เมืองมานีลาก็นั้นพอจะทำการค้าขายได้ดี แต่คนทั้งหลายจะเข้าไปค้าขายในเมืองมานีลาไม่ได้ เว้นแต่พวกปอตุเกตและพวกแขกมัวจึงจะเข้าไปได้ เขาพูดกันว่าพระเจ้ากรุงสะเปนไม่ได้เปนธุระกับพวกที่อยู่ในเมืองมานีลานี้เลยเพราะเหตุที่พวกนี้ไม่ได้ถือสาสนาโรมันคาธอลิก ข้าพเจ้าได้ตรึกตรองถึงการค้าขายในเมืองติมอร์ ซึ่งจะทำให้เรามีกำไรเปนอันมาก คือว่าในเวลานี้ผู้รักษาเกาะติมอร์แทนพวกปอตุเกตนั้นได้เกิดขบถต่อปอตุเกตจนถึงกับไม่ยอมทำการค้าขายกับพวกปอตุเกต แต่กลับมีความรักใคร่ชอบพวกฝรั่งเศส เพราะฉนั้นถ้าได้ทำสัญญากับผู้รักษาเกาะติมอร์แล้วก็คงจะได้ง่าย สัญญานั้นก็คือข้างฝ่ายเราจะยอมส่งของเครื่องภาชนะที่เขาจะต้องการทุก ๆ ปี กล่าวคือ ผ้าดิบซึ่งมาจากฝั่งคอรอมันเดลบ้าง ดินปืนบ้าง กระสุนปืนบ้าง แต่ดินปืนกับกระสุนปืนนั้นจะต้องส่งเปนจำนวนน้อย เพื่อป้องกันไม่ไห้เปนของต้องห้ามไปได้ นอกจากนี้ผู้รักษาเกาะติมอร์คงจะต้องการของเครื่องดื่มบ้าง หมวกบ้าง และผ้าสำหรับตัดเสื้อบ้าง ข้างฝ่ายผู้รักษาเกาะติมอร์จะได้สัญญายกทองคำและไม้จันทน์ให้แก่เรา ถ้าเรื่องนี้ได้จัดการสำเร็จไปได้ ก็คงจะทำให้บริษัทได้กำไรกว่าปีละแสนแฟรงทุก ๆ ปี และเปนเรื่องที่ไม่ยากเท่าไรนักด้วย เพราะถ้าจะส่งเรือเล็ก ๆ ไปสองหรือสามลำทุก ๆ ปีก็พอแล้วและเรือนี้ก็คงจะค้าขายเพิ่มต้นทุนขึ้นอีกเท่าตัวเปนแน่ แต่เปนข้อน่าประหลาดว่าเหตุใดในเมืองไทยจึงได้นิยม


๑๑๕ ไม้จันทน์กันนัก ถ้าเรามีแต่ไม้จันทน์ฉะเพาะแต่เราฝ่ายเดียวแล้ว เราก็จะเอาไปขายเมืองจีนได้ง่าย ไม้จันทน์ก็มีในเมืองไทยเหมือนกัน แต่เปนไม้ไม่สู้จะดี สู้ไม้จันทน์ทางเกาะติมอร์ไม่ได้ การค้าขายทางเกาะบอนิโอก็ดีเหมือนกัน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เองมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกแก่ข้าพเจ้าว่า การค้าขายทางเกาะบอนิโอไม่ดีใช้ไม่ได้ แต่ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดเช่นนี้ บางทีจะเปนด้วยเหตุที่มองซิเออร์คอนซตันซ์รักข้าพเจ้ามากนัก จนถึงกับไม่อยากให้ข้าพเจ้าไปห่างก็จะเปนได้ อีกนัยหนึ่งก็คือมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ต้องการให้ข้าพเจ้าไปเมืองนครศรีธรรมราชและเมืองสงขลา เพราะเกรงว่าข้าพเจ้าจะไปทำการค้าขายติดต่อกันขึ้นได้ สินค้าที่ส่งเข้าไปเกาะบอนิโอนั้น มีแต่ผ้าดิบซึ่งมาจากฝั่งคอรอมันเดล เครื่องลายครามเนื้อหยาบ และกระทะเหล็กสำหรับทำครัว และของที่จะได้จากเกาะบอนิโอนั้น ก็มีทองคำและเพชร์ แต่เพ็ชร์นี้เปนเพ็ชร์ที่ดีที่สุด ทางฝ่ายทิศตวันออกจะหาเพ็ชร์ที่ดีเท่ากับเพ็ชร์เกาะบอนิโอไม่ได้ ถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์จะพูดว่า การค้าขายกับเกาะบอนิโอเปนการที่ไม่ดีหากำไรไม่ได้ก็จริง แต่ข้าพเจ้าทราบแน่ว่าในปีนี้เอง มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ค้าขายกับเกาะบอนิโอและได้มีกำไรถึง ๒๐๐ เปอร์เซนต์ และฝ่ายพระเจ้ากรุงสยามก็ได้ไปตั้งห้างที่เกาะบอนิโอนั้นแล้ว ทำเลที่ดีที่สุดในเกาะบอนิโอนี้ เปนเมืองที่เรียกกันว่า บันดามาซิน ซึ่ง


๑๑๖ อยู่ข้างฝั่งทิศใต้ของเกาะ เมื่อเราได้แวะไปที่เกาะบอนิโอนั้น พวกชาวเกาะได้รับรองเราอย่างดี เพราะพวกนี้กลัวและเกลียดพวกฮอลันดานัก ในเมืองต่าง ๆ อันอยู่ใกล้เคียงกับเมืองไทยนั้น ยังมีเมืองอีกหลายเมือง ที่พอจะทำการค้าขายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ซึ่งจะทำให้ได้กำไรเปนอันมาก ทั้งจะหาทองคำก็ได้ด้วยเปนอันมาก เมืองเหล่านี้คือเมืองญวน เมืองเขมร เมืองลาว และเมืองมอญ ในเมืองเหล่านี้ล้วนแต่เปนแห่งที่มีทองคำทั้งนั้น และทองคำในเมืองเหล่านี้ก็ซื้อขายกันเปนราคาเพียง ๘ หนักเงินเท่านั้น ถ้าจะคิดตามน้ำหนักที่ใช้กันในเมืองฝรั่งเศสก็เพียง ๓๒ ออนซ์ และถ้าจะคิดเปนราคาเงินก็ตกในอยู่ในราว ๕๔ ปอนด์ (ฝรั่งเศส) เท่านั้น นอกจากนี้ยังจะได้กำไรจากสินค้าต่าง ๆ ที่ส่งเข้าไปจำหน่ายในเมืองเหล่านี้อีกเปนอันมาก ตามที่ข้าพเจ้าได้บรรยายมานี้ เปนสินค้าที่พอจะทำการค้าขายในแถบเหล่านี้ได้เพียงเท่านี้เอง ในส่วนสินค้าที่จะบันทุกมาจากประเทศฝรั่งเศสนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่จำเปนจะต้องมีอะไรกี่มากน้อย ผ้าต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าเอามาด้วยนั้นเปนผ้าเนื้อดีเกินไปไม่เหมาะแก่เมืองเหล่านี้ ถ้าจะเอาผ้ามาจำหน่ายในเมืองเหล่านี้แล้ว จะต้องเปนผ้าเนื้อหยาบสีต่าง ๆ ทุกสี และต้องมีผ้าเซีชสีต่าง ๆ เหมือนกัน นอกจากนั้นจะต้องเปนผ้ากระจุกกระจิกเช่นผ้าริบิ้นและผ้าต่าง ๆ เว้นแต่ผ้าแพร ต้อง


๑๑๗ มีหมวกต่าง ๆ ถุงเท้าแพรอย่างเนื้อละเอียด เครื่องอาหารของรับประทานต่าง ๆ และของที่สำคัญที่สุดที่จะจำหน่ายได้ดีก็คือเครื่องดื่มต่าง ๆ เมื่อปีนี้เองได้มีเรือของพระเจ้ากรุงอังกฤษเข้ามาในเมืองไทยลำ ๑ ไม่ได้บันทุกของอย่างอื่นนอกจากเครื่องรับประทานและเครื่องดื่มเท่านั้น และของที่เรือลำนี้ได้บันทุกมา ข้าพเจ้าเชื่อว่า คงจะจำหน่ายโดยมีกำไรไม่ต่ำกว่าสามร้อยหรือสี่ร้อยเปอร์เซนต์เปนแน่


งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก