ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๗๕

จาก วิกิซอร์ซ

ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๗๕ (ปราบเงี้ยว ตอนที่ ๑)


พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชเพลิงศพ หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม ๑๔ ธันวาคม ๒๕๐๒


ชาตะ ๒๕ สิงหาคม ๒๔๓๑ มรณะ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๐๒

คำนำ เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา ใน ม.จ. ทองอนุวัติ ทองใหญ่ กำหนดงานวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม หม่อมราชวงศ์ มาฬกสุวรรณ ทองใหญ่ ได้เป็นผู้แทนเจ้าภาพมาแจ้งแก่เจ้าหน้าที่แผนกค้นคว้า กองวรรณคดีและ ประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ว่าประสงค์จะพิมพ์หนังสือเรื่องที่เกี่ยวกับการ ปราบเงี้ยวก่อการจลาจล แจกเป็นที่ระลึกในงานนี้ เพราะขณะเมื่อผู้ วายชนม์มีอายุ ๑๒ ปี ได้เคยเกี่ยวข้องประสบความยุ่งยากเพราะเงี้ยวเป็นจลาจลครั้งนั้นด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้เลือกเรื่องเกี่ยวกับการปราบเงี้ยว ซึ่งมีต้นฉบับเก็บรักษาไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติ และยังไม่เคยจัดพิมพ์ เลย แบ่งออกให้พิมพ์แจกในงานนี้เป็นประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗๕ (ปราบ เงี้ยว ตอนที่ ๑) ส่วนที่เหลือถ้ามีโอกาสก็จะจัดพิมพ์ต่อไป หนังสือเรื่องปราบเงี้ยวซึ่งตีพิมพ์ในเล่มนี้ เป็นเพียงจดหมายและ โทรเลขจากผู้ที่ไปปราบปรามและเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติราชการอยู่ทางแถบเมืองแพร่และเมืองใกล้เคียงซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทั้งนั้น ต้นเหตุที่จะ เกิดขบถเงี้ยวนี้ ม.จ.พูนพิศสมัย ดิศกุล ได้ทรงไว้ในหนังสือ แพร่-น่าน ว่า "ส่วนต้นเหตุของเรื่องนี้ ข้าพเจ้าเคยได้ยินจากเสด็จพ่อว่าเรื่องเดิม นั้น พกาหม่องเป็นลูกหนี้เจ้านางแว่นทิพย์น้องพระเจ้าเชียงตุงอยู่ ๔,๐๐๐ บาท ไม่มีจะใช้ก็หนีมาอาศัยพวกพ้องอยู่ในเมืองแพร่ วันหนึ่งเห็นเขาขน เงินส่วยเข้าไปที่ศาลากลาง ก็นึกขึ้นว่าถ้าได้เงินนี้ไปใช้หนี้ก็จะกลับไปบ้าน ได้ แล้วพกาหม่องก็รวบรวมพวกพ้องยกเข้าปล้นตามที่เล่ามานี้ เผอิญทำ ได้โดยสะดวก จึงเลยคิดการใหญ่ขึ้นจนเลยกลายเป็นขบถไป"

อนึ่งบรรดาจดหมายหรือโทรเลขเหล่านี้ ข้อความยังกระจัดกระจาย และการเรียงลำดับยังลักลั่นกันอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากเรื่องราวไม่สู้จะติดต่อกัน และเนื่องจากการจัดพิมพ์หนังสือนี้มีเวลาจำกัดรีบด่วนมาก จึงอาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่เห็นว่าควรจะได้รวบรวมพิมพ์ขึ้นไว้เพื่อประโยชน์ในการ สอบสวนต่อไป กรมศิลปากรขออนุโมทนาในกุศลราศีทักษิณานุปทานที่เจ้าภาพได้บำเพ็ญและได้จัดพิมพ์หนังสือแจกจ่ายเป็นสาธารณประโยชน์ ขอจงเป็นปัจจัยดลบันดาล ให้ท่านผู้วายชนม์ได้ประสบอิฐคุณมนุญผลในสัมปรายภพ ตามควรแก่ฐานะทุกประการ.

กรมศิลปากร ๗ ธันวาคม ๒๕๐๒






อุบาสิกา ผู้น่าอาลัย

หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา เป็นอุบาสิกาวัดมกุฏฯ มานาน ท่านเข้าวัดรักษาศีล ฟังธรรม ในวันพระสม่ำเสมอ และได้เกื้อกูล แก่พระสงฆ์ แก่วัดด้วยจตุปัจจัยตามกำลัง บุตรชายของท่าน คือ ม.ร.ว. มาฬกสุวรรณ ทองใหญ่ ก็ได้อุปสมบทในวัดมกุฏฯ จึงเป็นปัจจัยให้เกิด ความคุ้นเคยเป็นกันเองมากขึ้น เป็นเหตุให้ได้ใกล้ชิดกัน ช่วยให้รู้จักอัธยาศัยของท่านว่า มีจิตใจเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาแก่บุตรธิดา ตั้งอยู่ใน ความยุติธรรมสม่ำเสมอ จึงเป็นที่เคารพนับถือของบุตรอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้เลี้ยงง่าย ไม่เป็นคนจู้จี้อย่างคนแก่บางคน ซึ่งบุตรธิดาระอาใจเพราะจู้จี้ขี้บ่น ท่านมีน้ำใจโอบอ้อมเผื่อแผ่ทั่วไปแก่ญาติมิตร และมีน้ำจิต กรุณาปราณีแก่บริวารชน เมื่อท่านมาถึงแก่กรรมไปโดยปัจจุบันไม่ทันได้ เยียวยาแก้ไข จึงเป็นเหตุให้เกิดความอาลัยเสียดายอย่างยิ่งแก่บรรดา บุตรธิดา และหลาน นับว่าขาดพระพรหมในบ้านซึ่งเป็นที่เคารพบูชาไป เสีย ทำให้เกิดความว้าเหว่ขาดเครื่องอุ่นใจของบุตรหลาน ในด้านวัดย่อม ขาดอุบาสิกาผู้มีศรัทธาสูงน่านับถือไปเสียผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้ขาดความอุ่นหนา ฝาคั่งไป ท่านเป็นมารดาที่ทรงคุณธรรมน่าเคารพนับถือ เพราะชักนำบุตรธิดา ไปทางดี คือทางบุญกุศล บุตรธิดาของท่านจึงเจริญ ตั้งตัวได้เป็นหลักฐาน นำความปลื้มใจมาให้ท่าน ความได้มารดาที่ดีย่อมเป็นเหตุแห่งความ


เจริญสุขสวัสดีแก่บุตรธิดา ท่านจึงเป็นมารดาตัวอย่างในทางดีที่น่าเคารพ บูชาของบุตรธิดา ใครได้มารดาผู้ทรงคุณธรรมอย่างนี้ ก็นับว่าเป็นโชคลาภ อันประเสริฐ แต่เกิดกับตายเป็นของคู่กัน ชีวิตของเราทุกคนย่อมมีความ ตายเป็นที่สุดทั้งนั้น จะต่างกันก็แต่เร็วหรือช้า และที่ต่างกันอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ที่ตายดีเป็นที่อาลัยเสียดายของชนเป็นอันมาก เพราะมีความดีมาก ที่ได้ทำไว้เป็นประโยชน์แก่ชนชั้นหลัง แม้ตายแล้วก็ยังมีผู้ระลึกถึงคุณ และอาลัยเสียดายไม่รู้หายก็มี ที่ตายไม่ดีเพราะไร้คุณความดีที่เป็นคุณประโยชน์แก่ชนชั้นหลัง จึงไม่เป็นที่อาลัยเสียดายของใคร ๆ เพราะไม่มีดี ให้เขานึกถึงก็มี เพราะฉะนั้น ความดีจึงเป็นสิ่งสำคัญเหนือชีวิต เพราะ ปรุงแต่งชีวิตให้มีค่าสูง ควรแก่ความนับถือ และความอาลัยเสียดายของ ชนทั้งหลาย และเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักตายด้วย ขอกุศลบุญราษีที่หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา ได้ก่อสร้าง บำเพ็ญไว้ จงเป็นพลวะปัจจัยอำนวยอิฏฐวิบากสมบัติมนูญผล โดยควร แก่คติของท่าน ในสัมปรายภพทุกประการ.

สมเด็จพระมหาวีระวงศ์

วัดมกุฏกษัตริยาราม ๖ ธันวาคม ๒๕๐๒



หม่อมแม่ หม่อมเยื้อน ทองใหญ่ ณ อยุธยา เกิดปีชวด วันเสาร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับวันที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๓๑ เป็นธิดาของพระยาบรรหารฑัณฑกิจ (ลำใย โรจนวิภาต) และคุณหญิงจีบ โรจนวิภาต ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนเสาวภา พระนคร ได้สมรสกับ ม.จ. ทองอนุวัติ ทองใหญ่ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๒ และมีบุตรธิดา รวม ๖ คน คือ

๑. ม.ร.ว. สุพรรณพิมพ์ วาศภูติ ๒. ม.ร.ว. มาฬกสุวรรณ ทองใหญ่ ๓. ม.ร.ว. กัญจนากร เจริญไชย ๔. ม.ร.ว. สุภรณ์นพคุณ สาครบุตร ๕. ม.ร.ว. อดุลยนพมาศ ศิริสุทธิ์ ๖. ม.ร.ว. ทองรุ่งราษี ทองใหญ่

หม่อมแม่เป็นพรหมของลูกโดยแท้ เพราะประกอบไปด้วยพรหมวิหารธรรมได้เลี้ยงดู อบรมสั่งสอนลูกทุกคนมาด้วยความสุดรักสุดถนอมอย่างใกล้ชิด มีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่บุคคลทั่วไป โดยเฉพาะเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาแก่ผู้น้อยและผู้ที่อยู่ในปกครองเป็นพิเศษ ท่านเป็นผู้มีความ เสียสละเพื่อลูกหลาน แม้ว่าจะเป็นที่ลำบากเดือดร้อนแก่ตัวท่านเอง หรือ


มีอุปสรรคประการใด ก็มิได้ทอดทิ้ง ฉะนั้น จึงเป็นที่เคารพบูชาของลูก และญาติพี่น้องตลอดจนเป็นที่รักและนับถือของบุคคล ทั้งหลายที่ได้รู้จักคุ้น เคยด้วย หม่อมแม่เป็นผู้มีใจบุญสุนทร์ทาน มั่นคงในพระบวรพุทธศาสนา ท่านรับอุโบสถศีลมาตั้งแต่เยาว์วัยตลอดจนกระทั่งวันมรณะ และได้ประกอบกิจในด้านการทำนุบำรุงพระศาสนาอย่างสม่ำเสมอตลอดมาตามกำลังความสามารถของท่านที่จะกระทำได้ ตามปรกติ หม่อมแม่เป็นผู้ที่แข็งแรง และมีกำลังใจดี ท่านได้จากเราไปอย่างรวดเร็วกระทันหัน แต่ด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๐๒ ศิริรวมอายุได้ ๗๑ ปี โดยที่ท่านมีความ รักความกังวล ความปรารถนาดีต่อลูกและญาติพี่น้อง อันทำให้ท่านเป็น ที่รักและเคารพอย่างยิ่งของเราดังกล่าวแล้ว การจากไปของท่านจึงยังความ วิปโยคอย่างสุดซึ้งแก่ลูก ๆ หลาน ๆ และญาติพี่น้องทุกคน นับว่าเป็นการ สูญเสียอย่างใหญ่หลวง ถ้าหากหม่อมแม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ วิถีใด ก็คงจะทราบถึงความทุกข์ระทมของลูกทุกคน และความอาลัย ของญาติพี่น้องทั้งหลยอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในสมัยที่หม่อมแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้เคยติดตามท่านบิดา คือ เจ้าคุณบรรหารฑัณฑกิจ ซึ่งไปรับราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ผ่าน



ประสพการณ์ตอนที่มีพวกเงี้ยวเข้ามารบกวนพระราชอาณาจักร ฉะนั้น ในโอกาสที่มีการพระราชทานเพลิงศพของท่าน ลูก ๆ จึงได้นำเอาประวัติศาสตร์ตอนนี้มาพิมพ์ไว้เป็นที่ระลึกด้วย ขออำนาจแห่งบุญกุศล ตลอดจนความดีงามที่หม่อมแม่ได้เพียร บำเพ็ญไว้ และอำนาจแห่งกุศลบุญราศีทักษิณานุประทาน ซึ่งท่านที่ เคารพนับถือทั้งหลาย พร้อมทั้งที่ลูก ๆ ได้บำเพ็ญให้แก่หม่อมแม่ จง รวมกันเป็นปัจจัยให้ หม่อม แม่ประสบแต่อิฏฐวิบูลย์มนูญผลในสัมปรายภพ จงทุกประการเทอญ.

ลูก ๆ ของแม่







จดหมายเหตุปราบเงี้ยว

Prince Damrong , Bangkok Lakon now in danger. Please wire to chief Lakon at once to stand by me to the last. . Also inform in that should Lakon be attacked and saved by his dependent to protect Lampoon and Chieng- mai, high reward will be at his hand. Send troop via Raheng immediately. Phra Montri

คำแปล โทรเลขฉบับลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๑๒๑ เวลา ๕ ทุ่ม ๒๐ นาที

กราบทูลกรมหลวงดำรงฯ (๑) กรุงเทพฯ ขณะนี้เมืองลำปางกำลังอยู่ ในระหว่างอันตราย ได้โปรดโทรเลขโดยด่วนสั่งเจ้าเมืองลำปางให้อยู่ช่วยเกล้า ฯ จนถึงวาระสุดท้าย และโปรดแจ้ง ไปว่า ถ้าหากเมืองลำปางถูกโจมตีและคนของเจ้าเมืองช่วยให้ปลอดภัย ไปได้ อันเป็นการป้องกันเมืองลำพูนและเชียงใหม่ไว้ เขาจะได้รับรางวัลอย่างสูง ขอให้ส่งกองทหารไปยังเมืองระแหงทันที พระมนตรี (๒) (๑) คือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (๒) พระมนตรีพจนกิจ ข้าหลวงประจำนครลำปางในขณะนั้น


๒ Prince Damrong , Bangkok Please wire order Muang Pechai and Swankaloke march on to Phrae at once. Lakon is almost in danger. Robbers are advan- cing towards Lakon. Our outposts are weak for want of men. Fear attack will be made on Lakon. Chief commisioner and troops Chiengmai not yet arrived. Phra Montri Telegram of Phra Montri deposited at Lampang to Prince Damrong. Bangkok, July 29th 1902 at 9.20 a.m. Received at the Interior Department on the 29th of July 1902 at 5.55 p.m.

คำแปล โทรเลข จากพระมนตรี แจ้งเรื่องผู้ร้ายตีเมืองแพร่ วันที่ ๒๙ มีนาคม ๑๒๑ เวลา ๕ โมง ๔๕ นาที

กราบทูลกรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพ ได้โปรดโทรเลขสั่งเมืองพิชัยและสวรรคโลกให้ออกเดินทางไป แพร่โดยด่วน ลำปางใกล้จะเป็นอันตราย พวก ผู้ร้ายกำลังมุ่งหน้ามาทาง ลำปางแล้ว ด่านหน้าของเราอ่อนกำลังและต้องการคน เกรงว่าเทศาฯ เมืองลำปางจะถูกโจมตี กองทหารจากเชียงใหม่ก็ยังมาไม่ถึง พระมนตรี


๓ Prince Damrong ,B'pain I have to report for Your Royal Highness information that Messrs. Kellett and Huffman left for Prae on the morning of the 29 July without in any way informing me, the chief, or any local Officials of their intention. I am also informed that Mr. Leonowens Advised Mr. Kellett to stay at home, as Mr. Kellett and Mr. Huffman were aware of the nature of the disturbance that had occurred at Phrae and took this step without informing any officials.Whatsoever I respectfully beg to submit to Your Royal Highness that no responsibility can rest with me. Phra Montri

คำแปล โทรเลขจากพระมนตรี ลงวันที่ ๑๕

กราบทูลกรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพ เกล้า ฯ จำเป็นต้องกราบทูลให้ทราบว่า มร. เกลเลต และ มร. ฮัฟแมน ได้ออกเดินทางไปจังหวัดแพร่ในตอนเช้าวันที่ ๒๙ กรกฎาคม โดยมิได้บอกกล่าวให้เกล้า ฯ หัวหน้า หรือข้าราชการในจังหวัดคนใดทราบ เลย เกล้าฯ ยังได้รับแจ้งอีกว่า มร.เลียวโนเวนส์ ได้แนะนำอย่างแข็ง ขันให้ มร.เกลเลต และ มร. ฮัฟแมน คงอยู่ที่บ้านไปก่อน แต่เนื่องจาก มร. เกลเลต และ มร. ฮัฟแมน มีความหวั่นเกรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

๔ ที่เมืองแพร่ จึงได้กระทำเช่นนี้โดยมิได้บอกเล่าให้ข้าราชการผู้ใดทราบ เลย การจะเป็นอย่างไรต่อไปเกล้า ฯ ขอกราบทูลมาให้ทรงทราบ บัดนี้เกล้าฯ ไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ ในเรื่องนี้อีกแล้ว พระมนตรี


Prince Damrong, B'pain Received information on oath today that Salathoonlah British subject now in Lampang is acting as agent for the men who attacked Phrae. Kindly take necessary steps to cause British authorities Bangkok immediately wire instructing British consul, Chiengmai, to wire Lampang to recall Salathoonlah to Chiengmai under arrest for investigation. In absence of Salathoonlah from Lampang, the plot intened carried out in Lampang will be weakened, and most probably wihtdrawn the sooner Salathoonlah be sent to Chiengmai the better prospect will be i n Lampang. Phra Montri

Telegram from Phra Montri to Prince Damrong , deposited at Lampang on the 1 st of August, 1902 at 11.10 a.m. Received at Bangpain on the same day.

๕ คำแปล โทรเลขจากพระมนตรี ถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ โทร ที่ลำปางวันที่ ๑ ส.ค. ๑๙๐๒ ๑๑.๑๐ น. เลขที่ ๕๔ (รับที่บางปะอิน ในวันเดียวกัน) กราบทูลกรมหลวงดำรงฯ เกล้าฯ ได้รับข่าวอย่างแน่นอนในวันนี้เองว่า ขณะนี้สาลาทูนลาห์ คนในบังคับอังกฤษ กำลังปฏิบัติงานเป็นสายลับของพวกผู้ร้ายที่เข้าปล้นเมือง แพร่ ขอได้โปรดฯ ปฏิบัติการตามที่จำเป็นด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอังกฤษในกรุงเทพฯ โทรเลขแจ้งไปยังกงสุลอังกฤษที่เชียงใหม่โดยด่วน ให้เรียกตัว สาลาทูนลาห์ ไปเชียงใหม่และจับกุมตัวไว้สอบสวน ในระหว่าง ที่ สาลาทูนลาห์ ไม่อยู่ในเมืองลำปาง แผนการณ์ที่เตรียมไว้ดำเนินการในลำปางก็จะเซาลง การเรียกตัว สาลาทูนลาห์ ไปเชียงใหม่นั้น ยิ่งทำ เร็วได้เท่าไร เหตุการณ์ในเมืองลำปางจะยิ่งดีขึ้นเพียงนั้น พระมนตรี


Prince Damrong, B'pain I beg to submit telegram of Kallett to American Minister, Bangkok .as follows : American Minister, Bangkok.. Please present following to British representative. I have the honor in the


๖ absence of any other person who is in touch with the people involved and who known their position to address you on behalf of your innocent Shan subjects at Phrae, who feel thathey may be made to bear punishment alike with the guilty. August 11th I retured from Phrae where I had been since July 31st. Every day that I was there I saw your British headman and a number of prominent Shans resident in and about Phrae. These men are among the best people in northern Siam. The rebellious Shans during this time were in complete control at Phrae. They dictated letters written by the chief and the local Chows who did their bidding. The peaceful Shans were given to undertand that if they did not move in accordance with the rebel leaders they would be beheaded. Eight of us Europeans who were in Phrae advised the friendly Shans that it was best to do the bidding of the rebels, who were in possession of the government at Phrae. Each day the prominent friendly Shans came to us, several Europeans, on their knees, protes- ting that they were loyal to Siamese government, and that if defence could be made against leaders of rebellion they would prove they were not conspirators. The rebels were so entirely masters of the situation that no European in Phrae for one moment embraced the idea of opposing them. Proposals to such effect came from the chief and his Chows, but we Europeans considered it hopeless to ๗ help against the rebels. It appears that there were about forty bad Shans at the start interested as prime movers in the rebellion on their way to Phrae before the attack on that town. They were joined probably by one hundred more in Phrae. They were probably joined by from 50 to 100 after they took possession of Phrae. Some five or six hundred Shans were in town. A few nonserious characters sympathized with the rebels each day. When there I saw the most prominent peaceful Shans all of them were heart-broken. They begged us to bring their consul to them. In business I am entriely independent of the Shan-ngios I have not one cent involved with any of them. I write this prompted by motivatively of deep desire to see innocent Shans saved from unwarranted hardships. The innocent Shans at Phrae swore allegiance to the rebel leaders under compulsion and they recognized that so far as the Siamese are concerned they are criminals, but they did every thing possible in behalf of law and order. I write this as an entirely impartial person but my heart bleeds for the people for whom they beg of you and I of you as a representative of Christian civilization that representations will be made to the Siamese government and that H.B. his representative will insist that the British Shans-ngios of the north will not be treated as criminals without trial according to law and that a very distinct ๘ line be drawn between these who really are decoils and those who apparently gave their support to the anti-Siamese movement because the government under which they were living failed to give them proper protection. I trust that anything I have said above will not be construed as a plea for the decoils who have murdered and robbed. E.R. Kellett in this telegram I consider that there is no truth in it as those innocent Shans in Phrae should remain in their places to distinct from these bad ones: and since all Siamese innocent in Phrae had been but only murdered it is not possible to judge one from the others. Phra Montri

คำแปล

กราบทูลกรมหลวงดำรง ฯ บางปะอิน เกล้าฯ ขอถวายโทรเลขของ มร. เกลเลต ซึ่งมีมาถึงบาท หลวงอเมริกันในกรุงเทพฯ ดังข้อความต่อไปนี้ บาทหลวงอเมริกันกรุงเทพ ฯ ได้โปรดส่งข้อความต่อไปนี้ยังผู้แทนฝ่ายอังกฤษด้วย ข้าพเจ้าเป็น ผู้ปฏิบัติ งานแทน ผู้อื่น ซึ่งทำการ ติดต่อเกี่ยวข้องอยู่ในเรื่องนี้และคนเหล่านั้น ซึ่ง รู้หน้าที่ ของตนเองได้ให้ ข้าพเจ้าติดต่อถึงท่านในนามของคนบังคับอังกฤษชาวเงี้ยวซึ่งไม่รู้เห็นเรื่องใด ๆที่แพร่และรู้ตัวว่าอาจจะต้องถูกลง


๙ โทษอย่างผู้กระทำผิด เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ข้าพเจ้ากลับจากเมืองแพร่ ซึ่งข้าพเจ้าไปอยู่ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ทุก ๆ วันระหว่างที่ข้าพเจ้าอยู่ ที่นั่น ข้าพเจ้าพบหัวหน้าที่เป็นชาวอังกฤษและชาวเงี้ยวผู้มีชื่อจำนวนมากพำนักอยู่ทั่ว ๆ ไปในเมืองแพร่นั้น บุคคลเหล่านี้เป็นชนชั้นสูงสุดในสยามภาค เหนือ ส่วนพวกเงี้ยวที่เป็นกบฏนั้นระหว่างนี้ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งสิ้นที่แพร่ พวกเหล่านี้เป็นผู้บงการให้หัวหน้ากับพวกเจ้าพื้นเมืองเขียนใบบอกเป็นคำสั่งของตน ชาวเงี้ยวที่รักสงบได้รับแจ้งให้ทราบว่าถ้าไม่อพยพตามคำสั่งของหัวหน้าพวกกบฏแล้ว ก็จะต้องถูกตัดหัว พวกเราที่เป็นชาวยุโรป ๘ คน ด้วยกันที่อยู่ในเมืองแพร่ได้แนะนำชาวเงี้ยวที่เป็นมิตรว่าเป็นการดีที่สุดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพวกกบฏ ซึ่งเข้ายึดอำนาจการปกครองเมืองแพร่ไว้ ได้ ทุกวันชาวเงี้ยวผู้มีชื่อที่เป็นมิตรได้มาหาเราที่เป็นชาวยุโรปหลาย คนคุกเข่าลงและโต้แย้งว่าพวกตนมีความจงรักภักดีต่อรัฐบาลสยาม และ ว่าถ้าหากจะมีการต่อต้านหัวหน้าพวกกบฏกันแล้ว พวกเขาจะพิสูจน์ให้เห็น ว่า พวกเขามิได้ร่วมสมคบก่อการด้วยเลย พวกกบฏนั้นเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้หมดสิ้น จนกระทั่งไม่มีชาวยุโรปคนใดในเมืองแพร่มีโอกาสสักขณะเดียวที่จะออกความคิดและร่วมมือกันเข้าต้านทานได้เลย ข้อเสนอ ที่จะให้ดำเนินการนี้ก็มาจากหัวหน้าและบรรดาเจ้าต่าง ๆ แต่พวกเราชาว ยุโรปพิเคราะห์ดูแล้วเห็นว่าหมดหวังที่จะช่วยเหลือต่อต้านพวกกบฏ ทั้ง -๒-

๑๐ ปรากฏว่ามีชาวเงี้ยวเลวๆ สนใจที่จะก่อการร้ายในตอนเริ่มแรกเพียงประ มาณ ๔๐ คน ระหว่างทางไปสู่เมืองแพร่ก่อนจะเข้าตีเอาเมือง ต่อมา มีพรรคพวกร่วมสมทบในเมืองแพร่อีกรวมเป็นจำนวนประมาณ ๑๐๐ คน ซึ่งอาจจะเป็นพวกสมทบใหม่ประมาณ ๕๐ - ๑๐๐ คนก็ได้ ภายหลังที่เข้ายึดครองเมืองแพร่ได้แล้วสักหน่อย มีชาวเงี้ยวอยู่ในเมืองนั้น ๕๐๐ - ๖๐๐ คนทุก ๆ วัน มีชาวเงี้ยวที่มีอุปนิสัยไม่รุนแรงนักจำนวนไม่กี่คนมาเข้าสมทบกับพวกกบฏด้วย ระหว่างที่ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นก็ได้เห็นชาวเงี้ยวผู้มีชื่อที่รักความสงบเป็นชีวิตจิตใจประสบความทุกข์ทรมานใจอย่างยิ่ง เขาเหล่านั้นได้ขอร้องพวกเราให้ช่วยพากงสุลไปหาเขา ในด้านธุรกิจนั้นข้าพเจ้าปลีกตนออกโดยเด็ดขาด และมิได้เคยร่วมลงทุนในธุรกิจกับชาวเงี้ยวคนใดในพวกนี้เลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ที่ข้าพเจ้าเขียนมานี้ก็เนื่องจากมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะ ได้เห็นชาวเงี้ยวผู้ปราศจากมลทินได้รอดพ้นจากความเดือดร้อน ทุกข์ยากที่หาหลักประกันมิได้นี้ ชาวเงี้ยวผู้ปราศจากมลทินที่เมืองแพร่ได้ ถูกบังคับให้ถือสัตย์ปฏิญาณต่อหัวหน้าพวกกบฏ และพวกนี้ยังระลึกอยู่เสมอว่าตราบใดที่ชาวสยามเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกตนก็ต้องตกเป็นอาชญากร แต่เขาเหล่านั้นก็ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อเห็นแก่กฎหมาย ข้อบังคับของบ้านเมือง ข้าพเจ้าเขียนข้อความนี้ในฐานะที่มิได้มีส่วนเกี่ยว ข้องแต่ใด ๆ เลย แต่หัวใจของข้าพเจ้าต้องหลั่งโลหิตให้แก่คนที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะช่วยเหลือ เขาเหล่านั้นร้องขอมายังท่าน และข้าพเจ้าก็วิงวอนมา


๑๑ ยังท่านในฐานะที่เป็นผู้แทนแห่งอารยธรรมคริสเตียน ซึ่งจะทำการตกลง รับรองต่อรัฐบาลสยามได้ และข้าพเจ้าใคร่ขอร้องให้ท่านเป็นผู้แทนยืนยันไปว่าชาวเงี้ยวภาคเหนือในบังคับอังกฤษ จะต้องไม่ถูกกระทำทารุณกรรมเช่น กับอาชญากรโดยปราศจากการสอบสวนตามข้อกฎหมายเสียก่อน กับ ใคร่จะขอร้องให้มีการขีดเส้นคั่นระหว่างชาวเงี้ยวผู้เป็นตัวการ อันแท้จริงกับ ผู้ที่มีทีท่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อแข็งข้อต่อรัฐบาลสยาม ทั้งนี้เพราะว่ารัฐบาลสยาม ซึ่งปกครองชนพวกนี้อยู่มิให้ความพิทักษ์คุ้มครองโดยเหมาะสม ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อความที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นนี้คงจะไม่ทำให้เข้าใจว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ ให้แก่ผู้ร้ายชาวเงี้ยวซึ่งกระทำการปล้นและฆาตกรรม อี.อาร์. เกลเลต (E.R. Kellett)


Prince Damrong, Bangkok I have seen Leonowens arranged that 50 elephants are placed at the disposal of Phra Anuxit to come up to Lampang Leonowens has ordered his agent Thern to do so at any moment notice Phra Surarit 500 regulars expect here 21 instant. They shall be received by officials Chows into town as directed. Phra Montri



๑๒ คำแปล ในโทรเลขฉบับนี้เกล้า ฯ พิเคราะห์เห็นว่าไม่มีความจริงอยู่เลย เพราะว่าชาวเงี้ยวผู้ปราศจากมลทินในเมืองแพร่เหล่านั้น ควรจะอยู่ในที่เดิมของตนไปก่อน เพื่อเป็นทางสังเกตความแตกต่างกับผู้ร้ายเหล่านั้น และเนื่องจากชาวสยามผู้ปราศจากมลทินในเมืองแพร่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายหมดสิ้น ย่อมยากที่จะตัดสินว่าใครดีใครชั่วได้


ที่ ๑๒๒ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขพระยาพิชัยที่ ๑๐ ว่า เวลานี้เช้าสี่โมงวันนี้ ได้รับ จดหมายมิสเตอร์รายผู้ช่วยกงซูลอังกฤษ ลงวันที่ ๔ เดือนนี้ถลาโกไทยเงี้ยวคุมพวกเงี้ยวเข้ารบ ฆ่าฟันข้าหลวงฝ่ายสยามซึ่งรักษาราชการเมืองแพร่ ยกไปกักด่านทางเมืองนครลำพูนแห่งหนึ่ง ด่านทางอุตรดิตถ์แห่งหนึ่งได้รบกับฝ่ายสยามมิสเตอร์รายได้มาถึงเมืองแพร่ได้พร้อมด้วยเจ้านายเมืองแพร่ให้กองทัพฝ่ายสยามพักไว้ แลตั้งอยู่ให้ห่างกองเพื่อเขาจะได้ชี้แจงกับพวกถลาโกไทยเงี้ยวให้ระงับการไว้ให้เรียบร้อย แลว่ากงซูลเมืองเชียงใหม่ได้ ไปชี้แจงกับพวกเงี้ยว ซึ่งตั้งอยู่ลำพูนแล้วการอย่างใดเขาได้รับจดหมาย กงซูลเชียงใหม่แล้วเขาจะแจ้งมาให้ทราบ แลมีข้อความอีกหลายประการ กับมิสเตอร์ราย ได้สำเนาจดหมายซึ่งมีเรียกพวกถลาโกไทยที่เขาพึ่งส่งมา



๑๓ ฉบับหนึ่ง ใจความว่าพวกถลาโกไทยมาตั้งรบกับพวกอุตรดิตถ์ เวลานี้จะ จะเป็นการฆ่าฟันกันตายทั้งสองฝ่าย มิสเตอร์รายจะพูดกับฝ่ายสยามให้เรียบร้อย พวกเงี้ยวได้ทำลายสายโทรเลขให้ชำรุดเสียจึงต้องช้า ให้ถลาโกไทยจัดทนายเข้าไปหามิสเตอร์รายที่เมืองแพร่ ๕ คน ๖ คน จะพูด ชี้แจงให้เข้าใจกับเดินความตามถลาโกไทยได้มีหนังสือถึงมิสเตอร์ราย ถึงเจ้าแพร่ว่าได้รบกับพวกฝ่ายสยามแลพวกฝ่ายสยามได้ยกกำลังมาเพิ่มเติมหลายประการ มิสเตอร์รายได้โทรเลขไปถึงกงซูลอังกฤษกรุงเทพอีกฉบับ หนึ่งชี้แจงในการที่เกิดเหตุส่งโทรเลขที่อุตรดิตถ์ ในการที่มิสเตอร์รายมีจดหมายมานี้ พระยาพิชัยมิได้ไว้วางใจตั้งมั่นรักษาอยู่เป็นการกวดขัน จะ ได้รับอนุญาตแลตามโทรเลขพระยาพิชัยดังนี้ เห็นด้วยเกล้าว่าเกรงจะเป็นกลจะควรประการใดแล้วแต่จะโปรด. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๑๑๔ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน เห็นด้วยเกล้าว่าเป็นฤดูฝน พลไพร่ที่เดินทางและเดินยามจะมีความลำบากเมื่อฝนตก จึ่งได้สั่งให้เมืองพิชัยจัดซื้อยอดลานสองพันยอดเย็บเป็นเครื่องกันฝนจากพลไพร่พอกันความลำบากจะได้มากให้เท่าไร จะกราบทูลมาครั้งหลัง. พระยาเทพธิบดี แทน.


๑๔ ที่ ๑๑๑/๖๘๒ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ๑. ได้รับโทรเลขพระเสนาราชที่ ๙ ว่า ได้รับรายงานนายอำเภอ เมืองด้งที่กักด่านทางให้ห้องต่อเขตเมืองลองว่าเวลานี้เงี้ยว มาจากเมืองลองแจ้งว่าเงี้ยวพบไทยแล้วไล่ฟันฆ่าแลกักด่านทาง ๔ ตำบล คือ ที่คอยลองมาเขตลำปางหนึ่งต่อเขตเมืองแพร่หนึ่ง พงอ้อเขตอุตรดิตถ์หนึ่งทั้งบ่อแก้วต่อเขตสวรรคโลกหนึ่ง เงี้ยวลูกมาสี่สิบคนที่เมืองลองเข้าสมทบด้วยแลเงี้ยวเชียงตุงหนุนมาเสมอคนในเมืองลองอยู่ในอำนาจเงี้ยวทั้งสิ้น ๒. มอง หยุ่นพม่าซึ่งได้ภรรยาอยู่ที่สวรรคโลกมาแจ้งว่าเมื่อเดือนสิบศกก่อน มองหยุ่นกับภรรยาแลลูกจ้างขึ้นไปทวงลูกหนี้ที่บ้านน่าพวง ครั้นเดือนหกขึ้นเก้าค่ำศกนี้ มองหยุ่นกลับมาถึงลำน้ำแม่จ่างกลางป่าพบเงี้ยวสองคนมาจาก ๙๔๙๑ (หลวงพระบาง) มองหยุ่นกับเงี้ยวได้พูดจากันแล้วเห็นหนังสืออยู่ ในย่ามหนึ่งซอง มองหยุ่นจึ่งขอดูเห็นสวรรคโลกหลังซองว่าถึง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๗๙๐๑ (เมือง) ๙๖๒๐ (ลำ) ๕๖๑๑ (ปาง) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๐ (แพร่) เป็น ๑๑๘๓๐ (อักษร) ๖๓๕๓ (ฝรั่ง) บรร (๔๑๒๔) (ทัด) ๑๑๘๓๐ (อักษร) ๖๔๙๘ (พม่า) บรร ๔๑๒๔ (ทัด) หนึ่ง แลเงี้ยวสองแจ้งว่าศกนี้จะทำมาหากินยาก เพราะ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๗๙๑๐ (เมือง) ๙๖๒๐ (ลำ) ๕๖๑๑ (ปาง) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๐ (แพร่) คบคิดกับ ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) เอาใจ ๑๒๒๘๖ (ออก) หาก ๓๕๗ (กรุง) ๑๐๔๑๒ (สยาม) มองหยุ่นจึ่งพูดห้ามว่าจะคบคิดฆ่าเจ้า


๑๕ ทำไม เงี้ยวว่าได้รับหนังสือมาแล้วต้องเอาไปให้ถึงแลว่าควรเข้าด้วยก็เข้าไม่ควรก็ไม่เข้าแล้วเงี้ยวสองคนก็นำหนังสือไป ๗๙๐๑ (เมือง) ๙๖๒๐ (ลำ) ๕๖๑๑ (ปาง) ครั้นมองหยุ่นมาพักอยู่ที่บ้านปลัดอำเภอด้งได้สี่ห้า คืนก็ทราบว่าเงี้ยวฆ่าข้าหลวงเมืองแพร่ตาย ได้แต่งให้หลวงไชยเสนาไปสอดแนมที่เมืองลองเพื่อสืบเอาความจริงแจ้งในโทรเลขนั้นแล้ว ๓. เมื่อได้ทราบความอย่างไรจะกราบทูลมาให้ทรงทราบครั้งหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๑๐๓ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขเมืองพิชัยว่า นายถมยา พนักงานโทรเลขเมืองพิชัยว่านายถมยาพนักงานโทรเลขนายบุญธรรม นายเต็กพนักงานป่าไม้เล็ด รอดมาแจ้งความมีความแปลกไปบ้างว่า วันที่ ๒๕ ผู้ร้ายที่เมืองแพร่แล้ว เลยไปตีนายจันทร์ในแขวงเมืองสอ คนไทยตายหลายคน ครั้นที่ ๒๖ พวก เงี้ยวจับนายแฝงผู้พิพากษาหนึ่ง นายแม้นอัยการหนึ่ง ยกกระบัตรศาลหนึ่งฆ่าเสีย แต่หลวงวิมณ ข้าหลวงผู้ช่วยหนีไปอาศัยอยู่ห้างบมเปและนายห้างไม่อยู่น่ากลัวจะไม่มีใครช่วย แลเวลาปล้นมีพวกเงี้ยวในพื้นเมืองบ้างมาแต่ อื่นบ้างประมาณพันคนแล้ว เจ้าแพร่เรียกนายแขวงแก่บ้านให้เตรียมอาวุธปืน กระสุนดินดำไว้ต่อสู้กับพวกไทยแลนั่งกักทาง แต่นายถมยา นายบุญธรรม

๑๖ นายเต็ก ที่หนีมาได้นั้น หนีไปทางอำเภอท่าปลา นายจิตร์พุกได้ให้เงินคนละสิบบาทแลจัดส่งมาถึงพิชัย เรื่องนี้ต่อไปได้ความประการใดจะกราบทูล มาให้ทรงทราบครั้งหลัง พระยาเทพธิบดี แทน.


ที่ ๙๙ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขพระเสนาราชที่ ๓ ว่า นายร้อยตรี แสด กับพลตำรวจ๑๑ คนหนีกลับมาได้แจ้งว่าได้ไปตรวจพร้อมด้วยนายร้อยตรี ตาดรวมตัวนายกับพลตำรวจสิบคนไปถึงบ่อแก้ว เห็นเรือนเงี้ยวทิ้งได้ประมาณแปดสิบหลัง ตรวจได้ปัศตันสิบห้านัด คนไม่ซองร้อยแล้วเลยไปตรวจถึงบ้านแดนใจ เมื่อวันที่ ๒๕ พบเงี้ยวสี่คนเข้าต่อสู้จึงยิงตายสามคนหนีได้ หนึ่งคนแล้วนายร้อยตรีตาดกับพลตำรวจไปบอกอำเภอเมืองแพร่ตรวจศพจนเวลาบ่ายไม่กลับมาจึ่งเลยไปตามถึงบ้านสุเมน เห็นพวกเงี้ยวยืนอยู่บนสนามเพลาะประมาณร้อยห้าสิบคน สนามเพลาะยาวประมาณแปดสิบวาเศษ ได้ยิงต่อสู้กัน พลตำรวจน้อยตัวต่างหนีไป พวกเงี้ยวก็ไล่ตามยิงจึ่งพากันหนีมาได้สิบสองคนหายไปห้าคน เข้าไปในเมืองแพร่สามคน ถ้าต่อไปได้ความอย่างไร จึ่งจะบอกมาให้ทราบครั้งหลัง . พระยาเทพาธิบดี แทน.


๑๗ ที่ ๙๘ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขพิชัยว่าเมื่อวันที่ ๓ เดือนนี้ เวลาโมงเช้าพวกเงี้ยว ซึ่งตั้งอยู่บนเขาประมาณ ๒๐ คน อ้อมเขาหลังค่ายตีค่าย พระยาพิชัยต่อ สู้กัน พระยาพิชัยฆ่าเงี้ยวตาย ๒ คน ตัดเสียบไว้ที่ค่ายพวกเงี้ยวตาย เงี้ยวแตกหนีไป ต่อไปได้ความประการใดจะโทรเลขกราบทูลครั้งหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๙๗ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขพระยาพิชัยได้แต่งคนไปสืบข่าว ๔ พวก กลับมา ได้พวกหนึ่ง ว่าพอขึ้นไปถึงเขาพลึงพอถึงต้อง .... เส้นไปศาลเจ้าพวก เงี้ยวก็ตรูตรงเข้าไล่ฟันคนที่ไปสืบก็หนีลงจากเขาได้สองคนสามคนเตรียม จะไปทางไหนไม่ทราบ พวกเงี้ยวเวลานี้ยังตั้งอยู่บนเขาพลึงแต่จะมากน้อยเท่าใดประมาณไม่ถูก เห็นแต่วิ่งสับสนอยู่มาก เรื่องนี้เกล้าฯ จะให้มีโทรเลขสั่งเตือนไปทุกกอง ถ้าจะแต่งคนเดินไปสืบข่าวคราวอย่าได้เดินทางหลวง เป็นอันขาด แลชี้แจงไปต่าง ๆ ตามควร เมื่อได้ความอย่างไรจะบอก ทีหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.

-๓-


๑๘ ที่ ๙๒ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขพระเสนาราชตีมาจากที่พักเมืองสวรรคโลก ว่าได้ทราบความจากหลวงชะนะ ซึ่งผู้ว่าราชการเมืองสวรรคโลกให้ไปสืบที่เมืองลองว่าพลตำรวจ ๑๑ คน กับคนหาบ ๗ คน ไปถึงตำบลแดนแขวงเมืองแพร่เวลาพลบค่ำพบเงี้ยว ๓ คนนอนอยู่ในกระท่อม พลตำรวจถามไม่พูดแล้วพวกเงี้ยวตรงเข้าฟันพลตำรวจถูกแขนสองแผล พลตำรวจเอาปืนยิงพวกเงี้ยวตายทั้ง ๓ คน แล้วว่าที่ร้อยตรีแสดช่วงให้พลตำรวจถือหนังสือไปแจ้งต่อข้าหลวงผู้ว่าราชการเมืองแพร่ก็หายไป นายแสดจึงยกข้ามไปถึงบ้าน ลองเกรียงแขวงเมืองแพร่เวลา ๑ ทุ่ม พบพวกเงี้ยวประมาณร้อยคนมีอาวุธพร้อมเดินสวนทางมาแล้วพวกเงี้ยวก็พากันล้อมจับพลตำรวจ ต่างต่อสู้ยิงกันประมาณครู่หนึ่ง พวกเงี้ยวฟันพลตำรวจตายหนึ่งคน ๆ หาบของถูกปืนหนึ่งคนแต่ไม่ตาย พวกพลตำรวจแตกหนีไปไม่ทราบว่าไปทางไหน อนึ่งทราบความจาก ขุนแผลงกรมการเมืองลับแลกับพวกรวมสี่คนมาแจ้งความว่าได้หนีจากพวกเงี้ยวข้าศึกมาว่าเวลาพวกเงี้ยวเข้าปล้นเมืองแพร่นั้นพวก ๔ คน อยู่ในเมืองแพร่นั้นเข้าปล้นเวลาย่ำรุ่ง แลเป็นพวกเงี้ยวเมืองแพร่นั้นเองเป็นตัวปล้นพระยาไชยบูรณ์และครอบครัวหนีมาถึงห้องกาษ ตามจับได้ทั้งครอบครัวแล้วเอาไปฆ่าที่สละห้องเก่าตาย ทั้งหมดครอบครัวแลคนไทยที่อยู่ในเมืองแพร่ฆ่าตายบ้าง หนีไปได้บ้าง ที่หนีนั้นทราบว่าไปทางเมืองลำปาง พอฆ่าคน ๆ ไทยตายแล้วมันไปพากำปั่นที่ว่าการเอาเงินออกแล้วเชิญเจ้า



๑๙ แพร่มามอบเงินให้ที่ศาลาว่าการแลเก็บเข้าของไทยถึงสองวันจึ่งเสร็จ แล้วไล่ฆ่าคุณแผลงกับพวกรวมสี่คนนี้จึงหนีมาทางเมืองลอง แต่พลตำรวจเมือง สวรรคโลกอุตรดิตถ์ที่ไปตรวจจับนั้นมันฆ่าตายหมด พระเสนาราชได้สั่งให้ผู้ว่าราชการเมืองสวรรคโลกจดถ้อยคำไว้แล้ว และถามข่าวถึงเมืองลองยังไม่ตอบแลพระเสนาราชกำลังจัดพลเป็นกองๆ ที่จะยกไปเมืองลอง เมื่อยกเวลาใดจะบอกมาให้ทราบ ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งให้รีบยกไปโดยเร็ว. พระยาเทพธิบดี แทน.


ที่ ๙๒/๕๘๖ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขเมืองพิชัยที่ ๙๓ ลงวันที่ ๒ เดือนนี้ว่า หลวง จำณง นายสิลาหนีกลับมาจากเมืองแพร่แจ้งความต้องกันว่า ๑. เกิดเหตุ ที่เมืองแพร่ครั้งนี้หัวหน้าพวกเงี้ยวคือปะกามงปีสั่งหลวงเงี้ยว ๔๗๒๗ (หนาน) ๑๐๙๒๕ (เสนา) ๙๑๑๑ (ลาว) เมืองแพร่ซึ่งเป็นนักโทษ หนีคุกนครแพร่อีกคนหนึ่งคุมพรรคพวกประมาณสามร้อยคนเข้าตีปล้นเมืองแพร่ ๒. ในเวลาที่เหตุเกิดนายสิลาได้หนีไปซุ่มอยู่ที่เรือนนายร้อยจองแสงเงี้ยวจนเวลาเย็นเห็นพวกเงี้ยวสี่คนมาที่บ้านร้อยจองแสง แล้วแบ่ง เงินที่ตีปล้นได้ให้ร้อยจองแสงสามสิบบาท ๓. แล้วพวกเงี้ยวสี่คนแจ้งความกับร้อยจองแสงว่าพากันตีปล้นได้ที่เค้าสนามหลวงแบ่งให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) สี่หมื่นบาท ๒๒๒๙ (เจ้า) ๕๒๑๕ (บู)


๒๐ ๘๖๐๖ (รี) หนึ่งถุง ๖๕๒๐ (พระ) ๗๘๐๑ (เมือง) ใจ่หนึ่งถุง ๒๒๒๙ (เจ้า) น้อย ๑๑๑๑๖ (สวน) ๖๑๘๐ (ผู้) ๖๗๒๕ (พิ) ๗๒๖๔ (พาก) ๑๐๖๒ (ษา) หนึ่งถุง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) หนึ่งถุง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๗๗ (ราชวงศ์) หนึ่งถุง ๔. แล้วพวกเงี้ยวได้กรา ๔๔๗๑ (ทำ) ๑๐๖๐๒(สัตย์) ๑๐๖๒๒(สา) ๕๑๔๓ (บาน) ๓๗๙๒ (ตัว) ๓๗๕๘ (ต่อ) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) แล ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๗๓๐ (นาย) ทั้งหลายที่พักพระยาไชย บูรณ์ว่าถ้า ๕๓๓ (กองทัพ) ๔๔๕๕ (ไทย) ๘๑๑ (ขึ้นไป) ๓๕๖๖ (ตี) ๗๐๒๘ (พวก) เงี้ยว ๆ ๑๘๕๔ (จะ) ๕๗๙๔ (เป็น) ๕๓๓ (กอง) ๔๖๙๓ (หน้า) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) แล ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๗๓๐ (นาย).


ที่ ๘๙ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ตามโทรเลขที่ ๘๔ เรื่องพระยาพิชัยแต่งคนออกไปสืบเหตุการณ์นั้น บัดนี้ได้รับโทรเลขว่าได้แต่งคนขึ้นไปตรวจบนเขาพลึงพบหนังสือที่ปิด ไว้ต้นไม้ฉบับหนึ่ง พอคนสืบเขาจับหนังสือดูได้ยินเสียงแก๊บแตก ๓ นัด แต่ไม่ออกได้ตรวจดูได้หนังสือว่า การที่พวกเงี้ยวปล้นครั้งนี้ โดยความ เดือดร้อนด้วยพระยาไชยบูรณ์ไม่ให้พวกเงี้ยวทำไร่นา ปลูกเรือนแลจะต้องประสงค์เงินทองจึ่งได้จับพระยาไชยบูรณ์มาฆ่าเสีย กับได้จับคนลาวเดิน


๒๑ ปลอมเข้ามาที่เขาพลึง ๑ คน ถามได้ความว่าเป็นคนเจ้าสุริยะเมืองแพร่ เข้าใจว่าลาวคนนี้มาเที่ยวสืบความต่อไป เมื่อได้ความอย่างใดจะตอบให้ทราบครั้งหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๘๘ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ตามโทรเลขที่พระยาพิชัยแต่งคนออกไปสืบที่เขาพลึงนั้น บัดนี้ ได้ความว่าตำรวจภูธรพอไปถึงปางคา พบพวกเงี้ยวยิง ๑ นัด พลตำรวจ ได้ต่อสู้ยิง พวกเงี้ยวหนีแตกกลับไปแลได้ยินเสียงพวกเงี้ยวอยู่บนเขาพลึงมากจึงได้ตั้งมั่นอยู่ปองอ้อต่อไป เมื่อได้ความอย่างไรจะบอกให้ทราบภายหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.

ที่ ๘๗ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน วันนี้ได้ถามไปทางโทรศัพท์ทราบว่า พระบริรักษ์ยกกำลังถึงอุตรดิตถ์ เวลาบ่าย ๔ โมง เกล้าฯ ได้โทรเลขเร่งให้พระบริรักษ์รีบยกไปช่วยพระยาพิชัยให้ทันที่เขาพลึงโดยเร็ว. พระยาเทพาธิบดี แทน.


๒๒ ที่ ๑๒๑ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพฯ วันที่ ๔ เวลาบ่าย ๓ โมง ได้รับโทรเลขพระยาบรมมีบอกว่า โทรเลขที่สิบเบ็ดของบรมบอกมาเป็นความจริงหมด เ พราะเสมียนแขวงขุน ยวมมาถึงน่านชี้แจงว่าการที่ ๖๑๔ (เกิด) นั้นเสมียนแขวงเห็นด้วยตาตนเอง บรมจะขอ ๖๖๗ (กำลัง) ขึ้นไป ๒๖๙๖ (ช่วย) โดยเร็ว แจ้งอยู่ ในคำที่บรมบอกไปกระทรวงแล้ว การที่จะส่ง ๖๖๗ (กำลัง) เกล้าฯ ได้จัดการเสร็จแล้วจะออกจากแพร่วันที่ ๑๑๓๕๒ (ห้า) เกล้าฯ จะสั่งไปที่นริศรจัด ๔๐๘๘ (ทหาร) ๘๒๒๓ (ยก) ขึ้นไป ๒๖๙๖ (ช่วย) อีกทางหนึ่ง แต่ ๔๐๘๘ (ทหาร) ประจำอยู่ที่แพร่เวลานี้ ก็ ๔๙๕๑ (น้อย) เมื่อจะ มี ๑๑๔๙๑ (เหตุ) ๖๖๕ (กำเริบ) ๓๐๒๙ (ใหญ่) ขึ้น เกล้าฯ จะ ๘๒๒๓ (ยก) ๔๘๔๙ (หนุน) ขึ้นไป ๒๖๙๖ (ช่วย) ก็ยาก เพราะ แพร่เวลานี้ยัง ๕๙๔๒ (ปั่นป่วน) อยู่ ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ก็ยังมีมากเห็น ด้วยเกล้าฯ ลำปางเวลานี้ไม่สำคัญอันใดนัก ได้ให้ ๗๗๔๑ (แม่ทัพ) ๑๑๗๒๘ (อนุชิต) ๑๒๘๐ (คุม) ๔๐๘๘ (ทหาร) ขึ้นไปรักษา ๒๗๑๙ (เชียงใหม่) ให้ ๖๕๒๐ (พระ) ๑๐๘๔๘ (สุรา) ๘๕๙๙ (ฤทธิ) ยกขึ้นไปทั้ง ๔๓๐ (กอง) ๖๕๘๗ (พัน) จะเป็นประโยชน์ ๖๖๗ (กำลัง) พาหนะเชียงใหม่ก็ยังบริบูรณ์จะจัดส่ง ๕๓๐ (กอง) ๖๕๘๗ (พัน) ขึ้นไปได้โดยเร็ว กำลัง ๖๘๙๑ (แพร่) เวลานี้ทั้งช้าง โคต่างแลคนก็ได้ ๑๑๘๕ (ความ) ๕๓๔๐ (บอบช้ำ) มาก คำที่

๒๓ กราบทูลนี้ ถ้าทรงเห็นด้วย ก็ขอให้รับสั่งบังคับ ๑๑๗๒๘ (อนุชิต) ๗๗๔๑ (แม่ทัพ) ขึ้นไปโดยเร็วในทันใดที่ได้รับโทรเลขเจ้าน่านขอให้ยกกองทหารขึ้นไป ๓๕๖๖ (ตี) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ที่ ๒๗๐๗ (เชียง) ๑๕๓๕ (คำ) ทีเดียว เกล้าฯ เห็นชอบด้วยได้เปลี่ยนคำสั่งที่เมืองสองให้มีทหารอยู่ ๑๑๐๖๘ (สอง) ๙๔๐๗ (โหล) ที่ละเอียดให้มีทหารอีก ๑๑๐๖๘ (สอง) ๙๔๑๗ (โหล) คอยเหตุการให้พระยาดัศกรคุม ๕๓๐ (กอง) ๖๕๘๗ (พัน) เลยไป ๓๕๖๖ (ตี) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ที่ ๒๗๐๗ (เชียง) ๑๕๓๕ (คำ) ๕๗๔๖ (ปืนเมาเซอ) ๘๘๐๔ (ร้อย) บอกให้พระยาดัศกรเอาขึ้นไปด้วย เกล้า ฯ จะสั่งให้เมืองน่านจัดคน ๘๘๐๔ (ร้อย) หนึ่งส่งไปให้พระยาดัศกรฝึกหัด ถ้าเห็นการเล็กน้อยให้มอบปืน กลับมารักษาเมือง ถ้าเป็นการใหญ่ก็ให้ ๑๑๐๑๖ (สมทบ) เข้าเป็น ๖๖๗ (กำลัง) ๕๓๐ (กอง) ๖๕๘๗ (พัน) ยกไป เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า กองพระยาดัศกรขึ้นไปข้าง ๒๗๐๗ (เชียง) ๑๕๓๕ (คำ) กองพระสุร ฤทธิยกขึ้นไปทาง ๒๗๑๙ (เชียงใหม่) ต่าง ๓๕๖๖ (ตี) ขนาบเข้ามา กวาดเงี้ยวคนร้ายเสียสักพักก็เห็นจะสงบลงได้. สุรศักดิ์.

ที่ ๙๘ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพฯ วันนี้เกล้าฯ ได้เรียก ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) นาย


๒๔ แคว้นเก่าเมืองซองมาถามปากคำ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) คนนี้ เป็นคนที่ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) นับถือไว้วางใจ สังเกตกิริยาเป็นผู้ใหญ่แลหน้าตาก็เป็นคนซื่อ พระยาพิชัยได้ชี้แจงแล้วถามปาก คำ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) ได้ให้การโดยองอาจฉาดฉานแจ้งอยู่ในคำ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน)แล้วคำที่เกล้าฯ กล่าวว่าได้ทราบก่อนหน้าที่เกิดเหตุในเดือนหนึ่งไกลกับคำให้การอ้ายส้าง การซึ่ง เกล้าฯ ได้คัดส่งมาถวายต่อไปนี้ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน)ครั้นให้การว่าเดิม ๕๓๘ (ก่อน) เงี้ยวเข้าตีเมืองแพร่สักเดือนเศษ ข้าพเจ้าเข้า ไปในคุ้ม ๒๒๒๙(เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ได้ซื้อยามาให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) เป็นราคาเงินสี่สิบบาท ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ได้พูดให้ข้าพเจ้าฟังว่า ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) รู้ไหมว่า ๖๘๙๐ (เมืองแพร่) ต่อไปจะไม่เป็น ๙๖๙ (ของ) ๔๔๕๕ (ไทย) นานเท่าใด จะต้องเป็นเมือง ๙๖๙ (ของ) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ข้าพเจ้าตอบว่าข้าพเจ้าไม่รู้ แล้ว ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ได้เล่าให้ข้าพเจ้า ฟังต่อไปว่า ๒๒๒๙ (เจ้า ) ๖๘๙๐ (แพร่) จะคิดให้ ๖๔๘๑ (พะ) ๒๔๘ (กา) ๗๘๓๑ (มอง) ๑๐๑๙๓ (สะ) ๙๐๘๖ (ลา) ๕๘๗๖ (โป) ๒๕๔๘ (ไชย) ซึ่งเป็นหัวหน้าเงี้ยว ๕๓๑๘ (บ่อ) ๔๕๖ (แก้ว) เข้ามา ตีปล้นนครแพร่ พวกเงี้ยวคงจะจับ ๑๓๔๐ (คน) ๔๔๕๕ (ไทย ) ฆ่าเสียหมด คงจะไม่เหลือเลย แต่ ๖๔๘๑ (พะ) ๒๔๘ (กา) ๗๘๓๑ (มอง)


๒๕ ๑๐๑๙๓ (สะ) ๙๐๘๖ (ลา) ๕๘๗๖ (โป) ๒๕๔๘ (ไชย) ๑๘๘๘ (จะยก) ๑๐๕๖ (เข้า) ๓๕๖๖ (ตี) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๐ (แพร่) เมื่อใดยังไม่มีกำหนด ถ้าจะให้ ๖๔๘๑ (พะ) ๒๔๘ (กา) ๗๘๓๑ (มอง) ๑๐๑๙๓ (สะ) ๙๐๘๖ (ลา) ๕๘๗๖ (โป) ๒๕๔๘ (ไชย) ยกเข้าตีเมืองแพร่วันใด จะได้มีหนังสือไปนัด ๖๔๘๑ (พะ) ๒๔๘ (กา) ๗๘๓๑ (มอง) ๑๐๑๙๓ (สะ) ๙๐๘๖ (ลา) ๕๘๖๗ (โป) ๒๕๔๘ (ไชย) ให้ทราบแล้ว ๒๒๒๙ (เจ้า) ๑๘๙๐ (แพร่) ได้สั่งข้าพเจ้าว่า เมื่อออก ๔๙๕๗ (นอก) ๘๕๕๔ (ราชการ) แล้ว ๘๐๑๒ (อย่า) ๗๔๕๕ (มา) เที่ยวเกะกะวุ่นวาย ทำราชการ กับ ๔๔๕๕ (ไทย) เมื่อเงี้ยวมัน ๑๐๕๖ (เข้า) ๓๕๖๖ (ตี) บาง ที่จะถูกปืนเข้าจะตาย ๑๑๑๔๗ (เสีย) ๖๐๔๖ (เปล่า) ผู้ที่ ๘๘๔๒ (ร่วมคิด) ให้เงี้ยว ๑๐๕๖ (เข้า) ๓๕๖๖ (ตี) ๕๘๕๖ (ปล้น) เมืองแพร่ คราวนี้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๔๙๐ (หลวง) บอกกับข้าพเจ้าว่า ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔ (สงคราม) ๖๕๒๐ (พระ) ๗๙๐๑ (เมือง) ๘๔๙๘ (ราชา) เป็นผู้ร่วมคิดด้วย เมื่อข้าพเจ้าไปหา ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ข้าพเจ้าเห็น ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔ (สงคราม) ๖๕๒๐ (พระ) ๑๕๓๕ (คำ) ๙๑๗๖ (ลือ) นั่งอยู่กับ -4-


๒๖ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ที่นั้นด้วย แต่ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ได้พูดกับข้าพเจ้าสักสองสองสามคำ ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔ (สงคราม) ๖๕๒๐ (พระ) ๑๕๓๕ (คำ) ๙๑๗๖ (ลือ) ก็ลุกไปเสีย แล้ว ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ได้ กำชับข้าพเจ้าว่า ๘๐๑๒ (อย่า) ให้พูดให้ผู้ใดรู้ ให้ ๕๘๖๒ (ปก) ๕๖๗๖ (ปิด) ความเสีย แล้วข้าพเจ้าได้ลา ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ออกมาจาก ๕๑๖๔ (บ้าน) แวะขึ้นไปหา ๑๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ที่บ้าน ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเมืองแพร่นี้ ๗๙๒๙ (ไม่) ๒๕๑๗ (ช้า) นัก คงจะเป็น ๗๙๐๑ (เมือง) ๙๖๕ (ของ) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) เพราะพวกเงี้ยวจะยกเข้ามาตี ข้าพเจ้าจึ่งถาม ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ว่าพวกเงี้ยวจะยกเข้ามาตีเมื่อใด ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ตอบข้าพเจ้าว่าไม่ช้านักในแล้งนี้หรือแล้งหน้า ถ้าเงี้ยวจะ ๘๒๒๓ (ยก) ๑๐๖๕ (เข้ามา) ๓๕๖๖ (ตี) เมืองแพร่เมื่อใดจึ่งค่อยรู้เถิด แล้วข้าพเจ้าก็ลา ๖๕๒๒ (พระยา) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) กลับไปบ้านข้าพเจ้า ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ ตรงกับวันแรมเจ็ดค่ำ เดือนสิบเหนือ เวลาเย็นจวนจะพลบค่ำ ข้าพเจ้ากำลังลงไปมัดม้าที่ใต้ถุนเรือนข้าพเจ้า ในทันใดนั้นข้าพเจ้าได้ ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นเสียงประทัด ข้าพเจ้านึก


๒๗ ในใจว่าห้ามไม่ให้จุดประทัดแล้วใครบังอาจมาจุด อีกสักครู่หนึ่งได้ยิน เสียงปืนดังอีกหลายนัดข้าพเจ้าเห็นชาวบ้านแตกตื่นมาทางบ้านข้าพเจ้าๆ จึ่งถามว่าพากันแตกตื่นอะไรกัน พวกชาวบ้านบอกข้าพเจ้าว่า พวกเงี้ยวเข้ามาตีปล้นที่ว่าการแขวงเมืองซอง สักครู่หนึ่งพวกเงี้ยวก็ขึ้นไปบนเรือน ข้าพเจ้าสามคน ข้าพเจ้าไม่รู้จักชื่อแลจำหน้าก็ไม่ได้ แล้วเงี้ยวสามคนมันพูดว่าได้ตีปล้นที่ว่าการแขวงสนุกแท้ๆ คนไทยมันหนีไปไหน เสียหมด ข้าพเจ้าตอบว่าไม่ทราบว่าหนีไปทางไหนเพราะด้วยข้าพเจ้าได้ลาออกนอกราชการเสียแล้ว เงี้ยวสามคนมันพูดกับข้าพเจ้าว่าขอเงิน ๑๕ บาทจะให้ ไหม ข้าพเจ้าตอบว่าได้ แล้วข้าพเจ้าก็หยิบเอาเงิน ๑๕ บาทมาให้ พวก เงี้ยวสามคนก็ลงจากเรือนข้าพเจ้าไป แล้วพวกผู้ร้ายเงี้ยวได้ร้องเรียกนายแคว้นแก่บ้านประชุมที่วัดเสียว ได้ใช้ให้ ๔๙๕๑ (น้อย) ๑๑๖๙๐ (อะ) ๗๒๗๐ (ภิ) ๙๙๙๕ (วงษ์) กับ ๑๑๙๖๓ (อ้าย) ๕๕๕๓ (ปัน) นายแคว้นมาขอยืมม้าข้าพเจ้าๆก็ให้ไปแล้วข้าพเจ้าได้ตาม๔๙๕๑ (น้อย) ๑๑๖๙๐ (อะ) ๗๒๗๐ (ภิ) ๙๙๙๕ (วงษ์) กับ ๑๑๙๖๓ (อ้าย) ๕๕๕๓ (ปัน) ไปที่วัดเสียว เห็นเงี้ยวแลนายแคว้นแก่บ้านประชุมกันเป็นอันมาก ในทันใดนั้น ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้ถามแสน พรมนายแคว้นบ้านกลางว่าคนไทยได้หนีไปซ่อนอยู่บ้านแสนพรมไม่ใช่หรือ แสนพรมตอบว่าไม่มี ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) เงี้ยวได้ถาม แสนพรมต่อไปว่า แสนพรมจะเป็นพวกเงี้ยวหรือพวกไทยแสนพรมตอบว่า


๒๘ จะเป็นพวกเงี้ยวหรือพวกไทย บอกยังไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เห็น ๑๑๘๘๗ (อาญา) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๙๔๙๐ (หลวง) ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) พูดว่ากูนี้และเป็น ๒๒๒๙ (เจ้า) ๙๔๙๐ (หลวง) เพราะ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๙๔๙๐ (หลวง) กับ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้ทำ ๔๖๓๕ (หนังสือ) ๑๐๕๔๔ (สัญญา) ๓๗๕๘ (ต่อ) กัน ไว้แล้ว ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) จึงสั่งให้แสนพรมนำทาง ไปหาคนไทย แสนพรมก็นำ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) แลพวก ไป พอถึงหน้าประตูวัด ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ก็เอาปืนยิง แสนพรมทีหนึ่ง แสนพรมล้มลง พวกเงี้ยวก็ช่วยกันฟันแสนพรมขาดใจตาย แล้ว ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ก็กลับเข้ามาในวัดพูดว่า เที่ยวหาคนไทยไม่ได้ ฆ่าคนเมืองเอาฤกษ์เสียคนหนึ่ง พวกเงี้ยวก็ได้เกรียว กราวออกจากวัดไปข้าพเจ้าประมาณดูพวกเงี้ยวสักสามสิบหกสามสิบเจ็ดคน ภายหลังอยู่ประมาณสักสี่วัน ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ๒๓๐ (กับ) เงี้ยวสามคนได้ไปที่บ้านข้าพเจ้าถามข้าพเจ้าว่านายแคว้น นายหลักไปไหนหมด ข้าพเจ้าตอบว่านายแคว้นนายหลักอยู่บ้านเขาทั้งนั้น ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) สั่งข้าพเจ้าไปเรียกนายหลักนายแคว้นมาประชุมกันที่นี่ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้ ๓๙๔๖ (ถือ) ๑๑๘๘๗ (อาญา) ๗๔๕๕ (มา) ถ้าผู้ใดขัดขืนก็จะฆ่าเสีย ข้าพเจ้าตอบ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ว่า อย่ามาประชุมกันที่บ้านข้าพเจ้าเลย


๒๙ เพราะข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นนายแคว้นหรือนายหลัก ถ้าให้ดีไปประชุมกันที่ว่าการแขวงเห็นจะดีกว่าใน ทันใดนั้น ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ก็ลุกจากเรือนข้าพเจ้าไปอยู่ที่โรงพักตำรวจภูธร แล้วข้าพเจ้าใช้ให้ ๑๑๙๖๓ (อ้าย) ๖๙๓๕ (พรมมา) ๑๐๖๕๒ (สำรวด) ไปบอกนายแคว้นแลนายหลักตามคำ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) สั่ง ข้าพเจ้า ก็ไปที่โรงพักพลตำรวจภูธรพร้อมด้วยนายแคว้นแลนายหลัก ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้พูดว่า ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้รับ ๑๖๒๘ (คำสั่ง) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๑๘๐ (ผู้) ๑๔๑๐ (ครอง) ๔๕๙๗ (นคร) ๖๘๙๑ (แพร่) นอกจาก ๑๑๘๘๗ (อาญา) ว่าให้ นายแคว้นแลนายหลัก ๘๑๖๖ (อยู่) ๕๐๒๐ (ใน) บังคับ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ถ้าผู้ใดไม่ฟังบังคับบัญชา ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ก็ให้ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ฆ่าเสียแล้ว ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ก็ส่ง ๑๑๘๘๗ (อาญา) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๑๘๐ (ผู้) ๑๔๑๐ (ครอง) ๔๕๙๗ (นคร) ๖๘๙๑ (แพร่) ให้ข้าพเจ้าดู ครั้นข้าพเจ้าเห็นแล้วก็เก็บรักษาไว้ แล้ว ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ได้สั่งข้าพเจ้าแลนายแคว้นนายหลักว่า เวลานี้ค่ำ เสียแล้วจะไปเที่ยวสืบเสาะหาคนไทยไปฆ่าเห็นจะไม่ทันต่อเวลา พรุ่งนี้กินข้าวแล้วให้พากันมาที่โรงพัก ตำรวจใหม่จะได้พากันไปเที่ยวสืบเสาะหาคนไทย ข้าพเจ้านายแคว้นแลนายหลักก็พากันกลับมาบ้าน ครั้น รุ่งเช้ากินข้าว


๓๐ แล้วก็ชวนกันมาหา ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) อีกตามคำสั่ง ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) เพราะเกรง ๑๑๘๘๗ (อาญา) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๙๔๙๐ (หลวง) ครั้นพากันมาหาพร้อมแล้ว ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) สั่งว่าให้ข้าพเจ้าไปด้วย ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ข้าพเจ้าตอบว่าเห็นจะไปไม่ได้ เพราะแก่เถ้าแล้วขอให้คนอื่นที่ เขาหนุ่มไปเถิด ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) จึ่งได้เรียก ๔๙๕๑ (น้อย) ๑๑๖๙๐ (อะ) ๖๖๕๑ (ภิ) ๙๙๙๕ (วงษ์) นายหลักกับ ๔๗๒๗ (หนาน) ๗๓๙๙ (มลิ) ๙๖๗๒ (วัน) นายหลักลูกบ้าน ประมาณสี่สิบห้าสิบคนไปด้วย ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ทาง บ้านเตาปูน ครั้นเวลาได้ห้าโมงก็พากันกลับมาบอกข้าพเจ้าว่าไปเที่ยวหาคนไทยไม่พบ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวหาใหม่ ครั้นรุ่งเช้าพวกนายหลักแลแก่บ้าน ก็พากันไปด้วย ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) อีก เดินจากโรงพักประมาณยี่สิบวาเศษ ข้าพเจ้าเห็น ๑๑๙๖๓ (อ้าย) ๓๔๗๓ (ตัน) ๓๐๗๗ (ด้าน) ๑๑๙๖๓ (อ้าย) ๓๙๐๓ (ถา) นักโทษเก่าได้มานำ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ไปเที่ยวสืบหาคนไทยทางลำแม่น้ำยม รวมทั้งนายหลักแลลูกบ้านประมาณสักห้าสิบหกสิบคน ครั้นเวลาบ่ายประ มาณสักห้าโมงเศษ ข้าพเจ้าเห็น ๑๒๓๙๐ (อำแดง) ๑๑๕๖๓ (หอม) ๗๒๒๕ (เฟิน) ๔๗๓๐ (นาย) ๑๙๐๘ (จัน) ผู้แทน นายแคว้นเดินตาม ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) มาถึงหน้าบ้าน


๓๑ ข้าพเจ้า ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ร้องบอกข้าพเจ้าว่าจับ ๔๗๓๐ (นาย) ๑๙๐๘ (จัน) ได้ฆ่าเสียแล้วที่ริมแม่น้ำ ๘๒๒๒ (ยม) รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ๒๑๖๕ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) กับนายหลักลูกบ้าน พากันไปเที่ยวหา ๑๓๔๐ (คน) ๔๔๕๕ (ไทย) อีก พอเวลาบ่าย ประมาณสัก ๔ โมงเย็น ข้าพเจ้าเห็น ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ๑๙๔๐ (จับ) ๔๗๓๐ (นาย) ๔๔๑๙ (เที่ยง) ซึ่งอยู่ด้วยกันกับ ๔๗๓๐ (นาย) ๑๙๐๘ (จัน) ผู้แทนนายแคว้นมาถึงหน้าบ้านข้าพเจ้า ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) สั่งให้เอา ๔๗๓๐ (นาย) ๔๔๑๙ (เที่ยง) ไปฆ่าเสีย ข้าพเจ้าพูดว่าอย่าฆ่าเลย เพราะยังเป็นเด็กอยู่ไม่รู้ จักอะไร ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ตอบว่า ถ้าข้าพเจ้าขอแล้ว จะยกให้จะเอาไปไว้ใช้ที่บ้าน ครั้นรุ่งขึ้น ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) กับพวกเงี้ยวก็พากันกลับมาเมืองแพร่ พวกเงี้ยวที่ไปตีปล้นเมืองซองข้าพเจ้ารู้จักแต่ชื่อ ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) ผู้เดียว นอกจากนั้นข้าพเจ้าไม่รู้จักชื่อแต่จำหน้าได้ ต่อมาข้าพเจ้าได้เกณฑ์เอา ๑๐๗๒ (ข้าวสาร) ๕๑๔๖ (บ้าน) ๘๙๙๖ (ละ) ๗๖๔๐ (หมื่น) ตามหนังสือ ๑๑๘๘๗ (อาญา) รวมข้าวสารได้สองล้านเจ็ดแสนหกหมื่นแปดพัน ข้าพเจ้าได้เกณฑ์ลูกบ้านมาส่งยัง ๕๑๔๖ (บ้าน) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๖๘๙๐ (แพร่) ตั้งแต่เงี้ยวเข้าตีปล้นเมืองแพร่ ข้าพเจ้าไม่ได้มาเมืองแพร่เลยเป็นความสัตย์จริงดังนี้ เซ็น ๖๔๘๑ (พะ)


๓๒ ๘๐๐๖ (ญา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) ตอบคำถามต่อไปว่าปืนหลวงห้ากระบอกกับลูกปืนแปดสิบตับ ม้า ๔๗๓๐ (นาย) ๑๙๐๘ (จัน) หนึ่งม้า ข้าพเจ้า ได้ฝาก ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๗๗ (ราชวงษ์) มาส่งที่ ๕๑๔๖ (บ้าน) ๙๔๙๐ (หลวง) ๗๘๘๘ (เมื่อ) ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๗๗ (ราชวงษ์) กลับมาจากป่าไม้พร้อมกับมิสเตอร์ Fenger สำเนาอาตญาที่คุมหลวง วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๑๒๑ ๑๑๘๘๗ (อาญา) ๖๙๘๙ (พ่อ) ๒๒๒๙ (เจ้า) กรุณาไปถึง ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) ขันเมืองซอง ถ้าหัน ๑๑๘๘๗ (อาญา) พระองค์เราแล้วให้ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) ได้เรียกร้องพวกราษฎรที่ตื่นแตกหนีไปจากบ้านช่องนั้นให้กลับคืนมาอยู่บ้านตามเดิม แลให้ไปส่งนายร้อย ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๔๕ (แสง) (๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔) (แสง) จะไปทางใดให้ไปส่งอย่าได้ ขัดขืนกับอนึ่งให้เกณฑ์ทุกหลักทุกแคว้นให้ตำข้าวสารตกเอาเรือนไหนหมื่นหนึ่งให้ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) เกณฑ์คนหาบขนแลนาย คุม ๆ เอามาส่งที่เวียงอย่าให้พ้นเดือนนี้ดับเป็นอันขาดแลให้คนทั้งหลายทำไร่ นาไปเถิด อย่าตื่นตกใจ ๓๖๘๘ (แต่) ๖๑๘๐ (ผู้) ๑๘๕๔ (จะ) ๕๐๓๑ (ทำ) นายร้อย ๒๑๖๔ (จอง) ๑๐๙๕๔ (แสง) นั้นให้ผู้หนึ่ง ผู้ใดนำไปก็ได้ ส่วนตัว ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) ให้ได้เร่ง กับเข้านำให้เร็ว ๆ ได้เซ็นชื่อประทับตรามาเป็นสำคัญ ๖๖๘๘ (พิริย) ๔๒๙๘ (เทพ) ๙๙๙๕ (วงษ์) แลมีสลักหลังว่าด้วย ๕๓๒๒ (ปืน)


๓๓ ๙๔๙๐ (หลวง) นั้น ใครเก็บไปที่ไหนให้ ๖๕๕๒ (พระยา) ๑๐๑๙ (เขื่อน) เก็บเอามาส่งทั้ง ๙๒๒๑ (ลูก) ๕๓๒๒ (ปืน) ก็ให้เอามาเสี่ยง. สุรศักดิ์.

ที่ ๑๒๕ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพฯ โทรเลขที่ ๑๐๑ รับแล้ว เรื่องผู้ร้ายเงี้ยวนี้ เกล้า ฯ ได้รู้สึกตั้งแต่ ขึ้นมาถึงเมืองแพร่แล้ว เห็นว่ายังจะต้องปราบปรามอยู่ช้านาน เพราะความคิดเงี้ยวที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แต่วันหนึ่งสองวัน คิดมาตั้งปีแล้ว เงี้ยวที่หนีไปเวลานี้เกล้าฯ ก็คิดว่าจะเข้าไปตั้งมั่วสุมอยู่ในเขต ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) เพราะ ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) เป็นเพื่อนกับเงี้ยว แลพึ่งบุญเงี้ยว ในส่วน เมืองน่านนั้น เกล้าฯ ก็ได้กำชับพระยาบรมไว้แข็งแรงแล้ว เวลานี้เจ้า นครน่านมีความเสียใจมากเพราะรักษาพระราชอาณาเขตให้สงบไม่ได้ทั้ง ๕๒๐๘ (บุตร) ๑๐๒๗ (เขย) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ก็ ๑๖๔๖ (ฆ่า) ๓๕๓๒ (ตาย) บุตรตัว ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ก็ ๑๙๔๐ (จับ) ๖๐๑๙ (ไป) เวลา บ่ายหนึ่งโมง วันนี้พระยาดัศกรได้ยกออกจากเมืองแพร่ เกล้า ฯ ได้มี คำสั่งให้ยกตรงไป ๒๗๐๗ (เชียง) ๑๕๓๕ (คำ) ทีเดียว ให้จัดทหาร ๑๑๐๖ (สอง) ๙๔๐๗ (โหล) คุมปืน ๘๘๐๔ (ร้อย) บอกไปส่งให้ เมืองน่าน ทหารที่คุมปืนให้อยู่รักษาเมืองน่าน แลฝึกหัดคนที่ถือปืนด้วย. สุรศักดิ์. -5- ๓๔ ที่ ๑๓๓ กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ วันที่๗ บ่าย ๕ โมง เกล้าได้รับบอกพระยาบรมความว่า รองแขวง หนีมาจากเชียงคำ แต่นายแขวงจะเป็นประการใดไม่ทราบ แลว่า ๑๗๘๕ (เงี้ยว) มาจาก ๒๗๐๙ (เชียงของ) มีกำลังประมาณ ๑๐๘๑๓ (สี่) ๑๑๓๕๒ (ห้า) ๘๘๑๔ (ร้อย) คน เป็นพวกเงี้ยวหนีไปจากแพร่ ลำปาง แลทั้งเงี้ยว ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) ประสมที่ ๒๗๐๙ (เชียงของ) มีค่าย ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) ตั้งอยู่หน้า ๒๗๐๙ (เชียงของ) เลี้ยงเงี้ยว ๑๐๘๑๓ (สี่) ๑๑๓๕๒ (ห้า) ๘๘๐๔ (ร้อย) สำหรับเที่ยวตีปล้น ๕๑๓๖ (บางยม) ฝ่ายเหนือ ๑๐๘๐๗ (สิบสองปันนา) ในเหตุครั้งนี้กลัว ๕๓๕๕ (ฝรั่งเศส) จะเป็นกำลังแลหัวเมืองฝ่ายเหนือใน ๘๐๙๕ (ยี่สิบ) ๑๑๓๕๒ (ห้า) ๑๒๓๕ (คี) โล่แล่เตอมาพวกเงี้ยวเป็นใจทั้งนั้น บรมจัดเจ้า ราชวงศ์เป็นแม่กองปราบปรามพวกผู้ร้ายอีกทางหนึ่งขึ้นทาง๓๒๔๖ (ดอย) ๔๐๘ (ภู) กว่าการจะระเบียบได้เห็นจะนาน เกรงพวกเงี้ยวจะขึ้น ๒๗๐๙ (เชียงของ) อีกต่อไป ถ้าไม่กองทหารประจำรักษาการ การร้ายแรงเช่น นี้คงจะไม่หยุดเพราะฉะนั้นขออนุญาตให้กองทหารจัดการสงบแล้วให้อยู่ประจำรักษาราชการ ก่อนกว่านครน่านจะจัดให้กำลังขึ้นไปรักษาราชการต่อ ไป เช่น บรมบาทเรื่อง ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) ที่เข้ามาเกี่ยว เกล้าได้กราบทูลความเห็นในฉบับที่ ๑๓๒ แล้วเมื่อวานนี้ น้อยโล่เป็นพ่อค้าไม้อยู่กับน้อยบุญลงเมืองต่า ได้มาให้การว่าเมื่อก่อนหน้าเงี้ยวเข้าตีเมืองแพร่สี่ห้าวัน


๓๕ น้อยโล่ได้พบกับทร่างอ่อนที่วัดน้อยเมืองสวรคโลก ทร่างอ่อนว่า ๒๒๒๙ (เจ้า) ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) ได้มีหนังสือมาแล้ว แลว่า ๒๒๒๙ (เจ้า) ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) กับ ๔๖๔ (กงสุล) ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) แต่ไม่ทราบว่า ๔๖๔ (กงสุล) ไหน เพราะไม่ได้ซัก ถามต่อไปเมื่อเกล้าได้ยินดังนั้นก็มีความสะดุ้งใจเกรงว่า ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) คงจะเอา ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) ซึ่งมาซ่อนไว้ในเขต ๙๔๙๑ (เมืองหลวงพระบาง) พวกเหล่าร้ายจึงกำเริบขึ้นดังนี้ ถ้า ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) ยังจะอยู่ที่ ๓๐๐๘ (เมืองไซ่ง่อน) ที่ไหนพวก พกามองจะรบทำการรุกรานจนเป็นเหตุขึ้นแลคำเจ้าบัวหลายมีอีกคำหนึ่งว่า ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) อยู่ ๓๐๐๘ (เมืองไซ่ง่อน) ได้มีม่าน เงี้ยว ประมาณสามร้อยคน ฝึกหัดเป็นทหารอยู่ที่ ๓๐๐๘ (เมืองไซ่ง่อน) ครั้นได้รับบอกพระยาบรมฉบับนี้ก็ว่า ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) ตั้งค่ายอยู่หน้า ๒๗๐๙ (เชียงของ) ได้เกลี้ยกล่อมพวกเงี้ยวเป็นทหารประมาณสี่ร้อยห้าร้อยคนอยู่ในค่ายนั้น เห็นด้วยเกล้าว่าบางที ๗๖๙๔ (เหม่ง) ๓๖๑ (กุน) จะอยู่ในค่ายนั้นด้วย เมื่อก่อนหน้าเงี้ยวเข้าตีแพร่สักสี่วัน ๙๒๑๗ (สุง) ๕๓๐ (กอง) ได้ขึ้นมาพักอยู่เมืองแพร่แลข่าวว่าได้ไปเที่ยวที่บ้าน วังหงสร้างเป็นบ้านเงี้ยวอยู่มากแลไปหลายแห่ง เรื่องนี้ยังสืบความไม่ได้ชัด เมื่อยังอยู่เมืองแพร่กระทำการสิ่งใดก็ดูร้อนรน เมื่อจะกลับให้ริธทานนจ้างช้างส่ง ค่าจ้างช้างธรรมดาเสียแต่หกบาทขึ้นไปให้เป็นแปด เมื่อช้างกลับ


๓๖ ทางแพร่ แพร่แตกเสียก่อนแล้ว คำเจ้าชื่นเมียราชวงศ์ให้การมาเมื่อแพร่แตกได้สองวัน มีหัวหน้าขมุมาเรียกให้ไปประชุมพร้อมกันที่ห้วยอ้อยทุกคนเรียกกลางวันให้ได้กลางวัน กลางคืนให้ได้กลางคืน แลชื่นว่าจะเรียกขมุ นั้นให้มาถามคำให้การรุ่งขึ้นชื่นก็กินยาตาย เกล้ากำลังสืบขมุที่เป็นคนมาแจ้งความกับชื่น เมื่อได้ตัวแล้วจึงจะถามความต่อไปในเหตุที่ได้รับ วันนี้เกล้ามี ๑๑๘๕ (ความ) ๑๘๒๒ (เงินแดง) เพราะมณฑลพายัพใหญ่กว้างมากกองทหารต้องแยกย้ายออกไปหลายทาง การรักษาในเมืองก็ถึง ๕ เมือง กำลังที่แยกออกไปก็ไม่เป็นกองใหญ่ได้สักแห่ง ถ้าจะมีเหตุใหญ่ เกิดขึ้นเกล้าเห็นลำบากที่จะ ไปมาถึงกันก็ไม่ใกล้ทางตั้งแต่ห้าวันหกวันขึ้นไปถ้ามีเหตุเหลือกำลังจะช่วยกันก็ยาก ม้าที่จะใช้เดินข่าวคราวก็ไม่มีการที่ส่งเสบียงอาหารในทางไกลดังนี้ก็แสนยากขอให้ทรงพระดำริจะให้เกล้าจัดการอย่างไร แต่ส่วนเกล้านั้นขอให้ทรงไว้พระทัยว่าถ้ามี ๑๑๔๙๑ (เหตุ) ๓๐๒๙ (ใหญ่) เหลือกำลังเกล้าก็จะทิ้ง ๒๕๓๘ (ช้างเผือก) ไว้ใน มณฑลพายัพ การจะควรจัดการอย่างไรแลจะหากำลังเพิ่มเติมเมื่อ ๖๑๗ (เกิดเหตุ) จะใช้กำลังที่ใดขอให้รับสั่ง เวลานี้เมืองน่านกำลังต้องการปืน ถ้าโปรดให้ส่งโดยเร็วจะเป็นประโยชน์ แต่เหตุที่เกิดดังกราบทูลมานี้ บางที จะเป็น ๑๑๔๙๑ (เหตุ) ๓๐๒๙ (ใหญ่) ได้ ควรจะปรึกษากับ ๔๒๗๘ (ทูต) ๑๑๘๐๐ (อังกฤษ) เห็นด้วยเกล้าดังนี้ จะควรอย่างไรแล้วแต่ จะโปรด. สุรศักดิ์. ๓๗ ที่ ๑๗๒ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพ ฯ โทรเลขฉบับใดไม่สำคัญเกล้าก็ยังไม่ได้ทูลตอบ ต่อการที่สำคัญต้องทำก่อน ในเวลานี้เกล้าก็ไม่สู้สบายด้วย เกล้าฯ จะกราบทูลตอบโทรเลขที่ยังค้างอยู่ต่อไปที่ ๑๒๗ เรื่องรัฐบาลฝรั่งเศสกับไทยได้เซ็นสัญญาแล้วเกล้าฯ มีความยินดีหาที่สุดมิได้ ถ้าแม้ ratify แล้ว ๘๕๕๔ (ราชการ) ก็จะ ๑๔๔๑ (ค่อย) ๑๐๗๒๔ (สบาย) ไปอีก ๙๑๘๘ (หลาย) ๕๖๘๗ (ปี) แต่เห็นด้วยเกล้าว่า เวลานี้ควรจะจัดขยายการทหารให้ ใหญ่ออกไปดังเหตุที่เกิด ทั้งนี้เป็นพยานอยู่แล้ว ดังคำโบราณกล่าวเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ดังนี้ ที่ ๑๒๘ รับแล้วทหารสองกองพันที่จะส่งไปแพร่เวลานี้เกล้าฯ กำลังจัดที่พักทหาร ที่จะส่งขึ้นไป ที่ ๑๒๙ รับแล้ว ตำบลบ่อแก้ว เกล้า ฯ ก็คอยฟังเหตุอยู่เมื่อมีเหตุเกล้าฯ เคยชี้แจงไปที่ลำปาง ตรวจทางบ่อแก้วเมื่อสัก ๑๐ วันมานี้ ไลล์พาเงี้ยวมาร้องว่าทำไร่ไว้ที่บ่อแก้ว ไลล์จะขอหนังสือให้เงี้ยวผู้นี้ไปเก็บเกี่ยวข้าว เกล้า ฯ ให้หลวง นิติธรรมถามให้การเงี้ยว เงี้ยวได้ให้การว่าได้เกิดในเมืองขึ้นของเชียงใหม่ เกล้า ฯ ทราบดังนั้น เกล้า ฯ จึ่งมีหนังสือถึงไลล์ว่าคนนี้เป็นคนสยาม ไลล์จะเกี่ยวข้องไม่ได้ ไลล์ได้ตอบมาว่าชื่อเมืองที่เงี้ยวเกิดนั้นผิด เงี้ยวคนนี้ได้ เกิดในเขตพม่าของอังกฤษ เกล้า ฯ ได้ตอบไปว่าขอให้ส่งหลักฐานมาให้ตรวจ ไลล์ว่าจะส่งหนังสือทะเบียนมาให้ตรวจก็ยังไม่ได้ส่งมา การนี้ยังสงบอยู่ เกล้าฯ ได้โทรเลขถึงลำปางขอให้จัดคนกับแคว่นออกสำรวจข้าวที่


๓๘ ตำบลบ่อแก้ว ให้รู้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นของผู้ร้ายก็ให้เก็บเกี่ยวไว้ เป็นของหลวง ถ้าเป็นของคนดีก็ให้อนุญาตเป็นเจ้าของเก็บเกี่ยวเอาไป แต่ที่ไม่ให้คนออกไปตรวจนั้น เกล้าฯเข้าใจว่าเป็นที่ของลำปาง เมื่อต่อไป ทหารขึ้นมาถึง เกล้าฯ จึงจะจัดให้ไปตั้งเป็นกองด่านอยู่ที่บ่อแก้ว ๑๓๐ ได้รับแล้วเรื่องที่จะยกทหารเข้าไปใน ๒๕ กิโลได้สั่ง พระยาบรมตามรับ สั่งแล้ว ที่ ๑๓๔ เรื่องจะตั้งโรงพยาบาลสัตรี เกล้าฯ ได้เตรียมที่ไว้แล้ว คอยแต่ยากับเครื่องมือจัดการ ที่ ๑๓๖ ได้รับแล้ว กระแสพระบรมราชโองการได้ทราบเกล้าฯ ชัดเจนแล้ว ที่ ๑๓๗ รับแล้วเรื่องคนอุตรดิตถ์เดิมเกล้าฯ หาทราบในพระดำริที่จะจัดเป็นกองตำรวจไม่ เกล้าฯ เข้าใจว่าเป็น แต่คนเกณฑ์เตรียมไว้เพื่อมีเหตุใหญ่จะได้เรียกขึ้นไปช่วยเมืองแพร่ ที่ขอเสื้อทหารนั้นเห็นด้วยเกล้าฯ ว่าทหารที่เมืองแพร่ ๗๖๐๙ (มี) ๔๙๕๑ (น้อย) จะจัดเอาพวกนี้เข้าสมทบ แต่ถึงอย่างไรก็ดีเมื่อพวกนี้ฝึกหัดสมทบกับกองทหารใช้ราชการครั้งนี้ เมื่อการเรียบร้อยจะโปรดให้เปลี่ยนเป็น ตำรวจก็ได้ ปืนนั้นควรจะใช้เมาเซอร์เป็นปืนดีเหมือนกัน ขอประทานสำหรับตัวคนห้าร้อยขึ้นไปทีเดียวแลนายร้อยตำรวจก็ควรจะส่งขึ้นไป เพราะ นายร้อยทหารบก ๖๐๓ (เกือบ) ๗๗๘๖ (หมด) ๓๗๙๒ (ตัว) ๙๓๑๓ (แล้ว) ที่เมืองแพร่ ที่ ๑๔๐ รับแล้ว บอกพระยาดัศกรนั้น เกล้า ฯ ได้รับก็ได้ส่งมาถวายแล้ว แลจะส่งถวายเป็นลำดับต่อไป ที่ ๑๔๑ รับแล้วถ้าพระยาบรมจะได้ออกตรวจเมื่อใด เกล้า ฯ จะจัดให้ ๙๔๙๐


๓๙ (หลวง) ๘๒๓๔ (โยธา) ณัติ ๒๗๘ (การ) ๘๑๑ (ขึ้นไป) เมืองน่าน เพื่อจะได้เป็นที่ ๕๗๑๖ (ปรึกษา) ของ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๗๒๖ (น่าน) ในระหว่างบรม ๗๙๑๙ (ไม่) ๘๑๖๖ (อยู่) ที่ ๑๔๒ รับแล้ว เรื่องนี้ เกล้าฯ ได้ทราบแล้ว ได้สั่งไปยังดัศกรว่าถ้ากำลังผู้ร้ายมาก ควรจะรวมกันเป็นกองเดียวก็ให้รวม ถ้ากำลังน้อยอย่ารวมตามแต่ดัศกรจะเห็นควร โทรเลขนี้ส่งวันที่ ๑๘/๗/๑๒๑ เวลาบ่าย ๕ โมง. สุรศักดิ์.

ที่๑๘๗ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพ ฯ โทรเลขที่ ๑๔๘ ส่งวัน ที่ ๒๐ รับอ่าน ที่ ๒๑ เวลา ๒ ทุ่มทราบแล้ว เรื่องบ่อแก้ว เกล้า ฯ ได้สั่งไปลำปางก่อนโปรดเกล้า แบ่งเขตบังคับการ เมื่อเกล้า ฯ ได้ทราบเหตุแล้ว ได้แต่งให้พวกพระยาสุพันผู้สวามิภักดิ์ออกไป สืบราชการ ตั้งแต่แพร่ไปถึงบ่อแก้ว ว่าเงี้ยวตั้งอยู่ในที่ใดเท่าใด แลมีเหตุการณ์อย่างใด คนที่ไปสืบกลับมาถึงในสองวัน ได้แจ้งความว่าเงี้ยวในทางที่ไปถึงบ่อแก้วก็ไม่มีแล้ว ข้าวรายที่บ่อแก้วกำลังจะสุกเก็บเกี่ยวได้ เกล้าฯ จึงจัดให้ร้อยตรี หม่อมราชวงศ์เนิน คุมทหาร ๖ คน ราษฎรพวก พระยาสุพันอีก ๓๐ พระยาสุพันให้น้อยเทพผู้น้องคุมไป เมื่อถึงบ่อแก้ว แล้วให้พวกนี้เก็บเกี่ยวข้าวรวมไว้ให้สิ้น หม่อมราชวงศ์ เนิน จะทำแผนที่แต่แพร่ถึงบ่อแก้ว แลจะเป็นผู้คุมราษฎรออกไปเกี่ยวข้าวด้วย กำหนด


๔๐ ออกจากแพร่วัน ที่ ๒๓ แลจะให้รับประการศออกไปปิดไม่ได้เข้าตั้งต่อไปโทรเลขฉบับนี้ ส่งวันที่ ๒๑ เวลา ๒ ทุ่ม สุรศักดิ์.

กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ บางปะอิน วันที่ ๒๕ เดือนนี้ได้รับรายงานหลวงจิตรจำนงวานนี้ว่า จะลงมาทางพิชัยก็ขัดด้วยพาหนะเพราะรีบมาจากเมืองแพร่ด้วยพวกกบฏทำการรุกรานต่าง ๆ ดังแจ้งในรายงานนี้ การที่เกิดครั้งนี้ ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๐ (แพร่) ๒๓๐ (กับ) ๗๙๑๑ (เมือง) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ๓๑๕ (ได้) ๑๑๐๐๑ (สม) ๘๖๖๒ (รู้) ๘๘๔๒ (ร่วมคิด) เป็น อันหนึ่งอันเดียวกันเขามีความเห็น ขอกราบเรียนว่าเกล้าผมได้ชำนาญการเที่ยวคุ้นเคยกับเจ้านายมณฑลพายัพทุกเมือง ก็เมือง ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ๕๗๙๔ (เป็น) ๖๘๗ (ขบถ) ๕๔๐๑ (ขึ้น) ๙๓๑๓ (แล้ว) ถ้าข้าหลวงหรือกองทัพไป ๑๒๘๐ (คุม) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๒๗๑๙ (เชียงใหม่) ๑๐๐๖๒ (ไว้) อย่าให้ถือหนังสือไปมาถึงกัน ๒๓๐ (กับ) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ๓๓๑๕ (ได้) ๙๓๑๓ (แล้ว) เห็นการจะไม่ยากนัก ถ้า ไม่คุมเชิงไว้เมืองนครลำปางมีหนังสือไปมาถึงกันได้ หน้าที่จะแปรปรวนไป ๖๙๗๘ (เพราะ) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๒๗๑๙ (เชียงใหม่ ) เป็นคนหูเบา หนึ่งเห็นว่ากองทัพที่จะยกไปทางลำปางต้องไปมากหน่อยเพราะเงี้ยวอยู่ตามเชียง


๔๑ ใหม่ใกล้เมืองมีประมาณ ๓,๐๐๐ เศษ ถ้าเงี้ยวยกพวกมา ๕๗๙๗ (เป็น) ๖๖๗ (กำลัง) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ก็จะเป็นการหนักรับไม่อยู่ ทรัพย์สมบัติของผมอยู่ในมณฑลพายัพทุก ๆ เมืองเป็นต้น บ้าน ช้าง ม้า ประมาณเป็นราคาประมาณ ๖,๐๐๐,๐๐๐ รูปี ทรัพย์สมบัติจะไม่เป็นอันตราย ก็เพราะบารมีเป็นส่วนเดียว เกรงอยู่ว่าเมื่อกองทัพหลวงมีชัยชนะอ้ายพวกเงี้ยวทุจริตจะริบเอาอ้างว่าเป็นคนใช้ถึงยังไรก็ดีเงี้ยวคนใช้รักษาทรัพย์ของเกล้าผมมีหนังสือสัญญาทุกคน การเกิดจลาจลครั้งนี้อ้ายพกามองเป็นหัวหน้าคุมพวกเงี้ยวปล้นคนตำรวจฟันตำรวจป่วย๔คนเก็บปืนไปหมดเข้าปล้นที่พักข้าหลวงความในตอนนี้ ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๖๙๗๔ (สงคราม) แจ้งว่า ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๕๓(ราช) ๘๖๐๐(ฤทธา) ๔๘๙๘ (นนท์) หนีพวกเงี้ยวไปหา ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑(แพร่) ว่าให้ช่วยกันกำจัดเงี้ยว ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ว่าจะช่วยอย่างไรได้ปืนไม่มี ฉันก็จะหนีเหมือนกัน ๖๕๕๒ (พระยา) ๘๕๕๓ (ราช) ๘๖๐๐ (ฤทธา) ๔๘๙๘ (นนท์) ๙๗๓๖ (ว่า) ๓๙๐๘ (ถ้า) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๘๑๖(หนี) จะให้ฉันทำยังไรถ้าฉันหนีก็พ้นความตาย ฉันคงไม่กลับมา ๗๙๑๐ (เหมือน) ข้าหลวงอื่น ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ก็นิ่งเสีย ข้าหลวงก็เลยหนีต่อไป ส่วน ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) นั้นหาได้หนีไม่ พวกเงี้ยวก็เลยไปปล้นที่ว่าการเก็บเอาเงินหลวงไปแล้วพังตั้งปล่อยนักโทษ -6-


๔๒ ออกจากเรือนจำแล้วตรงเข้าปล้นบ้านนายเฟื่องผู้พิพากษา นายเฟื่องนี้เป็นที่บ้านข้าพเจ้าแล้วหลบหนีต่อไปอีกทางไหนไม่ทราบ ในวันเดียวนั้นพวกเงี้ยวค้นจับตัวนายอ่วมตำรวจไปเกาะสีชุมในเวลาเมื่อปล้นนั้น พวกผู้ร้ายฆ่าภรรยานายร้อยตรีตาด ๑ อีนมคนใช้ ๑ จีนตีดผู้ชายคนขายของพระยาราชฤทธานนท์ ๑ แล้วพวกเงี้ยว ๓๓๑๕ (ได้) ๑๑๓๓๗ (หา) ๓๗๙๒ (ตัว) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔ (สงคราม) หนึ่ง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) หนึ่ง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๕๗๙๒ (เปง) หนึ่ง ๖๕๒๐ (พระ) ๑๖๕๒ (วัง) ซ้าย หนึ่ง ๖๕๒๐ (พระ) ๑๕๓๕ (คำ) ๙๑๗๖ (ลือ) หนึ่ง ๖๕๒๐ (พระ) ๗๙๐๑ (เมือง) ๒๒๑๙ (ใจ) หนึ่ง น้อย ๑๑๑๑๖ (สวน) หนึ่ง ๖๕๒๐ (พระ) ที่ ๙๘๑๘ (วิไชย) ๘๔๙๘ (ราชา) หนึ่ง รวม ๙ คน ๗๔๕๕ (มา) ๕๔๗๔ (ประชุม) ๑๖๘ (กัน) ๒๓๐ (กับ) พกามองแลพวกเงี้ยวพร้อมกันหน้าที่ว่าการข้าหลวงเจ้าราชวงศ์ไปป่าหาอยู่ไม่ ในเวลากำลังเงี้ยวแลเจ้านายประชุมกันนั้น ข้าพเจ้าแต่งให้ Charlay นายทิงปลอมไป ฟัง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๖๘๕๘ (พูด) ในที่ประชุมว่า ๑๘๓๖ (เงินหลวง) ๔๘๑๕ (นี้) ๑๘๕๔ (จะ) ๕๒๔๕ (แบ่ง) ๓๔๓ (กึ่ง) หรือจะพาสามยังไร พวกเงี้ยวว่ายังแบ่งไม่ได้ จะเอาไว้เป็นกำลังกองสำหรับ จ่ายใช้ในการศึกต่อไป ๙๓๑๓ (แล้ว) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๖๘๕๘ (พูด) ในที่ประชุมว่าการก็ได้ทำเลยมาถึงเพียงนี้แล้ว ถ้ากองทัพ


๔๓ ไทยยกมาจะทำการประการใด พวกเงี้ยวว่าถ้ายกมาจะช่วยเป็นกำลัง ถ้ากำลัง เงี้ยวไม่พอ ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๒๗๔๐ ( ) ๔๒๗๖ ( ) ๖๖๗ (กำลัง) ๒๖๙๖ (ช่วย) แล้วจัดเสบียงอาหารส่งพวกเงี้ยวว่าถ้าฉะนั้น ๓๗๗๐ (ต้อง) ๔๔๗๑ (ทำ) ๑๐๕๔๔ (สัญญา) ๑๐๖๒ (ไว้) ๒๗๕๙ (ต่อกัน) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๒๒๐ (กับ) ๖๓๙๔ (ฝ่าย) ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๓๓๑๕ (ได้) ๔๔๗๑ (ทำ) ๑๐๕๔๔ (สัญญา) ๑๐๐๖๒ (ไว้) ๓๗๕๙ (ต่อกัน) คนละฉบับมีใจความต้องกันว่า ตั้งแต่ปี ๑๑๘ พระยาราชมาจัดการเมืองแพร่ราษฎรพม่าเงี้ยวได้รับความกดขี่มาก พกามองจึงได้กำจัดเสีย ถ้าเงี้ยวข้าศึกเมืองต้ายยกมา ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๔๒๐ (ที่) ๗๖๐๙ (มี) ๒๕๘๘ (ชื่อ) แล้วนี้ถ้าพวก ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๓๗๗๐ (ต้อง) ๒๖๙๖ (ช่วย) ๑๖๘ (กัน) ๘๗๓๐ (รบ) จนหมด กำลังแล้วได้พร้อมกัน ๙๓๓ (เซ็น) ๒๕๘๘ (ชื่อ) ประทับตราไว้ให้ต่อ กันสาม ครั้นเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พวกเงี้ยวสืบจับได้ตัวพระยาราชฤทธานนท์ นายร้อยตรีตาด ๑ นาย เฟื่อง ๑ พลตำรวจอุตรดิตถ์ ๓ คน ฆ่าตายในวันนี้ ส่วนพระยาราชฤทธานนท์นั้นได้ความว่าเมื่อวันแรกหนีไปซุ่มอยู่ที่ริมเมืองถึงเวลากลางคืนกลับเข้ามาเที่ยวด้อมมองดูตามเมือง พวกสามเณรในวัดส่วนเห็นรู้จักแล้วหนีไปอยู่ทุ่งฝาแม่ เงี้ยวรู้ให้นักโทษไปติด ตามก็ไม่พบพระยาฤทธานนท์ หนีเลยไปถึงบ้านห้องกาศแลขออาหารชาวบ้านรับประทาน ชาวบ้านจับส่งพวกเงี้ยวนั้นถึงบ้านห้องกวางเคา


๔๔ พระยาราชฤทธานนท์ก็ไม่ยอมว่าให้เอาหัวไป พวกเงี้ยวจึงฆ่าตัดหัวทิ้งไว้ที่ห้องกวางค่าจ้างกับเลยมนิงไปสืบข่าวตามพวกพกามองชังจาสืบได้ความว่า ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ได้มีหนังสือ ๓๙๓๕ (ถึง) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๖๐๒ (นครลำปาง) ใจความว่า ๑๒๒๐ (ที่) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๑(แพร่) ได้คิดการสำเร็จตั้งแต่วันที่ ๒๕ แล้ว ๔๒๒๐ (ที่) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ทำยังไรถ้าคิดไม่ตลอดให้มีหนังสือตอบมา จะยกไปช่วยและในเวลาวันนี้เวลาบ่ายประมาณ ๑ โมง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ใช้ให้ ๖๕๒๐ (พระ) ๒๘๖๐ (ไชย) ๑๐๙๗๕ (สงคราม) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๕ (สงคราม) มาตามตัวไปที่คุ้มข้าหลวง ครั้นข้าพเจ้า ไปถึงแล้วแลเห็นเงี้ยวกับ ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๕๔๗๔ (ประชุม) กันอยู่ประมาณ ๕๐ เศษ พวกเงี้ยวมีอาวุธครบมือกันกับเห็นขันเงินเงี้ยวโตประ มาณ ๓ กำ ตั้งอยู่ที่กลางประชุมพอข้าพเจ้านั่งลง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ก็บอกให้ข้าพเจ้า ๓๒๑ (กิน) ๕๐๓๗ (น้ำ) ๑๐๖๐๓ (สัตยา) ๓๘๓๘ (นุ) ๑๐๖๐๒ (สัตย์) ข้าพเจ้าตอบว่าจะให้กินด้วยเหตุใด ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ๙๗๓๖ (ว่า) จะได้ช่วยกันคิดการ ข้าพเจ้าจะให้ช่วยอย่างไร มีแต่ตัวคนเดียว นอกนั้นก็มีแต่เงี้ยวแลขมุลูกจ้างทั้งสิ้น ไม่มีลูกน้องเหมือนพวก ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ว่าถึงนั้นก็ต้อง ๓๒๑ (กิน) ๑๕๔ (จะ) ๓๓๑๕ (ได้) เป็นพวกเดียวกัน ข้าพเจ้าตอบว่าก็เป็นพวกเดียวกันแล้วจะต้อง ๓๒๑ (กิน) ๔๔๘๑ (ทำไม)


๔๕ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ว่าอย่างไรก็ต้อง ๓๒๑ (กิน) ๑๑๖๔๕ (ให้) ๓๓๑๕ (ได้) ข้าพเจ้าแลดูเห็น ๆ เงี้ยวถือดาบนั่งคุมเชิงอยู่รอบข้างมีความกลัวเป็นที่สุด ข้าพเจ้าจับจอกทำอุบายขอดก้นขัน แล้ว ๘๒๒๓ (ยก) ๘๐๘ (ขึ้น) ๒๐๔๖ (ดื่ม) แต่จอกเปล่า ๆ แล้วเอาสัญญาที่เขา ทำกันไว้ ๗๔๕๕ (มา) ๑๑๖๔๕(ให้) ๙๓๓๓ (ลง) ๒๘๘ (ชื่อ) เป็นพยานชานเจ้า ๗๙๒๙ (ไม่) ๙๓๓๓ (ลง) ๒๕๘๘ (ชื่อ) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ไม่ยอมข้าพเจ้าต้อง ๙๓๓๓ (ลง) ๕๘๘ (ชื่อ) แต่ แกล้งเขียนให้เพี้ยนจากลายมือตนแล้ว ๒๒๒๙ (เจ้า ) ๖๘๙๐ (แพร่) ว่าต้องเอา ๓๕๐๐ (ตรา) ๗๔๕๕ (มา) ๕๕๐๓ (ประทับ) ข้าพเจ้า ว่าข้าพเจ้าป่วยเป็นไข้ใครอยากประทับก็ตามใจ ใครเถิดแล ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ใช้ให้คนใช้มาเอา ๓๕๐๐ (ตรา) ที่บ้านได้ไปแต่ ๓๕๐๐ (ตรา) เก่าที่ทิ้งไว้ที่ออฟฟิศทำการส่วนข้าพเจ้าก็กลับมาบ้านพวกเขาจัดแจง ๕๕๐๒ (ประทับ) ๓๕๐๐ (ตรา) ๑๖๘ (กัน) ๑๓๑๓๑ (เอง) แล ได้ทราบความว่า ๕๐๓๗ (น้ำ) ๑๐๖๐๓ (สัตยา) ๔๘๓๘ (นุ) ๑๐๖๐๓ (สัตย์) ของเขานั้นได้นิมนต์พระภิกษุชาวเมืองมา ๓๔๕๕ (ตั้ง) ๕๐๓๗(น้ำ) ๔๔๗๑ (ทำ) ๖๖๖๕ (พิธี) คล้าย ๘๔๖๔ (รับพระ ราชทาน) ๖๕๕๕ (น้ำสัตยานุสัตย์) ในวันที่พวกเงี้ยวจับเอาตัวหลวงศรีพิไนย ๑ พระเสนามาตย์ ๑ รวม ๒เอาตัวไปตัดหัวที่ประตูมานแลในวันนี้ เมื่อเวลาเช้าประมาณ ๒ โมง ๖๕๒๐ (พระ) ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔


๔๖ (สงคราม) ไปที่บ้านข้าพเจ้าแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า เมื่อที่ ๒๔ กรกฎาคม เวลากลางคืนประมาณ ๓ ทุ่มเศษ พวกเงี้ยวมีหนังสือมาบอก ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๗๙๐ (แพร่) ๙๗๓๐ (ว่า) ถ้าในกลางคืนวันนี้ไม่ทันยกก็จะยกเข้าปล้นเวลาเช้ามืด เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พวกราษฎรชาวบ้านช่อแฮได้จับ เอาหลวงวิมณเอามาส่งให้เงี้ยว ถามว่ามึงทำไมขึ้นมาจัดราชการให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน หลวงวิมณตอบว่าข้าไม่ได้ทำโดยอำนาจของข้า ๆ ทำโดยอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหาทำนอกจากข้อบังคับไม่ หลวงวิมณว่าไหนจะฆ่าก็เอาข้าวมาให้กิน ที่มัดหลวงวิมณไว้นั้นที่หน้าว่าการห่างจากบ้านข้าพเจ้าประมาณเส้นเศษ ข้าพเจ้าเอากล้องส่องดูเห็นเปิบอาหารคำโต ๆ กินข้าวแล้วขอสูบยาบุหรี่ สูบเข้าสักครึ่งมวนพวกเงี้ยวก็ตามตัวไปตัดหัวที่ประตูมาน แลในวันนั้ข้าพเจ้าได้ให้คนใช้ไปบอกประกามองว่าจะมาดูทรัพย์สมบัติที่เมืองนครลำปาง ด้วยความหวังใจว่าจะล่อง นำเอาเนื้อความลงไปกราบทูลเสนาบดี กรุงเทพฯ ทรงทราบแต่แกล้งบอก ว่าจะไปเมืองนครลำปางประกามองให้คนไปบอก ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ว่าให้ไปไม่ได้ แล้วประกามอง ใช้ Headman ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ใช้ให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๕๑๙๒ (บุรี) มาห้ามไม่ให้ไป แต่ข้าพเจ้าสืบได้ความต่อไป ๙๗๓๖ (ว่า) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๙๗๓๖ (ว่า) อ้ายคนนี้ให้มัน ไปไม่ได้ ถ้ามันไปมันคงไปฟ้อง ถ้ามันจะไปแท้ต้องกำจัดเสียวันที่ ๒๙


๔๗ กรกฎาคม ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ให้คนใช้มาตามตัวที่คุ้มหลวง ที่เจ้าพนักงานป่าไม้เมืองแพร่ ๑ ห้างกัปตัน Guldberg (กุลเบิก) คน ๑ หมอ Mistionary (มิชชันนารี) คนประกูบกันอยู่ที่คุณหลวงจะร่างหนังสือมาส่งให้ดู มีใจความว่าเจ้าพนักงานป่าไม้แลห้างกัปตัน Guldberg แลห้าง Bombay (บอมเบ) Burmah (เบอร์ม่า) หมออเมริกัน ห้างกิมเซ่งหลีพร้อมกันขอเชิญท่าน Mr.Beckett (มิสเตอเบเกต) Consul (กงซุล) อังกฤษเมืองเชียงใหม่มายังเมืองแพร่ด้วย พระยาราชฤทธานนท์ขึ้นมาจัดราชการ ทำให้ราษฎรเดือดร้อนแล้วยกกำลังรบกวน ด้วยเงี้ยวบ่อแก้วมีความเจ็บใจจึงได้ช่วยกันกำจัดข้าหลวงเสีย เพื่อให้ราษฎรได้ความสุขเพราะฉะนั้นจึงขอเชิญ Mr.Beckettมาเพื่อว่ากองทัพไทยยกขึ้นมาได้ห้ามปรามไม่ไปรบกวนกับบ้านเมืองให้ราษฎรเดือดร้อน จะให้ข้าพเจ้าลงชื่อข้าพเจ้าบอกป่วยว่าเป็นไข้จะนั่งอยู่ไม่ได้จะต้องไปนอน ต่อมาข้าพเจ้าก็หาได้ลงชื่อไม่ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม คนถือหนังสือตอบ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) มาให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) เวลา เมื่อเปิดหนังสือ๒๒๔๐(เจ้านาย)แลเงี้ยวเข้าไปประชุมฟังหนังสือ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) กัน นายคุมหลวงข้าพเจ้าให้ชาเลมานิ่ง แลชั่งจะไปเที่ยวสืบแลเข้าไปฟังอ่านหนังสือได้ความว่าทั้ง๒คนต้องคำกัน ๙๗๓๖ (ว่า) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๖๑๒ (นครลำปาง) นัดให้ยกไปให้ถึง นครลำปางในวันที่๒สิงหาคม แลในวันนี้ข้าพเจ้าใช้ไปให้ชาเลนำไปบอก


๔๘ แก่ประกามองว่าประกามองจะยกไป ๔๖๑๒ (นครลำปาง) ฉันก็จะต้องไป ๔๖๑๒ (นครลำปาง) เพราะทรัพย์สมบัติของฉันอยู่เมืองนครลำปางมากมากจะต้องไปรักษา วันที่ ๑ สิงหาคม ประกามองคุมพวกเงี้ยวและคนชาดชาวเมืองประมาณ ๒๐๐ เศษ ล่องไปตีเมืองนครลำปาง ๙๒๙๗ (แล) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) เกณฑ์คนแลเสบียงเพิ่มเติมให้ประกามอง ๑๑๑๒๒ (ส่วน) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๑ (แพร่) นั้น ข้างบน Phetmaen ได้เป็นผู้ตรวจตราดูแลแทนประกามอง วันที่ ๒ สิงหาคม จองเชิญมาแจ้งความแก่ข้าพเจ้าว่าเมื่อก่อนหน้านี้ ๒ - ๓ วัน จองเชิญเป็นหัวหน้าพวกเงี้ยว แลชาวเมือง ออกไปเที่ยวสืบเสาะพวกในแขวงเมืองส่งกลับเข้ามาแจ้งความ กับ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ว่าไม่พบ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) บังคับให้กลับไปเที่ยวสืบเสาะติดตามเอาตัวมาฆ่าเสียให้ได้ จะปล่อยให้มันไปทำไม คนใช้ออกไปอีกจับได้ตัวนายจันในแขวงได้แล้วฆ่าเสีย วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๒๗๘๗ (ใช้ให้) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๒๓๐ (กับ) ๖๕๒๐ พระ ๒๗๖๒ (ไชย) ๑๐๙๗๔ (สงคราม) ขี่ม้าไปห้ามเงี้ยวที่ตั้งอยู่ที่เขาพลึงให้ยกล่องเลยพักเขาพลึงมาเป็นอันขาด วันที่ ๔ สิงหาคม ข้าพเจ้าได้จับช้างแลพาหนะบ่าว ไพร่บอกว่าจะรีบยกไปรักษาทรัพย์สมบัติเมืองนครลำปาง เดินทางตั้งหน้าจะ ไปเมืองนครลำปาง ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดรู้ว่าข้าพเจ้าจะล่วงมาถึงเมืองสวรรคโลกสักคน ครั้นเดินมาทางที่จะไปเมืองนครลำปางเลยแวะเข้าไปทางเมืองลอง


๔๙ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ถึงเมืองลองลงมาตามลำน้ำทราบความจากชาวบ้านเล่ากันว่ากะเหรี่ยงที่ต้องโทษจำคุกอยู่ที่เมืองนครลำปางมีกำหนด ๒๐ ปีนั้นกลับมาบ้านได้คนหนึ่ง เมื่อการเป็นดังนี้ข้าพเจ้าไม่มีความหวังใจว่าเมือง นครลำปางเห็นจะแตกพวกเงี้ยวแล้วจะพังคุกคนโทษจึงกลับมาบ้านแล้วข้าพเจ้าได้เลยล่องลงมาเมืองสวรรคโลก เวลาเกิดวุ่นวายข้าพเจ้าอยู่ในเมืองแพร่นั้น ข้าพเจ้าเห็นเงี้ยวขึ้นเก็บเอาสิ่งของข้าราชการแลพวกชาวเมืองก็พากันเก็บทรัพย์สิ่งของของข้าราชการเหมือนกัน แลแสดงความชื่นชมยินดีตามที่เงี้ยว ตีเมืองแตกแทบทุกทั่วหน้า แลวั่นว่าวุ่นวายนั้น ๖๕๓๐ ( ) ๗๙๐๑ ( ) ๒๓๑๙ ( ) ได้มาพบ ข้าพเจ้าแล้วพูดว่า นายพุ่มต้องเข้ากับเขาดูอาการกิริยามีความชื่นชมแล รื่นเริงมากแล้วได้ทราบความว่าเงี้ยวอยู่ที่เมืองแพร่ ๕๐ เศษ แล้วมาตั้งอยู่ ที่เขาพลึง ๕๐ เศษตามที่ข้าพเจ้าทราบความต่าง ๆ รอมา เพราะตั้งใจสืบ เพื่อประโยชน์ทางราชการ อนึ่ง จนสู้ตนอยู่จนได้ความตลอด ถ้าจะเล็ดรอดมาในวันวุ่นวาย ก็อาจมาได้โดยง่าย เพราะเงี้ยวกำลังประชุมกันอยู่ในเมืองแพร่ยังหาได้ยกไปสกัดตามทางไม่ เรื่องนี้พระยาวิชิตรได้บอกมาแล้ว เกล้าฯ เกรงว่าจะช้า จึงได้โทรเลขมา. สุรศักดิ์.

-7-

๕๐ ที่ ๑๗ กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ ได้ส่งหนังสือพวกเงี้ยวหนึ่งฉบับคนต่างประเทศในเมืองแพร่หนึ่งฉบับ รวม ๒ ฉบับ ซึ่งมีถึงมิสเตอร์ไลยเมืองน่านมาถวายดังต่อไปนี้ หนังสือมิสเตอร์ฟิงเคอร ทอมมัส เมเวิด ยื่นต่อมิสเตอร์ไลย ดังต่อไปนี้ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๑๒๐ แจ้งความมายังท่านนายกงซุลมิสเตอร์ไลย นครน่านทราบ ข้อ ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ศกนี้ เวลาเช้า ๑ โมง เงี้ยวพม่าต้องสู้ได้มาเมืองแพร่แลข้าหลวงกรมการไทยเป็นอันตรายเสียแล้วหลายคนแลหลบตัวหนีรอดไปก็มีบ้าง แต่เจ้าหลวงนครเมืองแพร่แลนายกรมการราษฎรแลห้างกิมเซ่งหลีเจ้าพนักงานป่าไม้แลพ่อเลี้ยงหมอแลห้างเอเซียติก ห้างบอมเบไม่เป็นอันตรายสักคน ข้อ ๒ ด้วยวันที่พวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่าไปเชิญเรามาประชุมกันแลได้อธิบายเหตุการณ์ที่เป็นแล้วไปนั้นในรายเงี้ยวต้องสู้ พม่าด้วย เดิมเหตุเกิดขึ้นที่บ้านบ่อแก้ว กำลังเมืองนครลำปางได้ แต่งให้ทหารประมาณ ๕๐ คน กับพวกชาวเมืองประมาณ ๒๐๐ จะไปจับพวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่า ที่บ้านบ่อแก้ว เพราะฉะนั้นพวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่า จึงได้พร้อมกันรบพวกทหารเมืองลำปางป้องกันชีวิตพวกทหารก็แตกหนีไป ข้อ ๓ พวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่า จึงได้ไว้ที่เข้ามานครเมืองแพร่ เหตุได้ตระเตรียมพวกทหารไว้จะยกไปตีพวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่า เหมือนเช่นกับเมืองนครลำปางเหตุฉะนั้นต้องสู้พม่า จึ่งได้พร้อมใจกันยกเข้ามาตีพวกข้าหลวงแลกรมการไทยเมืองแพร่ข้อ ๔ บัดนี้ก็เป็นที่สงบไปบ้างแล้ว


๕๑ แลนายร้อยพวกเงี้ยวทั้งหลายได้มีประกาศพวกราษฎรไม่ให้มีความเกรง กลัวให้พากันทำไร่นาไปตามสะดวก ข้อ ๕ บัดนี้นายร้อยทั้งหลายเกรงพวกไทยจะขึ้นมารบบ้านเมืองและจะเป็นอันตรายไปต่าง ๆ เขามีความร้อนใจอยากจะให้เป็นที่แล้ว ไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นต่อไป แต่กลัวว่าฝ่ายไทยจะไม่ยอม ข้อ ๖ เพราะฉะนั้นนายร้อยทั้งหลายก็เชิญไปเมืองแพร่ช่วยชี้ แจงให้ตกลงกันกับพวกไทยให้เป็นไปได้แล้ว ก็จะมีความยินดีเป็นอันมาก ข้อ ๗ ในเวลานี้พวกเงี้ยว ต้องสู้ พม่า ประชุมกันอยู่ในเมืองแพร่ประมาณ ๔๐๐ คนเศษ กับพวกที่จะขึ้นมาเขาว่าต่อสู้เอาเป็นแน่ ถ้าแม้ว่านาย กงซุลจะรีบลงไปนายร้อยทั้งหลายว่าจะฟังกับกงซุลการจะขอให้ท่านช่วย ชี้แจงให้เป็นที่ตกลงกบพวกไทย จะมิให้เป็นการเดือดร้อนกับการเมืองแลราษฎรต่อไป จะยอมฟังดังบังคับของท่านทุกอย่าง หนังสือทางต้นนี้เขียนเป็นภาษาลาวพวกพลเมืองได้กระทำโดยความเต็มใจแลขออนุญาตของพวกข้าพเจ้า รับพวกข้าพเจ้าหาได้รับความรบกวนได้เซ็นเฟนเยอร์ ทอมแมศเมดเวด หนังสือมองจินนาเฮดเมน เงี้ยวยื่นต่อมิสเตอร์ไลย คอนซุลดังต่อไปนี้ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ ข้าพเจ้ามองจินนาเฮดเมนเมืองแพร่ เรียนท่านมิสเตอร์ไลย ผู้ช่วยของกงซุลอังกฤษนครเมืองน่านทราบ ๑. ด้วยข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนบังคับอังกฤษทั้งหลายอยู่ในเมืองแพร่มีความเดือดร้อนเป็นอันมาก ๒. ตั้งแต่คนไทยมาเป็นข้าหลวงจัดราชการในเมืองแพร่ต้องห้ามไม่ให้คนในบังคับปลูกเรือนอยู่ ห้ามไม่ให้


๕๒ ซื้อขายจำนำ ที่เรือนคนบังคับอยู่ ๓. ห้ามไม่ให้คนบังคับเบิกนาทำไร่ทำสวน ห้ามไม่ให้ซื้อขายจำนำคนในบังคับปลูกเรือนอยู่ ถ้าไม่ซื้อขายจำนำที่เรือนคนบังคับห้ามไม่ให้คนบังคับเบิกนาทำไร่ทำสวน ห้ามไม่ให้ซื้อขายจำนำจ่ายที่ไร่ที่นาที่สวนเป็นอันขาดที่อยู่คนบังคับไปค้าขายเกนไปขอหนังสือเดินทางต้องให้คนลาวเมืองแพร่ไปรับประกัน เมื่อครั้นไปหาคนลาดคนลาวมารับตัวประกันตัวลาวกลับว่าสู้เป็นคนในบังคับไลยไม่ได้ ครั้นมา คนในบังคับเหมือนอันรับตัวพวกข้าหลวงที่ออกหนังสือเดินทางนั้น กลับว่าคนบังคับเหมือนกันรับตัวออกหนังสือยังไม่ได้ ถ้าคนในบังคับไปขอไม้ขอนสัก มาสร้างวัดฮิโต เงี้ยวพม่าต้องสู้ข้าหลวงว่าไม่ให้ ถ้าสู้สร้างวัดฮิโต ไทยหิตโต ลาวอยู่จะฮิ ๖. มาเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ นี้ พวกข้าหลวงเมืองละครยกเอาพวกตำรวจกับพวกคนลาวเมืองลำปางประมาณ ๒๐๐ เศษ ถือสาสตราอาวุธครบมือกัน กับโซ่ตรวนกุญแจฆ้อนเหล็กประมาณ ๒ หลังหน้าค่ายไปรับเหตุ แมนชะลอปูไชยบ่อแก้วเมืองลองว่าถ้าเป็นเงี้ยวพม่าต้องสู้จะฆ่าให้หมด ๗. เหตุแมนชะลอปูไชยมีคนประมาณ ๔๐ คนเศษออกสู้ข้าหลวงเมืองละครก็แตกตื่นหนีไป ๘. เหตุแมนชะลอปูไชยพกามอง จองแทนเขารู้ข่าวว่าข้าหลวงแพร่จะยกเอาพวกตำรวจลง ไปรับตั้งแต่บ้านวาพึงสุเมน ท่าล่อตลอดถึงบ่อแก้ว ๙. ครั้นเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เวลาเช้า ๑ โมง พวกเงี้ยว พม่า ต้องสู้ บ้านสุเมนท่าล่อมาถึงบ่อแก้วพร้อมกันขึ้นมารบพวกตำรวจ ถ้าพวกไทย


๕๓ ข้าหลวงจัดราชการในเมืองแพร่ เขาก็ตายบ้าง หนีบ้าง ๑๐. พวกห้าง ทั้งหลายกับเจ้าพนักงานเจ้านายเมืองแพร่ พวกจีนกับลูกค้าราษฎรทั้งหลาย เขาก็ไม่ได้ทำอันตราย ๑๑. ข้าหลวงเมืองแพร่เป็นข่าวเจ้านายทั้งหลายกับพวกเงี้ยวต้องสู้ในเมืองแพร่กับพวกในบ่อแก้ว เพราะด้วยบนเป็นฝ่ายจีนพระยาคงคาจีนมาปรึกษาตกลงได้กันฮื้อเป็นคำเดียวกันไม่ฮื้อฝ่ายเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้คิดอ่านทำอันตรายต่อกันได้ ทำหนังสือปิดได้ต่อกันทั้งสองฝ่ายสองใจความเหมือนกัน หนังสือฉบับนี้ทำเป็นสี่ฉบับ เจ้าหลวงเมืองแพร่ถือไว้ฉบับ ๑ พกามองถือไว้ฉบับหนึ่ง ความเรื่องนี้ควรประการใดจะ ดีขอบุญบารมีท่านกงสุลเป็นที่ยิ่งที่สุด ท่านได้ทราบความเรื่องนี้ตลอดโปรด ชี้แจงมาให้ข้าพเจ้าโดยเร็ว ควรมิควรแต่จะโปรด มองจินนาเฮดแมนหนังสือฉบับนี้ มิสเตอร์ไลยได้รับจากเจ้าอุปราชเมืองน่าน วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๑ เวลาบ่าย ๕ โมง. สุรศักดิ์.

ที่ ๗๗ กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ เกล้าฯ ได้มีโทรเลขถึงพระยาบรมว่า ๘๕๖๓ (ราชบุตร์) ๖๘๙๖ (แพร่) เป็นคนมีความผิดข้อหนึ่ง ๕๗๙๔ (เป็น) ๔๗๕๑ (นายร้อยเอก) ตำรวจภูธรเป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเวลา ๔๗๔๙ (นายร้อยตรี) ๓๕๔๑ (ตาด) ไปแจ้งความว่าพบพวกเงี้ยวอยู่กลางทุ่งนาประมาณสี่สิบเห็นผิดสังเกต


๕๔ เกรงจะเป็นคนร้าย ๘๕๖๓ (ราชบุตร์) ๔๑๙๐ (ทราบ ) แล้วได้มาบอก พระยาไชยบูรณ์ ไม่พบ ไชยบูรณ์ สั่งคนไว้แล้วกลับไป ไม่ได้ตระเตรียมการต่อสู้ตามหน้าที่ของตนมีเงี้ยวประมาณสี่สิบคนเข้ามาตีแพร่ ถ้า ๓๕๖๓ (ราชบุตร์) เห็นแก่ราชการเตรียมตำรวจที่อยู่ในบังคับออกต่อสู้ก็พอ จะต้านทานกับเงี้ยวได้ การนี้ก็ไม่ทำ ข้อสอง ๘๕๖๓ (ราชบุตร์) เป็นผู้ออกไปเกณฑ์กำลังหนุนพวกเงี้ยวที่อยู่เขาพลึง แลส่งกระสุนดินดำเสบียง ให้แก่เงี้ยวด้วยกับมีความผิดอย่างอื่นอีกหลายประการ ๖๗๒๖ (พี่) ก็มีความ ๑๐๙๗๗ (สงสาร) กับ ๘๕๖๓ (ราชบุตร์) แล ๑๒๒๘ (คิดถึง) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๔๗๒๕ (น่าน) ๒๘๕๖ (ซึ่ง) ได้เป็น ๑๓๔๐ (คน) ๘๔๔๐ (รัก) ๑๕๒๕ (ใคร่) ๒๐๙ (กัน) มานานปี จึงบอกเหตุมาให้ทราบขอให้พระยาบรม ๕๓๓ (กองทัพ) ๒๓๐ (กับ) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๔๗๒๕ (น่าน) ๙๗๓๖ (ว่า) ๖๗๒๖ (พี่) มีความเสียใจ ๓๒๗๖ (ด้วย) เป็นอันมาก ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๕๒๔ (ก็) ๕๗๘(เกี่ยว) ๕๗๙๔ (เป็น) ๕๒๐๘ (บุตร์) ๙๖๙ (ของ) ๔๑๗๑ (ท่าน) ถึงยังไรก็ดีพี่ก็เข้าใจว่าจิตใจ ๙๖๙ (ของ) ๘๕๖๓ (ราชบุตร์) ผิดกับ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๔๗๒๕ (น่าน) มากด้วยเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ๑๑๑๒ (ครั้น) พี่จะ ๗๐๗๒ (เพิกเฉย) ๑๑๑๔๗ (เสีย) ๗๙๒๙(ไม่) ๙๓๓๕ (ลงโทษ) ๕๒๔ (ก็) ๔๒๖ (เกรง) จะไม่เป็น ๘๕๕๔ (ราชการ) ขอให้พระยาบรมชี้แจง ๔๔๓ (แก่)


๕๕ ๔๒๗๑ (ท่าน) ๔๑๙๐ (ทราบ) ด้วย ถ้าอย่างไรให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๔๗๒๕ (น่าน) โทรเลขถึงพี่ ให้พี่ ๒๘๐๑ (ชำระ) ไปตามทาง ๘๕๕๔ (ราชการ) เพราะไม่เป็นส่วน ๓๗๙๒ (ตัว) เห็นแก่ ๘๕๕๔ (ราชการ) ก็จะมี ๒๕๘๘ (ชื่อ) เสียงในตัว ๙๖๙ (ของ) ๔๑๗๑ (ท่าน) ๓๒๗๖ (ด้วย) เพราะเป็นคนเห็นแก่ราชการแผ่นดินด้วยเวลานี้การที่จะ ๒๘๐๑ (ชำระ) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๔๖๔๖ (นั้น) พี่ ยังสงบอยู่ เพราะยัง ๑๑๓๓๗ (หา) ๔๑๕๑ (ทาง) ที่จะ ๕๙๐๓ (ป้องกัน) ๒๕๘๘ (ชื่อ) ๑๑๑๗๖ (เสียง) ๙๖๙ (ของ) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๔๕๙๗ (นคร) ๔๗๒๕(น่าน) ไม่ให้ ๑๑๑๔๗ (เสีย) จึงได้แนะนำ มาให้พระยาบรม ๒๕๘๒ (ชี้แจง) ๑๑๖๔๕ (ให้) ๔๑๗๑ (ท่าน) ทราบเพื่อที่ ๔๑๗๑ (ท่าน) จะได้เห็นตาม ๑๑๘๘ (ความคิด) ๙๖๙ (ของ) ๖๗๒๖ (พี่) ๕๗๙๔ (เป็น) ๔๑๕๑ (ทาง) ไปรเวตมีความ ดังนี้ ครั้นเวลานี้เกล้าฯ ได้รับโทรเลขเจ้าสุริยพงษ์ ว่าข้าพเจ้ามีความยินดี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ท่านเจ้าคุณขึ้นมาปราบโจรผู้ร้ายเงี้ยว ที่ทำอันตรายข้าหลวงแลข้าราชการแลของหลวงเสียหมด ข้าพเจ้าหวังใจว่าโจรผู้ร้ายซึ่งทำอันตรายแก่บ้านเมืองแลราษฎรให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เนือง ๆ คงเรียบร้อยได้ในคราวนี้ แต่ขอเรียนถึงการที่เกี่ยวด้วยพระยาราชบุตรเมืองแพร่ถึงเป็นบุตรข้าพเจ้าก็จริง แต่ถ้าไม่รักษาการตามหน้าที่ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศก็ตามแต่การ ขอท่านเจ้าคุณได้เชื่อ มันว่า


๕๖ เจ้าคุณได้จัดกระทำไปแต่ที่ชอบด้วยราชการเถิด ข้าพเจ้าจะมีความขอบ พระเดชพระคุณเป็นที่สุดมีความดังนี้. สุรศักดิ์.

ที่ ๗๙ กราบทูลกรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ โทรเลขที่ ๗๕ เรื่องบ่อแก้วเกล้าฯได้ทราบแล้ว เกล้าฯ มีความคิดดังพระดำริ เกล้าฯ จะจัดการรักษาการตามรับสั่งต่อไป. สุรศักดิ์.

ที่ ๔๓ กราบทูลกรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ ได้รับหนังสือมิสเตอร์เมดเวิท พนักงานป่าไม้ส่งสำเนาที่ได้มีไปถึงมิสเตอร์ต๊อดเตนแฮม กรุงเทพฯ ได้ส่งมากราบทูลดังนี้ ต่อไปนี้ No. 71/3 C. from C.M. Medworth ,Esquire, forest officer Muang Phrae to W.F.K. To ttenham, Esquire, conservator of forest. Siam, dated Muang Phrae the 28 th August 1920: Sir, The accompa- nying is a short account of the Shan rising in Phrae and is con- fined to such statements as I can vouch for and trust. This will be held in view when comment is made on the meagreness of detail.


๕๗ I have the honor to be Sir, your most obedient servant C.M. Medworth forest officer. no. 73/3 C.Copy of report forwarded to H.E. Chow Phya Surasak for information and guidance C.M. Medworth, forest officer. On return from work in section and marking of girdled teak trees southern bank of me at 4.30 P.M. on the 25th July, a note was handed me from my clerk. Moung Chit Moung as follows: I respectfully beg report you that robbers about 200 men came round in the government treasury, about 20 in police station, 15 in commissioner's house, all fled people from Phrae have run away. Police station and postal department were looted by robbers. Our Dwewan , Dedasingh, who had been near the treasury this morning, robbers drove him by shouting. Some robbers along the road inform him that they will come round to Messrs, the Bombay Burmah Trading Corporation Limited affer having collected money from treasury and this matter was reported by Dwewan. I thought this of quite serious enough nature to call for immediate return to Muang Phrae to look after government building and further that as you. Mr. Ryan and self being very close to Messrs. the Bombay Burmah Trading Corporation Limited might check any inclination on the part of the decoils to visit in that direction. So after sending a note on to Messrs, East Asiatic. -8-

๕๘ I rode straight on into preintering the city through Pratu Chai and down the street to Phya Rachwangs cornor, then turning down the looted and deserted police station and post office. The Kow Sanam Luang was occupied by about 200 Shans. Everything was quiet on entering the city, but hands of 8-12 armed Shans were parading the streets, some few were the worst for liquor but their good men in no way made them solemn objectionable to us, allowing us to ride freely along. Messrs. Thompson and Sjern came in the same evening at about 8 P.M., reports of the disturbance having reached them the same evening. On the afternoon on the 26th Messrs, Sjern, Thompson, Ryan and self went for a ride through the city passing right through the Pratu Chai, things were in the same state as last evening but all street lamps were now broken. On our return we stopped at the post office and rummaged though the debris and found a few letters addressed to different Europeans and from which we carefully collected. All through the day different reports were being brought in as to different Siamese officials who had been caught and killed but being information with the dif- ferent small officials only I was unable to identify them. On the 28th we again rode into the city and had another look through the post office debris and called on the chief where a consultation of Shans will chief was going on. The chief adjourned us short time


๕๙ after our arrival when some order for ponies was given. The Shans having decided that a party should at once proceed and occupy the pass on the Phrae Ta Itt road with the object of preventing any assistance arriving from the quarter. On the 28th Mr. Fenger arrived from Muang Song and on the 29th he and Doctor Thomas went round to the Chief. There was some talk of the Shans wanting all Europeans to be present at a meetting to advise them what to do. At a meeting of all Europeans at Doctor Thomas, it was decided that we would take on further notice of this, un- less an expressed invitation was again made and at the same time we all decided to move down and live at Messrs , the Bombay Burmah Trading Corporation Limited, which we did on the evening of the same day. I at the same time removed all Government records etc. together with most of our private property, Messrs, the East Asiatic Company Limited bringing all their money and I believe most of their important records. No thoughts of defensive work was considered. On the moring of the 30th a note was recieved from the Chief asking us to be present at a meeting of Shans to be held at his place. Messrs, Thomas, Fenger, Sjern, and self were present, when the cause of the rising was explained ; viz ; the constant oppression by the Siamese officials i.e. 1. the unability of British subjects owning landed property 2. not being able to

๖๐ travel without passports which first on one plea and then on another was always refused them 3. they, like the people of the country, could never receive an application to commissioner free grants of teak for the building of wats and the like. This I immediately pointed out was hardly true and that applications were at all time received by the forest officer of the districts, for consideration, that the police at Ban Bor Kee in Muang Long, Lacon, on or about the 30th July arrived there with the object of effecting the arrest of some bad characters but without any demand being made for their deliverance, they fired on the crowd in self-defence returned the fire on which the police broke and fled. They never- heless failed to explain how they were in one day ready prepared to resist, as they had heard that the Phrae authorities were prepared to help Lacon. They thought it best to march on Phrae. A letter was then written to Mr. Lyle H.B.M. Consul Muang Harn asking him to come down to a meeting and that they would abide by his decision. This letter was written by Mr. Fenger's dictation and we all appened our signatures, they had already written a letter very similar to be Consul on the 28th. On the 31st Messrs, Kellett and Huffman arrived from Lacon reporting that the place was in a state of defense, and on the 1st August Mr. Huffman with Mrs. Thomas for Lacon with my elephants.

๖๑ The same day about 12 o'clock 200 Shans left for Lacon with Pakamong as leader to attack that city. On the 5th Mr. Lyle arrived from Muang Harn and Mr. Filly on the 7th on the 8th Mr. Fenger and Sjern left for Tha Itt with letters from Mr. Lyle calling upon the Shans to desist from hostilities and asking the Siamese officials not to advance with any ramble but await regular troops. On the 13th about 1000 Siamese villagers and 11 police under the commissioner of Sukothai camped about 6 miles outside of Phrae at Ban Hat on the Prae Tha Itt road. Mr.Lyle rode out and asked him not to come into the city, as with these very irregular forces as scuffle would surely arrise as some 300 Shans were only a short distance away the north of the city. Great excitement prevailed in the city and the common people were leaving in great numbers and all the principal Chows' Families turned up at the compounds asking for protection even wanting the old Chief himself to come and stay with them and were only finally pacified and sent back by means of a promise that we would allow them to come and stay there should there be any fighting. On the next morning Messrs, Lyle, Thomas, Filly and self rode out to Ban Kat and again requested the Sukothai commissioner to remain there till Lieut . Coll Schau should arrive as he was expected daily, Coll Schau arrived on the evening of the 16th and brought


๖๒ all the people in and on the 20th Chow Phya Surasak arrived with 200 soldiers with full authority both in military civil capacity. Nai Boontham Nai Jeck three Siamese post masters and a cooly whom I kept in the house for protection were disguised and sent up to Me Tang the night of the 27th with a guide who knew the way for the loan of whom our thanks are due to Messrs. East AsiaticCompany Ltd. and from then crossed over the Nan watershed thence down the Me Nau to Tha Itt and since from there to Bangkok after consulting with Mr. Lyle and the authorities. Mr. Ryan left on the 25 for Me Kem. C.M. Medworth officer Muang Phrae. Surasak.

คำแปล ที่ ๔๓ กราบทูล กรมหลวงดำรง ฯ กรุงเทพ ฯ ได้รับหนังสือมิสเตอร์เมดเวิท พนักงานป่าไม้ส่งสำเนาที่ได้มีไปถึงมิสเตอร์ต๊อดเตนแฮม กรุงเทพฯ ได้ส่งมากราบทูล ดังต่อไปนี้ หมายเลข ๑๗/๓ ค. จากมิสเตอร์ซี.เอ็ม. เมดเวิด พนักงาน ป่าไม้เมืองแพร่ถึงมิสเตอร์ ดับบลิว.เอฟ.เค.ต๊อดเตนแฮม ผู้รักษาป่าไม้สยาม ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ เมืองแพร่: เรียน, ความ


๖๓ ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวสั้นๆเกี่ยวกับพวกเงี้ยวก่อการร้ายขึ้นในเมืองแพร่ และ และเป็นข้อความที่ข้าพเจ้ารับรองและเชื่อถือได้ ทั้งอาจใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาในกรณีที่ทราบรายละเอียดน้อยไป ขอแสดงความนับถือ ซี.เอ็ม. เมดเวิท, พนักงานป่าไม้. หมายเลข ๗๓/๓ ค. สำเนารายงานส่งมายังเจ้าพระยาสุรศักดิ์อันเป็นข้อแถลงและแนะแนวทางซี.เอ็ม.เมดเวิท, พนักงานป่าไม้ : ตอนขากลับจากทำงานในหน้าที่ผู้ตัดต้นสักและทำเครื่องหมายที่ต้ที่ขีดเป็นวงรอบต้นแล้ว ณ ฝั่งน้ำด้านใต้ของข้าพเจ้า เวลาเย็น ๔.๓๐ น. วันที่ ๒๕ กรกฎาคม เสมียนของข้าพเจ้าชื่อ หม่องจิตหม่อง ได้ยื่นบันทึกฉบับหนึ่ง แก่ข้าพเจ้า มีข้อความต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขอรายงานต่อท่านโดยความเคารพว่า ผู้ร้ายประมาณ ๒๐๐คน ได้เข้าล้อมคลังของหลวง ประมาณ ๒๐ คน เข้าล้อมสถานีตำรวจ ๑๕ คน เข้าล้อมจวนเทศาฯ ชาวเมืองที่หนีจากเมืองแพร่ได้หนีไปหมด สถานีตำรวจและที่ทำการไปรษณีย์ถูกผู้ร้ายปล้น เอาเข้าของไปสิ้น ทวีวันเดดาสิงห์คนของเราซึ่งอยู่ใกล้กับคลังเมื่อตอนเช้าพวกผู้ร้ายก็ตะโกนขับไล่ผู้ร้ายบางคนที่อยู่ตามถนนบอกเขาว่า พวกมันจะมาล้อมบริษัทการค้าบอมเบย์ เบอร์ม่า เมื่อรวบรวมเงินจากคลังหลวงได้หมดแล้ว เรื่องนี้ทวีวันเป็นผู้รายงานมา ข้าพเจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากพอที่จะเรียกตัวท่านให้กลับมาเมืองแพร่โดยด่วน เพื่อดูแลที่ทำการรัฐบาลและต่อจากนั้นก็แล้วแต่ท่านจะจัดการ โดยที่มิสเตอร์ รยาน


๖๔ และข้าพเจ้าสนิมสนมกับทางบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่ย่อมอาจจะทำการสืบสวนถึงภาวการณ์ที่โน้มนำให้พวกเหล่าร้ายหันไปเยือนทางด้านนั้น ดังนั้นภายหลังที่ส่งบันทึกไปถึงบริษัทอีสอาเซียติคข้าพเจ้าก็ขับรถมุ่งตรงไปหน้าเมืองผ่านทางประตูชัย และตรงไปทางถนนตรงหัวมุมพระยาราชวังแล้ว เลี้ยวลงไปทางสถานีตำรวจและที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งถูกปล้นและทิ้งร้าง อยู่ เค้าสนามหลวงมีพวกเงี้ยวอยู่ประมาณ ๒๐๐ คน ทั้งบริเวณดูเงียบตอนที่ข้าพเจ้าเข้าไปในเมือง แต่มีพวกเงี้ยวถืออาวุธครบกลุ่มหนึ่งสัก ๘-๑๒ คนกำลังเดินเป็นขบวนไปตามถนน บางคนนั้นร้ายกาจเพราะฤทธิ์สุรา แต่พวกที่ยังดีก็มิได้ยุยงให้พวกนั้นเข้าขัดขวางเราแต่อย่างใด ยอมให้เราขับรถไปตามสบาย มิสเตอร์ทอม์ปสัน และมิสเตอร์สเจอร์น ได้ เข้ามาในเย็นวันเดียวกันประมาณ ๒๐ น. เพราะได้รับรายงานเหตุร้ายใน ตอนเย็นวันเดียวกัน เมื่อตอนบ่ายวันที่ ๒๖ มิสเตอร์ สเจอร์น มิสเตอร์ทอม์ปสัน มิสเตอร์รยาน และข้าพเจ้า ออกไปขับรถเที่ยวในเมืองและขับ รถผ่านตรงไปทางประตูชัย ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนเย็นวันก่อน แต่โคมไฟทุกดวงตามถนนถูกทำลายแตกหมด ตอนขากลับเราจอดที่ที่ทำการไปรษณีย์ และตรวจค้นดูตามเข้าของที่กระจุยกระจาย และพบจดหมายสองสามฉบับจ่าหน้าถึงชาวยุโรปหลายคน เราจึงรวบรวมเอามาอย่างระมัดระตลอดทั้งวันมีรายงานส่งเข้ามาถึงข้าราชการไทยหลายคนซึ่งถูกจับไปและถูกฆ่าตาย แต่เป็นรายงานที่ส่งถึงข้าราชการ


๖๕ ชั้นผู้น้อยซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจทราบว่าใครเป็นใคร ในวันที่ ๒๘ เราขับรถเข้า ไปในเมืองอีกและเข้าไปสำรวจดูเข้าของกระจุยกระจายในที่ทำการไปรษณีย์และเข้าเยี่ยมหัวหน้า พวกเงี้ยวซึ่งขณะนั้นการประชุมหารือกันพร้อมด้วยหัวหน้ากำลังดำเนินอยู่ หัวหน้าเงี้ยวให้เรารออยู่ครู่หนึ่งเมื่อเรามาถึงจนกว่าจะออกคำสั่งบางอย่างเกี่ยวกับการจัดม้าเสร็จพวกเงี้ยวได้ตัดสินใจให้คนของตนพวกหนึ่งรุดหน้าไปทันทีเพื่อยึดหนทางที่จะไปเมืองแพร่ ถนนท่าอิฐ โดยประสงค์จะป้องกันมิให้ความช่วยเหลือใด ๆ เข้ามาจากย่านนั้น ในวันที่ ๒๘ มิสเตอร์ เฟงเงอร์มาจากเมืองสองได้มาถึง และวันที่ ๒๙ เขากับหมอทอมัส เข้าไปพบหัวหน้าเงี้ยวมีการสนทนาเกี่ยวกับพวกเงี้ยวซึ่ง ต้องการ ให้ชาวยุโรป เข้าร่วมประชุม ด้วยเพื่อจะได้ แนะนำว่าพวกนั้นควรจะทำ อะไรบ้าง ในการประชุมชาวยุโรปทั้งหมด ณ บ้านหมอทอมัส ได้ตกลงกันว่าเราจะไม่เข้าเกี่ยวข้องใด ๆ ในเรื่องนี้จนกว่าจะได้รับบอกกล่าวเชื้อเชิญอีกครั้งหนึ่ง และขณะเดียวกันนั้น เราทั้งหมดตกลงกันว่าจะอพยพอยู่รวมกันที่บริษัทการค้าบอมเบย์เบอร์ม่า ซึ่งเราก็จัดการกันเสร็จในเย็นวันเดียวกันนั้น พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าก็ขนย้ายบรรดาเอกสารของหลวง ฯลฯ รวมทั้งทรัพย์สมบัติส่วนตัวส่วนใหญ่ไปด้วย ส่วนพวกบริษัทอีสอาเซียติค ก็นำเงินทั้งหมดของตนไป ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าคงจะรวมถึงเอกสารสำคัญๆ ส่วนมากด้วย ความคิดที่จะพิจารณาหาทางดำเนินต่อต้านยังมิได้มีขึ้นเลย -9-


๖๖ ในตอนเช้าวันที่ ๓๐ มีบันทึกฉบับหนึ่งจากหัวหน้าเงี้ยวขอร้องให้พวกเราเข้าร่วมประชุมกับพวกตนซึ่งจะประชุมกัน ณ สถานที่ของพวกนั้น มิสเตอร์ ทอมัส มิสเตอร์เฟงเงอร์ มิสเตอร์เจอร์น และข้าพเจ้าจึงไปเข้าร่วม ประชุมด้วย เมื่อได้อธิบายถึงสาเหตุที่ก่อการร้ายจบลง กล่าวคือเกิดจาก การกดขี่ข่มเหงไม่หยุดหย่อนของข้าราชการไทย เช่น ๑. คนในบังคับอังกฤษเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติที่เป็นที่ดินไม่ได้ ๒. การเดินทางไปไหนมาไหนโดยไม่มีหนังสืออนุญาตไม่ได้ ซึ่งต้องยื่นคำร้องเป็นชั้น ๆ และมัก จะถูกปฏิเสธ ๓. ชาวเงี้ยวเช่นเดียวกับชาวเมืองทั่วไปไม่เคยได้รับอนุญาตเมื่อยื่นคำร้องขอตัดไม้ เพื่อสร้างวัดหรือสถานที่ใด ๆ โดยไม่ต้อง เสียค่าธรรมเนียม ในข้อนี้ข้าพเจ้าชี้แจงให้ทราบโดยทันทีว่าไม่เป็นความ จริง และชี้แจงต่อไปว่าพนักงานป่าไม้ประจำตำบลได้รับคำร้องขอมาพิจารณาอยู่ตลอดเวลา และว่าตำรวจที่บ้านบ่อขี้ในเมืองลอง เมืองนครลำปาง เมื่อวันที่หรือประมาณวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ได้มาถึงที่นั้นเพื่อจะจับกุมคนเงี้ยวที่มีนิสัยเป็นพาลบางคนแต่การจับกุมตัวคนเหล่านั้นก็ทำไปโดยไม่เป็นแบบเป็นแผน ตำรวจได้ยิงปืนไปที่กลุ่มคน พวกเหล่านี้จึงยิงตอบแทนไปบ้างเพื่อเป็นการป้องกันตัฝ่ายตำรวจจึงแตกหนีและถอยกลับไป อย่างไรก็ตาม พวกเงี้ยวเหล่านั้นมิได้อธิบายให้ทราบว่าในวันหนึ่ง ๆ พวกตนเตรียมพร้อมที่จะต่อต้านกันอย่างไร ดังที่พวกตนได้ยินมาว่า พวกกรมการเมืองแพร่กำลังเตรียมตัวที่จะช่วยเหลือเมืองนครลำปาง พวกนี้


๖๗ คิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะออกเดินทางมุ่งไปแพร่ ดังนั้นจึงมีจดหมายฉบับหนึ่งไปถึงมิสเตอร์ไลล์ เฮช.บี.เอ็ม. กงสุลเมืองหาญ ขอให้กงสุลลงมาประชุมกันและว่าพวกตนจะซื่อสัตย์ต่อข้อตกลงของกงสุล จดหมายฉบับนี้เขียนตามคำบอกของมิสเตอร์เฟงเงอร์และเราทุกคนได้ลงชื่อในจดหมายฉบับนั้น คนพวกนั้นได้เขียนจดหมายไปแล้วฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ ๒๘ คล้ายคลึงกันมากกับจดหมายของกงสุล ในวันที่ ๒๑ มิสเตอร์เกลเลต กับมิสเตอร์ ฮัฟแมน เดินทางมาถึงจากเมืองนครลำปาง รายงานว่าสถานที่นั้นกำลัง อยู่ในระหว่างเตรียมการต่อต้าน และในวันที่ ๑ สิงหาคม มิสเตอร์ ฮัฟแมนพร้อมด้วยมิสซิส ทอมัส เดินทางไปเมืองนครลำปางด้วยช้างของข้าพเจ้า ในวันเดียวกันประมาณเวลา ๑๒.๐๐ น. ชาวเงี้ยว ๒๐๐ คนเดินทางไปเมืองนครลำปาง มีปากะมองเป็นหัวหน้า มุ่งไปปล้นเมืองนั้น ในวันที่ ๕ มิสเตอร์ไลล์เดินทางมาถึงจากเมืองหาญ และมิสเตอร์ฟิลลีมาถึงวันที่ ๗ ในวันที่ ๘ มิสเตอร์เฟงเงอร์กับมิสเตอร์สเจอร์น ออกเดินทาง ไปท่าอิฐพร้อมกับจดหมายจากมิสเตอร์ไลล์เรียกร้องให้พวกชาวเงี้ยวเลิกละจากการเป็นศัตรูต่อกัน และขอร้องมิให้ข้าราชการไทยปฏิบัติการต่อไปโดยไม่มีจุดหมายแต่ให้คอยกองทหารก่อน ในวันที่ ๑๓ ชาวบ้านคนไทยประมาณ ๑๐๐๐ คน กับตำรวจ ๑๑ คน มีเทศาภิบาลสุโขทัยเป็นหัวหน้า มาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองแพร่ห่างตัวเมืองประมาณ ๖ ไมล์ ที่บ้านหาด บนถนนที่ไปแพร่ ท่าอิฐ มิสเตอร์ไลล์ได้ขับรถออกไปและขอร้องมิให้เข้ามา


๖๘ ในเมือง เพราะว่าการต่อสู้อย่างชุลมุนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และกำลังคนที่มานั้นมิใช่ทหาร ส่วนพวกเงี้ยวประมาณ๓๐๐ คนนั้นตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองใกล้ๆนี้เองความตระหนกตกใจได้เกิดขึ้นทั่วไปในตัวเมืองราษฎรสามัญกำลังอพยพหนีออกเป็นอลหม่าน ทั้งบรรดาครอบครัวเจ้าที่สำคัญ ๆ ก็มาอยู่รวมกันเป็นบริเวณและร้องขอความคุ้มครอง แม้กระทั่งขอให้หัวหน้าเจ้าผู้ชราออกมาอยู่ด้วย แต่ในที่สุดก็สงบเงียบลงและพากันกลับไปด้วยข้อสัญญาว่า เราจะยอมให้คนเหล่านั้นมาอยู่ที่นั่นหากว่าจะเกิดสู้รบกันขึ้น ตอนเช้ารุ่งขึ้น มิสเตอร์ไลล์ มิสเตอร์ทอมัส และมิสเตอร์ฟิลลี กับข้าพเจ้า ขับรถออกไปยังบ้านหาดและขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้เทศาภิบาลสุโขทัยอยู่ที่นั้นก่อนจนกว่าร้อยโท คอล สเชาจะมาถึง เพราะเขานัดจะมา เป็นประจำทุกวัน ร้อยโทคอล สเชา มาถึงเย็นวันที่ ๒๐ เจ้าพระยาสุรศักดิ์ ก็มาถึงพร้อมด้วยทหาร ๒๐๐ คน และมีอำนาจเต็มทั้งทางฝ่ายทหารและ พลเรือน นายบุญธรรม นายเจ้ค นายไปรษณีย์ ๓ คน กับกุลีคนหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อให้ความคุ้มครองก็ให้ปลอมตัวส่งไปยังแม่แตงในตอนกลางคืนวันที่ ๒๗ พร้อมด้วยมัคคุเทศก์ผู้รู้ลู่ทางซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือของบริษัทอีสอาเซียติคเป็นอันมากและจากนั้นก็ข้ามลำน้ำน่าน จากแม่น่านก็มาถึงท่าอิฐ และเลยลงมากรุงเทพฯ ภายหลังที่ปรึกษาหารือกับมิสเตอร์ไลล์ และกรมการเมืองแล้ว มิสเตอร์



๖๙ รยานออกเดินทางเมื่อวันที่ ๒๕ ไปยัง แม่แขม, มิสเตอร์ ซี.เอ็ม. เมดเวิท พนักงานเมืองแพร่ สุรศักดิ์.

ที่ ๓๑๑ กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพ ฯ โทรเลขที่ ๒๔๗ ทราบเกล้าแล้ว เหตุเดิมที่เกิดไม่ได้เกิดจากความคิด ๖๓๕๓ (ฝรั่ง) เมื่อเงี้ยวเข้าตีแพร่ ๖๓๕๓ (ฝรั่ง) ก็ตื่นตกใจเหมือนกันจนถึงเข้า ๘๘๓๐ (ร่วม) ๘๑๖๖ (อยู่) เดียว ครั้นมาชั้นหลังได้ทราบว่า ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ไม่ทำ ๖๓๕๓ (ฝรั่ง) จะทำ ๓๖๘๘ (แต่) ๔๔๕๕ (ไทย) แล้วเงี้ยวร้องว่าไทยกดขี่ดัง.....เชิญ ๙๕๙๑ (ไลย) มา ๖๘๙๑ (แพร่) ในชั้นต้น ๕๒๒๘ (แปด) ๔๒๔ (เก).... ๙๕๙๑ (ไลย) ได้มากล่าวกับเกล้าว่า ขอให้มีคนกลาง .......ว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร เมื่อมาพูดมิสเตอร์ ๘๘๕๔ (รัต) ๒๙๑ (เซท)......ผู้จัดการ ๑๑๓๖๑ (หวัง) ๕๔๑๒ (ชอม) ๙๒๒๘ (เป) มาด้วย ๕๒๒๘ (เป) ......๑๕๕๖ (?) พูดว่าการที่เกิดวุ่นวายขึ้นดังนี้ การป่าไม้ของ...... เสียมากเพราะคนแตกตื่นไม่ได้ทำการเหมือน ๘๕๕ (ราช) .... ๔๔๕๕ (ไทย) จะอนุญาตเลื่อนเวลาป่าไม้ให้ยาวเท่ากับที่เสียผลไปบ้าง เกล้าตอบว่าไม่เห็นการอันใดที่ทำการของ ๕๓๐๘ (บริษัท) เสีย เขาตอบว่า



๗๐ ช้างที่รับทำสัญญาลาก........ส่งต้องถูกเกณฑ์ เกล้าตอบว่าไม่ได้เกณฑ์คนแล........ของคน ๑๐๖๒๑ (สัปเยก) เกณฑ์แต่คนแลช้าง........ บ้านเมือง แลจะ ๑๒๒๖ (คิด) เอา ๑๑๔๘ (ค่า) เสีย ผล .......ในเหตุ ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ควรจะคิดเอากับ ๕๒๒๒๘ (เบ) ๔๒ (?) ...... แล ๙๕๙๑ (ไลย) เพราะเหตุที่เกิดเป็นคน ๖๐ (?) ....... ๑๑๘๐๐ (อังกฤษ) ทั้งสิ้น แล้วก็เลยชักพูดเล่นอื่น ๆ ต่อไปเรื่อง....... พูดนี้ก็พูดกับ ๖๕๒๐ (พระ) ๙๗๓๕ (วาสุเทพ) เพราะเข้าใจว่าการ.......ไม่มีเหตุต่อไป ในส่วนเกล้าที่จัดการก็คอยระวังปิดช่องทางตามเสียงที่กล่าว นี้ต่อมาก็ไม่ได้ยินเสียงดังนี้อีก มาชั้นหลังเงี้ยวกำเริบขึ้นทางเหนือตั้งอยู่เชียงคำเสียงลือ มาแปลก ๆ จน ๔๒๒๘ (เป) ๔๒๔ (เกต) ๑๕๕๖ ( ) รับรายงาน ๗๕๗๐ (มิส) ๒๕๐๐ (ชัน) ๔๖๘๕ (นารี) เชียงรายฝ่ายนี้ ๙๕๑๙ (ไลย) ได้รับรายงาน ๔๑๙๔ (ติ) ๙๑๕๔ (ลี) ซึ่งไปตั้งทำ ๗๙๔๕ (ไม้) อยู่ที่ ๔๑๘๑ (ท่า) ๗๑๒๔ ( ) เมื่อ ๙๕๙๑ (ไลย) รับรายงาน แล้วก็ได้ ๗๔๕๕ (มา) ๑๑๓๓๗ (หา) เกล้าโดยเร็วมาชี้แจงตามเหตุที่เกิดขึ้น ได้รับรายงานมาสองทางมีความเชื่อเรื่อง ๗๖๘๕ (เมง) ๓๖๑ (กุน) ๗๖...... ๒๘๒๕ (ซา) ต่อมา ๙๕๙๑ (ไลย) จึงส่งราย งานมาให้เกล้าตั้งแต่นั้นมาก็มีเสียงลือแปลกๆ สืบดูก็ออกจากคน ๑๑๓๑ (ห้าง) ๕๔๑๒ (บอม) ๕๒๒๘ (เบ) เที่ยวพูด ครั้นเกล้าทราบ....... เอาตัวคนพูดมาก็ไม่มีผู้ใดรับ แต่เมื่อ ๔๑๙๔ (ติ) .......... ได้ยื่น


๗๑ รายงานกับ ๙๕๙๑ (ไลย) ๗๑๗๖ (แฟง) ๖๐๗ (เกอร์) มาหาเกล้า ....... ได้เล่าให้ฟังตามรายงาน ๗๑๗๖ (แฟง) ๖๐๗ (เกอร์) พูด...... ๙๑๕๔ (ลี) เป็นคนสนุกเวลานี้ฝนในป่าน้อยทำการลำ.......ยินเหตุแต่ เล็กน้อยทำรายงานให้มากกว่าเหตุ เขาจึงจะ.......กลับมา ๖๘๙๑ (แพร่)ได้วันนี้หมอทอมมาสมายื่นบิลค่ายารักษาน้อยเทพวงศ์แลถามเกล้า ว่ากองทัพที่ยกไปได้ข่าวอย่างไร เกล้าตอบชี้แจงตามเหตุจนได้เชียง..... ......หมอถามว่าได้พบกองทัพ ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) เข้ามาขัดขวาง....... บ้างหรือไม่ เกล้าตอบว่า ๖๓๕๕ (ฝรั่งเศส) ไม่ได้มาเกี่ยวข้อง....... ในบ้านเมืองแล้วเกล้าถามว่าหมอได้ทราบข่าวมาจากผู้ใดหมอตอบว่าฝรั่งห้าง ๕๔๑๒ ( ) ๕๒๒๘ (เบ) ได้เล่าให้ฟังแต่เหตุที่กล่าวว่า ๖๓๔๕ (ฝรั่งเศส) เข้าอุดหนุน เกล้าฟังดูไม่ได้เกิดปากเสียงมาจากฝรั่งนาย ๑๑๓๖๑ (ห้าง) ก่อน เกิดมาจากพวกเงี้ยวผู้ร้ายติดเนื่องจาก ๗๖๘๕ (เมง) ๓๖๑ (กุน) ๗๖๘๕ (เมง) ๒๘๒๕ (ซา) เพื่อจะเอาชื่อมาขู่ให้ กลัวแลหลอกลวงคนโง่ให้เข้ามาเป็นพวกเรื่องเป็นมาดังนี้แต่เรื่องนี้ที่เมืองแพร่ก็ไม่เป็นการประหลาดอันใด เพราะคนทั่วไปเห็นเกล้ามาตั้งอยู่ที่นี่ โทรเลขฉบับนี้ส่งวันที่ ๑๖ เวลา ๓ ทุ่ม ๓๐ นาที. สุรศักดิ์.



๗๒ ที่ ๑๘ กราบทูล เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย บางปะอิน โทรเลขที่ ๖ ทราบเกล้าแล้ว แล้วร้อยตรีแสดหนีกลับมาจากเมืองลองลงแม่น้ำยม ลงเรือมาสวรรคโลก ไม่ได้ไปนครลำปาง ลงมาเถินทางจากสวรรคโลกไปเถิน ๒ คืน ขึ้นเขา ๑ แห่ง เดินตามลำห้ว ทางเดินง่าย. วิชิตรภักดี.

.....................วิเศษภูธร อุตรดิตถ์ ถ้ากงสุลอังกฤษหรือพวกฝรั่ง ที่กรุงเทพจะมีโทรเลขถึงมิสเตอร์ไลหรือฝรั่งในเมืองแพร่ก็ดี หรือมิสเตอร์ ไลแลฝรั่งในเมืองแพร่จะมีถึงกงสุลแลฝรั่งที่กรุงเทพก็ดี ให้พนักงานรีบตีโทรเลขส่งไปเร็วเหมือนอย่างในราชการ ถ้าสายไปแพร่ใช้ไม่ได้ให้แต่งคนเร็วถือไปให้.

(๑) .................... ธร อุตรดิตถ์ ....................... โทรศัพท์ถามพระยาพิชัยดูว่า ที่เขาพลึงนั้นยึดไว้ได้หรือยัง. (ลงพระนาม) ดำรง


(๑) ต้นฉบับขาด

๗๓ ที่ ๔๑ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน มิสเตอร์ไลกงสุลอังกฤษมาอยู่ที่เมืองแพร่ ใช้แขกซิกนำร่างโทรเลขจะตีไปถึงกองราชทูตอังกฤษ กรุงเทพฯ เรื่องพวกเงี้ยวทำจลาจลเมืองแพร่ จะโปรดให้ตีโทรเลขหรือห้ามไม่ให้ตีขอทราบเกล้า. หลวงวิเศษภูธร.


ที่ ๒๙ วันที่ ๘ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๑ หลวงวิเศษภูธร อุตรดิตถ์ โทรเลขที่ ๔๑ รับแล้ว อนุญาตให้ตีได้


ที่ ๒๐ วันที่ ๓ สิงหาคม ๑๒๑ หลวงวิเศษภูธร อุตรดิตถ์ ให้พูดโทรศัพท์ถามพระยาพิชัยว่าเวลานี้มีความคิดที่จะต่อสู้กับผู้ร้ายอย่างไรบ้าง แลทางที่จะยกอ้อมไปตีขนาบมีบ้างหรือไม่.


ที่ ๔๔/๑๒๓๐ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน โทรเลขที่ ๓๕ ทราบเกล้าแล้ว ได้ถามพระยาพิชัยว่าได้ยก -10-


๗๔ กำลังเลยจากเขาพลึงไปค้างอยู่ที่ตาดงัวเทาเมื่อวันที่ ๑๑ เดือนนี้แล้ว ได้ ให้กองทัพพระปูขวานร้อยเอกช้างยกขึ้นตั้งบนเขาพลึง. หลวงวิเศษภูธร แทน.


ที่ ๑ วันที่ ๓ สิงหาคม ๑๒๑ หลวงวิเศษภูธร อุตรดิตถ์ มณฑลแต่งให้นายมาถือโทรเลข ขึ้นไปเมืองน่านเมื่อวันที่๓ถ้านายมาถึงอุตรดิตถ์ให้มอบโทรเลขนี้ผนึกฝากไปให้พระยาบรมบาทด้วย ถึงพระยาบรมบาท นครน่าน โทรเลขที่ ๒๒ รับแล้ว เรื่อง ผู้ร้าย ๖๑๙๙ เงี้ยว ๑๗๘๕ ที่ ปล้น ๕๘๕๙ เมือง แพร่ ๖๘๙๑ ครั้งนี้สืบได้ความว่า มัน ๗๔๓๓


๗๕ คิด ๑๒๒๖ กัน หลาย ๙๑๑๘ เมือง ๗๙๐๑ คือจะทำ ร้าย ๘๕๔๓ แต่ ๓๖๘๘ คน ๑๓๔๐ ไทย ๔๔๕๕ คนชาว เมือง ๗๙๐๑ ไม่ ทำ ๗๙๓๖ มัน ๗๔๓๓ คิดจะให้ เจ้า นาย ๒๒๔๐ ใน พื้น ๖๘๑๙


๗๖ เมือง ๗๙๐๑ เพิก ๗๐๗๒ เฉย ปล่อย ๕๙๒๑ ให้ มัน ๗๔๓๓ ทำอันตราย ไทย ๔๔๕๕ ถ้า เจ้า นาย ๒๒๔๐ ใน เมือง ๗๙๐๑ ไม่ เล่น ๙๒๓๘ ด้วยแล้วก็ทำไมไม่ได้ ขอให้คิดอ่านกับเจ้านครเมืองน่าน กะเกณฑ์คนประจำบ้านรักษาการบ้านเมือง ด้วยให้.


๗๗ ปรากฏ ๕๖๐๑ ว่า ๙๗๓๖ เจ้า นาย ๒๒๔๐ เป็น ธุระ ๔๕๖๘ ระวัง ๘๔๐๓ รักษาแล้วคงจะรักษาการได้เรียบร้อย.

ถึงหลวงวิเศษภูธร เมืองอุตรดิตถ์ มณฑล แต่งให้นายมาถือโทรเลขขึ้นไปเมืองน่านเมื่อวันที่ ๓ ถ้านายมาถึงอุตรดิตถ์ให้มอบโทรเลขนี้ผนึกฝากไปให้พระยาบรมบาทด้วย.

ถึงพระยาบรมบาท นครน่าน โทรเลขที่--- รับแล้ว เรื่องผู้ร้ายเงี้ยวที่ปล้นเมืองแพร่ครั้งนี้ สืบได้ความว่า มันคิดกันหลายเมือง คือจะทำร้ายแต่คนไทย คน ชาวเมืองไม่ทำ มันคิดจะให้ เจ้านายในพื้นเมืองเพิกเฉยปล่อยให้มันทำอันตรายไทย ถ้าเจ้านายในเมืองไม่เล่นด้วยแล้วก็ทำไมไม่ได้ ขอให้คิดอ่านกับเจ้านครเมืองน่านกะเกณฑ์คนประจำรักษาการบ้านเมือให้ปรากฎว่าเจ้านายเป็นธุระระวังรักษาแล้วคงจะรักษาการได้เรียบร้อย.


๗๘ ที่ ๔๐ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ความตามโทรเลขที่ ๓๘ เรื่องผู้ร้ายปล้นเมืองแพร่จับตัวยกกระบัตร ศาลนายเฟื่องผู้พิพากษา นายแม้นอัยการไปฆ่าเสียนั้น ครั้นวันที่ ๕ เดือนนี้ พระกันทกิรีนายแม้นซึ่งว่าพวกเงี้ยวฆ่าตายนั้น หนีกลับมาได้พร้อมด้วยขุนพิพิธข้าหลวงคลังแจ้งความต่อข้าพระพุทธิเจ้า ความใกล้กับที่ได้กราบทูลมาแล้ว มีแปลกบ้างคือเมื่อเวลาพวกเงี้ยวตีบ้านพระยาไชยบูรณ์แลที่ว่าการ พระยาไชยบูรณ์แลข้าราชการพร้อมด้วยนายแม้นไปอยู่ที่ในคุ้มเจ้าหลวงอำเภอให้ช่วยก็ไม่มีใครช่วยในทันใดมีแขก ๗,๘ คนเข้าไปในคุ้มว่าจะช่วย ต่อสู้ผู้ร้ายตายไม่มีอาวุธ พระไชยสงครามจึ่งส่งปืนให้แขก ๒ บอก แขกจะออกต่อสู้พระไชยสงครามว่าให้รักษาแต่ในคุ้มไม่ต้องต่อสู้ แล้วพระยาไชยบูรณ์ใช้ให้นายแม้นไปเกณฑ์คนที่บ้านห้องกาษ นายแม้นไปพบกับพระกันเกณฑ์คนได้ ๘๐ คนเศษ ยกมาถึงวัดห้องสอได้พบน้อยขัดนายแขวงบอกว่าพระยาพิชัยรักษาให้พระกันรีบหนีไปเงี้ยวจะฆ่าแต่ไทยคนเมืองไม่ฆ่าพลเมืองได้ทราบก็พากันแตกหนีคุมไม่ติด ยังแต่นายแม้นพระกันจะเข้าเมืองไม่ได้ พระกันหนีมาพบขุนพินิจสิบตรีนายหงวนแล้วก็พากันมาซุ่มอยู่หลังบางโปงแล้วมีจดหมายลับถึงพระยาไชยบูรณ์หลวงวิมน พระพิชัยรักษาว่าจักคิดการต่อสู้ยังไรให้รีบบอก ครั้นวันที่ ๒๖ คนใช้กลับมาแจ้งว่าพวกเงี้ยวจับพระยาไชยบูรณ์ฆ่าเสียที่บ้านหองแหวงแล้วพระกันคนมีชื่อนี้ก็พากันหนีเล็ดลอดเข้าไป มาจนวันที่ ๔ เดือนนี้ ถึงอำเภออุตรดิตถ์


๗๙ ในการปล้นคราวนี้เงินหลวงมีอยู่ในคลัง ๔๖,๙๑๐ บาท ๓๗ อัฐ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ๙๒๙๗ (แล) ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๓๓๑๕ (ได้) ๑๒๑ (กระทำ) ๑๐๖๐๒ (สัตย) ๓๗๕๘ (ต่อ) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๔๒๗ (เกณฑ์) ๘๕๘๐ (ราษฎร) ๓๘๔๖ (ทำ) ๑๐๓๓๒ ( ) ๑๐๙๘๐ (ส่ง) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๓๗๖๗ (ต่อสู้) ๒๓๐ (กับ) ๔๔๕๕ (ไทย) ๕๐๒๐ (ใน) ระหว่าง ๑๐๔๕ ( ) ๖๘๑๓ ( ) แลการปล้นในคราวนี้พวกเงี้ยวได้ฆ่าคนไทยตายคือ พระยาไชยบูรณ์หลวงวิมณ แต่คนมี ชื่อที่ได้กราบทูลมาบ้างแล้วเก้าคน. หลวงวิเศษภูธร แทน.


ที่ ๓๙ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ด้วยวันที่ ๓ เดือนนี้ เวลาบ่าย ๖ โมงเศษ ได้รับโน้ตของพระบริรักษ์พระปู่ควันทางโทรศัพท์จากบ้านให้หาว่าในวันนี้ เวลา ๑ โมงเช้า พวกเงี้ยวประมาณ ๒๐ คนที่เขา อ้อมหลังตีค่ายของพระยาพิชัยฆ่าเงี้ยวตาย ๑ คน ตัดศีร์ษะเสียบไว้ที่ค่าย แล้วพวกเงี้ยวแตกหนีไป. หลวงวิเศษภูธร.


ที่ ๓๘ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ความตามโทรเลขที่ ๓๒ เรื่องผู้ร้ายปล้นเมืองแพร่นั้น ครั้นที่ ๒

๘๐ เดือนนี้ทราบความนายถมยาพนักงานโทรเลข นายบุญธรรมนายเต็กพนัก งานป่าไม้ซึ่งหนีเล็ดลอดมาคงได้ความใกล้กับโทรเลขฉบับก่อนแปลกบ้างบางอย่างคือ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม เมื่อผู้ร้ายตีเมืองแพร่แล้วเลยไปตีนายจันท์นายแขวงเมืองลองกับคนใช้ที่เป็นไทยหลายคน ครั้นวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พวกเงี้ยวจับได้ตัวยกกระบัตรศาล นายเฟื่องผู้พิพากษา ๑ นายแม้นอัยการ ๑ ไปฆ่าเสียแต่หลวงวิมณข้าหลวงผู้ช่วยหนีไป ได้อาศัยอยู่ห้างบอมเบแต่นายห้างไม่อยู่น่ากลัวจะไม่มีผู้ช่วย แล ๙๙๒๗ (เวลานี้) ๗๖๐๙ (มี) ๗๐๒๘ (พวก) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๕๐๒๐ (ใน) ๖๘๑๙ (พื้น) ๗๙๐๑ (เมือง) ๕๑๓๙ (บ้าง) ๗๔๕๕ (มา) ๓๖๘๘ (แต่) ๑๒๐๔๔ (อื่น) ๕๑๓๘ (บ้าง) ๕๕๒๐ (ประมาณ) ๖๕๘๗ (พัน) ๑๓๔๐ (คน) ๙๓๑๓ (แล้ว) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๐ (แพร่) ๓๓๑๕ (ได้) ๘๘๗๒ (เรียก) ๔๗๓๐ (นาย) แคว้นแล้ว ๔๔๓ (แก่) ๕๑๔๖ (บ้าน) ๑๑๖๔๕ (ให้) ๓๘๑๓ (เตรียม) ๑๑๙๓ ( ) ๕๗๒๒ (ปืน) ๑๖๐ (กระสุนดินดำ) ๑๐๐๖๒ (ไว้) ๓๗๖๗ (ต่อสู้) ๒๓๐ (กับ) ๔๔๕๕ (ไทย) แลตั้งกระสุนดินดำกักทาง นายถมยานายเต็ก นายบุญธรรมได้หนีลงมาอำเภอท่าปลา นายจิตรภุกนายอำเภอให้เงินคนละ ๑๐ บาท แล้วจัดเสบียงพาหนะส่งมาพิชัย หลวงวิเศษภูธร.



๘๑ ที่ ๓๕ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน วันที่ ๓ เดือนนี้ เวลา ๕ โมงเช้า พระปูควัน นายร้อยเอกช่วงกองมณฑลได้พูดโทรศัพท์มาจากบางบ้านนาข้ามเขตอำเภอลับแลว่า พวกเงี้ยวประมาณ ๕คนลัดเข้ามาทางบ้านให้หาตีพวกรักษาด่านให้หา แล้วพวกเงี้ยวเลยไปทางกองพระยาพิชัยตั้งอยู่ที่ปางอ้อ พระปูควันกับนายร้อยเอก ช่วงได้รีบยกตามพวกเงี้ยวไป ข้าพระพุทธเจ้าได้กำลังเพื่อเพิ่มไปรักษาเขตแดนอุตรดิตถ์ละแบล. หลวงวิเศษภูธร.


ที่ ๑๐ ลงวันที่ ๓๐/๔/๑๒๑ พระมนตรี ลำปาง ตามความในโทรเลขที่บอกมาว่าเจ้าแพร่มีหนังสือถึงเจ้านครลำปาง ถามความเห็นว่าจะคิดอย่างไรนั้น ข้อความที่เก็บบอกมาสั้นเกินไปขอให้โทรเลขมาใหม่ ...........


ร่าง บางปะอิน วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๑๒๑ พระมนตรี ลำปางโทรเลขลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้แลที่ ๒๖ รับแล้วซึ่งพระมนตรีจะรีบยกกำลังไปตามจับผู้ร้ายเมืองแพร่นั้นชอบแล้ว -11-


๘๒ ได้มีโทรเลขสั่งมณฑลพิษณุโลกให้จัดกำลังยกไปเมืองแพร่สองกอง คือกองพระยาพิชัยยกตรงไปแพร่ทีเดียว กองพระเสนาราชยกจาก สวรรคโลกตรวจไปทางบ่อพลอยเมืองลองแล้วเลยไปสมทบกันที่เมืองแพร่ส่วนกรุเทพฯ จะได้ส่งกองทหาร ๕๐๐ คนมาขึ้นที่อุตรดิตถ์อีกกองหนึ่งยก ไปแพร่ แล้วจะส่งเติมมาอีก.


ที่ ๕๕ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน พระโทรเลขที่ ๑๐ รับทราบเกล้าแล้ว เดิมนับตั้งแต่ที่ ๒๕ กรกฎาคม วันเกิดเหตุเจ้านครแพร่หรือเจ้านายคนใดคนหนึ่งในเมืองแพร่ ไม่ได้บอกข่าวมายังนครลำปางเลย ที่ได้ทราบข่าวก็ทราบจากโทรศัพท์ เมืองตัวพลตำรวจแลภูทิพภาษาที่หนีมาจน วันที่ ๒๘ กรกฎาคม เจ้าแพร่จึงใช้ให้เงี้ยว ๒ คน เป็นลูกน้องหลวงจิตรจำนงค์ถือหนังสือมายังเจ้านคร ใจความในจดหมายนั้นมีดังนี้ที่ตึกเจ้านครแพร่วันที่๒๖ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เจ้าพิริยเทพวงษ์เจ้านครแพร่ผู้เป็นอา มีความปะวะติเจริญมายังเจ้าบุญวาทวงศ์มานิตย์ เจ้านครลำปาง เจ้าตนเป็นหลานทราบด้วย เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม เวลาเช้า ๑ โมงมีพวกเงี้ยวต้องสู้พม่าประมาณ ๕๐๐ คนเศษ เป็นโจรลอบเลียมเข้าตีพวกข้าหลวงแลกรมการฝ่ายไทยแตกตื่นหนีรอดตัว ไปได้บ้าง แลผู้ร้ายฆ่าตายบ้างคือ พระยาไชยบูรณ์เป็นต้น แต่เจ้านาย


๘๓ ราษฎรชาวเมืองพวกเงี้ยวหาได้ทำอันตรายไม่ พวกเงี้ยวก็เข้าตั้งกองอยู่ที่ ว่าการจนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่าเมืองนครลำปางแลเมืองนครเชียงใหม่ก็เป็นเช่นเดียวกัน วันเดียวกันนี้จะเท็จจริงฉันใดไม่ทราบ ถ้าจริงเช่นที่คนเล่าลือแล้วเจ้าตนเป็นหลานจะจัดการต่อไปอย่างไรก็ดี ขอให้ ชี้แจงไปให้ข้าพเจ้าผู้เป็นอาได้ทราบด้วย ลงชื่อประทับตรามาเป็นสำคัญ ดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้ามีความประหลาดใจสงสัยหลายประการคือ ๑. เหตุไร จึงใช้เงี้ยว ๒ คนถือมาควรจะให้ลูกน้องของตนนำมาจึงจะชอบ ๒ ที่ว่าเขียนที่ตึกเจ้าแพร่ข้อนี้เป็นการไม่จริงเพราะสืบความว่าเมื่อเวลาเช้าเจ้าแพร่ใช้ ให้เงี้ยวถือหนังสือมาน่าเจ้าแพร่กับ หัวหน้าผู้ร้ายได้ไปตกลงเขียนที่สนามที่ ว่าการพร้อมกัน แลได้ทำหนังสือสัญญาไว้ต่อกันว่า ถ้าเป็นอย่างไร ต่อไป พวกเงี้ยวจะช่วยทั้งสิ้น แลได้กินน้ำสาบานต่อกันแลการที่ใช้เงี้ยว ๒ คนมาทางนี้ ผู้ร้ายได้ให้ค่าจ้างคนละ ๑๕ บาท ๓. ที่ว่าทำร้ายแต่ ชาวใต้นั้น เหตุใดไม่ทำร้ายพระไชยสงคราม ๔. บรรดาตำรวจภูธร ไม่ว่าชาวเมืองชาติใดได้ทำร้ายทั้งสิ้น เหตุใดไม่ทำร้ายเจ้าราชบุตร ๕. เมื่อเกิดเหตุเจ้านายแลพลเมือง ไม่ได้ยิงต่อสู้ผู้ร้ายแลผู้ร้ายก็ไม่ได้ทำอัน - ตรายแก่เจ้านายแลชาวเมือง เมื่อเวลาผู้ร้ายได้กำลังอยู่บนที่ว่าการแลเที่ยวไปมาก็เสพสุราเมามายแม้จะยิงก็คงตายมาก ๖. ที่ว่าผู้ร้ายทำร้ายพระยาไชยบูรณ์เสียแล้วหาจริงไม่ ความจริงพระยาไชยบูรณ์หนีไปได้ถึง ๒ วันจึงตามจับมาได้ ซึ่งเป็นวันภายหลังวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ที่เจ้าแพร่


๘๔ มีมา ๗. ควรจะมีความร้อนใจเป็นทุกข์บอกให้ลำปางยกกำลังไปช่วยแลแก้ไขให้ต่อสู้ผู้ร้ายหรือบอกกรุงเทพแลทางอื่นให้ช่วย ถ้าว่าจะมีความทุกข์ร้อนเช่นผู้ร้ายเข้าตีเมืองนี้กลับนอนใจไม่เดือดร้อนเจ็บร้อนแทนรัฐบาล อย่างใดปล่อยให้ผู้ร้ายทำร้ายข้าราชการตามอำเภอใจ เจ้านครลำปางปรึกษาพร้อมใจกันตอบไว้ว่าจะคิดการต่อไปในเวลานี้หาทันไม่ เพราะคน ถือหนังสือจะรีบกลับไปขอตรึกตรองก่อนแล้วจะตอบไปครั้งหลัง ซึ่งตอบไปดังนี้เพื่อจะให้เป็นอุบายหน่วงให้พวกผู้ร้ายไว้ที่เมืองแพร่ เพราะกำลังจัด การป้องกันแลกำลังเชียงใหม่ก็ยังไม่มาถึง เกรงว่ามันจะตรงเข้ามาจะไม่ ทันเตรียมกำลังป้องกันไว้ อาศัยเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วในเบื้องต้นเห็นด้วยเกล้าว่าเมืองแพร่เป็นใจด้วยคนร้าย ใช่แต่เท่านั้นบรรดาหัวหน้าพวกผู้ร้ายเช่นสลาโปไชย ๑ โปออ ๑ ประกามอง ๑ เป็นเงี้ยวเหล่านี้ก็เป็นลูกน้องของ เจ้าแพร่อันคุ้นเคยอุดหนุนแลมีบ้านเรือนอยู่ในเขตเมืองแพร่ทั้งสิ้น เวลาเกิดเหตุพวกเงี้ยวในเมืองแพร่ก็เข้าสมทบกับผู้ร้ายด้วย การปล้นเมืองแพร่ จึงได้โดยสะดวกเพราะรู้ถึงกันอยู่แล้ว. พระมนตรีพจนกิจ.


ที่ ๕๓ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ในการที่เกิดพวกผู้ร้ายเงี้ยวในเมืองแพร่ครั้งนี้ เมืองนครเชียงใหม่ นครลำพูน เถิน จะยกกำลังมาช่วยป้องกันทางเมืองนครลำปางรวม ๓ กอง


๘๕ แลส่วนพลกองนครลำปางก็มีมาก เวลานี้เสบียงอาหารในเมืองนครลำปางอยู่ ข้างกันดาร ขอได้โปรดเกล้าสั่งให้เมืองตากจัดให้กรมการคุมเรือข้าวสารขึ้น มาส่งที่เมืองนครลำปางให้ได้มาก ๆ โดยเร็วเมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้รับข้าวสารที่เมืองตากส่งขึ้นไปให้แล้ว ก็จะได้จ่ายเงินให้ที่เมืองนครลำปางโดยทันที. พระมนตรี.


ที่ ๑๒ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๑๒๑ พระมนตรี นครลำปาง โทรเลขที่ ๕๓ ขอเสบียงรับแล้ว ได้สั่งให้นครสวรรค์รีบลำเลียงขึ้นมาส่งในเร็ว ๆ นี้แล้วจะส่งข้าวขึ้นไปจากกรุงเทพ ฯ ด้วย

การด่วน กราบทูล เสนาบดีมหาดไทย กรุงเทพฯ วันนี้เจ้าแพร่ได้ใช้ให้เงี้ยว ๒ คน ถือจดหมายมาถึงเจ้านครลำปางความว่าเมืองแพร่นั้นอยู่ในระหว่างมือพวกเงี้ยวเสียส่วนนครจะคิดอย่างใด เจ้านครยังไม่ตอบ แลสืบได้ความแน่ว่าพวกเงี้ยวซึ่งมั่วสุมกันขึ้นคราวนี้ ปรารถนาจะจับไทยฆ่าเสียเท่านั้น ชาติอื่นหาทำไม่ เมืองแพร่ข้าราชการไทยตายหลายคนแล้ว เวลานี้เกรงผู้ร้ายจะเข้ามากระทำร้ายที่นครอีก เป็นที่เดือดร้อนแก่ข้าราชการฝ่ายไทย เพราะกำลังมากก็ล้วน


๘๖ แต่พวกที่เงี้ยวไม่ทำทั้งนั้น ขอบารมีปกเกล้า ฯ โทรเลขฝากฝังข้าราชการ ไทยต่อเจ้านครจงหนักด้วย จะได้เป็นการเสมอไป แต่ที่ทูลมาครั้งนี้ นครลำปางยังหาเป็นไม่โดยความคาดคั้นไว้. (เซ็น) พระมนตรี.

ที่ ๔๘ กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ เวลา ๓ โมงเช้าวันนี้ คนที่เกณฑ์จ้างไปส่งพนักงานป่าไม้เมืองแพร่กลับมาถึงลำปางได้เอาตัวมาถามปากคำทั้งสองคน ให้การต้องกันว่าดังนี้ ๑. เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนนี้เวลาย่ำรุ่งแล้วผู้ร้ายเข้าทางประตูไชยแย่งโรงตำรวจฆ่า ๔๗๔๙ (นายร้อยตรี) ๓๕๔๑ (ตาด) แลพลตำรวจตายหลายคน แย่งบ้าน ๗๓๖ (ข้าหลวง) ๕๔๖๐ (ประจำ) ทำลาย แล เก็บทรัพย์สิ่งของไปหมด ๒. ผู้ร้ายแย่ง ๘๗๔๔ (โรง) ๔๓๓๗ (โทรเลข) ทำลายเครื่องใช้เสียหมด แล้วเลยไปทำลาย ๔๒๒๗ (ที่ว่า) ๒๗๘ (การ) ๘๙๒ (แขวง) แลขึ้นเก็บเอา ๑๘๐๗ (เงิน) ๕๒๖๐ (บน) ๔๒๒๗ (ที่ว่า) ๒๗๘ (การ) บ้าง เที่ยวตรวจค้นตาม บ้าน แลวัด ๑๑๓๓๙ (หาคน) ๔๔๕๕ (ไทย) ๓๙๐๘ (ถ้า) ๖๙๔๒ (พบ) จะทำอันตรายให้หมด ๓. เมื่อเวลาชั้นต้นผู้ร้ายเข้าเมืองบรรดา ๒๒๔๐ (เจ้านาย) พลเมืองพากันแตกตื่นหนีไปภายหลังกลับมาบ้านเรือนเรียบร้อยหมดความตกใจ



๘๗ ๓๘๘ ( ) ๗๙๔๐ (ไม่มี) ๖๑๘๖ (ผู้ใด) ๓๗๖๗ (ต่อสู้) ๖๑๙๙ (ผู้ราย) ๖๑๙๙ (ผู้ร้าย) ก็ยังเที่ยวไปมาตามถนนในเมือง ๔. ส่วน ๕๑๔๖ (บ้าน) ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ดูเรียบร้อยทุกบ้านเหมือนหนึ่งว่า ๗๙๔๐ (ไม่มี) ๑๑๔๙๒ (เหตุการณ์) อะไร แลผู้ร้ายก็ ๗๙๓๒ (ไม่ได้) ๔๔๘๔ (ทำลาย) หรือเก็บเอาสิ่งของสักอย่างใด ส่วนตัว ๒๒๓๘ (เจ้านคร)ไปอยู่ที่วัดศรีมหายศ แต่ที่ ๑๒๘๐ (คุ้ม) ๙๔๙๐ (หลวง) ผู้ร้าย ๗๙๓๒ (ไม่ได้) ๑๑๘๑๙ (อันตราย) ยังดีอยู่ ๕. เวลาผู้ร้ายขึ้นอยู่ บนที่ว่าการแลเที่ยวเดินตามถนนทำลาย ๕๑๔๖ (บ้าน) ๗๓๖ (ข้าหลวง) ๘๗๔๔ (โรง) ๖๐๖๘ (ไปรษณีย์) อยู่นั้น ราษฎรชาวเมืองพระสงฆ์ก็ ๓๕๑๗(ตาม) ๒๐๙ (กัน) ๖๐๓๙ (ไป) ๓๑๖๕ (ดู) ดุจหนึ่งว่ามี การงานบ้านเมืองหรือการแห่นาคตามธรรมเนียม ผู้ร้ายก็ ๗๙๓๖๐ (ไม่ทำ) ๑๑๘๑๙ (อันตราย) แต่คนเหล่านั้นดูเหมือนว่า ๑๘๕๔ (จะ) ๘๖๖๒ (รู้) ๑๙๑๙ (จัก) ๒๐๙ (กัน) ราษฎรจึงไม่ได้มี ๑๑๘๕ (ความ) ๕๕๗ (กลัว) ๔๒๖ (เกรง) ว่าผู้ร้ายจะทำร้าย ๖. ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ มาจนเดี๋ยวนี้ ๒๒๓๘ (เจ้านคร) หรือ ๒๒๔๐ (เจ้านาย) ๕๑๔๖ (บ้าน) ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๑ (แพร่) ยังไม่ได้ ๒๗๗๗ (ใช้) คนมา ๕๓๓๐ (บอก) นครลำปาง ๑๑๖๔๕ (ให้) ๔๑๙๐ (ทราบ) ๑๑๔๙๒ (เหตุการณ์) อย่างใดเลย ซ้ำสายโทรเลขเมืองต้าไปแพร่ก็ ๒๗๘๕ (ใช้ไม่ได้) นี้หากว่า ๓๓๒๑ (ได้ทราบ) จาก ๔๓๔๑ (โทรศัพท์) ที่


๘๘ เมืองต้นแลคนไปมาทางนครลำปาง จึงได้เตรียมกำลังไว้ป้องกันนครอยู่เดี๋ยวนี้ทุกเวลาไม่ได้ไว้วางใจ ส่วนตัว ๗๓๔ (ข้าพระพุทธเจ้า) และ ๗๓๕ (ข้าราชการ) ๖๓๙๔ (ฝ่าย) ๔๔๕๕ (ไทย) เวลากลางคืน ๖๐๑๙ (ไป) ๘๘๓๐ (รวม) ๒๐๙ (กัน) ๘๑๖๙ (อยู่ใน) ๑๒๘๐ (คุ้ม) ๙๔๙๐ (หลวง) คอยฟังเหตุการณ์ที่จะมีมา ซึ่ง ๗๙๒๙ (ไม่) ๔๑๙๐ (ทราบ) ว่าจะเป็นเวลาใด ๗. เวลานี้กำลังที่ขอไปเชียงใหม่ ๗๙๓๒ (ยังไม่มา) ๓๙๓๕ (ถึง) ๗๖๐๙ (มี) ๘๑๖๖ (อยู่) ๔๔๖๕ (เท่าใด) ก็แบ่งกันออกคอยตรวจ ๓๐๗๕ (ด่านทาง) ๖๘๙๑ (แพร่) แลตรวจท้องที่ ๕๐๒๗ (ในเมือง) อยู่ทุกคืน แต่ข้าพระพุทธเจ้า มีความน้อยใจยิ่งนัก ที่บ้านเมืองเป็นเหตุถึงเพียงนี้แล้ว ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๑ (แพร่) ยัง ๑๗๘๘ (ทิ้ง) ๘๑๖๖ (อยู่) ๑๑๑๔๗ (เสีย) ได้ แลตามเหตุที่ได้เป็นมาดังได้กราบทูลมาข้างต้นแล้วนั้นข้าพระพุทธเจ้าเป็น ที่ประหลาดใจสงสัยยิ่งนัก. พระมนตรีพจนกิจ.


Prince Damrong , Bangkok At this moment chief of Phrae sent letter to chief of Lacon by two Shan bearers belonging to Luang Chit Chamnong stating that the robbers have killed Phya Rat Ritanon and some of Siamese


๘๙ officials in the town but that they did not touch any Chows or natives nor did they rob any property belonging to Chows. Their intention is to kill only Siamese and that they intend to attack Lakon in a few days. People in this town are much alarmed and prepared to leave the town 2 a.m. In most difficult position, please send up troops to suppress. Troops here are not sufficient to stand large party. The feeling afraid of robbers of people in this town are too much to stop. Large number of troops only to keep them down and restore peaceful feeling of people in this town. Phra Montri.

คำแปล กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ กรุงเทพฯ ขณะนี้เจ้าเมืองแพร่ได้ส่งจดหมายถึงเจ้าเมืองนครลำปางไป กับผู้ถือจดหมายชาวเงี้ยวสองคนซึ่งเป็นคนของหลวงจิตจำนง แจ้งไปว่าผู้ร้ายได้ ฆ่าพระยาราชฤทธานนท์ และข้าราชการไทยอีก ๒-๓ คนที่ในเมือง แต่ผู้ร้ายมิได้แตะต้องเจ้าหรือราษฎรพื้นเมืองแต่อย่างใด ทั้งมิได้เข้าปล้นทรัพย์สมบัติใด ๆ ของเจ้าด้วย พวกนี้ต้องการจะฆ่าคนไทยเท่านั้นและ -12-

๙๐ ยังตั้งใจจะเข้าตีเมืองนครลำปางใน ๒-๓ วันนี้ ราษฎรในเมืองนี้ตระหนก ตกใจกันมากและเตรียมการจะทิ้งเมืองไปในเวลาเช้า ๒ นาฬิกา ในระยะ ที่ฉุกเฉินที่สุดนี้ขอได้โปรดส่งกองทหารมาทำการปราบปรามด้วย เพราะ ว่ากำลังทหารที่นี่ไม่เพียงพอที่ จะต้านทานผู้ร้ายที่มีกำลังคนมาก ๆ ได้ ความ รู้สึกหวาดกลัว ผู้ร้ายของราษฎรในเมืองนี้มีมากเกินกว่าที่จะระงับได้กำลังทหารจำนวนมากๆเท่านั้นจึงจะช่วยให้ราษฎรสงบความหวาดกลัวลง ทั้งจะช่วยบำรุงขวัญของราษฎรให้กลับคืนเป็นปรกติสุขตามเดิม พระมนตรี.


ที่ ๔๖ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ เวลา ๒ โมงเช้าวันนี้ เจ้าพนักงานออฟฟิศโทรเลขที่เมืองต้าโทรศัพท์มาว่า เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนนี้ เวลาย่ำรุ่งแล้วมีผู้ร้ายประมาณ ๓๐๐ คนเศษเป็นชาติเงี้ยวไทยเหนือและขมุปะปนกันยกเข้าตีเมืองแพร่โดยทางประตูไชย เข้าแย่งโรงพลตำรวจเก็บอาวุธไปยิงบ้านข้าหลวงและบ้านเจ้านายแลเข้าแย่งชิงเงินบนที่ว่าการไปหมด เจ้านายข้าราชการไม่ทันรู้ว่าตัวต่างคนต่างพากันแตกหนีออกจากเมืองทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าไปทางใด แต่ผู้พิพากษาศาลยกกระบัตรศาลพาครอบครัวหนีมาถึงบ้านเมืองต้าเดี๋ยวนี้ แจ้งความมาอีกว่าบัดนี้พวกผู้ร้ายขึ้นอยู่บนที่ว่าการเมืองตั้งเป็นที่มั่นอยู่แข็งแรงแต่สายโทรเลขตั้งแต่ออฟฟิศโทรศัพท์เมืองต้าไปเมืองแพร่ใช้ไม่ได้ ด้วยผู้ร้ายตัด


๙๑ สายเสียแล้วคงพูดถึงกันได้แต่ระหว่างเมืองต้ามานครลำปางเท่านั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้พร้อมด้วยเจ้านคร และเจ้านายบ้านเมืองจัดกำลังยกออกไปทางเมืองแพร่แลป้องกันนครลำปางโดยกวดขันแล้วได้โทรศัพท์ขอกำลังทหารเชียงใหม่แลลำพูนมาช่วยจะออกจากเชียงใหม่วันนี้ แล้วกับได้จัดกำลังคอยตรวจทางสายโทรเลขนครลำปางต่อลำพูนอยู่ด้วยแล้ว ถ้าผู้ร้ายรายนี้จะหนีออกคงไปทางเมืองน่าน แต่เมืองน่านจะทันรู้ตัวหรือไม่ ๆ ทราบ เกล้า ฯ ด้วยเกรงว่าผู้ร้ายคงจะตัดสายโทรเลข ไปเมืองน่านแลทางไปอุตรดิตถ์เสียด้วยเหมือนกัน ขอได้โปรดสั่งทางพิษณุโลกถึงน่านดูด้วย ถ้าใช้ได้จะมีประโยชน์ทันท่วงทีที่มันจะหนีไปคงได้ติดตามรอยได้สะดวก. พระมนตรีพจนกิจ.

กราบทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน กงสุลอังกฤษเมืองแพร่รับอนุญาตโทรเลขอุปทูตกำลังจัดแจงสอบอยู่ พระวาสุเทพ.

กราบทูล ในกรมหลวงดำรงฯ บางปะอิน ข้าพระพุทธิเจ้าได้รับโทรเลขเจ้าราชลำปางว่า พระยาราชบุตร




๙๒ เวลานี้อยู่เมืองแพร่ แลจะเป็นกอมปะนีของพวกผู้ร้ายกับเวลานี้พวกผู้ร้ายกำลังทำสนามเพลาะอยู่ที่ ๑ ยบรักก็ (๑) แขวงแพร่ทางมาลำปาง. พระวาสุเทพ.

กราบทูล กรมหลวงดำรงฯ บางปะอิน เกล้าฯ ได้รับโทรเลขเจ้าราชทาติกะวง(๒) ความว่า จ่านายสิบตามนายแขวงเมืองลองมาที่ลำปางว่าพวกนายร้อยตรีแสด แลพวกพลมาจากอุตรดิตถ์ พวกผู้ร้ายที่แพร่ได้ไล่พวกนายร้อยแลพลแตกแต่ร้อยตรีแสดกับ พล ๙ คนหนีรอดมาหาจ่านายสิบที่เมืองลอง เกล้าฯได้สอบถามว่าร้อยตรี แสดในเวลานี้อยู่ไหนแลต่อสู้อย่างใดไปยังเจ้าราชแล้ว. พระวาสุเทพ.


Copyof telegram from Phra Vasudheb deposited at Bangkok on the 30 July 1902 at noon. Received at Bangpain the same day at 12,55 P.M. Prince Damrong, Bangpain. Recieved telegram from Lam- pang dated 29 afternoon says, in Lampang are 112 gendarmes 35 soldiers and that 150 soldiers are on the way from Chiengmai with ๑. ๒. ต้นฉบับเป็นเช่นนี้


๙๓ Phya Narison. 3 gendarmes from Muang Phrae have arrived at Lampang and reports that Lieutenant Daht, one Sergent Major, one Corporal, one Lance Corporal, one gendarme were shot by the rob- bers. 54 rifles and 3200 cartridges taken. It is supposed that Phya Ratchbut is in company with the robbers. (Sgd) Phra Vasudheb.

คำแปล

โทรเลข พระวาสุเทพ จากกรุงเทพฯ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎา. เวลาเที่ยง รับที่บางปะอินวันเดียวกัน เวลาเที่ยง ๕๕ นาที กรมหลวงดำรง บางปะอิน ได้รับโทรเลขจากลำปางลงวันที่ ๒๙ เวลาบ่ายว่า ในเมืองลำปางมีตำรวจภูธร ๑๑๒ คน ทหาร ๓๕ คน แลยังมีทหารเดินทางมาจากเชียงใหม่พร้อมกับพระยานริศร ๑๕๐ คน ตำรวจภูธรเมืองแพร่ได้หนีไปที่ลำปาง ๓ คน รายงานว่าผู้ร้ายยิงนายร้อยโทตาด ๑ นายสิบเอก ๑ นายสิบโท ๑ นายสิบตรี พลตำรวจภูธร ๑ แล


๙๔ ผู้ร้ายเอาปืนได้ ๕๔ บอก ปัศตัน ๓๒๐๐ นัด เชื่อกันว่าพระยาราชบุตรคง จะอยู่กับพวกผู้ร้าย. (เซ็น) พระวาสุเทพ.


ทูล เสนาบดีมหาดไทย บางปะอิน เกล้าฯ ได้รับหนังสือเกลี้ยกล่อมของเจ้าแพร่ว่าอย่าให้ตกใจ พวกเงี้ยวไม่ทำอันตรายเจ้านายหรือราษฎร จะฆ่าแต่ข้าราชการที่ผู้ซึ่งตายที่แพร่ล้วนแต่บุตรภรรยาแลข้าราชการไทยจริงตามหนังสือเจ้าแพร่ พวกเงี้ยวออกสินบนจับไทยคนละ ๒๐๐ นายเฟื่องผู้พิพากษาแพร่หนีไปอยู่เมืองต้าดูเหมือนตามจับตัวไปได้แล้ว พวกเงี้ยวเตรียมจะยกเข้าตีลำปางแลแยกซุ่มซ่อนกองทางแพร่คอยตีทัพเมืองพิษณุโลก ราษฎรแลเงี้ยวที่เชียงใหม่มีกิริยาผิดมาก ข้าราชการแลคนไทยที่เชียงใหม่รู้สึกว่าถ้าลำปางแตกพวกไทยที่เชียงใหม่คงตายหมดเป็นแน่ เพราะไม่มีอาวุธถึงมีอาวุธทันก็ยังไม่จ่ายให้ วันจะจ่ายอาวุธดูเหมือนไกลมาก แต่วันตายใกล้เต็มทีแล้ว แลไม่มีหัวหน้าคิดป้องกันด้วยชาวต่างประเทศเชียงใหม่มีประมาณ ๒๐ คนยังคิดอุตส่าห์จะต่อสู้แลป้องกันชีวิตพวกของเขา ส่วนข้าราชการแลพวกไทยเชียงใหม่ ลำพูนจะรวมได้คงไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ถ้ามีอาวุธครบมือแต่คิดเอาเจ้าหลวงเป็นโล่ หรือโดยแยบคายแล้วถึงจะเป็นอันตรายบ้างก็พอให้ช้าวันไปจนกองทัพทั้งหลายขึ้นไปถึงเชียงใหม่ได้ การที่ข้าราชการไทยบางคนไม่มีอาวุธคอยท่า


๙๕ วันตายเช่นนี้ เป็นน่าสังเวชยิ่งนักจะหาประโยชน์ต่อราชการสักนิดก็หาไม่เวลานี้ถึงจะไปไหนก็คงตายแน่เพราะขัดด้วยหัวหน้าแลอาวุธ ถึงข้าพระพุทธเจ้า จะตายก็ขอให้อยู่ในระหว่างรับราชการของพระเดชพระคุณสักหน่อย ดีกว่านอนให้เงี้ยวฆ่าเปล่า คือสายโทรเลขในระหว่างลำปางกับแพร่นั้นสมัยนี้เป็นการสำคัญมาก ถ้ายังไม่มีนายกองรักษา ข้าพระพุทธเจ้าขอพระบรมราชานุญาตเดินฝ่าลง ไปขอกำลังระแหงยกขึ้นไปรักษาสายโทรเลขในระหว่างระแหงกับลำปาง ถ้าตลอดรอดฝั่งก็จะได้ฉลองพระเดชพระคุณ ต่อไปจนสุดกำลัง. หลวงพินิจ.


ที่ ๔๗ วันที่ ๒๔ เดือน สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๑ พระยาพิชัย แพร่โทรเลขที่ ๒๓ รับแล้ว ได้นำกราบทูลมีรับสั่ง ว่าที่พระยาพิชัยจับพระยายอดซึ่งเป็นผู้จับตัวหลวงวิมลให้ผู้ร้ายฆ่าได้นั้นเป็นที่พอพระทัยยิ่งนัก แต่ในข้อที่ว่าพระยาราชวงศ์ให้ตีจับพระยาราชฤทธานนท์ให้พวกเงี้ยวฆ่าได้คนหนึ่งนั้นไม่เข้าใจ เพราะโทรเลขผิดเพี้ยนอยู่ ขอให้บอกไปใหม่ ส่วนเงินที่จะให้รางวัลคนจับให้ขอต่อเจ้าพระยา สุรศักดิ์ .



๙๖ ที่ ๓ เรียน เจ้าคุณสุรสีห์ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ เกล้าฯ ได้ให้ผู้ใหญ่แก้วทำรายงานซึ่งไปราชการปราบเงี้ยว ซึ่ง ทำจุลาจลที่เมืองแพร่ส่งมายังกระทรวงทางเรือเมล์ออกมาแต่วันที่๑๑ เดือน นี้แล้ว. พระบริรักษ์.


ที่ ๕ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ข้าพระพุทธเจ้าออกจากอุตรดิตถ์วันที่ ๓ เดือนนี้ เวลา ๓ โมงเช้าถึงบ้านให้ฮ้าเวลาบ่าย ๕ โมง ๔๐ นาที พักนอน หลวงเทพภักดีนำหนาน คำอ้ายคนเมืองแพร่ ซึ่งมาได้ภรรยาอยู่ที่ลับแลว่าหนานคำอ้ายคนไปซื้อหาเมี่ยงเมืองแพร่ไปแต่วันที่ ๑๗ กลับมาถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม รู้ว่าเมืองแพร่สั่งนายแขวงประกาศตามราษฎรไม่ให้ไปทางไหนให้ อยู่นอนประจำบ้านแลให้หาลูกหาดินไว้รักษาเมืองด้วยเรียกเวลาใด เมื่อต่อไปได้ความอย่างไรจะกราบทูลครั้งหลัง. พระบริรักษ์.


ที่ ๗ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ๑ วันที่ ๗ เดือนนี้ได้ยกกำลังมาตามทางลัดทุ่งไหปูทน เวลาบ่าย ๑ โมงตรวจดูเห็นเป็นชัยภูมิดี คือมีเขาขนาบทั้งสองข้าง กลางเป็นเนินดิน

๙๗ สูงมีห้วยรอบสามด้านทางที่ได้เดินมาทางเดียวจึงตั้งค่ายทำสนามเพลาะเชิงเนินดิน แล้วเสร็จในวันที่ ๗ เวลาสองยามเศษ ๒. เมื่อเวลาถึงไหปู ทนได้แต่งให้หลวงเมืองคุมกำลัง ๑๐๐ คน ไปสอดแนมแลตรวจทางทุ่งเขาใหญ่ห่างจากไหปูทนสามร้อยเส้น จากเขาใหญ่ไปทางหลวงทางประมาณสามร้อยเส้น ก็หาพบปะพวกโจรแลสิ่งใดไม่มีแต่รอยคนนั่งพักสองข้างทางประมาณ ๒๐ คน และทางสายนี้เดินลำบากมากโดยเป็นช่องแคบ แลต้องเดินในลำห้วยได้แต่จำเพาะเลี้ยงตัว ๓. วันที่ ๙ เดือนนี้ได้รับ จดหมายพระยาพิชัยสองฉบับ ๆ หนึ่งให้หลวงพินิศ หลวงไชยเสมา เป็นนายกองคุมกำลังมาสมทบกองข้าพระพุทธเจ้าร้อยห้าสิบคนฉบับหนึ่งส่งสำเนาจดหมายกงสุลอังกฤษเมืองน่านรวมคงได้ความว่า การที่เงี้ยวทำการปล้นเมืองแพร่คราวนี้ กงสุลอังกฤษเป็นธุระจะชี้แจงว่ากล่าวแก่หัวหน้าโจรให้เป็นการเรียบร้อย ไม่ให้ทำจลาจลต่อไป แต่ในระหว่างยังไม่เรียบร้อยให้กองทัพไทยตั้งอยู่ห่างจากกองโจรซึ่งตั้งรักษาเขตเมืองแพร่ทางวันหนึ่ง แลพระยาพิชัยบอกข่าวมาแล้วก่อนที่ได้รับตอบของกระทรวงได้จัดการให้ข้าพระพุทธเจ้าตั้งมั่นรักษาอยู่ที่ตำบลไหปูทน. พระบริรักษ์.

-13-



๙๘ ที่ ๘ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน วันที่ ๑๐ ได้รับจดหมายพระยาพิชัยว่าพวกเงี้ยวโจรที่เขาพลึงหนีไปหมดแล้ว ให้ข้าพระพุทธิเจ้ายกกำลังไปตั้งอยู่ที่ปากทางจะไปแพร่ ส่วนพระยาพิชัยจะตั้งอยู่ที่เขาพลึง ข้าพระพุทธิเจ้าได้ยกกำลังไปตามคำสั่งพระยาพิชัยในวันนี้. พระบริรักษ์


ที่ ๙ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ๑. ได้ยกออกจากให้ภูทนวันที่๑๑เวลาเช้า ๒ โมงเช้าเดินมาตามทางได้ถึงตำบลตาดงัวเถา ซึ่งพระยาพิชัยตั้งค่ายเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระยาพิชัยให้เข้าตั้งอยู่ในค่ายปีกซ้าย ๒. ทางสายนี้ต้องเดินในลำห้วยแลขึ้นเขาหนึ่งลูก แลม้าที่ขี่ก็ขี่ไม่ได้ต้องจูงหลายสิบแห่ง. บริรักษ์.


ที่ ๑๑ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน โทรเลขที่๑๐ทราบเกล้าพวกเงี้ยวที่ยกไปตีลำปางเงี้ยวแบ่งไปจากเมืองแพร่ประมาณ ๑๕๐ คน บัดนี้พวกเงี้ยวที่แตกจากลำปางแลเขาพลึง


๙๙ หนีไปทางเมืองสองบ้านวังหอมมีอยู่ประมาณ ๗๐ คน พวกนั้นออกจากแขวงเมืองแพร่ ทราบว่าจะไปทางพเยาว์ ส่วนเงี้ยวที่อยู่ในเมืองแพร่ประมาณ ๕๐ คนเป็นแต่ชาวเมืองคนดีทั้งคนตัดผมเกล้าเป็นลาว. บริรักษ์.

ที่ ๖ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ๑. ข้าพระพุทธิเจ้า ได้ ยก ไปถึง ตำบล ให้หาได้ไต่สวนแลพิเคราะห์ เห็นว่าเป็นทางแยกทางเมืองแพร่ลงมาอุตรดิตถ์แลมาลับแลได้หลายทางจึง ทำจดหมายถึงพระยาพิชัยว่า ตัวข้าพระพุทธเจ้าขอยกไปบ้านให้หาแลได้ให้นายร้อยเอกช่วง พระปูควันคุมกำลังไปฟังการที่พระยาพิชัยได้รับจดหมาย พระยาพิชัยต่อว่าขอเอาพระปูควันนายร้อยเอกช่วงแลกำลังไว้ในกองพระยาพิชัย ส่วนตัวข้าพระพุทธิเจ้าเห็นชอบให้ไปตั้งที่ช่องแคบทางให้ห้าย ๒. ข้าพระพุทธิเจ้า จึงได้ย้ายกองตระเวณออกตรวจตีทางลัดบ้านให้หายจับได้ noi sarn กับ ngee วังแล noi sarn คนนี้เป็นคนเคยลงมาทำมาหากิน ทางเมือง พิชัย สวรรคโลก อุตรดิตถ์ คุ้นเคยกับพ่อค้าไทยจีนมาก สงสัยว่าจะเป็นพวกเงี้ยวให้มาสอดแนม จึ่งได้สอบถาม noi sarn noi wang คงได้ความว่าเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคมพวกเงี้ยวประมาณ ๓๐๐ คนเข้าตีปล้นเมืองแพร่ รุ่งขึ้นวันที่ ๒๖ ที่ ๒๗ พวกเงี้ยวกับ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๖๓ (ราชบุตร) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๘๕๗๗


๑๐๐ (ราชวงศ์) ๒๒๒๙ (เจ้า) ๕๑๙๒ (บุรี) ประชุมเลี้ยงโต๊ะกระทำสัตย์ ตกลงกันกับพวกเงี้ยวยก ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) เป็นที่หนึ่ง ๖๔๘๑ (พะ) ๒๔๘ (กา) ๗๘๓๑ (มอง) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) เป็นที่สอง ๓. ครั้น วันที่ ๒๘ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) กับพวกเงี้ยวจึงคบคิดกันยกมาเขาพลึงกองหนึ่ง มีไพร่ร้อยเศษหัวหน้าสามชื่อสลาน่านหนึ่ง สลาโพไชย หนึ่ง สลาจงใค่หนึ่ง ยกไปบ่อแก้วกองหนึ่ง มีกำลังไพร่ร้อยเศษ มีหัวหน้าคนหนึ่งชื่อร้อยสังคำ ๔. วันที่ ๓๑ ยกไปตีนครลำปางอีกกองหนึ่งมีกำลังไพร่ร้อยห้าสิบคนหัวหน้า ๔ คนชื่อโปคำสังหนึ่ง โปคำซ้ายหนึ่ง พะกามองหนึ่ง คำไมหนึ่ง ทั้งสามกำหนดนัดกันว่าวันที่ ๓ สิงหาคม จะตีลงทางนครลำปางแลอุตรดิตถ์ถึงนครสวรรค์ประจบกันการส่งเสบียงทั้งสามกอง ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑(แพร่) เกณฑ์ราษฎรเมืองแพร่จัดส่ง ๕. หนานวงษ์ บ้านสองกาษาจับพระยาไชยบูรณ์ให้ใช้พวกเงี้ยวฆ่าเสียที่บ้านห้องแหวงแล้วพวกเงี้ยวสินบนน่านวงศ์สามร้อยบาท มาสองมาหลวงวิมนข้าหลวงผู้ช่วยแคว้นพระยาหลวงบ้านป่าแดง จับส่งให้พวกเงี้ยวฆ่ากันได้สินบนจากพวกเงี้ยวยี่สิบแถบข้าราชการนี้ทราบ ส่วนเยื้อนภรรยาพระยาไชยบูรณ์ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) จับไว้ในด่าน ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ยังไม่ได้ส่งให้เงี้ยวทำอันตราย ๖. แลพวกเงี้ยวได้ฆ่าตำรวจภูธรตาย ในเมืองแพร่ สามคนพลตำรวจตีน่าสงสัยว่าจะเป็นนายร้อยตรีตาดผู้บังคับกองอุตรดิตถ์กับตำรวจที่ไปช่วยปราบผู้ร้ายบ่อแก้ว กลับมาพบเงี้ยวจน


๑๐๑ ๓ คนได้ต่อสู้แลฆ่าเงี้ยวตาย แต่ยังไม่ทราบว่าในเมืองแพร่เกิดเหตุเข้า ไปแจ้งความในเมืองแพร่สามคนกับพลตำรวจจนบัดนี้ยังไม่กลับแลไม่ทราบข่าว ครั้นสอบถามก็ไม่ทราบว่าตำรวจภูธรที่ไหนตามที่สืบได้ความเท่านี้เมื่อต่อไปได้ความอย่างไรจะกราบทูลมา. พระบริรักษ์.


ที่ ๓ กราบทูล เสนาบดีมหาดไทย บางปะอิน วันที่ ๑ เดือนนี้ หลวง ๒๒๕๙ (จำนงค์) กรมการพิเศษ ๑๐๑๕๗ (สุโขทัย) ซึ่งไปซื้อไม้ แพร่ ๔๘๑๖ (หนี) พวก ๑๗๘๕ (เงี้ยว) มา กับนายสิลานัก ๒๗๘ (การ) ถามคง ๓๓๑๕ (ได้) ๑๑๘๕ (ความ) ๙๗๓๖ (ว่า) หนึ่งคำหลวง ๒๒๕๙ (จำนงค์) ๙๗๓๖ (ว่า) ได้ไปพัก ได้ภรรยาอยู่บ้านใหม่ทุ่งกว่าเมืองแพร่ ครั้นวันที่ ๒๕ เดือนก่อน เวลา ๑ โมงเช้าเสียงปืนดังในเมืองแพร่ได้ออกมาถามพวกเงี้ยวแลพวกลาวบอก ว่า ๕๔๘๐ (ประดา) ๗๘๓๑ ( ) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) หนึ่ง ๕๖๘๓ (ปี) ๘๐๑๒ (อย่า) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) หนึ่งชั่งหลวงสว่าง ๑๗๘๕ (เงี้ยว) หนึ่งหนาน ๑๐๙๒๕ (เสนา) นักโทษหนีคุกแพร่หนึ่ง ๑๒๘๐ (คุม) ๗๐๒๘ (พวก) ประมาณ ๓๐๐ คน ๗๔๕๕ ( ) ๕๘๕๖ ( ) บ้านพระยาไชยบูรณ์โรงตำรวจภูธรคลังเงิน ๑๑๕๐๙ (แหก) ๑๒๘๙


๑๐๒ (คุก) ปล่อยนักโทษตัดสายโทรเลข แต่เงี้ยวแล ๗๐๒๘ (พวก) ๙๑๑ (ลาว) ๗๐๐๘ (พลอย) เก็บเข้าของด้วย ๗๙๐๑ (เมือง) ๖๘๙๑ (แพร่) ไม่ทำ ๘๕๔๓ (ร้าย) แต่ ๔๔๕๕ (ไทย) กับ ๒๐๐๒ (จีน) แลเงี้ยวได้ ๔๔๗๑ (ทำ) ๑๐๖๘ (เข้ามาอีก) ๑๐๖๓๔ (สาบาล) กินน้ำ ๑๐๖๓๔ (สาบาล) กับ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) ว่าถ้า ได้ ๑๐๘๘ (คดี) ๔๔๕๕ (ไทย) ๗๐๒๘ (พวก) ๑๗๐๒๘ ( ) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) จะออกน่า ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) จะ ๘๒๒๓ (ยก) เงินหลังแล้วเงี้ยว ๕๒๔๕ (แบ่ง) ๑๘๐๗ (เงิน) ๑๑๖๔๕ (ให้) ๒๒๒๙ (เจ้า)๖๘๙๑ (แพร่) สี่หมื่นบาท แลกำลังจ้างบนอยู่ ถ้า ๑๙๔๐ (จับ) ๖๕๕๒ (พระยา) ไชย ๕๒๒๐ (บูรณ์) ๖๒๐ ( ) กับ ๖๕๕๒ (พระยา) เสนา ๗๕๑๘ (มาด) ๓๓๑๕ (ได้) ให้คนละสี่ร้อย บาทถ้าจับไทยนอกนั้นได้ให้คนละสี่สิบบาท แล้วพวกลาวได้บอกให้หลวง ๒๒๕๙ (จำนงค์) นี้ไปถึงบ้านน้ำช่ำในวันที่ ๒๘ เดือนก่อน รู้จากนายตัว แก่เงี้ยวว่า ๖๕๕๒ (พระยา) ไชย ๕๒๒๐ (บูรณ์) ๖๕๒๐ (พบ) กัน กับคน ๔๔๕๕ (นาย) หนึ่งคนพวกเงี้ยว ๑๙๔๐ (จับ) ๑๖๔๖ (ฆ่า) เสียแต่วันนี้แล้วหลวง ๒๒๕๙ (จำนงค์) เลยมาถึงแขวงท่าปลาขึ้นน่านพบกับนายสิลาแขวงให้เงิน ๒๐ บาท แล้วจ้างเรือมาส่งอุตรดิตถ์ ๒ คำนาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) ของ ๒๓๑๕ (ฉวาง) ความ ๙๗๓๖ (ว่า) นาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) คนอยู่กับ ๖๕๒๐ (พบ) กันครั้งนี้


๑๐๓ เป็นนายอำเภอ ๕๐๔๔ (น้ำชาด) เมื่อ ๖๕๒๐ (พบ) กันไปเป็น ๘๙๒ (แขวง) แพร่ได้เอานาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) ไปด้วย แลให้เป็น ๔๖๔๘ (นัก) ๒๗๘ (การ) ศาลอำเภอ ครั้นวันที่ ๒๕ กรกฎาคม เวลา ๑ โมงเช้าได้ยินเสียงปืนในเมือง ๖๘๙๑ (แพร่) สี่พันนัด จึ่งตื่นขึ้นไปพบนายวงษ์บอกว่า ๗๐๒๘ (พวก) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) จะฆ่าพวก ๔๔๕๕ (ไทย) ให้ตายหมดให้นาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) คนครอบครัวนี้ไปเสียนาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) จึงได้เก็บของซุ่มไว้หนีไปแต่ตัวอาศัยอยู่บ้านนาย ๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๖๕ (จอง) แสง แลเห็น ๗๐๒๘ (พวก) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ๑๖๔๖ (ฆ่า) นายอ่อนจ่านายสิบตำรวจภูธร ๓๕๒๒(ตามห้อง) และได้ยินเสียงปืนไม่หยุดแลเวลานี้นาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๖๐๗๗ (ลา) พักอยู่บ้านนาย ๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๐๔ (แจกเงิน) ๒๑๖ (กำพงษ์ได้) นาย ๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๖๕ (จอง) แสงนั้นนาย ๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๖๔ (จอง) แสงได้ขอไปอยู่กับ ๗๐๒๘(พวก) ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ในเมืองจนเวลาเย็นแล้วจึงได้กลับมากับพวก ๑๗๘๕ (เงี้ยว) สี่คน แล ๑๗๘๕ (เงี้ยว) สี่คนได้ปืนตำรวจภูธรมา ๑ บอก ดาบ ๒ เล่ม แล้วเอาเงินแบ่งให้นาย ๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๖๔ (จอง) แสงสาม สิบบาท แลพูดว่าเงินที่ ๕๘๕๖ (ปล้น) ได้จากที่ว่า ๒๗๘ (การ) แลบ้าน ๖๕๕๒ (พระยา) ไชย ๕๒๒๐ (บูรณ์) นั้นขึ้นถังละพันบาทแบ่งให้ ๒๒๒๙ (เจ้า) ๖๘๙๑ (แพร่) สามถุง ๒๒๒๙ (เจ้า ๕๒๙๒ ( )


๑๐๔ พระเมืองสาย ๔๙๕๑ (น้อย) ส่วน ๒๒๒๙ (เจ้า) ราชวงศ์คนละ ๑ ถุง แลได้ ๔๔๗๑ (ทำ) ๑๐๖๐๒ (สัตย์) ๑๐๖๓๔ (สาบาน) กับ ๒๒๒๙ (เจ้า) แพร่แล ๒๒๒๙ (เจ้า) นายกินน้ำกันว่าถ้ากอง ๔๑๒๖ (ทัพ) ๔๔๕๕ (ไทย) ยกมา ๓๕๖๖ (ตี) เงี้ยวจะออกหน้า ๒๒๒๙ (เจ้า) แพร่ แล๒๒๒๙ (เจ้า) นายจะยก ๓๖๙๐ (แต่ครั้ง) ทาง ๙๐๔๑ (หลัง) แลได้ยินนาย ๗๘๘๐๔ (ร้อย) ๒๑๖๔ (จอง) แสงพูด กับเก่าบ้านว่า ๑๗๘๕ (เงี้ยว) ได้ยิง ๔๔๕๕ (ไทย) ๓๕๓๒ (ตาย) แล้วคือ ๙๔๙๐ (หลวง) ๑๐๘๐๘ (ศรี) ที่นาย ๔๕๓๗ (ทำมะรง) หนึ่งนายร้อยตรีตาดแลภรรยาบุตรหนึ่งหลวงประหลาดรองแขวงหนึ่ง น้อง ๖๕๒๐ (พระ) กัน ๑ นายเครื่อง ๑ แดงหุ่น ๑ แล ๔๙๕๗ (นอก) นั้นอีก ๙๑๑๘ (หลาย) คนแต่นาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) จะไม่ ได้แล้วนาย ๑๐๘๐๘ (สิ) ๙๐๗๗ (ลา) ก็หนีไปนอนกลางป่าสามคืน รุ่งขึ้นกลางวันจึงพบกับหลวง ๒๒๕๙(จำนง) และชวนกันมาถึงแขวงท่าปลาขอให้ช่วยส่งมาพิชัย นายแขวงท่าปลาได้ให้เงินยี่สิบบาทแลจัดพาหนะมาส่งคงได้ความแต่เท่านี้ ๓. ข้าพระพุทธเจ้าจะได้ยกออกจากอุตรดิตถ์พร้อมกันในวันที่ ๓ เดือนนี้ เพราะคนเหลือมากต้องนอนค้างกลางทางแล เมื่อขึ้นไปได้ความอีกประการใดจะกราบทูลมา. พระบริรักษ์.



๑๐๕ ถึงเทศามณฑลต่าง ๆ วันที่ ๙ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๑ ด้วยเมื่อวันที่ ๒๕ เวลารุ่งเช้ากรกฎาคม มีผู้ร้ายเงี้ยวไปจากเมืองลองบ้างอยู่ในเมืองแพร่บ้าง รวมกันประมาณ ๓๐๐ คนเข้าปล้นเมืองแพร่ ข้าหลวงแลเจ้าเมืองไม่ทันรู้ตัว ผู้ร้ายได้เมืองแพร่ ฆ่าพระยาไชยบูรณ์ ข้าราชการตายหลายคนจับเจ้าแพร่ได้ แต่ยังไม่ทำอันตราย เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ผู้ร้ายพวกนี้ยกไปปล้นเมืองนครลำปาง ตำรวจภูธรตีผู้ร้ายแตก ไป เวลานี้ผู้ร้ายตั้งดักทางคอยต่อสู้ที่เมืองแพร่ กองทัพเมืองพิชัย สวรรคโลก แลเมืองตากได้ยกขึ้นไปแล้ว แลกองทหารกรุงเทพ ฯ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นแม่ทัพยกขึ้นไปจวนจะถึงอยู่แล้ว ถ้ามีข่าวเล่าลือไปอย่างอื่นขออย่าได้เชื่อถือ. (เซ็นพระนาม) ดำรง.


กราบเรียน เจ้าคุณสุรสีห์ มหาดไทย กรุงเทพฯ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นครั้งนี้มณฑลพิษณุโลกจัดการ แลกำลังได้เร็ว ควรชมว่ามณฑลหนึ่ง เกล้าออกวันนี้. เสนาพิพิธ. -14-



๑๐๖ ที่ ๑๑๒ ถวายพระเจ้าน้องยาเธอ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ตามโทรเลขที่ ๑ โปรดเกล้าว่า ถ้าจะต้องการกำลังคนไทยในเมืองตากสักห้าร้อยจะส่งไปช่วยราชการเมืองแพร่กี่วันจะยกได้ทางจากตากไปแพร่เดินกี่ทางเดินทางใดสะดวกนั้นได้รับแล้ว ได้สอบทางถามแลแนะนำไปยังพระยาสุจริตแล้วได้รับโทรเลขที่ ๔๒ ตอบว่าได้ตรวจคนไทยฉกรรจ์ได้พอ ๕๐๐ คน กำหนดจะยกได้วันที่ ๕ สิงหาคม จะให้ไปเมืองแพร่หรือนครลำปาง แต่ทางไปแพร่เดินทางเมืองเถิน ๗ คืน เดินทางเมืองถองแขวงสวรรคโลก ๗ คืน ทางสะดวกเหมือนกัน ได้ความตาม โทรเลขพระยาสุจริตดังนี้ แลทางจะไปแพร่นั้นข้าพระพุทธเจ้าได้ไต่สวนที่นครสวรรค์ก็ได้ความว่าเดินทาง แลระยะทางถูกตามที่พระยาสุจริตบอกมานี้แลข้าพระพุทธเจ้าได้มีโทรเลขตอบชี้แจงไปยังพระสุจริตว่าจำนวนคนที่ให้เกณฑ์นั้น คือ รวม ๑๐๐๐ คนให้เป็นนครลำปางกับพระยาสุจริต ๕๐๐ อีก ๕๐๐ ให้รวมไว้ที่เมืองตาก ถ้าจะต้องการเวลาใดให้เรียกได้ทันที แต่ ส่วนที่จะไปเมืองแพร่นั้นให้งดไว้ก่อนที่จะได้รับคำสั่งต่อไปแต่ถึงอย่างไรก็ดีข้าพระพุทธเจ้าคิดด้วยเกล้าว่า จะรีบขึ้นไปให้ถึงเมืองตากก่อนวันที่ ๕ ส่วนพระยาสุจริตได้กำหนดนี้. ไกรเพชร.



๑๐๗ ที่ ๑๖ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน โทรเลขที่ ๓ ทราบเกล้าแล้ว ทางที่จะไปเมืองแพร่นอกจากทางไปเมืองลอง ซึ่งเป็นทางลัด คือ ๑. ทางไปทางหน้าต้นจันทร์ห้วยแม่ลากแลแยกไปตามลำฮ่องร่วมจากทางอุตรดิตถ์ไปแพร่เหนือเขาพลึง ๒. ทาง ไปบ้านน่าป่ากอง แยกตามห้วยแม่สุงไปออกแม่เผือก ๓. จากน่าป่ากองแยกไปน่าพูนรวมทาง (๒) ทางนี้ไปรวมทางหลวงจากอุตรดิตถ์ไปแพร่ เหนือเขาพลึง ๔. ทางแยกจากน่าพูนไปบ่อแก้วเลยไปแพร่. วิชิตรภักดี.


เรียน เจ้าคุณสุรสีห์ อยู่หัวลำโพง กรุงเทพฯ เกล้าสอบไล่ได้ ๘๓ ข้อแล้ว เวลานี้หยุดเพราะเกิดเหตุขึ้นที่แพร่เกล้าขอกลับไปรักษาบ้านเมืองก่อน โปรดตอบ. ศุขราช.


กราบทูล พระเดชพระคุณ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน โทรเลขที่ ๑๖ ทราบเกล้าแล้ว กองทัพพระยาพิชัยยกกำลัง ๕๐๐ คนเศษตั้งอยู่ปางอ้อปลายเขตอุตรดิตถ์เขตแพร่ที่เขาพลึง แลพระ


๑๐๘ บริรักษ์ได้ยกกำลังหนุนไปถึงอีก๔๐๐ คนเศษ กองพระภักดีราช ๒๓๐ คนอ้ายพวกเงี้ยวเหล่าร้ายได้ยกกำลังกองโจรกองละ ๒๐ คน ๓๐ คนมายั่วเย้า กองพระยาพิชัยได้ยิงอ้ายเงี้ยวตาย ๒ คน แล้วพวกเงี้ยวก็แตกแพ้ไป แล้วพระยาพิชัยก็ยังคอยกองทหารอยู่ที่เก่า ครั้นจะบุกบั่นขึ้นไปเวลานี้อาวุธก็ยังไม่เพียงพอและตำรวจภูธรที่ออกไปสืบเหตุการณ์๑๑ คน ได้เลยออกไปตามค้นพบอ้ายพวกเงี้ยว ๓ คน เงี้ยวได้ฟันมีบาดเจ็บ ๑ คน พลตำรวจยิงอ้ายเงี้ยวตาย ๓ คน แล้วพวกเงี้ยวประมาณ ๑๐๐ คนได้มาต่อสู้พวกตำรวจยิงคนหาบเสบียงพวกตำรวจตาย ๑ คน แล้วพวกตำรวจก็แตกพ่ายไป บัดนี้กลับมาได้ ๕ คน พวกนั้นยังไม่ทราบเกล้าไปอยู่ไหน. หลวงประสาท.


นายพลโทเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีแม่ทัพประกาศแก่คนทั้งหลาย ซึ่งอยู่ในเมืองให้ทราบทั่วกันว่า เมื่อ ณ เดือนกรกฎาคม ศก ๑๒๑ มี พวกเงี้ยวผู้ร้ายก่อการจลาจลขึ้นในหัวเมืองมณฑลพายัพ พวกผู้ร้ายเหล่านี้ได้ใช้อำนาจกดขี่พวกเงี้ยวแลพวกพลเมือง ให้จำเป็นยินยอมเป็นพรรคพวกแลช่วยเป็นกำลังของพวกผู้ร้ายมีอยู่โดยมาก บัดนี้กองทัพได้ปราบปรามพวกผู้ร้ายล้มตายแตกหนีไปสิ้น บ้านเมืองเรียบร้อยลงมากแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาแก่คนที่ ได้ประพฤติผิดไปในการที่ได้ช่วย


๑๐๙ เหลือเป็นกำลังของพวกผู้ร้าย เพราะถูกผู้ร้ายกดขี่ให้จำเป็นต้องยอมเป็นพวกพ้องโดยทรงทราบว่าคนพวกนี้ยัง มีความหวาดหวั่นเกรงกลัวพระราชอาญาอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรา มีประกาศนี้ให้ทราบทั่วกันว่า นอกจากผู้ที่เป็นหัวหน้าผู้ร้ายหรือข้าราชการ ที่เป็นใจด้วยผู้ร้ายนั้นแล้ว ถ้าหากว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่ต้องช่วยผู้ร้ายหรือต้องเข้าเป็นพรรคพวกผู้ร้ายโดยความจำเป็นนั้นยอมลุแก่โทษส่งปืนแลกระสุน ดินดำที่มีอยู่เสียแก่เจ้าพนักงานแล้ว แลยอมสัญญาว่าจะประพฤติการหาเลี้ยงชีพโดยสุจริตต่อไปฉะนี้แล้ว ก็จะทรงพระกรุณาโปรดยกโทษพระราชทานแก่ผู้นั้น ๆ ไม่เอาโทษอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป ให้ไปตั้งทำมาหากินตามภูมิลำเนาเดิมไม่ต้องมีความวิตกเดือดร้อนอย่างใดต่อไป ประกาศมา ณ วันที่ เดือน รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ (ไม่ได้มีไป เป็นร่างประกาศจะโทรเลขไปถึงสุรศักดิ์ แต่รับสั่ง ให้งด ให้เก็บไว้ในเรื่องเงี้ยวปล้นเมืองแพร่) ส.น.


กราบเรียน คุณพระไปรษณีย์ บางปะอิน ด้วยเรือกองทหารถึงอ่างทองวันนี้ เวลาบ่าย ๓ โมง. (เซ็น) เฟน.


๑๑๐ กราบเรียน เจ้าคุณสุรสีห์ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ คนเจ้าคุณไชยบูรณ์หนีลงมาแจ้งว่าเจ้าคุณไชยบูรณ์ถึงอนิจกรรมในระหว่างผู้ร้ายปล้นแล้ว ผู้ร้ายทั้ง ๕๐๐ คนยังอยู่เมืองแพร่ แต่ครอบครัวยังไม่ได้ความ แต่น่ากลัวจะเป็นอันตรายเสียมาก. ขุนสุนทร.


โทรเลขจากเมืองแพร่ ถึงกระทรวงโยธา ลงวันที่ ๑๙ สิงห์ ที่ ๔ กระทรวงโยธา กรุงเทพฯ ได้ทราบความจากข้าหลวงเมืองน่าน ว่ากองด่านเมือง Saeb (สา?) จับพวกเงี้ยวกองโจรที่หนีไปจากแพร่ได้เมื่อวันที่ ๑๔ เดือนนี้ มีชาย ๑๙๕ มีหญิง ๕๘ ช้าง ๑๘ ม้า ๒๓ วัว ๑๘ ปืน ๓๕ บอก. ขุนบริจิตร.


เจ้าพระยาสุรศักดิ์ แพร่ ได้ทราบข่าวว่าเมืองน่านจับผู้ร้ายเงี้ยวที่หนีไปจาก เมืองแพร่ได้ที่ด่านเมืองสามีจำนวนคนทั้งชายหญิงกว่าสองร้อยคน เข้าใจว่าเจ้าคุณจะได้ทราบแล้ว แลหวังใจว่าเจ้าคุณจะได้แต่งกำลังรีบขึ้นไปรับพวกผู้ร้ายมา


๑๑๑ ชำระที่เมืองแพร่ เพราะผู้ร้ายมากอยู่และพวกพ้องของมันจะซุ่มซ่อนคอย แก้ไขกันที่ไหน จะไว้ใจแต่กำลังเมืองน่านทีเดียวไม่ได้ อนึ่งผู้หญิงพวกผู้ร้ายนั้นเข้าใจว่าเจ้าคุณคงจะได้สั่งให้ปล่อย อย่าควบคุมอย่างคนโทษ.


ที่ ๑๒๙ วันที่ ๑๔ เดือน ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๑ เจ้าพระยาสุรศักดิ์ แพร่ ที่ตำบลบ่อแก้ว เจ้าคุณได้หมั่นให้ไปตรวจอยู่เสมอหรืออย่างไร แลเวลาไปตรวจได้พบผู้ร้ายแลบ้านเรือนของผู้ร้ายมาตั้งอาศัยอยู่อีกบ้างหรือไม่.


ที่ ๑๔๘ วันที่ ๒๐ เดือน ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๑ เจ้าพระยาสุรศักดิ์ แพร่ โทรเลขที่ ๑๗๒ รับแล้ว ในส่วนเรื่องเงี้ยวที่ไลมาขอหนังสือเพื่อให้ไปเกี่ยวข้าวที่บ่อแก้ว โดยอ้างว่าเป็นคนในบังคับ เจ้าคุณไต่สวนได้ความไม่สมจึงไม่ให้หนังสือนั้นดีแล้วแต่ที่เจ้าคุณ สั่งไปให้ลำปางมาไต่สวนนั้นฉันเข้าใจว่าเจ้าคุณจะสั่งไปก่อนได้รับโทรเลขที่ ๑๒๔ ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งเขตการบังคับบัญชาตำบลบ่อแก้วนี้จึงอยู่ในหน้าที่ของเจ้าคุณ ไม่เกี่ยวแก่ลำปาง ตามคำเงี้ยวที่ว่ามีข้าวอยู่ที่บ่อแก้ว ถึงหากจะมีจริงเราต้องถือว่าเป็นของพวกผู้ร้าย ไม่จำเป็นจะต้องไต่สวนเพราะในตำบลนั้นมีพวกผู้ร้ายอาศัย ไม่ใช่เป็นทำเลสำหรับคนดีจะไปตั้ง


๑๑๒ ทำมาหากินจึงได้ออกประกาศห้ามไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดไป ตั้งบ้านเรือนอีกต่อไป ซึ่งเงี้ยวคนนี้ยากถ้าทางมาฉันให้นึกสงสัยว่าจะไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องข้าว คง จะเป็นเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ที่บ่อแก้ว ว่าอย่างไม่มีอะไร ก็คงจะเป็นเรื่องที่คิด จะตั้งรังขึ้นอีก จึงเอาเรื่องข้าวมาเป็นต้นเหตุไม่น่าจะไว้ใจ ขอให้เจ้าคุณ แต่งคนหมั่นไปตรวจให้เสมอ อย่าให้ตั้งบ้านเรือนแลมั่วสุมกันอีกต่อไปได้.

ที่ ๑๖๑ วันที่ ๒๓ เดือน ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๑ เจ้าพระยาสุรศักดิ์ แพร่ โทรเลขที่ ๑๘๗ อีกฉบับหนึ่ง เรื่อง จัดการในบ่อแก้วนั้นรับแล้ว การที่เจ้าคุณได้จัดแลสั่งไปนั้นชอบแล้ว

กิมเซ่งหลีนครลำปาง วันที่ ๑๒ เดือน กันยายน ศก ๑๒๑ น้อมคำนับเรียนมายัง ใต้เท้าได้ทราบ ด้วยการบ้านเมืองนั้นเห็นจะไม่เงียบง่าย ถ้าแม้ใต้เท้าจะขึ้นมาข้าพเจ้าเห็นว่าขึ้นในเดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธุ์ ตามที่ข้าพเจ้าได้ทราบต่อพวกสำคัญนั้น ว่ามีพวกผู้ร้ายที่เมืองพะเยา ๕๐๐ กว่าคน ที่ดินกลาง ๖๐๐ กว่า แลพวกพลเมืองก็บัดนี้อาการเต็มทีอยู่แล้ว และพวกผู้ร้ายเขาก็รู้ว่าทหารที่ขึ้นมานั้นไม่พอ เพราะเป็นลูกบ้านมากทหารจริงแท้ไม่ใคร่มีมากเวลานี้เขาเงียบอยู่เพราะไร่นา เดือนยี่เหนือกับเดือน ๕ เหนือนี้ คงจะเกิด ขึ้นเป็นแน่เพราะทุกวันนี้จับได้แต่พวกดี แต่พวกผู้ร้ายจับไม่ได้มาก ถ้า


๑๑๓ แม้นจะขึ้นมาตรวจเป็นครั้งเป็นคราวใน ๔ เดือน ๕ เดือนนี้ ให้นายกิขึ้นมา ก็ได้ ส่วนใต้เท้าเห็นจะไม่ควร แต่ส่วนนายกิข้าพเจ้ารับรองได้แข็งแรงเพราะการที่ข้าพเจ้าทำมาเป็นสอดแนมใต้เท้าก็ทราบแล้ว พวกแข็งแรงในมณฑลนี้มีอยู่กับข้าพเจ้า ถึงอย่างไรก็ดี ถ้าแม้นใต้เท้าจะขึ้นมานั้นขอขึ้นมาภายหลังเดือนยี่เหนือหรือเดือน๕ก่อนนี้เห็นจะไม่สู้ดี เพราะพวก ผู้ร้ายที่ตีเมืองแพร่นั้นไปดินกลางไปเข้ากับเจ้าน้อยกู๊แลเจ้านางแว่นทิพย์แล้ว เหตุฉะนั้นเห็นจะไม่แล้วได้ ทุกวันนี้ผู้ร้ายตีอยู่ที่เมืองปายแม่ฮ่องสอนได้ทราบว่าเต็มที แต่พวกที่เขาไปอยู่ดินกลางนั้นบางพวกออกตีเมืองพร้าวบางพวกตีริมเชียงราย พวกนายร้อยไม้ของเราที่เมืองเมาะก็ติดไปบ้างแล้วภายหลังจะมีหนังสือเรียนมามาก. คำนับมาทราบ . (เซ็น) ม่องโพพิน.


กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ ได้รับรายงานแขวงนครแพร่ว่า วันที่ ๘ เดือนนี้ เวลากลางคืนมีผู้ร้ายฆ่าอำแดงเขียวบ้านเหล่าแขวงแพร่ ตาย ได้แต่งให้พระสุรีไปไต่สวนจับตัวอ้ายคำอ้ายอ้นสองคนได้ ให้การรับเป็นสัตย์ได้โทรเลขไปมณฑลพายัพแล้วความต้องกัน. (เซ็น) หลวงอุตรดิตถ์. -15-

๑๑๔ วันที่ เดือน พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๑ ข้าพระพุทธิเจ้านายนวม เดิมได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณเป็นนายกองสวนหลวงศีร์ษะลำโพง พระยาอนุชิตชาญไชยอุ่นลุงข้าพระพุทธิเจ้าเป็นแม่กอง ครั้นพระยาอนุชิตอุ่นถึงแก่กรรมแล้ว ข้าพระพุทธิเจ้าจึงได้ขึ้นไปตั้งบ้านเรือนอยู่เมืองตากตั้งแต่ ปี ร.ศ. ๑๐๘ ราษฎรประชุม ขอตั้งข้าพระพุทธิเจ้าเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในท้องที่ขุนรองสุภา อำเภอในเมืองตาก ขอพระราชทานกราบทูลถวายรายงานการสอดแนมตั้งแต่ชั้นเดิมมาด้วยเรื่องราษฎรเขตแขวงเมืองตากเดือดร้อนกับเรื่องการไปทัพปราบปรามเงี้ยวกองโจรและทราบการแผ่นดินต่าง ๆ ทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยทรงทราบฝ่าละอองพระบาทฯ ข้อ ๑ แต่ชั้นเดิมมานั้น ราษฎรเขตเมืองตากเดือดร้อนด้วยกรมการเจ้าหมู่กดขี่เกณฑ์แล้วอุบายหาประโยชน์ในครั้งก่อนนั้น ถ้าข้า- หลวงขึ้นล่องไปราชการควรเกณฑ์ส่งใน ๑๐ คน ๒๐ คน กรมการเจ้าหมู่อุบายเกณฑ์แทบทุกหมวดทุกกอง ครั้นตัวเลขมาตามเกณฑ์กรมการว่า ได้ออกเงินจ้างแทนตัวไปแล้ว ๆ เรียกเงินกับตัวเลขกดขี่เช่นนี้คนหนึ่งปีละหลายครั้ง จนถึงมีตราโปรดเกล้าฯ ไม่ให้เกณฑ์ตั้งแต่ ร.ศ. ๑๑๐ กรม การขืนเกณฑ์อุบายหาประโยชน์ต่อมาถึงปี ร.ศ. ๑๑๕ เมื่อพระยาดัศกรปลาสขึ้นไปเมืองตาก ข้าพระพุทธิเจ้าได้ไปแจ้งความว่าราษฎรเดือดร้อน



๑๑๕ พากันหนีไปอยู่นอกพระราชอาณาเขตมาที่มีอยู่ก็ยังเดือดร้อนจะขอสมัครถึงบุญเป็นเลขขึ้นมณฑลพอได้พ้นอำนาจเดิมกดขี่ พระยาดัศกรทราบจึง ได้มีตรามาให้ข้าพระพุทธิเจ้าฉบับหนึ่ง ข้อความแจ้งอยู่ในตราที่ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายไว้แล้ว ต่อมาเมื่อมีตราโปรดเกล้า ฯเรียกพระยาดัศกรปลาส กลับกรุงเทพฯ ฯ แล้วกรมการเจ้าหมู่ก็ยังขืนเกณฑ์อุบายกดขี่ลงเอาเงินตัวเลขอีก ข้าพระพุทธิเจ้ามีความกตัญญูต่อแผ่นดินคิดถึงพระบารมีได้ปกเกล้าฯ เห็นว่าราษฎรเดือดร้อนเช่นนั้นเพราะเมืองตากเป็นเมืองหน้าด่าน ใกล้เขตแดนติดต่อกับต่างประเทศก็จะพากันแตกตื่นอพยพไปอีก เพราะ ข้างฝ่ายโน้นคอยเกลี้ยกล่อม ถ้าเห็นคนไทยข้ามแม่น้ำเม้ยเคยรับรองเอา ไปไว้มาก เมื่อพระยาราชพงษานุรัตขึ้นเปลี่ยนเป็นเทศาใหม่ปี ร.ศ. ๑๑๕ ราษฎรได้พากันมามีคนประมาณ ๒๕๐ เศษ ร้องขอให้ข้าพระพุทธิเจ้านำ ไปร้องกล่าวโทษเจ้าหมู่นายที่กดขี่เอาเงินตัวเลขไปเทศาได้รับคำร้องแล้วได้เรียกตัวเจ้าหมู่มาถามรับเป็นสัตย์ แล้วเทศาได้บังคับให้เจ้าหมู่คืนเงินให้กับเลขราษฎรเข็ดหลาบบอบช้ำมามากเช่นนี้ต่างประเทศและประเทศราชจึงมาเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย หนังสือที่คนไทยไปเข้าเกลี้ยกล่อมอยู่กับในประเทศราชนั้น ใช่แต่ใบเดียวที่ข้าพระพุทธิเจ้าทูลเกล้าฯ ถวายนั้นหา มิได้แขวงกำแพงเพชรและเมืองตากมีอยู่หลายตำบลแบบเดียวเช่นที่มาในท้ายเรื่องราวนั้นแล้ว ข้อ ๒ ครั้นต่อมาถึงปี ร.ศ. ๑๒๑ นี้ พระยาสุจริตรักษาผู้


๑๑๖ แทนแม่ทัพใหญ่มณฑลทิศพายัพเกณฑ์ข้าพระพุทธิเจ้าไปทัพรายปราบปรามอ้ายเงี้ยวกองโจรปล้นเมืองแพร่กับเมืองนครลำปางนั้น แล้วขุนรองสุภานายอำเภอเป็นผู้จำหน่าย เกณฑ์คนที่มีดาบกับพร้าโต้เป็นกองหน้า ให้ข้าพระพุทธิเจ้าควบคุม ครั้นพระยาสุจริตรักษาไปที่ว่าการอำเภอแล้ว ขุนรองสุภานายอำเภอได้เรียนชี้แจงว่าเลข ๘๒ คนนี้มอบให้ข้าพระพุทธิเจ้ากำกับเป็นกองหน้า แล้วพระยาสุจริตได้ตรวจดูเลข ๘๒ คนกองข้าพระพุทธิเจ้าแล้ว พระยาสุจริตได้ร้องประกาศว่า ถ้าคนใดมีอาวุธดาบแล้ว จะมีปืนต่อภายหลังไม่ได้เป็นอันขาด ข้าพระพุทธิเจ้าจึงได้เรียนชี้แจงต่อพระยาสุจริตว่าเดิมราษฎรมีอาวุธแต่ดาบกับพร้าโต้ ถ้าภายหลังราษฎรขนขวายหาได้ปืนมีมาใหม่ก็ควรจะแทงบัญชีให้เป็นอาวุธปืนเพราะเป็นกองหน้า แล้วข้าพระพุทธิเจ้าไปยืมปืนพระวิชิตรักษาปลัดกับปืนลูกค้ากับปืนของข้าพระพุทธิเจ้าที่มีอยู่บ้างก็ได้ไปแจกจ่ายราษฎรกองหน้า พล ๘๒ คนมีปืน ๑๓ บอก ราษฎรเมืองตากครั้นทราบว่าข้าพระพุทธิเจ้าถูกเกณฑ์ไปทัพเป็นผู้กำกับพลกองหน้า ก็พากันมาร้องของสมัครเข้ามาอยู่ในกองข้าพระพุทธิเจ้าอีก ๑๐๐ คน ท่านพระยาสุจริตห้ามราษฎรว่าตกอยู่กองใด ๆ ก็เหมือนกัน แล้วพระยาสุจริตรักษาได้หาตัวข้าพระพุทธิเจ้าแล้วว่าเป็นการขอบใจนายนวมมากด้วยราษฎรมีความนับถือ ขอให้นายนวมไปชี้แจงกับราษฎรทุกหมวดทุกกองให้เตรียมกระสุนดำ แกบให้มีไว้สำหรับปืนทุกหมวดทุกกอง ข้าพระพุทธิเจ้าได้ไปชี้แจงตามคำสั่งราษฎรพากันร้องว่า


๑๑๗ เป็นคนขัดสนจนทรัพย์แต่จะซื้อรับประทานก็ไม่ใคร่มี ข้าพระพุทธิเจ้าได้ไปเรียนท่านพระยาสุจริตตามคำราษฎรร้อง พระยาสุจริตจึงถามข้าพระ พุทธิเจ้าว่าทำฉันใดจะได้กระสุนดินให้มีสำหรับครบปืนของราษฎรได้ ข้า พระพุทธิเจ้าจึงได้ไปขอเข้าที่ประชุมพร้อมด้วยกรมการเมืองตาก แล้วข้า พระพุทธิเจ้าได้ชี้แจงต่อกรมการเมืองตากว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา ชุบเลี้ยงประทานเบี้ยหวัดเงินเดือนพากันมีความสุขมาช้านาน บัดนี้จะยกกองทัพขึ้นไปเมืองนครลำปางโดยเร็ว แล้วลูกกระสุนดินแกบยังไม่มีสำหรับปืนของราษฎร ของหลวงจะมาจำหน่ายแจกก็ยังไม่มีมาทัน เพราะจะรีบ ยกไปเร็ว แล้วขอให้ท่านทั้งหลายช่วยกันฉลองพระเดชพระคุณชักเอาเงินเดือนตามคนละเล็กน้อยซื้อกระสุนดินแกบ แจกจ่ายพลในกองทัพให้ทันทางราชการ ถึงตัวข้าพเจ้าไม่ได้มีเบี้ยหวัดเงินเดือนก็จะขอช่วยออกทรัพย์ฉลองพระเดชพระคุณตามสติกำลัง แล้วหลวงสนิทภักดีกับขุนรองสุภาทัดทานว่าให้งดไว้ก่อน อีกห้าหกวันลูกดินของหลวงก็คงจะมีขึ้นมา ข้อ ๓ ข้าพระพุทธิเจ้าจึงได้ตอบกรมการว่า กองทัพจะรีบยกไปในพรุ่งนี้มะรืนนี้ ถ้าท่านทั้งหลายไม่ลงความเห็นด้วยก็ตาม แต่ส่วน ตัวของข้าพเจ้า จะ ขอออกทรัพย์ของตนเองซื้อลูกกระสุนดินดำแกบแจกจ่ายพลในกองทัพให้ทันพอเป็นกำลังราชการ แล้วข้าพระพุทธิเจ้าจึงได้ไปจัด ซื้อตามจีนลูกค้า แล้วจีนสามหวย จีนซา จีนตั้งเถา จีนกิมฮ้อ พวก ลูกค้าก็พากันออกช่วยเพิ่มเติมฉลองพระเดชพระคุณก็ได้เป็นกำลัง มากขึ้น


๑๑๘ แล้วข้าพระพุทธิเจ้าได้นำไปให้ท่านพระยาสุจริตรักษาตรวจดูแล้ว ๆได้มีคำสั่งให้ข้าพระพุทธิเจ้าไปแจกตามพลในกองทัพได้ถึง ๑๗ กอง แล้วท่านพระยาสุจริตว่าเป็นการขอบใจนายนวมมาก ให้นายนวมยกเป็นกองหน้า ครั้นเตรียมกองทัพเสร็จแล้ว พระยาสุจริตได้ประกาศให้อาญาสิทธิ์อยู่กับหลวงนิกรเป็นกองหนุน ท่านพระยาสุจริตรักษาผู้แทนแม่ทัพใหญ่มณฑล ทิศพายัพอยู่กลาง นายคำเป็นกองหลัง เดินกองทัพไปได้ ๕ คืนถึงเมืองเถิน กองหลวงพรหมหลวงอินทร์ ๒ นายเป็นทัพหน้าตั้งมั่นอยู่วัดหัวเวียงเหนือเมือง หลวงสนิทภักดีตั้งมั่นอยู่ในวัดห้อมแห้ดท้ายเมือง ข้อ ๔ แต่พลกองหน้าที่ข้าพระพุทธิเจ้ากำกับไปนั้น ถ้าผู้ใดไม่ มีปืนมีแต่ดาบกับพร้าโต้นั้น ข้าพระพุทธิเจ้าก็ให้เตรียมหลาวไว้มีสำหรับตัวทุกคน ครั้นเดินกองทัพไปถึงเมืองเถิน พระยาสุจริตรักษาก็ตั้งมั่น อยู่ในกำแพงวัดท่านา ข้าพระพุทธิเจ้าตั้งกองอยู่เหนือวัด กองนายคำรั้งหลังอยู่ใต้วัด แล้วท่านพระยาสุจริตได้ออกประกาศไม่ให้คนในกองทัพถืออาวุธในละแวกบ้าน ครั้นมาภายหลังเวลาบ่าย ๖ โมงเศษ จวนจะพลบค่ำมีอ้ายเงี้ยวเอาผ้าคลุมศีร์ษะมีผ้าประเจียดผูกเอวสะพายดาบเข้ามาในนาที่ข้าพระพุทธิเจ้าแต่ชั้นเดิมนั้นท่านพระยาสุจริตมีคำสั่งว่า ถ้าข้าศึกและราษฎรคนใด ๆ ถ้าปล่อยให้ถืออาวุธเข้ามาในหน้าที่ของผู้ใดก็จะเอาโทษตามอาญาศึก อ้ายเงี้ยวมีอาวุธเดินเข้ามาดังนั้นห้ามปรามอ้ายเงี้ยวหาฟังไม่ ข้าพระพุทธิเจ้าได้ร้องให้พลกองข้าพระพุทธิเจ้าจับ อ้ายเงี้ยวสบัดดิ้นโดยแรงหลุด


๑๑๙ ได้ ข้าพระพุทธิเจ้าโดดจับอ้ายเงี้ยวไว้ได้ ภายหลังพลตำรวจภูธรในกองท่านพระยาสุจริตรักษา จึงได้มาช่วยจับเอาตัวอ้ายเงี้ยวไปล่ามโซ่ใส่ประแจมือไว้แล้ว ท่านพระยาสุจริตรักษาสั่งให้เอาตัวอ้ายเงี้ยวไปจำไว้ในตะรางเมืองเถินจนบัดนี้ ข้อ ๕ อีกรายหนึ่งคนลาวตำบลบ้านแม่พริกแขวงเมืองเถินชื่อ ปู่อ้ายเป็นหัวหน้าผู้ร้าย เมื่อเกิดวุ่นวายที่เมืองนครลำปางนั้น พวกอ้ายผู้ร้ายรายนี้ซ้ำเติมปล้นลูกค้าฆ่าจ้างตายคนหนึ่ง ป่วยคนนี้ อ้ายผู้ร้ายชื่อปู่อ้ายตัวโจรหนีไปอยู่กับเรือฝรั่ง แล้วพระยาสุจริตรักษาให้ข้าพระพุทธิเจ้าคุมพลไปจับได้ตัวมาถามรับเป็นสัตย์ แต่การที่ข้าพระพุทธิเจ้าได้สอดแนมดูความคิดของราษฎรไทยลาว ตามเขตเมืองตากและเมืองเถินก็ได้ทราบเกล้าฯ มากแต่คนลาวนั้นเป็นไปทุกเมือง กองเกลี้ยกล่อมนั้นข้าพระพุทธิเจ้าได้ทราบเกล้า ฯ ว่ามีที่ป่าไม้ดงปู่แขวงเมืองเถินนั้นแห่งหนึ่ง เมื่อพระยาอนุชิตชาญไชยขึ้นไปเปลี่ยนพระยาสุจริตรักษาแล้วพากันยกกองทัพขึ้นไปเมืองนครลำปาง ข้าพระพุทธิเจ้าได้ไปเที่ยวสอดแนมตามคนลาวผู้ใหญ่ที่เป็นคนในธรรมะที่ไม่ได้เกี่ยวในราชการ ได้แจ้งความกับข้าพระพุทธิเจ้าว่าในป่าไม้นั้นเป็นช่องโอกาสของคนต่างประเทศแลพวกเงี้ยวสำหรับที่ประชุมกันรวมคน ข้าพระพุทธิเจ้าขึ้นไปอยู่เมืองนครลำปางได้ ประมาณ ๒๐ วัน ท่านพระยาสุจริตรักษาให้ข้าพระพุทธิเจ้ากับนายคำ ๒ นายควบคุมสัตว์พาหนะลงมาส่งเมืองตาก ข้าพระพุทธิเจ้าได้รับใบ


๑๒๐ อนุญาตจากกรมเมืองตากแล้ว จึงได้ล่องลงมาทูลเกล้า ฯ ถวายรายงาน การสอดแนมให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองพระบาท ข้อ ๖ แต่การสอดแนมในการโจรผู้ร้ายที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินนั้นใช่แต่ครั้งนี้หามิได้ ข้าพระพุทธิเจ้าได้สืบการฉลองพระเดชพระคุณการโจรผู้ร้ายได้ยื่นรายงานที่สืบมีหลายหัวเมืองได้ให้นายไชยขรรค์กับพระชาตสุเรนธรขอคัดรายงานการสอดแนมของข้าพระพุทธิเจ้าเมื่อปีร.ศ. ๑๑๕ เมื่อข้าราชการ ๒ นายขึ้นไปสืบราชการครั้งนั้นที่เมืองตากก็ได้ทราบ กับอันหนึ่งข้าพระพุทธิเจ้าคอยเอาใจใส่ราษฎรอยู่เสมอ ถ้าทราบเกล้าฯ ว่ามีผู้กดขี่ก็คอยนำความไปร้องต่อเทศาภิบาล เพราะได้ทราบเกล้าฯ ชัดว่า ต่างประเทศและประเทศราชคอยเอื้อมมือคอยถ้าหาช่องอยู่เป็นนิจ ข้าพระพุทธิเจ้าได้ฉลองพระเดชพระคุณมาช้านานประมาณกว่า ๑๐ ปี ราษฎรเขตเมืองตากทราบมาก เพราะข้าพระพุทธิเจ้ามีความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา กับคิดถึงพระบารมีพระเจ้าอยู่หัววงศ์ตระกูลของข้าพระพุทธิเจ้าได้เป็นข้าแผ่นดินมาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยาเก่ามีเป็นต้นมาครั้งเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ พระยาจินดาราชรังสรรค์ปู่ตาคือพระยาสวรรคโลก ได้รับราชการมีเนื่องมาจนบัดนี้ ข้าพระพุทธิเจ้าได้ทราบเกล้าฯ ว่าเสี้ยนหนามแผ่นดินเกิดมีชุกชุมมากขึ้น ข้าพระพุทธิเจ้าขอรับอาสาเกลี้ยกล่อมทหารถวายเป็นผู้ช่วยอุดหนุนในการป้องกันด้านเมืองตากเพราะใกล้ชิดติดต่อกับประเทศราชและต่างประเทศ กับอันหนึ่งเมื่อราษฎรเมืองตาก เมื่อพากัน


๑๒๑ ถูกเกณฑ์ไปทัพครั้งนี้ อยู่ภายหลังอ้ายผู้ร้ายไล่ฝูงกระบือของราษฎรไปหลายรายตำบล เพราะผู้ร้ายนั้นบังซุ่มซ่อนอยู่ตามป่ามาก กับอันหนึ่งในเวลาเกณฑ์ไปทัพครั้งนี้ราษฎรพากันหนีเกณฑ์เข้าป่าไปมาก ข้าพระพุทธิเจ้าเกรงว่านานไปจะพากันเข้ามั่วสุมกับอ้ายเงี้ยว ชื่อคนเดียวสามชื่อ ๆ อ้ายคำหนูม อ้ายที อ้ายต๊อต อ้ายเงี้ยวคนนี้เป็นบุตรเขยกำนันกอนคนตำบลบ้านลานห้วยเดื่อแขวงเมืองตาก บ้านลานห้วยเดื่อนี่เป็นบ้านโจร อ้ายคำหนูมเงี้ยวคนนี้ตามบรรดาผู้ร้ายในเขตเมืองตาก เมืองกำแพง เมืองสุโขทัย เมืองสวรรคโลก เมืองเถิน ย่อมเกรงกลัวรักใคร่นับถือเป็นพรรคพวกอันเดียวมีกำลังมากกว่าผู้ร้ายทุกตำบล เมื่อปี ร.ศ. ๑๒๑ น้อยสาลกับลูกจ้าง ๓ คนหาบสินค้ามีกล่องผ้าสักหลาดลูกจ้างหาบพักอยู่หน้าบ้านลานห้วยเดื่อแล้ว ก็พากันเดินทางไปถึงตำบลหนองตมแขวงเมืองสุโขทัยกำนันกอนใช้ให้บุตรกับบุตรเขยและลูกบ้านตามไปปล้น ภายหลังกรมการเมืองสุโขทัยมิสุนะรายให้เมืองตากไต่สวนคนตำบลบ้านลานห้วยเดื่อ อำเภอเชียงเงินไต่สวนไม่ได้ความ ข้าพระพุทธิเจ้าได้วางคนสอดแนมสืบได้ความ ชัด กับมีคนนำกล่องของกลาง ๕ ใบที่อ้ายผู้ร้ายแบ่งมาให้ลุแก่โทษ กับผู้ ร้ายที่ไปปล้นนั้นก็ได้มาลุแก่โทษ ข้าพระพุทธิเจ้าได้นำความไปแจ้งต่อพระยาสุจริต ๆ ได้สั่งให้หลวงสนิทภักดีจัดแจงให้พลตำรวจภูธรออกไปจับ ได้ตัวกำนันกอนอ้ายห่วงบุตรอ้ายเปรียบบุตรเขยกำนัน อ้ายคล้ายบุตรผู้ -16-


๑๒๒ ใหญ่บ้าน อ้ายกล่อม อ้ายลพ ๖ คน เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นเช่นนี้ผู้ร้ายจึงไม่ค่อยจะเบาบางลงได้ ข้าพระพุทธิเจ้าขอฉลองพระเดชพระคุณวางคนสอดแนมเพราะเมืองตากต่างประเทศมีมากหลายภาษา ควรมิควรสุดแล้วแต่จะโปรดขอพระบารมีปกเกล้า ฯ เป็นที่พึ่ง ข้าพระพุทธิเจ้าขอรับอาสาเกลี้ยกล่อมทหารถวาย ถ้าสอดแนมได้ความผู้ร้ายชัดเจนขอฉลองพระเดชพระคุณต่อไป เรื่องราวทูลเกล้า ฯ ถวายฉบับนี้ข้าพระพุทธิเจ้าเป็นผู้เรียงเขียนแต่ง. (เซ็นชื่อ) นายนวม.

ที่บ้านพักหัวเดียด เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่ ได้มีหนังสือสำหรับตัวให้นายมา ๑ นายลอด ๑ นายพู่ ๑ นายหวัง ๑ นายทรัพย์ ๑ นายจีน ๑ นายเกิด ๑ นายทอง ๑ นายอิน ๑ นายมี ๑ นายหว่าง ๑ นายทับ ๑ นายมี ๑ นายอิ่ม ๑ นายเชย ๑ นายวาด ๑ นายคำ ๑ นายจ้อย ๑ นายจันทร์ ๑ นายศุก ๑ นายน้อย ๑ นายต่วน ๑ บ้าน ป่าม่วง แขวงเมืองตากฉบับ ๑ ด้วยคนจำพวกเหล่านี้ ขอสมัครฝากตัวอยู่กับเราโดยสุภาพ ในชั้นเป็นมุลนาย แต่ส่วนราชการบ้านเมืองนั้น คนจำพวกนี้อยู่บ้านใด



๑๒๓ อำเภอใดก็ต้องรับราชการฉลองพระเดชพระคุณตามหน้าที่แห่งข้อพระราช บัญัติลักษณะการปกครองท้องที่มณฑลชั้นในโดยที่ชอบที่ควร เพราะฉะนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไป ต้องขอฝากคนจำพวกเหล่านี้ไว้กับท่านนายอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้านที่นี้เพื่อปกปักรักษา ความสุขทุกข์อันเรียบร้อยต่อไป ตามฐานไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ ทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐ ขออย่าให้มีผู้มาทำการกดขี่ข่มเหงในคนจำพวกเหล่านี้ในฐานอยุติธรรมต่อไปด้วย. ให้สำหรับตัวแต่วันที่ ๑๗ เมษายน ร.ศ. ๑๒๑ (อ่านไม่ออก.) ประทับตราประจำนามเป็นสำคัญ.


สำเนาโทรเลขพระยาสุรสีห์ มีมาจากมหาดไทย รับที่ที่พักบางปะอิน หมายเลขที่ หมายเลขรับที่ ลงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เวลา ๙ ทุ่ม โมง ๑๕ นาที เวลา ๙ ทุ่ม ๔๐ นาที กราบทูล กรมหลวงดำรง บ่ายวันนี้ได้รับโทรเลขพระพิชัยที่ ๒๘ ลงวันที่ ๒๘ เดือนนี้ว่าได้แต่งคนไปสืบเรื่องผู้ร้ายปล้นเมืองแพร่พบนายกล่อม


๑๒๔ นายกองเสมียน นายศรีคนใช้ของพระยาไชยบูรณ์ซึ่งหนีมาได้ความว่าเมื่อวันที่ ๒๕ เช้า พวกเงี้ยวประมาณ ๒๐ เศษเข้าตีโรงตำรวจภูธรฆ่าพลตำ รวจตายสามคน ภรรยานายร้อยตรีตาด ๑ บุตรเลี้ยง ๑ แล้วเข้าบ้านพระยาไชยบูรณ์ออฟฟิศโทรเลขแลคุก พระยาไชยบูรณ์กับบุตรภรรยาหนี ไป ทางพวกเงี้ยวเก็บเอาของไปหมด แต่เครื่องแต่งตัวพวกชาวบ้านเก็บไป ส่วนเจ้าแพร่นั้นหนีไปอยู่บ้าน พวกเงี้ยวไปที่ว่าการทำลายกำปั่นขนเอาเงินไปแล้วยกตามกันเข้ามากองละยี่สิบสามสิบคน เมื่อคนเหล่านี้หนีมา เห็นพวกเงี้ยวอยู่ในเมืองแพร่ประมาณ ๒๐๐ เศษ แลยังเข้ามาเสมอ เงี้ยว พูดว่าจะพักอยู่ ๗ วัน แต่เจ้าราชวงศ์พวกเงี้ยวไม่ทำอันตราย ส่วน ข้าราชการนอกนั้นไม่ทราบว่าไปทางไหน แต่พระยาไชยบูรณ์ได้ข่าวว่าพวกเงี้ยวจับตัวได้ ทั้งบุตรภรรยาฆ่าเสียที่วัดมหาโพธิ์เงี้ยวว่าวันที่ ๒๖ จะเลี้ยงโต๊ะเจ้าแพร่มีความดังนี้ เรื่องพระยาไชยบูรณ์ถูกฆ่าน่าจะเชื่อเอาเป็นจริงได้ ถ้าไม่เป็นอันตรายป่านนี้ก็คงได้รับข่าวหรือไม่ก็หนีมาอุตรดิตถ์ แต่พวกเจ้าลาวน่าสงสัยที่ไม่ส่งข่าวคราวเลย หรือจะเป็นด้วยกำลังตื่นเต้น อยู่ก็ผิดสังเกต ได้มีตอบไปว่าให้แต่งคนลาวที่ไหวพริบขึ้นไปสืบอีกเพื่อจะ ได้ความดี. (เซ็น) สุรสีห์.



๑๒๕ สำเนาโทรเลขพระองค์กัลยา มีมาจากกรุงเทพฯ รับที่ที่พักบางปะอิน หมายเลขที่ หมายเลขรับที่ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ รับเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เวลา ๔ ทุ่ม ๓๖ นาที เวลา นาที

การด่วน กราบทูล เสนาบดีมหาดไทย บางปะอิน เวลา ค่ำวันนี้ได้รับโทรเลขพระยาเทพาที่ ๑๕ ฉบับ ๑ ว่าได้รับโทรเลขเมืองพิชัย ว่าวันที่ ๒๙ นี้ ได้รับจดหมายพระพิศาลคีรี ผู้รักษาด่านที่บ้านปางต้นผึ้ง ต่อเขตแพร่ว่า วันที่ ๒๘ เดือนนี้เวลาบ่าย ๔ โมง นายร้อยตรี นายเหมา กับพลตำรวจ ๑๕ คน ไปตรวจบ่อแก้วกลับมาเกือบถึงบ้านสุเมนพบพวกเงี้ยว ๓ คน พวกเงี้ยวไล่ฟันนายร้อยตรีตาดกับพลตำรวจ พลตำรวจได้ต่อสู้ยิง พวกเงี้ยวตาย ๓ คน แต่นายสุดพลตำรวจถูกฟันกระดูกหักคน ๑ แล้วนายร้อยตรีตาดกับพลตำรวจ ๒ คนขี่ม้าไปทางเมืองแพร่ ให้นายเหมากับพลตำ รวจ ๑๓ คนไปทางบ้านสุเมน พอพวกนายเหมาถึงบ้านสุเมนพบพวกเงี้ยวตั้งรับอยู่ที่นั้นมีคนประมาณ ๑๐๐ คน พวกเงี้ยวเห็นก็ยิงปืนไล่จับ นายเหมากับพลตำรวจได้ต่อสู้จนหมดกระสุนปืน แลนายเหมากับพลตำรวจก็พากันหนีไป พวกเงี้ยวคงตั้งกองรักษาอยู่บ้านสุเมน ทางใต้ทางเหนือจะไปมาก็ ไม่ได้ กับว่าพวกเงี้ยวพูดกันว่าอีก ๒-๓ วันจะมาอีก ๓๐๐๐ จะเลยมา


๑๒๖ อุตรดิตถ์ เวลานี้พวกเงี้ยวก็อยู่ในเมืองแพร่ ส่วนเจ้านายลาวก็อยู่เป็นปรกติ ตามที่พวกเงี้ยวอวดอ้างว่าจะเลยมาอุตรดิตถ์นั้นพระยาเทพาเห็นว่าคงจะเป็นกลอุบายขู่ประสงค์จะป้องกันข้างฝ่ายมณฑลพิษณุโลก ถึงดังนั้นก็ยังไม่ไว้ใจจึงได้จัดให้กองพระยาพิชัย กองพระบริรักษ์ กองพระเสนาราช คุมกำลังรีบขึ้นไปปราบปรามผู้ร้ายให้ยกออกไปในวันที่ ๒๙ นี้ทุกกองแล้ว แต่ปืนปัศตันที่มณฑลเวลานี้มีน้อย เลือกปืนสะไนเดอร์พอใช้ได้ ๑๒๐ บอก แบ่งให้กองละ ๔๐ บอก กับปืนแมนลิเคอรกองละ ๑๓ บอกพอใช้ไปพลางพระยาเทพาขอให้ส่งปืนสะไนเดอรสัก ๑๐๐๐ บอก กับปัศตันคันชีบพร้อมเพิ่มเติมขึ้นไปให้ มีความในโทรเลขดังนี้. (เซ็น) กัลยา.


ทูล เสนาบดีมหาดไทย บางปะอิน ที่ ๒๕ กรกฎาคม เงี้ยว ๑๐๐ เศษ ปล้นโรงตำรวจแล้วปล้นที่พักข้าหลวงแล้วเงี้ยวกับเจ้าแพร่ทำสัญญากันความว่า ทัพไทยยกมาเจ้าแพร่ แลเจ้านายจะช่วยแล้วลงชื่อประทับตรา แล้วข้าพเจ้าลงชื่อเป็นพยานด้วย ข้าราชการฆ่าตายหมด วันที่ ๒๗ กรกฎาคม เจ้าเมืองแพร่มีหนังสือถึงเจ้าลำปางว่าถ้าคิดไม่ตลอดจะยกไปช่วย วันที่ ๓๑ มีความว่าเจ้าลำปางนัดให้ยก



๑๒๗ ไปถึงลครที่ ๒ สิงหาคม Phakamong คุมกำลังเงี้ยวลาว ๒๐๐ เศษ ไปตี ลครความพิสดารทางจดหมาย. จิตรจำนง.

ที่ ๒๑ ทูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ส่งข่าวราชการกองพระเสนาราชได้โทรเลขที่ ๑๔ เข้ามากราบทูล ขอได้รับโทรเลขนี้ แลเกล้าได้มีจดหมายถึงพระเสนาราชให้ส่งข่าวแล้วได้ทราบว่าพระเสนาราชถึงบ่อแก้ววันที่ ๑๑ เดือนนี้. พระสำเริง.


สำเนาโทรเลขพระมนตรี มีมาจากลำปาง รับที่ศาลาว่าการมหาดไทยกรุงเทพฯ หมายเลขที่ หมายเลขรับที่ ๗๔๑๗ ลงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ รับเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เวลาย่ำค่ำ นาที เวลา ๒ ทุ่ม ๕๕ นาที กรมหลวงดำรง กรุงเทพฯ ในเวลานี้เจ้าแพร่ได้ส่งหนังสือมา ยังเจ้าลำปาง ให้เงี้ยว ๒ คน ซึ่งเป็นคนของหลวงจิตรจำนงถือมามีความ



๑๒๘ ว่า พวกผู้ร้ายได้ฆ่าพระยาราชฤทธานนท์ แลข้าราชการไทยบางคนตายในเมือง แต่พวกผู้ร้ายไม่ได้ทำอันตรายแก่เจ้านายหรือชาวเมือง และไม่ได้หลักทรัพย์ของเจ้านายอย่างใดเลย พวกผู้ร้ายตั้งใจแต่จะฆ่าคนไทย แล คิดจะมาตีเมืองนครลำปางใน ๒ - ๓ วันนี้ ราษฎรในเมืองนี้แตกตื่นกันมากแลเตรียมตัวที่จะอพยพหนีออกจากเมือง ข้าพระพุทธเจ้าเป็นที่ลำบากมาก ขอได้โปรดเกล้าฯ ส่งทหารขึ้นมาปราบปราม ทหารที่นี่ไม่พอที่จะต่อสู้คน มากได้ การที่ราษฎรกลัวผู้ร้ายนั้นเป็นอย่างยิ่งเหลือกำลังที่จะระงับได้ ได้ อยู่อย่างเดียว แต่จะมีทหารมาก ๆ จึงจะระงับไม่ให้คนในพื้นเมืองนี้แตกตื่นไปได้. (เซ็น) พระมนตรี.


เสนาบดีมหาดไทย (เสนาบดีคลัง) บางปะอิน ได้รับหนังสือจากพวกคลังแพร่ที่เหลือตายในคืนวันที่ ๒๐ เวลา ๕ ทุ่มเศษซึ่งแจ้งเรื่องผู้ร้ายที่แพร่แจ้งในสำเนาที่ได้ส่งมาข้างท้ายโทรเลขนี้แล้วแต่จะโปรด แลข้าพระพุทธเจ้าได้โทรเลขไปยังข้าหลวงใหญ่ที่ลำปาง




๑๒๙ ด้วยแล้ว แลว่าถ้าควรเรียกพระวิไชยแลนายอาจมาได้ขอให้เรียกมาด้วย เพื่อจะไต่สวนเอาความจริงต่อไป อุดม. เขียนที่บ้านพระวิไชยราชา วันที่ ๑๕ เดือน สิงหาคม รัตนโกสินทร ศก ๑๒๑

หม่อมอุดม เชียงใหม่ โทรเลขลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้ได้รับแล้ว เหตุที่เกิดการทำร้าย ข้าราชการขึ้นในมณฑลพายัพครั้งนี้ ทั้งทางเมืองแพร่แลทางเชียงใหม่ฉันได้ตั้งใจพิเคราะห์ค้นหาว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดการร้ายแรงอย่างนั้นเมื่อได้ตรวจตราตลอดมาเห็นเป็นแน่ใจว่าเหตุนั้นเกิดด้วย ราษฎร ๘๕๘๐ พา ๖๖๑๕ กัน เกลียด ๕๙๒ ชัง ๒๔๙๖ ชาว ๒๕๕๑ - 17-


๑๓๐ ใต้ ๓๘๓๘ ที่ขึ้นไปเป็น นาย ๔๗๓๐ แขวง ๘๙๒ ตลอดจน ข้าหลวง ๗๓๖ เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ ประการหนึ่งเพราะไป ตั้ง ๓๔๕๕ เก็บ ๔๒๑ เงิน ๑๘๐๗ แทน ๔๓๐๙ เกณฑ์ ๔๒๗ ข้อนี้พวกที่อยู่ใกล้เวียงเคย มากบางทีจะ ชอบ ๒๖๘๐ ใจ ๒๒๑๙ แต่พวกที่อยู่ ห่าง ๑๑๓๕๗


๑๓๑ เวียง ๑๐๐๓๖ เช่น แขวง ๘๙๒ จอม ๒๑๖๘ ทอง ๔๓๗๓ แต่เดิมไม่ใคร่ต้องถูก กะเกณฑ์ ๓ มาต้อง เสีย เงิน ๑๑๑๕๘ แทน ๔๓๐๙ เกณฑ์ ๔๒๗ จึงรู้สึก เดือดร้อน ๓๓๐๑ ประการที่ ๒ การ เกณฑ์ ๔๒๗ ขอ แรง ๘๗๐๐ ทำ ๔๔๗๑


๑๓๒ ถนน ๓๘๖๒ หน ๑๑๕๑๗ ทาง ๔๑๕๑ ราษฎรที่ เสีย เงิน ๑๑๑๕๘ เข้าใจว่าจะ พ้น ๖๙๑๗ กะเกณฑ์ ๓ แล้ว - ครั้น ถูก ๓๙๕๙ ขอ แรง ๘๗๐๐ เข้าด้วยก็เห็นว่า เรา ๘๙๖๙ พูด ไม่ ๗๙๒๙ จริง ๑๙๘๘ หลอก ๙๔๖๖ เอาทั้ง


๑๓๓ เงิน ๑๘๐๗ แล แรง ๘๗๐๐ ด้วย ประการที่ ๓ เพราะ นาย ๔๗๓๐ แขวง ๘๙๒ ที่ออกไปอยู่ตาม แขวง ๘๙๒ ไม่ ๗๙๒๙ รู้ ๘๖๖๒ จัก ๑๙๑๙ เอา ๑๒๓๗๕ ใจ ๒๒๑๙ ราษฎร ๘๕๘๐ ไป บังคับ ๕๐๖๔ การ กวดขัน ๕๖๔


๑๓๔ เอาตามแบบแผน เข้ม งวด ๘๘๐ นัก ๔๖๔๘ จึง เกลียด ๕๙๒ ชัง ๒๔๙๖ ครั้นได้ ช่อง ๒๖๖๕ บ้าน ๕๑๔๖ เมือง ๗๙๐๑ เป็น จลาจล ๑๘๙๔ จึงทำร้าย นาย ๔๗๓๐ แขวง ๘๙๒ แต่บางแขวงก็ไม่ทำเพราะ ผู้ ๖๑๘๐ เป็น


๑๓๕ นาย ๔๗๓๐ แขวง ๘๙๒ ที่นั้น ราษฎร ๘๕๘๐ จะไม่สู้ เกลียด ๕๙๒ ชัง ๒๔๙๖ นัก ๔๖๔๘ เหตุที่เงี้ยวผู้ร้ายกำเริบทำการ ใหญ่โต ก็เพราะ รู้ ๘๖๖๒ ว่า ๙๗๓๖ ราษฎร พลเมืองพากัน เกลียด ๕๙๒ ชัง ๒๔๙๖ ชาว ๒๕๕๑ ใต้ ๓๘๓๘ อยู่แล้วหวังว่า


๑๓๖ พล ๖๙๓๑ เมือง จะ ๑๘๕๔ ช่วย ๒๖๙๖ เงี้ยว ๑๗๘๕ จึง ประกาศ ๕๔๕๑ ว่าจะทำร้าย แต่ ๓๖๘๘ ชาว ๒๕๕๑ ใต้ ๓๘๓๘ มูลเหตุเห็นว่าเป็นเพราะเหตุ ๓ ประการ ที่ว่ามานี้ยิ่งกว่าอย่างอื่น ทางที่จะ แก้ ๔๔๕ ไข ต่อไปนั้น เงิน ๑๘๐๗ แทน ๔๓๐๙ เกณฑ์ ๔๒๗


๑๓๗ ต้อง คง ๑๓๓๓ เก็บ ๔๒๑ แต่ต้อง ละ ๘๙๙๗ การ กะเกณฑ์ ๓ ให้ ราษฎร ๘๕๘๐ เห็นว่า เรา พูด ๘๙๖๙ จริง ๑๙๘๘ แลที่สุดต้อง กำชับ ๖๔๐ พวกที่เป็น ข้าหลวง ๗๓๖ แล -18-


๑๓๘ นาย ๔๗๓๐ แขวง ๘๙๒ ให้ รู้ ๘๖๖๒ จัก ๑๙๑๙ เอา ๑๒๓๗๕ ใจ ๒๒๑๙ ราษฎร ๘๕๘๐ บ้าง อย่าให้ ราษฎร ๘๕๘๐ รู้ ๘๖๖๒ สึก ๑๐๘๑๗ ความ เดือดร้อน ๓๓๐๑ ที่เรา บังคับ ๕๐๖๔ บัญชา ๕๐๗๔ การ การจึงจะเรียบร้อย ตลอดไป.


๑๓๙ หม่อมอุดม เชียงใหม่ โทรเลขลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้ ได้รับแล้วเหตุที่เกิดการทำร้ายข้าราชการขึ้นในมณฑลพายัพครั้งนี้ ทั้งทางเมืองแพร่แลทางเชียงใหม่ ฉันได้ตั้งใจพิเคราะห์ค้นหาว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดการร้ายแรงอย่างนั้น เมื่อได้ตรวจตราตลอดมาเห็นเป็นแน่ใจว่า เหตุนั้น เกิดด้วยราษฎรพากันเกลียดชังชาวใต้ที่ขึ้นเป็นนายแขวง ตลอดจนข้าหลวง เพราะเหตุ ๓ ประการ คือประการที่ ๑ เพราะไปตั้งเก็บเงิน แทนเกณฑ์ ข้อนี้พวกที่อยู่ใกล้เวียงเคยถูกเกณฑ์มาก บางทีจะชอบใจแต่พวกที่อยู่ห่างเวียง เช่น แขวงจอมทอง แต่เดิมไม่ใคร่ต้องถูกกะเกณฑ์ มาต้องเสียเงินแทนเกณฑ์จึงรู้สึกเดือดร้อน ประการที่ ๒ การเกณฑ์ขอแรงทำถนนหนทาง ราษฎรที่เสียเงินเข้าใจว่าจะพ้นกะเกณฑ์แล้ว ครั้นถูกขอแรงเข้าด้วยก็เห็นว่า เราพูดไม่จริง หลอกเอาทั้งเงินแลแรงด้วย ประการที่ ๓ เพราะนายแขวงที่ออกไปอยู่ตามแขวง ไม่รู้จักเอาใจราษฎรไปบังคับการกวดขัน เอาตามแบบแผนเข้มงวดนักราษฎรจึงเกลียดชัง ครั้นได้ช่องบ้านเมืองเป็นจลาจล จึงทำร้ายนายแขวง แต่บางแขวงก็ไม่ทำเพราะเป็นผู้เป็นนายแขวงที่นั้น ราษฎรจะไม่สู้เกลียดชังนัก เหตุที่เงี้ยวผู้ร้ายกำเริบทำการใหญ่โต ก็เพราะรู้ว่าราษฎรพลเมืองพากันเกลียดชังชาวใต้ อยู่แล้ว หวังว่าพลเมืองจะช่วยเงี้ยว จึงประกาศว่าทำร้ายแต่ชาวใต้



๑๔๐ มูลเหตุเห็นว่าเป็นเพราะเหตุ ๓ ประการที่ว่ามานี้ยิ่งกว่าอย่างอื่นทางที่จะแก้ไขต่อไปนั้น เงินแทนเกณฑ์ต้องคงเก็บ แต่ต้องละการกะเกณฑ์ให้ราษฎรเห็นว่าเราพูดจริง และที่สุดต้องกำชับพวกที่เป็นข้าหลวงแลนายแขวงให้รู้จักเอาใจราษฎรบ้างอย่าให้ราษฎรรู้สึกความเดือดร้อนที่เราบังคับบัญชาการ การจึงจะเรียบร้อยตลอดไป. พระยานริศร เชียงใหม่ ด้วยได้มีโทรเลขไปยังหม่อมอุดม ฉบับหนึ่งดังนี้ (คัดโทรเลขถึงหม่อมอุดม) ดังนี้จึงบอกมาให้ทราบ ที่ ๑๖ มหาดไทย บางปะอิน เวลานี้พวกเงี้ยวที่ปล้นเมืองแพร่นั้นกำเริบใหญ่ขึ้นมาก อาวุธที่เชียงใหม่หาเพียงพอที่จะใช้ให้ไม่ ขอทรงโปรดเร่งกำลังขึ้นมาช่วยโดยเร็ว อินทวารรดรักษาเทพ.*

สำเนาโทรเลขพระยาเทพาธิบดี มีมาจากเมืองพิษณุโลก รับที่กระทรวงมหาดไทย หมายเลขที่ ๑๕ หมายเลขรับที่ ๗๕๒๕ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ รับเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ศก ๑๒๑ เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๐ นาที เวลา ๑ ทุ่ม ๕๕ นาที

  • พิมพ์ตามต้นฉบับ เข้าใจว่าจะเป็น อินทวโรรส รักษาเทพ


๑๔๑ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ ๑. ได้รับโทรเลขเมืองพิชัยว่า วันที่ ๒๙ เดือนนี้ ได้รับจดหมายพระพิศาลคีรีผู้รักษาด่านที่บ้านปางต้นผึ้งต่อเขตแดนแพร่ ว่าวันที่ ๒๘ เดือนนี้ เวลาบ่าย ๕ โมง นายร้อยตรีตาด นายเม้า กับพลตำรวจ ๑๕ คน ไปตรวจบ่อแก้วกลับมาถึงบ้านสุเมนได้พบพวกเงี้ยว ๓ คน ทั้งเงี้ยว ๓ คน ได้ไล่ฟันนายร้อยตรีตาดกับพลตำรวจ ได้ต่อสู้ยิงพวกเงี้ยวตายทั้ง ๓ คน แต่พลตำรวจป่วย ๑ คน ๒. นายร้อยตรีตาดกับพลตำรวจ ๒ คนขี่ม้าไปทางเมืองแพร่ ให้ นายเม้ากับพลตำรวจ ๑๓ คนไปทางบ้านสุเมน ถึงบ้านสุเมนพบพวกเงี้ยวตั้งกองรับอยู่มีคนประมาณ ๑๐๐ คน พวกเงี้ยวเห็นนายเม้ากับพลตำรวจก็เอาปืนยิงไล่จับนายเม้ากับพลตำรวจได้ต่อสู้ต่างคนต่างยิงกันหมดกระสุนปืนแล้วนายเม้ากับพลตำรวจก็พากันหนีไป พวกเงี้ยวคงตั้งอยู่บ้านสุเมน ทางใต้ทางเหนือจะไปมาก็ไม่ได้ ๓. กับว่าพวกเงี้ยวพูดกันว่าอีก ๒ - ๓ วันจะมาอีก ๓๐๐๐ แลจะ เลยอุตรดิตถ์แลเวลานี้พวกเงี้ยวก็อยู่ในเมืองแพร่ด้วย ส่วนเจ้านายลาวก็อยู่เป็นปรกติ ๔. ตามที่พวกเงี้ยวอวดอ้างว่าจะยกกำลังเลยมาตีอุตรดิตถ์ ข้า- พระพุทธเจ้าว่าคงจะเป็นกลอุบายขู่ ประสงค์จะป้องกันข้างฝ่ายมณฑลพิษณุโลก


๑๔๒ ๕. ถึงดังนั้นก็ยังมิไว้ใจ จึงได้จัดให้กองพระยาพิชัย กองพระบริรักษ์กองพระเสนาราชคุมกำลังรีบขึ้นไปปราบปรามผู้ร้าย ให้ยกออกไป ในวันที่ ๒๙ เดือนเดียวกันทุกกองแล้ว ๖. แต่ปืนปัศตันที่มณฑลเวลานี้มีน้อยเลือกปืนสไนเดอร์พอใช้ได้ ๑๒๐ บอก แบ่งให้กองละ ๔๐ บอก กับปืนมาริเคอร์กองละ ๑๓ บอกพอ ใช้ไปพลาง ๗. ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับปืนสไนเดอร์ที่ใช้ได้ที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วยปัศตันคันชีบ รีบส่งออกไปเพิ่มเติมสัก ๑๐๐๐ บอก เมื่อเสร็จราชการ จะได้ส่งมา. (เซ็น) พระยาเทพาธิบดี.


ที่ ๖๔/๕๑๙ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ ได้รับโทรเลขเมืองพิชัยที่ ๘๐ ลงวันที่ ๒๖ เดือนนี้ ว่าได้ทราบข่าวจากพวกบุรุษเดินเมล์ทางแพร่ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนนี้เวลาประมาณ ๑ โมงเช้ามีพวกเงี้ยวประมาณ ๓๐๐ คนเศษ ใช้อาวุธปืนเข้าตีปล้นโรงพลตำรวจภูธรที่ว่าการที่พักพระยาไชยบูรณ์ แล้วตัดสายโทรเลขแลปล่อยนักโทษในคุกไปหมด ส่วนตัวพระยาไชยบูรณ์ตามไม่ได้ความว่าไปทางไหนแต่น่ากลัวพวกเงี้ยวจะทำอันตรายแล้ว พวกบุรุษเดินเมล์ก็รีบหนีกลับมาแจ้งความที่เมืองพิชัย ๆ ได้เตรียมกำลังไว้ แลได้แต่งให้คนออกไปสืบข่าวแล้วเรื่องนี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งเมืองพิชัยเตรียมกำลังพร้อมด้วยอาวุธแล

๑๔๓ เสบียง อาหารออกไปรักษาอยู่ที่เขตแดนต่อแพร่ เมื่อจะได้ไม่ให้พวกโจรผู้ร้ายหนีล่วงล้ำเข้ามาทำอันตรายในเขตมณฑลนี้ได้ ๑๐๐๐ คนแล้วได้เกณฑ์คนเมืองสุโขทัย ๒๐๐ คน สวรรคโลก ๒๐๐ คนพร้อมทั้งอาวุธขึ้นไปสมทบช่วยรักษาที่เขตแดนเมืองพิชัยต่อแพร่แล้วให้จัดกองลำเลียงหนุนตามไปอีกกองหนึ่งเมืองละ ๕๐ คน ส่วนคนที่จะรักษาที่เมืองสวรรคโลก สุโขทัย น้ำปาด ก็ให้เตรียมกำลังรักษาไปด้วยเหมือนกัน ได้ทราบเกล้า ฯ ทางโทรศัพท์เมืองพิชัยเพิ่มเติมว่าที่พวกเงี้ยวมาทำคราวนี้ ตั้งใจทำแต่คนไทยส่วนคนพื้นเมืองเขาไม่ทำอันตราย แลคนพื้นเมืองก็ไม่ได้ช่วยต่อสู้พวกปล้นอย่างไร แลให้ออกวิตกว่าสายจากแพร่ไปนครเชียงใหม่นครน่านแล้ว จะตัดสายเสียด้วย เกรงจะไม่ทราบเหตุได้ความอย่างไรจะกราบทูลมาครั้งหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๖๖ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ ได้ทราบจากผู้ว่าราชการพิชัยว่าคนของพระยาไชยบูรณ์หนีมาถามได้ความว่าพระยาไชยบูรณ์ถึงแก่อนิจกรรมเสียในระหว่างผู้ร้ายปล้นแล้ว แต่ครอบครัวพระยาไชยบูรณ์แลข้าราชการไม่ได้ความ ผู้ร้ายทั้ง ๕๐๐ คน ยังตั้งอยู่เมืองแพร่ ยังถามอยู่ได้ความจะกราบทูลมา. พระยาเทพาธิบดี แทน.


๑๔๔ ที่ ๖๗ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ ตามโทรเลขที่ ๖๔ ว่าได้สั่งให้เมืองพิชัยจัดกำลังออกไปรักษาการ ที่เขตต่อแพร่พันคนนั้น คลาดเคลื่อนไป ที่ถูกได้สั่งให้ออกไปรักษาที่เขต แพร่ ๕๐๐ คน จัดเตรียมไว้ที่ว่าการเมืองพิชัยเป็นกองหนุน ๕๐๐ คน. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๗๓ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ ได้รับโทรเลขโค้ตเมืองพิชัยที่ ๘๕ ลงวันที่ ๒๘ เดือนนี้ว่า ได้แต่ง ให้คนออกไปสืบข่าวพบนายกล่ำแพดซึ่งอยู่กับพระยาไชยบูรณ์ในเวลาที่เกิดเหตุ ไต่ถามได้ความว่า ๑. เวลาเกิดเหตุตรงกับเวลาที่กราบทูลมาในโทรเลขที่ ๖๔ ลงวันที่ ๒๗ เดือนนี้ ๒. มีพวกเงี้ยวประมาณ ๒๐ คนเศษเข้าตีโรงพลตำรวจกำลังฆ่าพลตำรวจตายสามคน ฆ่าภรรยานายร้อยตรีตาดตายหนึ่ง ฆ่าคนใช้ตาย ๑ คน ๓. แล้วพวกเงี้ยวเหล่านี้ก็เข้าตีที่ พักพระยาไชยบูรณ์หนึ่ง ออฟฟิศโทรเลขหนึ่ง คุกหนึ่ง ในเวลาที่ผู้ร้ายขึ้น ปล้นที่พักพระยาไชยบูรณ์ ๆ พร้อมด้วยบุตรภรรยาหนี ลงเรือนไปทางวัดมหาโพธิ์ ตัวนายกล่อมคนที่นำเหตุมาแจ้งนี้หนีชึ้นไปอยู่เพดานที่พักพระยาไชยบูรณ์ดูพวกเงี้ยวที่มาทำอันตรายอยู่เห็นพวกเงี้ยวเข้าเก็บเอาเงินทองเครื่องยศเครื่องแต่งตัวของพระยาไชยบูรณ์ไปหมด แล้วพวกเงี้ยวพากันเลยไปที่ว่าการประชุมกันทำลายกำปั่นขนเอาเงินไป ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงพวก


๑๔๕ เงี้ยวมีเพิ่มเติมมาเสมอกองละ ๒๐ หรือ ๓๐ คน ๔. เมื่อพวกเงี้ยวเก็บของเรือนพระยาไชยบูรณ์แล้วพากันเลยไปที่ว่าการ มีพวกราษฎรในเมือง พากันขึ้นมาเก็บเข้าของที่เหลืออยู่บนเรือนพระยาไชยบูรณ์ นายกล่อมจึงลงจากเพดานพลอยเข้าปนกับพวกราษฎรหนีมาพบนายกลิ่น นายศรี ซึ่งเป็นพวกเดียวกันพากันมาที่บ้านนายแขวงแก่บ้านขออาหารรับประทาน นายแขวง แก่บ้านไม่ให้ ๕. แล้วพากันไปบ้านเจ้าหลวงพบคนใช้หนึ่งคนถามได้ความว่า เจ้าหลวงไปอยู่บ้านเจ้าราชวงศ์แลพวกเงี้ยวก็มิได้กล้ำกรายเข้า ไปทำร้ายเจ้าหลวงไม่ ๖. พวกสามคนนี้ก็พากันรีบหนีมาทางประตูมานพักนอนที่บ้านแม่สาย ระยะทางห่างจากที่ว่าการเมืองแพร่สองชั่วโมง ๗. รุ่งขึ้นวันที่ ๒๖ จึงพากันหนีมาพบพวกเงี้ยวมีปืนพลตำรวจถือพักอยู่ที่บ้านท่าลอบ้านป่าพวงมาสุนเป็นประมาณ ๗ - ๘ คนจึงหลบหนีลัดป่ามาพบราษฎรชาวบ้านป่าเข้าว่าในเมืองแพร่ว่าพระยาไชยบูรณ์แลบุตรภรรยาพวกเงี้ยวตามจับได้ที่อุโบสถวัดมหาโพธิ์ฆ่าตายหมด ฆ่าราษฎรที่เป็นไทยนอกนั้นไม่ทราบว่าใครไปทางไหน ๘. แล้วได้รับในวันที่ ๒๖ พวกเงี้ยวจะเลี้ยงโต๊ะเจ้าหลวง แลทราบว่าพวกเงี้ยวยังอยู่ในเมืองแพร่ประมาณ ๒๐๐ คนแล้วยังมีเพิ่มเติมมาอีกเสมอ พักอยู่ที่ว่าการนครแพร่กำหนดจะพักอยู่ ๗ วันตามที่ได้ทราบเกล้า ฯ ทางโทรเลขโค๊ตจากพิชัยแปลไม่ สู้ได้ข้อความชัดเจน ครั้นจะย้อนสอบถามจะช้าเสียเวลาจึงกราบทูลมาเพื่อทรงพระดำริ. พระยาเทพาธิบดี แทน. -19-

๑๔๖ ที่ ๘๖ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ได้รับโทรเลขที่ ๒๕ ให้จัดคนถือจดหมายไปส่งเค้าสนามนครน่านนั้น เหตุว่านายมาคนเมืองน่านที่กระทรวงส่งขึ้นไปเรียนการปกครอง ควร จะให้ไปได้หรือไม่ขอทราบเกล้า ฯ พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๔ วันที่ ๒๙ เดือน กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๑ บางปะอิน พระยาเทพา พิษณุโลก ได้รับโทรเลขนครลำปางว่าพวกเงี้ยว ที่ตีเมืองแพร่จะกลับไปตีเมืองลำปางได้โทรเลขถึงพระยาพิชัยว่าพร้อมแล้วให้รีบยกตามไปทีเดียว ส่วนกองสวรรคโลก สุโขทัย ที่ขึ้นทางเมืองลองนั้นให้สั่งไปให้ทราบด้วย.


ที่ ๕ วันที่ ๒๙ เดือน กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๑ พระยาเทพา พิษณุโลก ทราบความจากโทรเลขพระยาพิชัยว่าพวกเงี้ยวตั้งอยู่ที่บ้านสุเมน ริมน้ำยมระหว่างทางแต่สวรรคโลกไปเมืองลอง ให้รีบบอกกองสวรรคโลก ให้รู้ ต้องเกณฑ์กำลังเมืองสวรรคโลกสุโขทัยให้มากขึ้นถึงพันคนจึงจะพอ.



๑๔๗ ร่าง บางปะอิน ที่ ๓๐ วันที่ ๒ สิงหาคม ๑๒๑ พระยาเทพา พิษณุโลก โทรเลขที่ ๘๖ รับแล้ว ให้นายมา ถือไปได้. (เซ็นพระนาม) ดำรง.


ที่ ๑๓๑/๔๓๕ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน วันนี้เวลาบ่าย ๕ โมง ๔๐ นาที ได้รับโทรเลขพระเสนาราชที่ ๒๒ว่าได้ยกกองทัพไปบ้านสุเมนพวกเงี้ยวหนีหมด ได้ยกเลยเข้าไปถึงเมืองแพร่บ่าย ๕ โมง พักกองทัพอยู่หลังเมือง เมื่อกองทัพถึงบ้าน Muak ong ราษฎรพากันตื่น ครั้นเรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านมาชี้แจงก็พากันสงบ แล้วได้มีจดหมายถึงเจ้านครแพร่รวมความว่า ถ้าจงรักภักดีต่อกรุงสยามแล้ว ให้รีบแต่งเจ้านายออกมารับกองทัพภายใน ๒๔ ชั่วโมง ถ้าพ้นกำหนดจะ ถือว่าเจ้านครแพร่เป็นกบฏ ในประมาณครู่หนึ่ง มิสเตอร์ Lyle Consul English มาหาแจ้งว่าพวกเงี้ยวหนีหมด แต่เวลานี้ราษฎรตื่นตกใจ ขอให้ พักกองทัพก่อน จะช่วยดับเหตุจัดแจงเจ้านครแพร่ให้ออกมารับรวบรวมความก็คือเขาได้ตั้งใจช่วยดับเหตุจนสงบ พอมิสเตอร์ Lyle ไปแล้วเจ้านครแพร่ แต่งให้พระเมืองใช้พระคำให้นำดอกไม้ธูปเทียนมาคำนับบอกว่าพรุ่งนี้จะออก มารับพระเสนาราชเข้าไปในเมือง เพราะวันนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว ได้ให้


๑๔๘ ม้าเร็วไปบอกพระยาพิชัย ยกเข้าไปในเมืองแพร่ในวันที่ ๑๓ เดือนนี้ ต่อไปเมื่อได้ความประการใด จะกราบทูลมาให้ทรงทราบ. พระเทพาธิบดี.


ที่ ๑๒๖ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน ตามโทรเลขที่ ๑๒๔ ว่า พระยาพิชัยได้ให้พระปูควันกับนายร้อยเอกช่วง ขุนรักษาอาณาเขตขึ้นไปบนเขาพลึงนั้น บัดนี้นายกองทั้งสามได้ยกขึ้นไปตั้งบนเขาพลึงแล้ว ส่วนพระยาพิชัยจะยกตามขึ้นไปภายหลัง. พระยาเทพาธิบดี แทน.


ที่ ๑๒๔ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย บางปะอิน เมื่อเช้าวันนี้ ได้พูดโทรศัพท์กับขุนบริจิตรที่ขึ้นไปทำการโทรเลขใน กองพระยาพิชัยความว่าพวกเงี้ยวบนเขาพลึงยกหนีไปแล้ว พระยาพิชัยได้ให้พระปูควันกับนายร้อยเอกช่วงยกขึ้นไปตรวจบนเขาพลึงแล้ว เมื่อได้ข่าวประการใดจะกราบทูลมาครั้งหลัง ส่วนกองทัพพระยาพิชัยกับกองรักษาด่านทางเรียบร้อยดีทุกกอง แลสายโทรศัพท์ที่ปองอ้อกับมณฑล พูดกัน ได้ยินกันดี. พระยาเทพาธิบดี แทน.


งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก