ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘๐

จาก วิกิซอร์ซ

ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘๐ จดหมายเหตุฟอร์บัง


พิมพ์ที่โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี สี่แยกราชวิถี ถนนสามเสน พระนคร นายเฉลียว จันทรทรพัย์ ผู้พิมพ์, ผู้โฆษณา พ.ศ. ๒๕๐๗

จดหมายเหตุฟอร์บัง

เจ้าภาพพิมพ์แจกไนงานพระราชทานเพลิงพระสพ

พระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย

นะพระเมรุวัดเทพสิรินทราวาส

วันที่ 7 เมสายน 2486


พิมพ์ที่บริสัทโสภนพิพัธนากร








คำนำ การที่ได้นำเรื่องจดหมายเหตุของเชวาลิเอร์เดอะฟอร์บังมาพิมพ์แจกไนงานพระราชทานเพลิงพระสพพระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงส วโรทัยนี้ ไนชั้นต้นเมื่อแรกสิ้นพระชนม์ลงได้ตกลงกันว่าหยากจะขอ พระราชทานเพลิงสำหรับพระสพนี้ไนวาระครบห้าสิบวัน ได้ทูนขอให้ พระองค์เจ้าธานีนิวัตซงเรียบเรียงพระประวัติและเลือกหาหนังสือที่ เหมาะมาพิมพ์เปนที่ระลึก ท่านแนะนำว่าเวลากะชั้นหยู่มากทั้งไม่ ซาบได้แน่ไนขนะนั้นว่าจะหากะดาดมาพิมพ์ได้สักกี่มากน้อยเพียงไร จึ่งควนหาเรื่องที่ไม่ยาวนัก ซึ่งท่านเห็นว่าเหมาะแก่เรื่องจดหมายเหตุ รายนี้ เพราะนอกจากไม่ยาวเกินไปยังเปนเรื่องที่แปลไว้ด้วยน้ำพัก น้ำแรงของโสทรานุชาของกรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย คือ หม่อมเจ้าดำรัส ดำรงนั้น ท่านเจ้าของก็ซงยินดีที่จะประทานเรื่องนี้สำหรับงานของ เจ้าพี่ท่านด้วย เชวาลิเอร์เดอะฟอร์บังผู้เขียนเรื่องนี้เปนผู้หนึ่งไนคนะทูตฝรั่งเสสซึ่งสมเด็ดพระเจ้าหลุยส์มหาราชซงแต่งตั้งเข้ามาจเรินทางพระราช ไมตรียังสมเด็ดพระนารายน์มหาราช ไนพระนครสรีอยุธยาเมื่อคราว แรกไนพ.ส. 2227 คนะนั้นเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์เปนราชทูต ฟอร์บังเปนนายเรือโท เปนข้าราชการชั้นหนุ่นและเปนผู้มีสกุล ขุนนาง นัยว่าเปนคนฉลาดปราชเปรื่องวองไวแต่โทโสร้ายปากร้าย เมื่อท่านราชทูตจะกลับออกไปสมเด็ดพระนารายน์ตรัสขอฟอร์บังไว้


ข รับราชการ แล้วซงตั้งไห้เปนนายทหานชั้นผู้ใหย่ ต่อมาเกิดผิดไจกัน กับเจ้าพระยาวิชเยนทร ๆ อ้างว่าทำการนอกเหนือคำสั่ง ฝ่ายฟอร์บัง ก็ทนงตัวไม่ยอมอ่อนน้อม วิชเยนทรไห้ไปรักสาบางกอกไว้แต่เมื่อ เกิดกบดแขกมักสันไนราชธานี เจ้าหน้าที่ปราบปรามได้แล้วแขกหนี ล่องเรือลงไป วิชเยนทรไห้ฟอร์บังจับไว้โดยลม่อมแต่กลับเกิดต่อสู้ กันเปนโกลาหล เปนเหตุไห้ฟอร์บังถูกตำหนิหย่างแรงอีก คราวนี้ ฟอร์บังขอลาออกจากราชการ วิชเยนทรเลยสั่งไห้ออกไปไห้พ้นพาย ไนสี่สิบแปดชั่วโมง ฉะนั้นจดหมายเหตุนี้จึ่งเขียนด้วยความเคียดแค้น ถ้าอ่านจดมหายเหตุนี้ด้วยวิจารน?านและโดยรู้พื้นเรื่องฉะนี้แล้วก็น่า จะเปนประโยชน์ไม่น้อย เจ้าภาพขอถือโอกาสนี้สแดงความสำนึกไนพระกรุนาคุนสมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพซึ่งซงช่วยตรวด และเพิ่มเติมความไนพระประวัติ ขอขอบไจนายสรีวิสารวาจา ฮุนตระกูล กับพนะท่าน ว. วิจิตรวาทการที่ได้ช่วยเขียนสดุดีเพิ่มเติม มาไนพระประวัติ ขอขอบพระคุนพระวรวงสเทอ พระองค์เจ้าวรรน ไวทยากรที่ได้ซงช่วยเหลือไนการติดต่อขออนุ?าตกะดาดต่อเจ้าหน้าที่ และประโานความไว้อาลัยมา และขอขอบไจนาย ช. สรีอมรที่ได้ช่วย วิ่งเต้นติดต่อกับโรงพิมพ์และตรวดไบพิสูจน์ตลอดจนงานชิ้นนี้สำเหร็ด ทันประสงค์พายไนเวลาอันจำกัดที่สุด ขอขอบพระทัยพระวรวงสเทอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติเปนพิเสส เพราะนอกจากจะซงแต่งประวัติใน


ค กรมประทานแล้ว ยังได้ซงช่วยเหลือไนการพิมพ์หนังสือนี้ และไน เรื่องอื่น ๆ อีกเปนนานัปการเหลือที่จะบันยายได้ พระเมตตาอานุ เคราะห์อันพ้นคนนานี้ เปนพระกรุนาธิคุนจับไจบันดาเจ้าภาพหย่างยิ่ง หาที่สุดมิได้

เพี้ยน เทวกุล นะอยุธยา และบุตรธิดา บ้านประแจจีน ไนพระนคร วันที่ 8 มีนาคม 2486









พระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย 2426 - 2486

พระประวัติ พระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย

กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัยเปนพระโอรสรุ่นไหย่ไนสมเด็ดพระเจ้า บรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงสวโรปการกับหม่อมลม้ายราชินีกุล (สกุลเดิมชูโต) ประสูติเมื่อวันเสารที่ 11 สิงหาคมพุทธสักราช 2426 ตรงกับวัน 7 8 ฯ 9 ค่ำปีมะแมเบ?จสก 1245 ได้รับนามพระ บาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าพระราชทานว่า หม่อมเจ้าไตรทสประพันธ์ ท่านเปนองค์แรกของหม่อมลม้าย มีอนุชาและภคินี คือ หม่อมเจ้า ชายทิสากร ( ถึงชีพตักสัยแต่ยังหนุ่ม ) หม่อมเจ้าชายดำรัสดำรง หม่อมเจ้าหยิงกันดาภา ( ถึงชีพิตักสัยแล้ว ) หม่อมเจ้าชายสุรวุธิ ประวัติ พระบิดาได้ถวายท่านไว้แด่สมเด็ดพระสรีพัชรินทราบรมราชินี ผู้เปนสมเด็ดพระปิตุจฉาของท่าน ฉะนั้นท่านจึงได้ไปประทับเปนประจำ หยู่ไนพระราชสำนักสมเด็ดพระองค์นั้นไห้พระบรมมหาราชวัง ได้เล่า เรียนที่พระตำหนักสวนกุหลาบและโรงเรียนราชกุมารหน้าพระที่นั่ง จักรีมหาปราสาท ระหว่างโดยสเด็ดพระราชกุมารของสมเด็ดไป เล่าเรียนนะโรงเรียนนั้น สมเด็ดพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุน หิสยังมีพระชนม์หยู่จึงได้ซงรับไช้ไกล้ชิด ได้ประทานบัตรหมายไห้ เปนไปรสนียบุรุสของพระองค์ ควนจะอธิบายไนที่นี้ว่าสมเด็ดพระบรม โอรสาธิราชซงเล่นกับเจ้านายพระอนุชาและหม่อมเจ้าเล็ก ๆเปนทำนอง


(2) มีรัถบาลย่อม ๆ มีเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ หม่อมเจ้าไตรทสประพันธได้ ตามสเด็ดเจ้านายไปไนที่ต่าง ๆ มีอาทิ เช่น โดยสเด็ดพระบาท สมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวออกขุนนางและออกงานพระราชพิธีงานสังคม ทั้งปวง การตามสเด็ดนี้เปนการประจำวัน ย่อมทำให้เกิดผลเปนอเนก ประการ เช่นไนทางสึกสาอบรมเพาะนิสัยไห้รู้จกัค่าของขนบทำเนียม ราชประเพณีและฝึกฝนไห้กล้าหานไม่หวาดหวั่นต่อการเข้าสมาคมไม่ หลบหลีกจากผู้ไหย่หรือเกิดปมด้อยจนต้องปลีกตัวเพื่อสแดงไห้คนอื่น เห็นว่าไม่เปนคนประจบสอพลอ ถ้าเปนคนมีนิสัยอัธยาสัยเหมาะก็ ย่อมได้ผลมาก หม่อมเจ้าไตรทสประพันธ เกสากันตเมื่อมีชนมายุสมควน แล้ว ได้ซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ไห้ ได้ออกไปเล่าเรียนไนยุโรป เมื่อ พ.ส. 2438 เข้าหยู่ไนโรงเรียนปถม ตำนบรอตติงดีนไกล้ไบรตันไนภาคไต้ประเทสอังกริด โรงเรียนนี้เปน โรงเรียนปถมชั้นดี ที่ได้รับความนิยมของผู้มีสกุลไนประเทสนั้น อาจารย์ไหย่ชื่อ ต.ห. เมสัน เปนโสด มอบการปกครองไนหน้าที่ แม่บ้านไว้แก่น้องสไพ้และมีแม่บ้านที่มีประกาสนียบัตรวิชานี้เปนผู้ ดำเนินการด้วยอีกคนหนึ่ง มีสถานที่ไหย่โตกว้างขาง แต่รับนักเรียน จำนวนจำกัดประมานไม่เกิน 50 คน จัดเปนหกชั้นเพื่อไห้นักเรียนได้ รับความดูแลเต็มที่ นายเมสันเอาไจไส่สอดส่องดูแลสุขทุขนักเรียน เปนรายตัว ผู้เขียนไปเข้าพายหลังเวลาที่หม่อมเจ้าไตรทสประพันธออก


(3) ไปแล้วปีกว่า ๆ นายเมสันยังเล่าสันเสินท่านไห้ฟังหย่างละเอียดว่า อัธยาสัยดีไม่มากไม่น้อย ฯ ล ฯ ครั้นสก 2441 หม่อมเจ้าไตรทาส ฯ ไปเข้าโรงเรียนมัธยม แฮรโรว์ ซึ่งเปนสำนักที่ได้รับความนิยมเปนชั้นเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งไน หมู่โรงเรียนมัธยมด้วยกัน ซงเล่าเรียนได้เปนหย่างดีไนแผนกวิชา ปัจจุบันจนถึงพ.ส. 2444 จึงไปเข้ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ไนสำนัก หอตรีนิติ ซงเรียนแผนกภาสารุ่นกลางและปัจจุบันคือฝรั่งเสสและ เยอรมันเพื่อเตรียมสำหรับอาชีพการทูต เข้าสอบได้สำเหร็ดซงรับ กีรติปริ??าชั้นบันดิตไนอันดับสามเมื่อพ.ส. 2447 ครั้นแล้วทางการได้ส่งท่านไปเข้าเรียนโรงเรียนวิชาข้าราชการพลเรือนที่ปารีสไนแผนก การทูต เปนนักเรียนไทยคนแรกไนสำนักนั้นซงสำเหร็ดการสึกสา โดยสอบได้ที่ 11 ไนชั้นนักเรียน 31 คน ได้รับหนังสือสำคันของ โรงเรียนเมื่อพ.ส. 2449 เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนรายงานไนที่สุด ว่า พระองค์ท่านได้เล่าเรียนด้วยความสม่ำเสมอ และด้วยปั??าอัน ควนถือว่าเปนเยี่ยงพึงเอาหย่าง ได้สงเคราะห์หยู่ไนจำพวกสิสชั้นเยี่ยม จนเปนที่แน่แก่ไจผู้รายงานนั้นว่า จะซงรับราชการไนทางทูตได้ดี และ สามาถฉลองพระเดชพระคุนได้ผลเด่น ( คัดจากรายงานนักเรียนที่ อังกริด พ.ส. 24489 ) หม่อมเจ้าไตรทสประพันธกลับจากยุโรปเข้ามารับราชการไน กะซวงการต่างประเทส ไนตำแหน่งผู้ช่วยชั้นที่หนึ่งไนกองที่ปรึกสา ตั้งแต่เดือนกันยายน 2449 ครั้นถึงรึดูพรรสา 2450 ได้กราบถวาย

(4) บังคมลาผนวชที่วัดพระสรีรัตนสาสดาราม จำพรรสาที่วัดบวรนิวสวิหารโดยสมเด็ดพระมหาสมนะเจ้ากรมพระยาวชิร?านวโรรส ซงเปนพระ อุปัชชายะ เล่าเรียนธัมวินัยสอบได้นวกเอก เมื่อออกพรรสาได้ลาผนวชกลับออกมารับราชการตามเดิม หม่อมเจ้าไตรทส ฯ ซงดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเพียง 13 เดือนก็ได้เลื่อนขึ้นเปนเลขานุการชั้นสอง และเปน ข้าหลวงปักปันเขตแดนตามความไนสนธิสั??าลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ส. 2450 ระหว่างไทยกับฝรั่งเสส เดินทางไปไนท้องที่กันดานเปน เวลาประมานครึ่งปี ลำดับนี้ได้ซงเสกสมรสกับหม่อมเพี้ยน บุตรีนาย พินเทพเฉลิม บุนนาคไนสกุลพระยาสรีสรราชภักดี (วัน) บุตรสมเด็ด เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงส ( ดิส บุนนาค ) หม่อมเจ้าไตรทส ฯ เอง นั้นหม่อมมารดาก็หยู่ไนสกุลชูโต เปนอันว่าทั้งสองฝ่ายเกี่ยวเนื่องกัน มาแต่เดิม นับว่ามิไช่ผู้อื่นได้หยู่ด้วยกันมาด้วยความสุขจนตลอด ชนมายุ มีบุตรธิดามาก ดังปรากตหยู่ไนตารางลำดับวงสซึ่งท่านซง ทำไว้เองดังได้แนบไว้นี้ ต่อมาไนปี 2451 นั้น สมเด็ดกรมพระยาดำรงราชานุภาพแต่เมื่อ ยังซงเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทยกราบบังคมทูนขอรพะราชทานท่าน ไปเปนเลขานุการเทียบชั้นเจ้ากรม ดำรงหยู่ไนตำแหน่งนั้นปีหนึ่ง คือ ถึงสิงหาคม 2452 ซึ่งเปนเวลาที่สับเปลี่ยนข้าราชการผู้ไหย่ไนกะซวง นั้นตามกาละ จึงซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ ไห้ท่านออกไปเปนปลัด มนทลปราจีนบุรี และเปนผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเซาด้วยกันทั้งสอง ตำแหน่งจนถึงกันยายน 2453 จึงได้ย้ายกลับไปสู่สำนักเดิมของท่าน

(5) ไนระยะนี้พระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวรัชกาลที่หกขึ้นเสวยราชซงตั้ง กองเสือป่าอาสาสมัคขึ้น หม่อมเจ้าไตรทสประพันธได้สมัคเข้าด้วย พระองค์หนึ่ง ไนเวลาต่อมาได้รับพระราชทานยสเปนนายหมู่ ( คือ นายสิบตรี ) พายหลังระหว่างประทับหยู่ต่างประเทสเปนอัคราชทูตได้ โปรดพระราชทานเลื่อนขึ้นอีก เปนนายหมวด ( ร้อย ) ตรี เปนพิเสส ไนเดือนธันวาคม 2456 ซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ ไห้เปน อัคราชทูต ประจำพระราชสำนักสมเด็ดพระบรมราชาธิราชแห่งรัถ เยอรมันและสมเด็ดพระบรมราชาธิราชแห่งออสเตรียฮังการีตั้งสำนัก ทูตหยู่ที่กรุงเบอรลิน ระหว่างนี้สมเด็ดพระเจ้าฟรันซโยเสฟแห่ง ออสเตรียฮังการีสิ้นพระชนม์ลง พระราชนัดดาคารลได้ขึ้นครองราช สมบัติ พระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวโปรดไห้เปนอัคราชทูตพิเสส แทนพระองค์ไปช่วยงานทั้งสองนี้ไนพ.ส. 2459 เมื่อรัถบาลไทย ประกาสสงครามต่อฝ่ายประเทสภาคกลางยุโรป หม่อมเจ้าไตรทส ประพันธต้องไปยื่นความตกลงตัดขาดทางพระราชไมตรีนี้แก่เสนาบดี ว่าการต่างประเทสของเยอรมัน และได้รับความสดวกไห้ได้เดินทาง ไนราชสำนักเดนมารกนั้นต่อมาจนถึงกันยายน 2461 จึงได้รับสั่งไห้หากลับเข้ามารับราชการเปนปลัดทูนฉลองแทนมหาอำมาจโท พระยา ไมตรีวิรัชกริตย์ ซึ่งออกจากราชการด้วยเหตุสูงอายุ ครั้นมหาสง ครามไนยุโรปสุดลงเมื่อพรึสจิกายน 2461 คู่สงครามนัดประชุมเพื่อ ทำความสงบสึก ทูนเชินไห้พระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวซงแต่งตั้งผู้


(6) แทนพระองค์ออกไปร่วมเจรจาทำความตำลงที่กรุงปารีส จึงได้โปรด เกล้า น ไห้พระวรวงสเทอ พระองคเจ้าจรูนสักดิกริดากรอัคราชทูตที่ ปารีสเปนอัคราชทูตพิเสสที่หนึ่ง ไห้หม่อมเจ้าไตรทสประพันธเปน อัคราชทูตพิเสสที่สอง ไห้พระยาพิพัธโกสาอัคราชทูตที่โรมเปน อัคราชทูตพิเสสที่สาม พร้อมด้วยข้าราชการชั้นรอง ๆ ลงมาทั้งทหาน พลเรือน ออกไปร่วมประชุม ทั้งสมได้ลงนามไนสั??ากรุงแวร ซายส์เปนที่เรียบร้อยแล้ว หม่อมเจ้าไตรทสประพันธสเด็ดกลับมารับ ราชการไนตำแหน่งปลัดทูนฉลองตามเดิมต่อไป หม่อมเจ้าไตรทสประพันธ์ ทำราชการได้รับพระราชทานบำเหน็ด ความชอบทั้งยสทั้งราชอิสริยาภรน์ มาโดยลำดับเพียงเวลาที่กล่าวถึงนี้ คือ ยสเปนมหาอำมาจตรี (2460) ทุติยจุลจอมเกล้าวิเสส (2461) และได้ซงพระราชดำริว่าจะซงตั้งไห้เปนองคมนตรีที่ปรึกสาราชการ ไนพระองค์แล้ว หากติดราชการที่ไปทำสั??าสงบสึกเสียจึงยัง มิได้มีโอกาสจะเข้ามารับพระราชทานตั้งไนชุมนุมองคมนตรีได้จน กะทั่งเมสายน 2463 นอกจากนั้นก้ได้รับพระราชทานเหรียนรัตนาภรน์ รัชกาลที่หกชั้นสี่ตามถานะไนเวลานั้น กัเบหรียนงานพระราชพิธี ต่าง ๆ ด้วย ไนเวลาต่อมาได้โปรดพระราชทานเลื่อนชั้นตราช้างเผือก ขึ้นเปนชั้นที่หนึ่ง เมื่อพ.ส. 2464 และเหรียนรัตนาภรน์ก็พระราชทาน เลื่อนขึ้นเปนชั้นสองไนวันเดียวกัน ต่อมาอีกปีหนึ่งตอนต้นปีโปรดเกล้า พระราชทานเลื่อนยสเปนมหาอำมาจโท และไนงานฉัตรมงคล 2465 นั้นซงกรุนาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาไห้ซงเปนพระวรวงสเทอ

(7) พระองค์เจ้าไนพระนามเดิม พระราชทานเครื่องยสพระองค์เจ้า มีหีบทองตรามงกุตถานเปนพระราชนัดดาไนรัชกาลที่สี่เปนต้น กับ พระราชทานเลื่อนชั้นตราจุลจอมเกล้าขึ้นเปนชั้นที่หนึ่งด้วย เท่าที่มี โอกาสจะสังเกตเห็นได้ ผู้เขียนรู้สึกว่าหม่อมเจ้าไตรทสประพันธ เปนปลัดทูนฉลองที่พระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวซงเอนดูและไว้พระราช หรึทัยมากผู้หนึ่ง เพราะนอกจากที่ได้ร่วมเวลากันมาแต่ยังซงพระเยาว และร่วมทุขสุขไนคราวที่พลัดบ้านเมืองไปหยู่ไนต่างประเทสด้วยกันเปน เวลานานแล้ว หน้าที่ราชการยังชักโยงไห้ปลัดทูนฉลองกะซวงการ ต่างประเทสต้องเข้าเฝ้าไกล้ชิดบ่อยกว่ากะซวงอื่น ๆ เช่นทุกคราวที่ทูต ต่างประเทสมาไหม่หรือทูนลากลับไปบ้านเมือง ก็ต้องพาเข้าเฝ้าและ แทบทุกคราวก็มีการพระราชทานเลี้ยงทูตนั้นเปนรายตัว ซึ่งย่อมเปน หน้าที่เสนาบดีและปลัดทูนฉลองเจ้ากะซวงจะได้รับพระราชทานเลี้ยงร่วมด้วย ทั้งหม่อมเจ้าไตรทสประพันธ์ได้สแดงพระองค์เปนผู้มั่นคง หยู่ ไนความจงรักภักดีซื่อสัจสุจริตทุกเมื่อ อันคงจะได้เห็นประจักสแก่ พระราชหรึทัยพระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวเปนแน่แท้ จึงได้ซงพระ กรุนาพระองค์ท่าน ลุสก 2466 สมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงส วโรปการ เสนาบดี ว่า การต่างประเทสประชวรสิ้นพระชนมลงไนเดือน มิถุนายน โปรดเกล้าไห้พระองคเจ้าไตรทสประพันธ์ทำการแทน เสนาบดีไปพลางก่อน ต่อขึ้นปีไหม่ 2467 จึงโปรดไห้เปนเสนาบดี และพระราชทานยสเปนมหาอำมาจเอกไนปลายรัชกาลที่หกนี้มีปั?หา

(9) หน่วงเหนี่ยวขัดขวางทางดำเนินของกดหมายไทยนอกจากกดหมาย นั้น ๆ จะได้ความรับรองจากทูตของเขามาแต่ต้น วิธีการดังนี้ไนเวลา ต่อมาฝรั่งเสสก็ไช้บ้าง และอิตาลี ยี่ปุ่น อเมริกา ปอรตุเกส เบลเยียม รัสเซีย เนเทอร์แลนด์ สเปน สวีเดน นอรเว เดนมารก เยอรมัน ออสเตรียฮังการี ก็เลยพากันจเรินรอยนั้น ยิ่งกว่านั้น ยังจำกัดสิทธิของไทยอีกไนอันที่จะเก็บพาสีขาเข้ามิไห้เกินกว่าร้อยชัก สามโดยมีข้อยกเว้นเล็กน้อย ผลของระเบียบการเช่นนี้ย่อมเปน การตัดทอนอำนาดอธิปไตยของรัถบาลไทย ทั้งไนทางที่จะไห้ความ ยุตติธัมแก่ปวงชน ทั้งไนทางที่จะเก็บพาสีอากร ไนข้อแรก ยังผลไห้ประชาชนบางหมู่บางเหล่ากำเริบดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่นคนที่ทำร้ายแก่ฝูงชนเมื่อเห็นว่าจะไม่พ้นราชภัยแล้วก็หาอุบายสแดง ไบสำคันว่าตนหยู่ไนบังคับต่างประเทส สาลไทยจะทำอะไรไม่ได้ถนัด เปนต้น ซึ่งหย่างน้อยก้เปนการถ่วงมิไห้ผู้ผิดได้รับโทสตามควน แก่กาล ไนเรื่องเก็บพาสีนั้น เมื่อรัถบาลไทยถูกจำกัดดังนี้รายได้ ก็ไม่เพียงพอ จำต้องอาสัยรายได้ที่รัถบาลไม่หยากอุดหนุนไห้มีไว้ เช่นพาสีผิ่นและสุรา ฝิ่นนี้ไนรัชชกาลที่สามได้เก็บมาเผาทำลาย เสียครั้งหนึ่งแล้วจนหมด แต่ไนระยะนี้กลับมีข้อผูกมัดไห้ไทยต้อง เอออวยไห้บุคคลต่างประเทสค้าผิ่นได้สดวกยิ่งกว่าการค้าอันชอบธัมอื่น อีกหลายหย่าง เมื่อการเปนดังนี้จึงเปนพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็ด พระเจ้าหยู่หัวทุกรัชกาล ที่จะพยายามแก้ไขสถานการไห้เปนยุตติธัม

(10) พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงกับซงยอมสละดินแดนอัน เปนบ้านเมืองมลายูด้านหนึ่ง เขมนอีกด้านหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนเอา อำนาดอธิปไตยนี้ไห้คืนมาได้โดยบริบูรน์ทั่วพระราชอานาจักร ครั้น สิ้นรัชกาลลงพระบาทสมเด็ดพระมงกุตเกล้าก็ซงพากเพียรต่อมาจนถึง เวลาเกิดมหาสงครามขึ้นไนยุโรปจึงต้องระงับไว้คราวหนึ่ง เมื่อมหาสงครามนั้นดำเนินไปความยิ่งปรากตชัดขึ้นทุกทีว่า สมควนที่ไทยจะต้องยึดทรึสดีแห่งธัม จึงโปรดเกล้า ฯ ไห้ ประกาสเข้าร่วมมือทำสงคราม ได้ผลสมพระราชจินตนาคือได้ ชัยชนะไนสงครามพายหลังที่เราเข้าร่วมรบปีกว่า ๆ จึงเปนโอกาสที่เรา จะเปิดการเจรจาขอแก้สั??าไหม่ เพราะนานาประเทสย่อมเห็นใจ ไนวาระนั้นว่าไทยเข้าช่วยสงครามโดยมิได้หวังอามิสอันได รบเพื่อ สนับสนุนหลักแห่งความยุตติธัมเปนส่วนไหย่ เหตุนี้จึงพากันผ่อนผัน พยายามเอาไจไทยไนความประสงค์ที่จะแก้สั??าเหล่านี้ ซึ่งมิได้ หวังแก้เพื่อเอารัดเอาเปรียบใครหากแก้เพื่อไห้เรามีสั??าอันเปน ยุตติธัมเท่านั้น สหปาลีรัถอเมริกาได้นำทางก่อนผู้อื่นโดยยอมสละ สิทธิทั้งปวงไม่ว่าไนอำนาดกะซวงสาลหรือทางพาสีอากรไน พ.ส. 2463ประเทสอื่น ๆ ได้อนุโลมตามไนเวลาต่อมา โดยบางรายก็ยังสงวน สิทธิเล็กน้อยไว้บ้าง คือยี่ปุ่นไน พ.ส. 2467 ฝรั่งเสส เนเทอร์แลนด์ อังกริด สเปน ปอรตุเกส เดนมารก สวีเดน อิตาลี เบลเยียม นอรเวไนสองปีต่อจากนั้น บันดาสั??าเหล่านี้ได้รับสัตยาบันหมดพายไน มีนาคม 2469

(11) ตลอดเวลาที่เจรจาแก้สั??าเกือบสิบปีนั้น ราชการแผนกนี้ เกี่ยวพันหยู่กับพระองคเจ้าไตรทสประพันธเรื่อยไป ตั้งแต่สก 2460 เมื่อซงพระราชดำริที่จะฟื้นการแก้สั??าซึ่งได้ชงักมาพักหนึ่งโดยเหตุ มหาสงครามนั้น ก็ได้โปรดเกล้า ฯ ไห้สมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงสวโรปการเสนาบดีว่าการต่างประเทสซงเรียกท่าน เข้ามาเปนปลัดทูนฉลอง ครั้นท่านเข้ามาแล้วก็ได้มีส่วนมากบ้าง น้อยบ้างตามคราวตามสมัย เมื่อท่านไดดำรงตำแหน่งเสนาบดีจึงซง รับภาระแห่งการนี้เต็มี่ ต้องขอกล่าวแซงไนที่นี้สักหน่อยว่าการแก้ สั??าเปนการลำบากมากกว่าที่ผู้ไม่รู้เรื่องจะเดาได้ เพราะนอกจาก สหปาลีรัถอเมริกาแล้ว รัถบาลนานาประเทสแต่ละรายต้องเปนห่วง การได้การเสียของตน หาทางผ่อนปรนเพื่อจะไม่ไห้น้อยหน้าผู้อื่น ไนอันที่จะช่วยเหลือไทย แต่มิไห้ผ่ายของตนต้องขาดผลประโยชน์ หรือเสียอิทธิพลจนเกินกว่าที่เขาเห็นว่าควน ผู้เจรจาก็ดี เจ้ากะซวงก็ดี ต้องลำบากกรากรำ เจรจาย้อนไปย้อนมา บางทีต้องรีบทำการ ติดต่อโดยอดตาหลับขับตานอน แม้พระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวเอง ไนเวลาที่นายแพทยไห้พักผ่อนพระราชอิริยาบถเพราะเพิ่งฟื้นจากการ ประชวร ถ้ามีราชการแผนกนี้มาก็จำต้องสละพระราชสำรา?มา ปติบัติการนั้นไห้ทันท่วงทีเสมอ การไห้สัตยาบันนั้นก็ไม่ปลอดโปร่ง เสมอไป เพราะบางทีติดขัดด้วยยังไม่ถึงคราวที่สภาผู้แทนราสดร ของประเทสนั้น ๆ จะเข้าประชุมบ้าง ติดขัดด้วยเหตุอื่น ๆ บ้าง เข้าไจว่าสัตยาบันที่ได้มาเร็วที่สุด ดูเหมือนจะเปนสัตยาบันของท่าน

(12) มุสโสลินีคนเดียวเท่านั้น หย่างไรก็ดีการแก้สั??าทั้งนี้สำเหร็ดลง ไนตอนต้นรัชกาลที่เจ็ด ไทยได้สิทธิสมความปราถนา แต่ต้องรอ เวลาอีกเปนจำนวน 10ปีจากเวลาที่ประมวนแพ่งและพานิชทำเส็ดจึงจะดำเนินการตามสิทธิที่ได้คืนมานี้ได้ เพื่อบันเท่าความขลุกขลักที่ เขาอ้างว่าอาดเกิดขึ้นเพราะระเบียบยังไหม่หยู่นั้น เพื่อฉลองความ เหน็ดเหนื่อยทั้งนี้พระบาทสมเด็ดพระปกเกล้าเจ้าหยู่หัวได้ซงบำเพ็น พระราชกุสลถวายสมเด็ดพระมหากสัตรพระองคก่อน ๆ ที่ได้ซง พากเพียรแก้ไขโดยลำดับมา ครั้นแล้วพระราชทานเลี้ยงแก่ผู้ที่ได้ มีส่วนไนการนี้ บันดาที่ยังมีชีวิตหยู่นั้น นะพระที่นั่งอัมพรสถานเมื่อ วันที่ 30 มีนาคม 2469 นับว่างานชิ้นไหย่ของรัถบาลไทยอันได้ ตั้งหน้ตั้งตาทำกันมาหลายสิบปีได้มาสำเหร็ดลง และไนบันดาผู้ เกี่ยวข้องกับการงานไหย่อันนี้เปนที่ประจักสแก่พระราชหรึทัยว่าเสนาบดี และข้าราชการกะซวงการต่างประเทสนั่นแหละมีส่วนไหย่มากที่สุด สำหรับพระองคเจ้าไตรทสประพันธเองนั้น คั่นนี้ต้องนับว่าเปนคั่นสำคันอันหนึ่งแห่งชีวิตราชการของท่าน แต่คั่นนี้ต่อไปพระบาท สมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวได้ไว้วางพระราชหรึทัยยิ่งขึ้นทุกที จนไนสก 2474ได้ซงตั้งไห้เปนอภิรัถมนตรี อันเปนตำแหน่งที่ปรึกสาราชการทั้งมวน เปนตำแหน่งสูงสุดของผู้รับราชการไนครั้งนั้น นอกจากนั้นยังซง ยกย่องด้วยยสสักดิ เช่นพระราชทานเลื่อนชั้นราชอิสริยาภรน์ ช้างเผือกจากปถมาภรน์ขึ้นเปนมหาปรมาภรน์เมื่อ พ.ส. 2471 พระ พระราชทานเหรียนรัตนาภรน์ ป.ป.ร. ถึงชั้นที่สอง ครั้นถึงสก 2472

(13) ซงสถาปนาขึ้นเปนพระองคเจ้าต่างกรมซงพระนามว่า กรมหมื่น เทวะวงสวโรทัย ด้วยเหตุผลอันบันยายได้ละเอียดและจุความดีมาก ไนประกาสพระบรมราชโองการซึ่งคัดมาลงไว้ดังต่อไปนี้ ซงพระราชดำริว่า พระวงวงสเทอ พระองค์เจ้าไตรทสประพันธ์ ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุนทั้งไนหน้าที่ฝ่ายปกครอง การทูต และไนกะซวงการต่างประเทส จนถึงเปนปลัดทูนฉลองกะซวงนั้น ด้วย ซงพระปรีชาสามาถ ดั่งปรากตหยู่ไนประกาสสถาปนาครั้งก่อนนั้นแล้ว ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงสเธอ กรมพระยาเทวะวงสวโรปการ สิ้นพระชนม์ เกิดความวิตกกันแพร่หลายด้วยเรื่องผู้ที่จะเปนตำแหน่ง เสนาบดีกะซวงการต่างประเทสแทน เพราะสมเด็ดกรมพระยา เทวะวงสวโรปการได้สเด็ดดำรงหยู่ไนตำแหน่งนั้นถึง 38 ปี และ ซงพระปรีชาสามาถไนราชกิจเปนที่นับถือหยู่ทั่วไปทั้งประเทสนี้และ ประเทสอื่น ๆ พระบาทสมเด็จพระมงกุตเกล้าเจ้าหยู่หัว ซงพระราช วิจารนเห็นคุนสมบัติอันมีหยู่ไนพระองค์เจ้าไตรทสประพันธ ว่าสามาถ จะรับตำแหน่งเสนาบดีกะซวงการต่างประเทสแทนสมเด็จพระชนกได้ ดีกว่าผู้อื่น จึ่งโปรดเกล้า ฯ ไห้พระองค์เจ้าไตรทสประพันธ เปน เสนาบดีกะซวงการต่างประเทส การก็สมดั่งซงคาดหมาย ด้วยพระ องค์เจ้าไตรทสประพันธ ซงพระสติปั??าและรอบรู้ รัถาภิปาลโนบาย อันได้ซงสึกสาแต่พระชนก ซงบังคับการงานโดยซื่อตรงเที่ยงธัมหยู่ ไนความสุจริต มีความจงรักภักดีต่อไต้ ฝ่าละอองธุลีพระบาทเปนที่ตั้ง ทั้งสองประการเจือกัน ผลจึ่งเปนไปไนทางที่เปนคุนประโยชน์เชิดชู

(14) พระเกียรติยสพระเดชานุภาพไนพระบาทสมเด็จพระเจ้าหยู่หัวถ่ายเดียว มิได้เปนการได้หย่างหนึ่งเสียหย่างหนึ่ง ไนไม่ช้าก็ปรากตพระเกียรติ คุนเปนที่นับถือของคนทั้งหลายตลอดจนชาวต่างประเทสทั่วไป เปน ปัจจัยไห้ราชการอันเกี่ยวข้องกับนานาประเทสเรียบร้อยตลอดมา มิไช่ แต่เท่านั้น ความมุ่งหมายอันเปนข้อสำคั?ของประเทสนี้ คือที่จะ แก้ไขหนังสือสั??าทางพระราชไมตรีซึ่งต้องยอมเปนฝ่ายต่ำเพราะ ความจำเปนมาแต่โบราณ ได้พรยายามแก้ไขปลดเปลื้อยงมาทุกรัชกาลตลอดเวลากว่า 60 ปี พระองค์เจ้าไตรทสประพันธร่วมกับพระยา กัลยานไมตรีผู้เปนที่ปรึกสาทั้ง 2 นี้ ได้อุสาหะบากบั่นโดยอุบายอัน ชอบไนชั้นสุดท้าย มาประสบผลสำเหร็ดไนรัชกาลปัจจุบันนี้ จึ่งได้ คืนเสรีภาพไนการพาสีอากรและอำนาดสาล อันเปนกำลังและความ ปราถนาหย่างยิ่งแห่งการดำรงอิสรภาพไห้สถิตสถาพร เปนเหตุไห้ ประเทสสยามได้ตั้งหยู่ไนถานะเสมอภาคเทียมเท่าชาติอื่น ๆ นอก จากนี้ พระองค์เจ้าไตรทสประพันธมีปรกติประพรึดพระองค์ด้วยพระ อัชชาสัยสุภาพเหินห่างจากอคติปราสจากความกำเริบฟุ้งซ่านริสยา- อาธัม โอบอ้อมอารีและอ่อนน้อมทั่วไป มีอุปนิสัยคล้ายสมเด็ด พระชนก ซึ่งเปนที่นิยมไนพระราชวงส์และข้าราชการ บัดนี้มีพระ ชนมายุไนมัชชิมวัยแล้วเปนผู้ที่สมควนได้รับพระมหากรุนายกย่องขึ้น ไว้ไห้เปนพระองค์เจ้าต่างกรม เพื่อเปนพยานแห่งความสามาถรับ ราชการไนตำแหน่งอันเปนที่ไว้วางพะรหรึทัยทั้งราชการแผ่นดินและ ราชการไนพระองค์ และเปนที่เชิดชูพระเกียรติยสสืบสนองพระองค์ สมเด็จกรมพระยาเทวะวงสวโปการผู้พระชนกได้ (15) ไนโอกาสเดียวกันนี้พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรน มหาจักรีบรมราชวงส และเครื่องยสต่าง ๆ คือ พระมาลายอดเกี้ยว ทองลงยาปักขนจามรี ฉลองพระองค์จีบเอว รัตประคต พระแสงดาบด้ามและฝักถมทอง บ้วนพระโอถทองคำ พระเต้าน้ำเย็นทองคำ กาน้ำ รูปกะบอกและถาดรองทองคำ พานพระสรีทองคำมีเครื่องครบอีก หกชิ้น หีบพระโอสถทองคำลงยา กับตลุ่มรองเครื่องซง อนึ่งเนื่อง จากท่านได้รับราชการไนกะซงต่างประเทสและเคยเปนอัคราชทูตนั้น ท่านจึงได้รับตรานานาประเทสชั้นสูงมากราย คือ ดาเนบรอก ชั้นที่หนึ่ง แห่งเดนมารก (2462) กยอกุยิดซึ ชั้นที่หนึ่ง แห่งยี่ปุ่น (2468) ออรันย์นัสเซา ชั้นที่หนึ่ง แห่งเนเทอร์แลนด์ (2468) บริติชเอมไปร์ ชั้นที่หนึ่ง แห่งอังกริด (2468) เอลซอลเดลเปรู ชั้นที่หนึ่ง (2469) คาร์โลส์ที่สาม ชั้นที่หนึ่ง แห่งสเปน (2469) ออร์เดมมิลิตาร์เดคริสโต ชั้นที่หนึ่ง แห่งโปรตุเกส (2469) ซันตีโมรีซิโอ เอ ลัสซาโร ชั้นที่หนึ่ง แห่งอิตาลี (2469) เซนต์ โอลาฟ ชั้นที่หนึ่ง แห่งนอร์เว (2470) เลโอโปลด์ ชั้นที่หนึ่ง แห่งเบลเยี่ยม (2470) เลจิออง ดอนเนอร ชั้นที่หนึ่ง แห่งฝรั่งเสส (2472) ไวต์ไลออน ชั้นที่หนึ่ง แห่งเวโกสโลวาเกีย (2477) ครอสส์ ออฟ เมริต ชั้นที่หนึ่ง แห่งฮังการี (2477)

(16) นอกจากราชการไนหน้าที่ท่านยังได้ทำราชการพิเสสบางครั้งคราวคือ ไนรัชกาลที่หกเปนกัมการสภากาชาด ไนรัชกาลที่เจ็ด เช่นเปน กัมการอำนวยการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เปนกัมการรักสาพระราช บั??ัติข้าราชการพลเรือน เปนกัมการสร้างปถมบรมราชานุสรน์ได้ ซงอำนวยการไนงานประชุมพิจารนาปั?หาฝิ่น สก 2472 ซึ่งสันนิบาต ชาติที่เจเนวาขออาสัยประชุมไนกรุงเทพ ฯ เพื่อจะได้พิเคราะห์ไห้ ไกล้ถิ่นไหย่ของฝิ่นเช่นอินเดียและจีน เปนครั้งแรกที่สันนิบาตชาติได้ มาประชุมถึงกรุงเทพ ฯ ย่อมเปนเกียรติยสแก่ชาติและรัถบาลไทย หยู่กับได้ซงเปนรองอุปถัมภกแห่งการประชุม สมาคมแพทย์ของแดน ตะวันออกไกล ไนธันวาคมสก 2473 ได้โดยสเด็ดพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็ดพระปกเกล้า ฯ ประพาสประเทสมยายู ชวา บาหลี ไนต้นสก 2472 กับประพาสอินโดจีน ไนเมสายนสก 2473 ด้วย กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย ซงเปนเสนาบดีว่าการต่างประเทสหยู่เก้าปี โปรดเกล้า ฯ ไห้เวนคืนตำแหน่งพร้อมกันกับเสนาบดีกะซวง อื่น ๆ ทั้งคนะเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2475 เมื่อพ้นจากราชการ แล้วพระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวยังคงซงพระเมตตาสนิธสนมหยู่มิได้ ลดหย่อน เมื่อส้างตำหนัดไหม่เส็ดซงทำบุ?ขึ้นวังนะวันที่ 10 ธันวาคม2475 ก็ยังซงพระอุสาหะสเด็ดพระราชดำเนินมาเหยียบตำหนักเปนสวัสดิมงคล เมื่อเสด็ดไปรักสาพระองค์ไนยุโรปคราวสก 2476 ก็โปรด ไห้ท่านโดยสเด็ดพระราชดำเนินเปนผู้ไหย่ไนกระบวนหยู่ตลอดเวลาที่ สเด็ดเดินทางเดือนนั้น ต่อเมื่อประทับประจำเปนที่แล้วจึงพระราชทานพระบรมราชานุ?าตไห้สเด็ดกลับยังพระนคร (17) อนึ่งสมเด็ดพระสรีสวรินทิราพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าผู้ซงเปนพระปิตุจฉาอีกพระองค์หนึ่งก็ซงพระเมตตากรมหมื่นเทวะวงส ฯ ยิ่งนักไน ถานพระนัดดาผู้ไหย่และสนิธ โดยฉเพาะเมื่อมาส้างวังไหม่หยู่ไกล้ วังของท่านเข้าแล้ว ก็ยิ่งซงพะรกรุนามากขึ้น ซงไช้สอยสนิธสนม ไว้วางพระหรึทัยหยู่เนืองนิจ เวลาสเด็ดประพาสทอดพระเนตรโบราณ สถานนครหลวงและกรุงพนมเพ?ไนกัมพูชา ก็โปรดไห้กรมหมื่น เทวะวงส ฯ โดยเสด็ดและบั?ชาการกะบวนตลอดไป เมื่อพ้นจากราชการแล้วกรมหมื่นเทวะวงส ฯ ก็ประทับหยู่เงียบ ๆ ตามพระอัธยาสัยของท่าน พร้อมด้วยหม่อมเพี้ยนและลูกหลาน มา ถึงตอนนี้พระองค์ท่านมีหลานตาหลานปู่ขึ้นไหม่โดยลำดับ ท่านพอ พระทัยไปประทับหยู่ที่ตำหนักตำบลหนองแกกิ่งอำเพอหัวหินจังหวัด ประจวบคีรีขันธเนือง ๆ แต่ด้วยเหตุที่โอรสธิดายังเยาวหยู่หลายคน ท่านจึงต้องเวียนไปเวียนมากับกรุงเทพ ฯ บ่อย กรมหมื่นเทวะวงส มีพระนิสัยฝั่กไฝ่ทางวิชาความรู้ เมื่อมีเวลาหยู่ว่าง ๆ ดังนี้ก็วงอ่าน หนังสือหรือฟังวิทยุเปนส่วนไหย่ ได้ซงเปนสมาชิกสมาคมค้นวิชา ประเทสไทยช่วยเหลือการงานของสมาคมบางคราว เช่นซงแปลเรื่อง ภาสาเยอรมันของ ดร. แบรนัตซิกเปนภาสาอังกริด กล่าวถึงปั?หา ว่าจะพึงดัดนิสัยมนุสที่ยังหยู่ไนคั่นดึกดำบรรพ์จนบัดนี้นั้นเพียงไรหรือ ไม่และยกตัวหย่างพวกโมเกนเมืองมริด ลงไนวารสารของสมาคม เล่ม 31 ตอนที่ 1 แล้วยังได้ซงพระนิพนธเก็บความเรื่องของ ดร. เซเดส์มาเปนไทยไนชื่อว่า ปราสาทหินของเขมนส้างเพื่ออะไร ลง

(18) ไนวารสารฉบับไทยเล่ม 2 อีกคราวหนึ่ง เปนเรื่องที่เกี่ยวด้วยการวินิจฉัยประเพนีการสพ การมรึตกวัตรหลายหย่างที่เกี่ยวพันกับทำเนียมไทย ไคร ๆ ที่ได้รู้จักกรมหมื่นเทวะวงสวโรทัยถ้ารู้จักท่านดีจิง ๆ แล้วคงจะต้องรับรองว่า ท่านเปนผู้เด่นด้วยสติและความหนักแน่นกอบด้วย ความสุจริตเที่ยงธัม เปนที่ไว้วางไจได้ว่าจะระมัดระวังและสงวน ความเชื่อถือของเราได้เต็มที่ แม้ท่านจะไม่เปนคนเราะราย ไม่ ใช่บุคคลชนิดที่จะแวดล้อมไปด้วยอเนกบริวารไนเวลาได ๆ ก็จิง แต่ ความดีของท่านดังกล่าวแล้วได้ทำไห้ท่านเปนเสนาบดีและที่ปรึกสาที่ พระมหากสัตรและผู้มีตำแหน่งเหนือท่านซงไว้วางพระราชหรึทัยและ ไว้พระทัยได้เต็มี่ เปนเพื่อนที่ผู้เสมอกันรักไคร่เชื่อถือไว้ไจ และ เปนนายที่ผู้ต่ำกว่าก้เชื่อถือไว้ไจเช่นเดียวกัน ยิ่งพายไนครอบครัว ของท่านแล้วความรักความไว้ไจอันนี้ยิ่งเห็นได้เปนหย่างยิ่ง ผู้เขียน ได้เคยรู้จักท่านห่าง ๆ แต่ซงพระเยาว ครั้นต่อมาได้เคยหยู่ไต้บังคับ บั?ชาท่านไนกะซวงมหาดไทย แล้วได้ทำงานหน้าที่ราชเลขานุการ ฝ่ายต่างประเทสติดต่อกับท่านหย่างไกล้ชิดไนสมัยท่านเปนปลัดทูนฉลอง และเสนาบดีกะซวงการต่างประเทส และไนเวลาต่อมาได้เปนเสนาบดี ร่วมคนะ และเพื่อนบ้านรั่วติดกันไปมาหาสู่กันหยู่เหนืองนิจ ได้เห็น พระนิสัยอัชชาสัยมาตลอด แต่แรกก็เห็นท่านเปนคนดีไม่มีอคติ แต่ไม่ไคร่กล้าติดต่อนัก ความห่างเหินค่อย ๆ ลดจางลงไปทุกที ความไว้ไจเชื่อถือนิยมรักไคร่ค่อย ๆ บังเกิดขึ้นโดยลำดับ จนเกิด


(19) ความนับถือรักไคร่เปนหย่างยิ่งดุจดังท่านเปน?าติผู้ไหย่ไนสกุลเดียวกันผู้หนึ่ง นายสรีวิสารวาจา ฮุนตระกูล ( พระยาสรีวิสารวาจา ) ซึ่งเปนผู้ได้ร่วมงานกับท่านมามาก เช่นเคยเปนปลัดทูลฉลองไนเวลาท่าน เปนเสนาบดี และตนเองได้เปนเสนาบดีต่อจากท่าน ได้มีแก่ไจเขียน ข้อความสแดงคุนงามความดีของท่านมาดังต่อไปนี้ พระวรวงสเธอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัยซงตั้งหยู่ไนความยุตติธัมมีพระทัยเยือกเย็นความคิดสุขุมรอบคอบ ฉะนั้นคำวินิฉัยของพระองค ท่านจึงไม่เปนไปไนอาการฉุนเฉียวหรือปราสจากเหตุผล นอกจากนั้น ยังมีพระนิสัยกล้าหาน ไม่หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบ เมื่อผู้น้อยได้ ปติบัติงานไปโดยความซื่อสัจสุจริตหรือโดยคำสั่งของพระองคท่าน แล้ว แม้จะไม่เปนที่พอไจของท่านผู้ไหย่หรือมีผลไม่เหมือนดังคาดคเน ไว้ พระองคท่านก็เข้ารับผิดชอบเสียเอง ดังนี้ผู้หยู่ไต้บังคับบั?ชา ของพระองคท่านจึงได้รับความร่มเย็นเปนสุขเสมอหน้ากัน พระวรวงสเธอ พระองค์เจ้าวรรนไวทยากร ซึ่งเคยเปนปลัดทูน ฉลองไต้กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย และซงมีหน้าที่สำคันไนกะซวง การต่างประเทสมาจนทุกวันนี้ ได้ซงพระเมตตาเขียนคำไว้อาลัย ประทานมาว่า ฉันได้เฝ้าไนกรมเทวะวงสวโรทัยเปนครั้งแรก เมื่อสเด็ดไปปารีสไนถานะที่ซงเปนผู้แทนฝ่ายไทยไนการประชุมทำสนธิสั??าสันติภาพ หลังจากมหาสงครามคราวที่แล้วมา พระอัธยาสัยไมตรีอันละมุน

(20) ละม่อมและโอบอ้อมอารี ซึ่งซงสแดงออกมาเปนนิจสีลไนการติดต่อกับ บุคคลไหย่น้อยทั่วกันนั้น เมื่อได้มีโอกาสสังเกตดูหย่างไกล้ชิดสนิธ สนมแล้ว จะเห็นว่าเปนพระอัชชาสัยประจำพระหทัยทีเดียว ฉะนั้น จึง ซงเปนที่เคารพรักไคร่นับถือไนวงพระ?าติและมิตร ตลอดจนบันดาผู้ ที่ติดต่อกับพระองค์ทั้งมวน แต่ข้อที่ฉันไคร่จะกล่าวสดุดีเปนการไว้อาลัยแด่พระองค์ท่านนั้นคือ ลักสนะคุนความดีที่ท่านได้ซงบำเพ็นไว้ไนราชการ เพราะฉันเปน ผู้หนึ่งซึ่งได้สนองพระคุนท่านหย่างไกล้ชิด เปนที่ไว้วางพระทัยไนกิจ ราชการสำคัน ๆ หลายหย่างที่ท่านได้ซงบำเพ็นเปนผลสำเหร็ด เพื่อ คุนประโยชน์แก่ประเทสชาติที่รักของเรา ซาเตาได้นิยามการทูตไว้ว่า เปนการไช้สติปั??าและความ แนบเนีนดำเนินความสัมพันธระหว่างรัถบาลแห่งรัถเอกราช แต่ไน การไช้สติปั??าและความแนบเนียนดั่งกล่าว จะต้องอาสัยคุนธัม หย่างอื่นประกอบด้วยแล้วแต่ความต้องการแห่งเหตุการน์อันเปนปั?หาที่จะต้องปติบัติไห้ลุล่วงไปไนขนะหนึ่ง ๆ ปั?หาวิเทโสบายของไทย หลังจากมหาสงครามคราวที่แล้วมานั้น หยู่ที่การแก้ไขสนธิสั??า เพื่อปลดเปลื้องสภาพนอกอานาเขต คือ ปลดเปลื้องข้อจำกัดอำนาด สาลและอำนาดพาสีอากร ซึ่งรัถบาลต่างประเทสยังมีหยู่ไนประเทส ไทยไนขนะนั้น ไนระหว่างการประชุมทำสนธิสั??าสันติภาพแวร์ไซยส์ คนะทูตไทยได้เสนอต่อรัถบุรุสของอังกริด ฝรั่งเสส และสหรัถอเมริกา

(21) ขอไห้แก้ไขสนธิสั??ากับประเทสไทยตามนัยที่ว่ามาแล้ว แต่การ เจรจาดำเนินหยู่หย่างชักช้า และนอกจากกรนีสหรัถอเมริกาแล้ว นัยว่ายังไม่ได้ก้าวหน้าไปหย่างไรเลย ครั้นเมื่อไนกรมเทวะวงสวโรทัย ได้ซงดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการต่างประเทส และได้มี ดร. แซยร์ ลูกเขยประธานาธิบดี วิลซัน มาเปนที่ปรึกสากะซวงการต่างประเทส แล้ว ไนกรมได้ซงมีพระดำริหย่างเฉียบแหลมและสุขุมที่จะมอบไห้ ดร. แซยร์ ไปดำเนินการเจรจากับประเทสต่าง ๆ ต่อไป มีประเทส อังกริดเปนต้น เพราะถ้าประเทสอังกริดยินยอมแล้ว ประเทสอื่น ๆ ก็คงยินยอมตาม ด้วยประเทสอังกริดไนขนะนั้น มีผลประโยชน์หยู่ ไนประเทสไทยมากกว่าที่ประเทสอื่น ๆ มี การเจรจาระหว่างประเทสนั้น ผู้ที่หยู่นอกวงการทูตมักจะสำคันว่ากะทำกันตามเหตุผลและตามความยุตติธัม หรือหลักกดหมาย ระหว่างประเทสเสมอไป แต่อันที่จิงการเจรจาระหว่างประเทสเล็กกับ ประเทสไหย่ ถ้าจะไห้เปนผลสำเหร็ดก็ต้องหาทางเจรจาที่จะทำหย่างไรไห้ประเทสไหย่ยินยอมตาม จะหวังพึ่งแต่เหตุผลและความยุตติธัม หรือลหักกดหมายระหว่างประเทสเท่านั้น หาได้ไม่ ไนกรนีการแก้ไข นั้น ไนส่วนเหตุผลและความยุตติธัม หรือหลักกดหมายระหว่าง ประเทส ก็เปนที่รับกันหยู่แล้วว่าไม่ควนมีข้อจำกัดอำนาดอธิปไตย เช่นกัน ฉเพาะหย่างยิ่ง ไนเมื่อประเทสไทยได้จัดการปกครองไห้


(22) เข้ามาตรถานแผนปัจจุบัน โดยจัดทำประมวนกดหมาย และปรับปรุง การสาลยุตติธัม ตลอดจนการปกครองทั่ว ๆ ไปด้วย เปนอันว่า ชาว ต่างประเทสได้รับความยุตติธัมตามสมัยนิยมปัจจุบันแล้ว แต่สนธิ สั??าซึ่งผูกมัดประเทสไทยหยู่ไนเรื่องนี้นั้น เปนหนังสือสั??าไน รูปที่บอกเลิกไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าจะเลิก ก็จะต้องอาสัยความยินยอม ด้วยดีของประเทสคู่สั??า ปั?หาไนการเจรจาจึงเปนปั?หาที่ว่า ทำ หย่างไรประเทสเหล่านั้นจึงจะยินยอมด้วยดี ดร. แซยร์ ได้เข้าหารัถมนตรีว่าการต่างประเทสของอังกริด และชี้แจงความสมควนไนหลักการที่ควนจะแก้ไขสนธิสั??านั้นจน เปนที่รับฟังด้วยดีแต่ก่อนที่จะเจรจาทำความตกลงกันได้ รัถบาลอังกริดและรัถบาลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ย่อมฟังเสียงผู้แทนของเขาทาง กรุงเทพ ฯ และไนลำดับนี้ บุคคลิกภาพของรัถมนตรีว่าการต่าง ประเทสของไทยจึงเปนปัจจัยสำคันยิ่ง ไนกรมเทวะวงสวโรทัยได้ซงสแดงคุนธัมอันหนักแน่นไห้ประจักสแก่บันดาผู้แทนต่างประเทส นะ กรุงเทพ ฯ ซึ่งได้เคยปรารภกับฉันว่า ไนกรมซงเปนผู้ซื่อสัจสุจริตต่อหน้าที่ จึงเปนที่มั่นไจได้ว่า เมื่อ ได้ตกลงแก้ไขสนธิสั??ากันแล้ว ประเทสไทยก็จะไห้ผลประติบัติแก่ ชาวต่างประเทสด้วยความยุตติธัมเปนหย่างดี สนธิสั??าอันเปนผล แห่งการเจรจา ซึ่งทำไห้ประเทสไทยได้รับอิสระภาพส่วนมากคืนมาไน


(23) ครั้งนั้น จึงเปนความชอบไนแผ่นดินซึ่งไนกรมได้ซงบำเพ็นไว้หย่างน่า สันเสินสดุดีเปนที่ยิ่ง คุนธัมอันประเสิดของพระองค์ ก็คือความจงรักภักดีต่อหน้าที่ ซึ่งทำไห้ฉันระลึกถึงถ้อยคำของเบคอนว่า ผู้ดำรงตำแหน่งไหย่ ๆ เปนผู้รับไช้ถึง 3 สถานคือเปนผู้รับไช้พระราชาธิบดีหรือรัถ เปนผู้รับ ไช้ชื่อเสียง และเปนผู้รับไช้ธุระกิจ ฉะนั้น จึงไม่มีเสรีภาพที่จะปติบัติ ตามไจชอบไนกิจการส่วนตัว หรือไนกิจการกะทำของตน หรือไนการ ไช้เวลาของตน ไนกรมซงรักชีวติไนครอบครัวของพระองค์หย่างหาที่ เปรียบได้ยาก แต่ซงถือราชการเปนไหย่หยู่เสมอ ไนกิจราชการของ พระองค์ ก็หาได้เอาพระทัยของพระองค์เปนไหย่ แต่คำนึงถึง ประโยชน์ไหย่ยิ่งของราชการไนส่วนรวมเปนสำคัน และเวลาของ พระองค์ก็ซงอุทิสไห้แก่ราชการทั้งหมด จะซงปติบัติกิจการอันไดก็ มุ่งแต่จะสนองพระคนพระมหากสัตร และสนองคุนประเทสชาติ ซง บำเพ็นแต่สิ่งซึ่งจะจันโลงชื่อเสียงและกิตติคุนความดีไว้ ทั้งนี้ ซง บำเพ็นด้วยวิริยะอุสาหะ เฝ้าสนองธุระกิจราชการหยู่เปนนิจ สมดั่ง คติพจน์ที่ฉันกล่าวอ้างมา ขอไห้คุนงามควาดีซึ่งไนกรมได้ซงบำเพ็นไว้นี้ จงเปนอานิสงส์ ส่งเสริมสันติสุขสวัสดีไนสุคติภพเปนนิจนิรันดรกาลเทอน

วรรณ ไวทยากร


(24) พนะท่าน ว. วิจิตรวาทการ รัถมนตรีกะซวงการต่างประเทส ไนปัจจุบัน เขียนมาว่า พระองค์ท่านเปนเสนาบดีคนที่ 3 ของกะซวงการต่างประเทส ดำรงตำแหน่งนี้หยู่เปนเวลา 8 ปีเสส จำเดิมแต่เริ่มแยกการต่างประเทส ออกจากการคลัง ตั้งเปนกะซวง 2 กะซวงขึ้น ผู้รับตำแหน่งเสนาบดี กะซวงการต่างประเทสเปนดังนี้ 1. เจ้าพระยาภานุวงส์มหาโกสาธิบดี ดำรงตำแหน่งเสนาบดี หยู่ 16 ปีเสส 2. สมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงสวโรปการ ซงดำรงตำแหน่งเสนาบดี 38 ปีเสส 3. พระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย ซงดำรงตำแหน่งเสนาบดี 8 ปีเสส อันที่จิงเมื่อสมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงส วโรปการ สิ้นพระชนม์แล้ว พระวรวงสเทอ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย ก็มิได้ซงรับตำแหน่งเสนาบดีทันที แต่ได้ซงเปนปลัดทูนฉลองรักสา การไนตำแหน่งเสนาบดีมาถึง 9 เดือน จึงได้รับแต่งตั้งเปนเสนาบดี เมื่อวันที่ 1 เมสายน 2467 การที่ได้ซงรับตำแหน่งเสนาบดีกะซวงการต่างประเทสเวลานั้น ก็เห็นกันทั่วไปว่าเหมาะสมจิง ๆ และเปนการแน่นอนว่าไนเวลานั้น ไม่มีไครรอบรู้และชำนา?การต่างประเทสเท่าพระองค์ท่าน โดยเหตุ


(25) ที่ได้ซงรับการสึกสาหย่างดี เข้ารับราชการไนกะซวงการต่างประเทส ตั้งแต่ขั้นต่ำ และค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไป จนถึงเปนอัคราชทูตประจำ กรุงวอชิงตัน อัคราชทูตประจำกรุงเบอร์ลิน และเข้ามาเปนปลัด ทูนฉลองหยู่หลายปีก่อนเปนเสนาบดี นับว่าเปนผู้รอบรู้งานกะซวงการ ต่างประเทสดีที่สุดไนสมัยนั้น ไนระหว่างเวลา 8 ปีเสสที่ได้ซงรับตำแหน่งสำคันนี้มา ก็ได้ซงทำงานไนหน้าที่ด้วยความอุสาหะและรอบคอบสุขุม ไนสมัยที่พระองค์ ท่านซงดำรงตำแหน่งเสนาบดีนี้เอง ที่ได้มีการแก้ไขสนธิสั??าเลิก ล้างอำนาดสาลและเปลี่ยนพิกัดสุลกากรไหม่ อันเปนงานยากลำบาก ที่สุดที่จะพึงทำไห้ไนสมัยนั้น สั??ากับอินโดจีนและการปักปันเขต แดนแม่น้ำโขงไหม่ จนถึงมีการตั้งคนะข้าหลวงไหย่ประจำแม่น้ำโขง เหล่านี้ ก็ได้ทำกันไนสมัยของพระองค์ การจัดระเบียบไหม่ไนกะซงการต่างประเทส ก็ได้ทำไนสมัย ของพระองค์มาก และดูเหมือนว่ากะซวงการต่างประเทสเปนกะซวง พลเรือนกะซวงแรก ที่ได้มีการแบ่งกรมออกเปนกองเปนแผนกมา ตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง คุณธัมที่นับถือกันมาก คือการวางพระองค์เหามะสมและโอบ อ้อมอารีแก่ข้าราชการทั่วไป มีลายพระหัถฉบับหนึ่ง ที่ซงเขียนถึง ฉันเมื่อ 22 ปีมาแล้ว เมื่อครั้งฉันยังเปนนายกิมเหลียง และเดินทาง ออกไปถึงยุโรปไหม่ ๆ เปนข้อความดั่งนี้


(27) ขนะที่ซงมีลายพระหัถฉบับนี้ ยังซงเปนหม่อมเจ้าไตรทสประพันธ์ปลัดทูนฉลองกะซวงการต่างประเทส พระโอวาทที่ประทานไนลาย พระหัถนี้ว่า "ตั้งตัวไห้เปนผู้หลักผู้ไหย่ มีความอารีอารอบและ สามัคคีต่อเพื่อนข้าราชการด้วยกัน" นั้น เปนจริยวัตรอันสำคันที่มี หยู่ไนพระองค์เองเปนหย่างดี ขอดวงพระวิ??านของพระองค์ จงได้รับส่วนกุสลบุ?ราสีอันล้ำเลิด และประสบสุขคติทุกสถานเทอน


รัถมนตรีว่าการกะซวงการต่างประเทส 19 มีนาคม 2486

ประวัตินี้ได้นำถวายสมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทอดพระเนตก่อน จึงซงพระเมตตาเรียบเรียงคำสันเสิน พระคุนกรมหมื่นเทวะวงสวโรทัยประทานมาประกอบเรื่อง ดังได้นำ ลงต่อไปนี้ ฉันเห็นนายสรีสารวาจา ฮุนตระกูล เขียนเฉลิมพระเกียรติกรม หมื่นเทวะวงสวโรทัย ตามี่รู้เห็นเมื่อเขาเปนปลัดทูนฉลองกะซวงการ ต่างประเทส ส่งมาเพิ่มเติมลงไนประวัติกรมหมื่นเทวะวงส ฯ ดูเข้าที ดี ฉันจึงเอาหย่างเขียนเรื่องที่ฉันรู้เห็น เมื่อรับราชการร่วมกับเทอ ส่งมาเพิ่มเติมบ้าง

(28) มูลเหตุที่ฉันจะกราบบังคมทูนขอกรมหมื่นเทวะวงส ฯ เมื่อยัง เปนหม่อมเจ้าไปรับราชการกะซวงมหาดไทยนั้น เกิดแต่ฉันทูน ปรารภแก่สมเด็ด ฯ กรมพระยาเทวะวงส ฯ พระบิดาของเทอ ว่าเทอ ได้เรียนทางการกะซวงต่างประเทสมาได้ดี ถ้าเรียนทางการปกครอง พายไนบ้านเมืองประกอบเข้าด้วย แม้รับราชการกะซวงการต่างประ เทสต่อไปข้างหน้าก็จะเปนประโยชน์ยิ่งขึ้น ถ้าประทานอนุ?าตไห้เทอ มารับราชการไนกะซวงมหาดไทยฉันจะผึกสอนไห้เอง สมเด็ด ฯ กรมพระยาเทวะวงส ฯ ซงพระดำริเห็นชอบด้วย ฉันจึงได้กราบังคม ทูนขอกรมหมื่นเทวะวงส ฯ มารับราชการกะซวงมหาดไทย ไห้เทอ เปนตำแหน่งเลขานุการประจำตัวเสนาบดี ได้ทำงานหยู่ไกล้ชิดกับ ฉันเปนนิจ เทอจึงเปนหลานรักของฉันคนหนึ่งมาแต่นั้น ฉันไห้ เทอสึกสากะบวนการปกครองหัวเมืองไนสำนักกรมขุนมรุพงสสิริพัธน์ สมุหเทสาภิบาลมนทลปราจี หยู่นะเมืองฉะเชิงเซา เทอรับราชการ หยู่ไนกะซวงมหาดไทยสองปีกว่า จึงกลับไปรับราชการกะซวงการต่าง ประเทส หม่อมเจ้าที่ไปเรียนสำเหร็ดมาจากยุโรปได้รับความ อบรม เช่นเดียวกันกับกรมหมื่นเทวะวงส ฯ มีอีกสององค์ คือ พระองค์เจ้า จรูนสักดิกริดากรพระองค์หนึ่ง กับพระองค์เทอ (พระองค์เจ้าธานีนิวัต)อีกพระองค์หนึ่ง ผิดกันแต่พระองค์เจ้าจรูน ฯ ไปสึกสาการปกครอง หัวเมืองไนสำนักเจ้าพะรยายมราช (ปั้น สุขุม) เมื่อยังเปนพระยาสุขุม นัยวินิต ที่มนทลนครสรีธัมราช พระองค์เทอไปสึกสาไนสำนักพระยา โบรานราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ที่มนทลอยุธยา ฉันเคยรู้สึก

(29) พูมไจไนภายหลัง เมื่อได้เห็นเปนพระองค์เจ้าและเปนเสนาบดีทันนั่งไนเสนาบดีสภาด้วยกันกับตัวฉันทั้งสามพระองค์ แต่เมื่อมาสิ้นกรมหมื่น เทวะวงส ฯ ลงก็อนาถไจยิ่งนัก ด้วยไนสามพระองค์นั้นยังเหลือแต่ พระองค์เทอพระองค์เดียว "ทีฆายุโก โหตุ" ขอไห้พระชันสายั่งยืน ต่อไปไห้นานเถิด ไนรัชกาลที่หก ฉันออกจากตำแหน่งเสนาบดีกะซวงมหาดไทย เมื่อ พ.ส. 2458 เปนแต่เสนาบดีที่ปรึกสา กับนายกหอพระสมุดสำ หรับพระนครมาจนถึง พ.ส.2466 เมื่อสมเด็ดฯกรมพระยาเทวะวงส ฯ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็ดพระมงกุตเกล้าเจ้าหยู่หัวซงพระกรุนา โปรดตรัสชวนฉันไห้กลับเข้าเปนเสนาบดีประจำราชการอีก ฉันได้รับ ตำแหน่งเปนเสนาบดีกะววงการต่างประเทส และได้นั่งประชุม เสนาบดีสภาเปนครั้งแรกนะพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วยกัน วันนั้นผเอินพระเจ้าหยู่หัวไม่ซงสบายไม่สเด็ดออก ซงพระกรุนาโปรด ฯ ไห้ฉัน เปนประธานไนที่ประชุมเสนาบดีแทนพระองค์ ระเบียบวาระของการ ประชุมวันนั้น มีราชการที่จะปรึกสาแต่หนังสือสั??าที่จะทำกับยี่ปุ่น เรื่องเดียว เมื่อทำบุรพกิจของการประชุมเส็ดแล้ว ฉันสั่งกรมหมื่น เทวะวงส ฯ ไห้แถลงเรื่องที่จะปรึกสานั้นแก่ที่ประชุม เทอเพิ่งเข้านั่ง ประชุมกับเสราบดีทั้งปวงเปนครั้งแรกไนวันนั้น แต่ไม่เห็นมีกิริยา อาการประหม่าหย่างไร ลุกขึ้นยืนอภิปรายข้อสั??ากับทั้งความเห็น ของกะซวงการต่างประเทสทีละข้อ ๆ ไปตั้งแต่ต้นตลอดเวลาราวสัก


(30) ยี่สิบนาที ไม่พลาดพลั้งหรือแม้แต่ต้องเปิดแฟ้มดูหนังสือช่วยความซง จำ ส่วนเสนาบดีไนที่ประชุมก็นั่งนิ่งตั้งไจฟังหมดทุกคน เพราะเปนเรื่อง สำคันและจะดูกรมหมื่นเทวะวงส ฯทำหน้าที่เสนาบดีไนครั้งนั้นด้วย เมื่อเทออภิปรายสิ้นกระแสความ ฉันถามเสนาบดีเรียงตัวทีละคนว่าเห็น หย่างไร ทุกพระองค์ทุกท่านก็ตอบหย่างเดียวกันหมด ว่าเห็นชอบ ด้วยกับกะซวงการต่างประเทสไม่มีไครโต้แย้ง ฉันสังเกตดูเหมือน จะมีความเห็นพ้องกันด้วยว่าเทอสมกับเปนพระโอรสและควนเปนผู้รับ ตำแหน่งแทนสมเด็ด ฯ กรมพระยาเทวะวงส ฯ และได้รับความนับถือ ของเพื่อนเสนาบดีหมดทุกคนแต่นั้นมา ฉันเคยนั่งไนที่ประชุมเสนาบดีด้วยกันกับกรมหมื่นเทวะวงส ฯ มาหลายปี สังเกตดูกะบวนการกับทั้งความคิดความเห็นของเทอที่ เสนอต่อเสนาบดีสภา ชอบไจฉันเสมอ ไม่เคยคิดเห็นแตกต่างถึง ต้องโต้แย้งเลยสักครั้งเดียว จนรูสึกประหลาดไจว่าเหตุไฉนถึงเปน เช่นนั้น นานวันมาจึงเห็นเหตุว่าเปนเพราะก่อนจะนำข้อราชการอันได เสนอต่อที่ประชุม เทอตรวจตราและคิดไคร่ครวนจนแน่พระทัยว่า จะได้มติของที่ประชุมแล้วจึงนำขึ้นเสนอ ข้อนี้สังเกตได้ด้วยบางทีมี เสนาบดีบางคนสงสัยไต่ถาม เทอชี้แจงเหมือนหย่างเตรียมพระองค์ มาแล้วว่าจะถูกถามเช่นนั้น และสามารถจะทำไห้ผู้ถามเห็นพ้องกับ พระดำริของเทอได้ทุกครั้ง ราชการกะซวงการต่างประเทสซึ่ง ปรึกสาไนเสนาบดีสภาไนสมัยของเทอจึงได้รับอนุมัติโดยง่ายเสมอ


(31) จิงหยู่เมื่อกรมหมื่นเทวะวงส ฯ เปนเสนาบดีกะซวงการต่าง ประเทสได้ ดร. แซร์ ซึ่งเปนผู้มีสติปั??าแลเชี่ยวชา?ไนการต่าง ประเทสเปนที่ปรึกสา แต่ตัวที่ปรึกสาเปนชาวต่างประเทส ถ้ามิได้ อาสัยเสนาบดีชี้แจงไห้ซาบการงานไนเมืองไทยกับทั้งขนบทำเนียมบ้าน เมือง คอยแนะนำไนทางนี้หยู่เสมอ ที่ปรึกสาก็ไม่สามารถทำการ ไห้เปนประโยชน์ได้ เปรียบว่าถ้าเสนาบดีมักง่ายไช้ไห้ที่ปรึกสาคิด การงาน ตัวเปนแต่คอยทำตามคำแนะนำเหมือนหย่างว่าไห้ที่ปรึกสา จูงก็คงเสียการหรือเสียคนถึงตัวเสนาบดีด้วย แต่อีกฝ่ายหนึ่งถ้า เสนาบดีอิจฏาที่ปรึกสาด้วยเกรงจะแข่งแต้มตน คอยเกียดกันไม่ไช้ที่ ปรึกสาให้เต็มความสามารถของเขาก็เสียการ หรือหย่างน้อยก็ไม่ได้ ประโยชน์อันใด ข้อสำคันไนการที่จะไช้ที่ปรึกสาไห้เปนประโยชน์จึง หยู่ที่ประสานงานไนระหว่างเสนาบดีกับที่ปรึกสาโดยทางที่ถูก ไห้ที่ ปรึกสามีความเคารพเชื่อถือเสนาบดี และเสนาบดีก็ไช้ที่ปรึกสาด้วย ความไว้วางไจ ทำการงานกลมเกลียวเปนน้ำหนึ่งไจเดียวกัน จึงจะ สามารถทำงานด้วยกันกับที่ปรึกสาซึ่งเปนชาวต่างประเทสไห้สำเหร็ด ประโยชน์ได้ ฉันเห็นว่าความสามารถไนการประสานงานเช่นว่ามา เปนคนวิเสสหย่างยอดเยี่ยมของกรมหมื่นเทวะวงส ฯ เทอเปนเสนาบดี กะซวงการต่างประเทสไนเวลาเมืองไทยว่ากล่าวขอแก้หนังสือสั??า กับนานาประเทส อันเปนการลำบากยากยิ่ง จึงสมารถทำการนั้น ด้วยกันกับ ดร. แซร์ ไห้สำเหร็ดประโยชน์แก่เมืองไทยอันเปนเหตุไห้


(32) เทอได้เลื่อนพระยสขึ้นเปนต่างกรม ดร. แซร์ ก็ได้เปนพระยากัลยา นไมตรี กับพระราชทานพานทองเปนเกียรติยสรองแต่เสนาบดีลงมา เปนบำเหน็ดไนครั้งนั้น อันหม่อมเจ้าที่จะได้เลื่อนยสขึ้นจนถึงเปนเจ้าต่างกรมมีน้อย ทีเดียว นับดูไนกรุงรัตนโกสินทรนี้มีแต่หกพระองค์เท่านั้น คือ เมื่อ รัชกาลที่สี่พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซงตั้งหม่อมเจ้า พยอมไนสมเด็ดพระสัมพันธวงสเทอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักสมนตรี เปนกรมหมื่นมนตรีรักสาพระองค์หนึ่ง ซงตั้งหม่อมเจ้าชอุ่มไนสมเด็ด พระสัมพันธวงสเทอเจ้าฟ้ากรมขุนอิสรานุรักส เปนกรมหมื่นเทวา นุรักสพระองค์หนึ่ง เมื่อรัชกาลที่ห้าพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้า เจ้าหยู่หัว ซงตั้งหม่อมเจ้าฉายเฉิดไนสมเด็ดพระมาดามไหยกาเทอ กรมหมื่นมาตยาพิทักส เปนพระองคืเจ้าตามพระนามเดิม แล้วเลื่อน ขึ้นเปนกรมหมื่นนริบาลมุขมาตย์พระองค์หนึ่ง ซงตั้งหม่อมเจ้าจร ไนสมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักส เปน พระองค์เจ้าขจรจรัสวงส แล้วเลื่อนขึ้นเปนกรมหมื่นปราบปรปักส เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์แล้วพระองค์หนึ่ง เมื่อรัชกาลที่หกพระบาท สมเด็ดพระมงกุตเกล้าเจ้าหยู่หัว ซงตั้งหม่อมเจ้าพระภุชงค์ ไนพระ เจ้าบรมวงสเทอ กรมขุนจเรินผลพูนสวัสดิ์ ซึ่งได้เปนพระองค์เจ้า พระสถาพรพิริยพรตไนรัชกาลที่ห้า เปนกรมหมื่นชินวรสิริวัธน (ต่อ มาถึงรัชกาลที่เจ็ดเลื่อนขึ้นเปนกรมหลวง ) พระองค์หนึ่ง ถึงรัชกาล ที่เจ็ด พระบาทสมเด็ดพระปกเกล้าเจ้าหยู่หัว ซงตั้งหม่อมเจ้าไตรทส

(33) ประพันธไนสมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาเทวะวงสวโรปการ ซึ่งได้เปนพระองค์เจ้าไนรัชกาลที่หก เปนกรมหมื่นเทวะวงสวโรทัย เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์แล้วพระองค์หนึ่ง หม่อมเจ้าที่ได้เปนต่างกรม มีเพียงที่ระบุพระนามมานี้ ที่กรมหมื่นเทวะวงส ฯ ได้เปนอภิรัถมนตรี เมื่อ พ.ส. 2474 นั้นไม่ประหลาดอันได ด้วยไนเวลานั้นความสามารถและความชอบความ ดีหรือเรียกรวมกันว่า "บารมี" ของเทอปรากตเด่นหยู่แล้ว ไม่มี ไครเห็นแตกต่างจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็ดพระปกเกล้าเจ้า หยู่หัวเมื่อเลิกเทอเปนอภิรัถมนตรี ถานะของอภิรัถมนตรีเปนแต่ที่ ปรึกสา มิได้บังคับบั?ชาการกะซวงได ( เว้นแต่สมเด็ดเจ้าฟ้ากรม พระนครสวรรควรพินิตยังซงว่าการกะซวงมหาดไทย เพราะหาตัว เปลี่ยนไม่ได้ ) ถึงกะนั้นข้อราชการที่เข้าสู่ที่ประชุม ถ้าเปนการที่ อภิรัถมนตีคนไดเชี่ยวชานเช่นเคยเปนเจ้ากะซวงมาแต่ก่อนเปนต้น ผู้นั้นต้องทูนความเห็นก่อน กรมหมื่นเทวะวงส ฯ เข้าไปเปนอภิรัถ มนตรีก็ได้รับหน้าที่ผู้เชี่ยวชานการต่างประเทสตั้งแต่แรก แต่เทอได้ รับราชการเปนอภิรัถมนตรีหยู่ไม่ช้านัก ถึงเดือนมิถุนายน พ.ส. 2475เมื่อเปลี่ยนวิธีการปกครองเมืองไทย เลิกอภิรัถมนตรีสภา กรมหมื่น เทวะวงส ฯ ก็ออกจากราชการพร้อมกันกับตัวฉันไนครั้งนั้น ไนห้าหกปีท้าย ๆ นี้ กรมหมื่นเทวะวงส ฯ ประชวรเสาะแสะ บ่อย ๆ บางคราวก็ประชวรหนัก เช่น เปนไข้จับสั่นครั้งหนึ่ง ครั้นเมื่อ เดือนมกราคมที่แล้วมาก ได้เริ่มประชวรอีก ไนชั้นต้นไม่มีพระอาการ

(34) รุนแรง ไม่ถึงกับนายแพทย์วิตก แต่เมื่อวันที่ 27 มกราคม เวลา ค่ำมีพระอาการชัก หมอว่าเหมือนเส้นพระโลหิตแตก ต่อมาอีกเจ็ดวัน เวลาค่ำมีพระอาการรุนแรงทำนองเดียวกันอีก นายแพทย์ได้ประชุม กันตรวจถึงหกนาย แต่ไม่มีหวัง พระอาการมีแต่ซุดเรื่อยไป สิ้นพระ ชนม์เมื่อเวลา 19.15 น. แห่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ไนท่ามกลางครอบ ครัวและพระประยูร?าติ ไนวันรุ่งขึ้นประธานคนะผู้สำเหร็ดราชการ ต่างพระองคืและพรบรมวงสานุวงสข้าราชการ และพระ?าติได้พร้อม กันสงน้ำพระสพ บันจุบงไนพระโกส ซึ่งได้ซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ พระราชทาน พร้อมด้วยเครื่องอิสริยยส ประกอบชั้นโกสมนดป ประดับพุ่มและเฟื่องตามชั้นพระราชนัดดาที่ปนไหย่ไนราชการแผ่นดินทุกประ การ ส่วนสมเด็ดพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าก็ซงพระอาลัยพระราชทาน พระอนุเคราะห์เปนนานัปปการ ซงรับเปนเจ้าภาพไนวันสงน้ำพระสพ ไนวันสิ้นพระชนม์ครบเจ็ดวัน กับไนการพระราชทานเพลิงที่พระเมรุ วัดเทพสิรินทราวาสนี้ ไนคำนำที่ สมเด็ดพระเจ้าบรมวงสเทอ กรมพระยาดำรงราชา นุภาพซงนิพนธ์ลงไนหนังสือประวัติหม่อมเจ้าวิบุลยสวัสดิวงส ซึ่งพิมพ์ แจกไนงานพระราชทานเพลิงท่าน เมื่อสก 2485 นั้น ได้ซงกล่าว ถึงการอบรมของเจ้านายเล็ก ๆ ไนพระราชสำนักพระบาทสมเด็ดพระ จุลจอมเกล้า ฯ ว่าเปนผลไห้เจ้านายทั้งนั้นได้มีส่วนช่วยไนราชการมาก ขึ้นกว่าไนเวลาที่แล้ว ๆ มา จนบางพระองค์ได้เปนกำลังราชการถึงชั้น สูง ๆ ไนบันดาเจ้านายที่ว่านี้ กรมหมื่นเทวะวงสวโรทัยย่อมสงเคราะห์

(35) หยู่ด้วยพระองค์หนึ่งโดยเด่น จนถึงได้สนองพระองค์สมเด็ดพระเจ้า บรมวงสเทอ พระบิดาของท่านไนตำแหน่งเดียวกัน อันเปนความสำ เหร็ดที่พึงพูมไจได้ ทำไห้ท่านเข้าหยู่ไนจำพวกบุคคลที่ไทยเราไช้สำ นวนสันเสินว่า "เกิดมาไม่เสียที" ฉะนั้น











บันทึกความจำ ของออกพระสักดิสงคราม คำนำของผู้แปล

ออกพระสักดิสงครามผู้นี้เปนนายทหานเรือชาวฝรั่งเสส นาม เดิม ฟอร์บัง มียสเปนเชวาลิเอร์ก่อนแล้วเลื่อนเปนคองต์ ได้เดินทาง เข้ามาถึงกรุงสรีอยุธยา เมื่อเดือนตุลาคม พ.ส. 2228 พร้อมกัน กับเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซงแต่งตั้งเปน ราชทูตมาจเรินทางพระราชไมตรีกับพระนารายน์มหาราช นายทหาน เรือผู้นี้ได้สมัคหยู่รับราชการเปนผู้ส้างป้อมปราการและฝึกหัดทหานไทย ตามยุธวินัยฝรั่งเสส พระนารายนืมหาราชได้ซงตั้งไห้เปนนายพล ผู้บั?ชาการทัพเรือและบกแล้วพระราชทานบันดาสักดิเปนออกพระสักดิสงคราม ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี ซึ่งเดินทางมาพร้อมกันกับราชทูตฝรั่งเสสได้จดลงไว้ไนจดหมายเหตุรายวันว่า "เชวาลิเอร์ เดอะฟอร์บังผู้นี้เปน เด็กหนุ่มหน้าตาสวยงาม เปนคนว่องไวไจเร็ว มีเล่ห์กลร้อยเท่าพันทวี คงจะตั้งตัวเปนคนสมบูรน์ด้วยทรพัย์สินแน่ เมื่อเดินทางมาด้วยกันนั้น เขาเปนผู้ดูแลกิจการไนเรือทั่วไป เปนผู้ถือกุนแจห้องเก็บน้ำจืด อัน เปนหน้าที่สำคันมาก"



2 ออกพระสักดิสงครามได้เล่าประวัติขิงตัวเขาเอง สาเหตุที่เดิน ทางเข้ามากับราชทูตฝรั่งเสส และยอมหยู่ไนประเทสไทย ได้เข้ารับ ราชการไกล้ชิดพระองค์พระนารายน์มหาราช จนเจ้าพระยาวิชเยนทร์ อิจฉา ส่งตัวเขาส้างป้อมปราการที่บางกอก จับพวกกบดแขกมักกะสัน และต้นหนเรือค้าขายอังกริดที่เจ้าพระยาวิชเยนทร์กล่าวหาว่าฉ้อพระ ราชทรัพย์ ออกพระสักดิสงครามได้เล่าเหตุการน์ที่เกิดขึ้นไนประเทส ไทยไนครั้งนั้น ได้ขัดไจกันกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์ เพราะว่าเจ้า พระยาวิชเยนทร์พยายามทำลายชีวิตของเขา ไนที่สุดทนความริสยา เจ้าพระยาวิชเยนทร์ไม่ได้ จึงกราบถวายบังคมลากลับไปประเทส ฝรั่งเสส พอไปถึงบ้านเกิดเมืองเดิมได้ไม่กี่เดือน พระนารายน์ มหาราชสวรรคต และพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ ซงพระนามว่า สมเด็ดพระมหาบุรุส ถ้าผู้อ่านจะสังเกตดูข้อความที่ออกพระสักดิสงครามจดลงไว้ไน บันทึกความจำ จะเห็นได้ว่าเขาปรักปรำเจ้าพะรยาวิชเยนทร์และชาว ฝรั่งเสสแล้ว เลยติชมประเทสไทยทั่วไปด้วย อันเปนเรื่องที่เราควน รู้ไว้ว่าชาวต่างประเทสที่เข้ามาไนประเทสของเรามีความเห็นว่าประเทส ไทยเปนหย่างไรไนสมัยนั้น ทั้งนี้จะเปนด้วยนิสัยของออกพระสักดิ สงครามที่รับออกมาเองว่าเปนคนพูดตรงไปตรงมา หรือจะเปนด้วย ถูกเจ้าพระยาวิชเยนทร์กีดกัน ทำอะไรไม่ได้สมความมักไหย่ไฝ่สูง มีความแค้นเคือง ก็ติเตียนไครต่อไครรวม ๆ ไปจนลืมตัว


3 ข้อความไนบันทึกความจำของออกพระสักดิสงครามที่ฉันเลือก เก็บมาเขียนมีดังต่อไปนี้ ข้อความของบันทึกความจำ โดยเหตุที่ผู้เขียนบันทึกความจำโดยมากมีความมุ่งหมายแต่จะไห้ผู้อ่านเห็นว่าผู้เขียนเปนคนสำคันเพียงไร มักจะแต่งเรื่องขึ้นไห้คนพิสวง ปะปนความเท็ดความจิง จนผู้อ่านตลึงไปไม่รู้หนเหนือหนไต้ บางคน ก็ซ่อนหรืออำพรางความบกพร่อมของตนไว้ แทนที่จะเขียนเรื่องที่มี สารประโยชน์กลับทำไห้ผู้อ่านเข้าไขผิดจนเชื่อว่าเรื่องอ่านนั้นเปนเรื่องจิงและโดยเหตุที่ไม่มีไครจะเลวเท่าคนที่เขียนเรื่องเพื่อหลอกลวงไห้ผู้อ่าน หลงเชื่อ ฉัน ออกพระสักดิสงคราม จึงตั้งไจไว้ว่าจะจดแต่ความจิง ลงไว้ไนบันทึกความจำนี้ เล่าเหตุการน์ที่ฉันมีส่วนหยู่ด้วย และที่ได้ เห็นด้วยตาเองไม่ปิดบังความบกพร่องของตัวฉัน ดังที่ผู้อ่านคงจะ สังเกตเห็นได้บ่อย ๆ ไนบันทึกความจำนี้ ฉันหวังไจว่าผู้อ่านคงจะเห็น ความสัจสุจริตนั้น และถ้าแม้ว่าบันทึกความจำนี้มีความร้ายกาด ผู้อ่านคงจะอภัยโทสแก่ฉัน ผู้ซึ่งเปนทหานยังไม่ชินกันกับการเขียน และแต่งถ้อยคำอันไพเราะ ฉันมีความมุ่งหมายเพียงแต่จะไห้ผู้อ่าน สดับฟังข้อความที่ฉันกล่าวไว้เท่านั้น ฉันเกิดวันที่ 6 สิงหาคม พ.ส. 2199 ที่ตำบนคาร์ดันน์ แขวง โปรวังส ทิสไต้ประเทสฝรั่งเสส ฉันไม่พักที่จะป่าวร้องไห้คนซาบว่า ครอบครัวของฉันเปนหย่างไร คนโดยมากซาบดีแล้วว่าตระกูลฟอร์บัง


4 นั้นได้ตั้งมาเปนเวลานานแล้ว มีชื่อเสียงทั้งทางสาสนา ตุลาการ และยุธราวี ถ้าความประพรึตเมื่อยังเปนหนุ่มหยู่เปนสมุตถานที่พึงจะทำนายว่าฉันจะเปนคนชนิดไรแล้ว ก็เปนการแน่นอนทีเดียวที่ใคร ๆ จะเห็น ว่าโชคชตาของฉันไนพายหน้านั้นจะเปนคนที่จะต้องถูกตีและระรานผู้อื่น นิสัยของฉันนั้นเปนคนไจร้อน ว่องไว ไม่ยับยั้ง ซุกซน ทำความชั่ว เล็ก ๆ น้อย ๆ หลายครั้ง ชอบแต่จะข่มและเปนหัวโจกเพื่อนเล่น ด้วยกัน ถ้าเพื่อนเล่นผู้ไดขัดขืน ฉันจิกผมและชกเตะผู้นั้น ถ้ากำหมัด และตีนยังแรงไม่พอ ฉันก็ฉวยก้อนหินปรันลงไป ล่วงไปได้ไม่กี่วัน บิดาของเด็กที่ถูกรังแก ก็มาฟ้องกล่าวโทสฉัน ไนการสอนไห้ฉันเปน คนดีนั้น ท่านบิดาได้ไช้อำนาดมาแต่ต้นมือ เพราะฉะนั้นถูกท่านบิดา เคี่ยนเท่าได ก็ไม่เข็ดหลาบ วันหนึ่งฉันทำผิดอะไรก็ไม่ซาบ ท่านบิดาได้กักขังฉันไว้ไนห้อง เมื่อร้องไห้ตะโกนจนไม่มีเสียง ทุบประตูจนเหนื่อยออกมาไม่ได้แล้ว ก็ทำตัวประหนึ่งเปนบ้า จิกผมตนเองจนหลุดออกมาหลายปอย และ เอาหัวชนฝาผนัง เพราะฉนั้นเมื่อมีคนมาเปิดประตูห้องก็เห็นเลือด ไหลโซมตัวฉันหัวแทบไม่มีผมเหลือ และร่างกายเขียวช้ำหลายแห่ง บิดาของฉันมีบุตรหลายคน ท่านถึงแก่กัมเมื่อฉันยังเปนเด็กเล็ก ๆ หยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้จักท่านดีนักไนครอบครัวอันไหย่นี้ ฉันเปน บุตรคนสุดท้อง พอเติบโตมีความคิดก็ต้องพยายามวิ่งหาทางอาชีพ


5 เอาเอง เพื่อเพิ่มพูนเกียรติคุนของตระกูลที่เคยเรืองนามมาแล้ว แต่ไม่มั่งคั่งพอที่จะอุปการะฉันได้ เพื่อถึงจุดที่ประสงค์นี้ ฉันไม่มีทุนอะไรนอกจากความกล้าหาน และความไม่กลัวตาย คุนวุทธิทั้งสองหย่างนี้ได้ช่วยไห้ฉันบันลุความ สำเหร็ดผลหลายครั้งไนอนาคต ถ้าไม่มีคุนวุทธินี้แล้ว ก็คงไม่รอดจาก ความตายอันร้ายกาดตั้งแต่มีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น ที่ฉันรอดตาย มาได้นั้นดังนี้ วันหนึ่งสุนัขบ้าซึ่งทำไห้คนไนหมู่บ้านตกไจกันมาก ได้วิ่งตรงมายังฉัน มันอ้าปากน้ำลายเปนฟอง ฉันหยุดยืนเตรียมตัว สู้หยู่กับที่ หาได้วิ่งหนีมันไม่ พอมันเข้ามาถึงตัว ฉันส่งหมวดไห้ มันงับ ฉวยตีนหลังของมันหิ้วขึ้นแล้ว ฉันเอามีดกรีดท้องมันจนไส้ ทลัก ต่อหน้ากลุ่มชนทั้งหลายที่พากันมาช่วยฉัน ไนการเสี่ยงชีวิตค่าหมาบ้าตัวนี้ ฉันได้รับความเยินยอมากเกิน ไปกว่าเด็กเล็ก ๆ พึงได้รับ จึงนึกว่าตัวเองมีความกล้าหานนักและมี ความเย่อหยิ่งถึงกับเรียนมารดาว่าฉันต้องเปนทหานขออนุ?าติไปฝึก หัดไนกองทัพ มารดาสแดงความขัดข้อง ฉันพูดเซ้าซี้อีก ท่านก็ลง โทสฉันตามควนแก่ความผิด เมื่อถูกลงโทสเช่นนี้แล้ว ก็มีความน้อย ไจเปนอันมาก จึงหนีออกจากบ้านไปพึ่งพี่ชายซึ่งตั้งบ้านเรือนหยู่ตำบน ซังต์ มาร์ เสล หนทางห่างจากตำบนคาร์ดันน์ประมาน 400 เส้น พี่ ชายเห็นอกเห็นไจด้วยตามควนแก่เหตุการ ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ ช่วยทำอะไรไห้พอไจฉันเลย เมื่อรู้สึกตัวว่าจะถูกส่งกลับไปบ้าน จึงชิง ความคิดพี่ชายเสียก่อน ขะโมยภาชนะเครื่องเงินของพี่ชายได้สองสาม

6 สิ่งแล้ว ก็หลบหนีไปเมืองมาร์เซยล์ตั้งไจไว้ว่าจะไปสมัคเปนทหาน ที่เมืองนั้น ส่วนภาชนะเครื่องไช้สอยนั้นก็จะนำไปแลกเอาเงินมาซื้อ อาหาร แต่ ม. โรมิเออ เจ้าของร้านขายเครื่องเงิน เห็นตราที่จารึกไว้ บนเครื่องไช้สอยนั้นแล้ว จำได้ว่าเปนตราของตระกูลฟอร์บัง จึงไป แจ้งความแก่เจ้าพนักงานท้องที่ ฉันถูกจับและถูกส่งตัวกลับไปหยู่บ้าน มารดาจึงนำตัวฉันไปฝากไว้กับนักบวดผู้หนึ่ง เมื่อมีความคิดที่จะเปนทหานหยู่ฉะนี้ การที่ถูกบังคับไห้ไปหยู่กับนักบวดเพื่อสึกสาการสาสนานั้น ก็ย่อมไม่เหมาะกับสิสัยของฉันเลย วันหนึ่งท่านนักบวดรูปนี้จะลงโทสฉัน เพราะว่าทำความผิดเล็กน้อย ฉัน จึงเอาเครื่องเขียนขว้างสีสะท่าน พอเห็นท่านเดินตรงมายังฉันและ เกรงว่าท่านจะลงโทสฉันหย่างหนักด้วยความแค้น ฉันจึงกะโดดจาก หน้ากุดีลงไปข้างล่างซึ่งสูงจากพื้นดินประมานหกสอกครึ่ง ยอมไห้ขา หรือแขนหักเสียดีกว่าถูกลงโทส เพราะว่าฉันรู้สึกว่าความผิดไม่มาก พอที่จะถูกลงโทสแรงถึงเพียงนั้น ผเอินที่ดินที่ฉันกะโดดลงไปนั้นมีปุ๋ย กองหยู่ ฉันจึงไม่มีบาดเจ็บอะไรเลยลุกขึ้นวิ่งหนีกะหืดกะหอบไปจน เกือบขาดลมหายไจ ได้ไปอาสัยหยู่ที่บ้านนายวานาโทฟอร์บังคาร์ดันน์ ลุงของฉัน ท่านผู้นี้ได้รับเลี้ยงฉันไว้ด้วยความยินดี ไห้เสื้อผ้าแต่งตัว เปนนักเรียนนายเรือและไห้ลงไปหยู่ไนเรือรบซึ่งท่านเปนผู้บังคับการ และจอดหยู่ที่เมืองมาร์เซยล์ จึงแต่นั้นมา ฉันเริ่มมีนามสมยาว่าเชวา ลิเอร์ เดอะฟอร์บัง


7 เมื่อคนเรามารับราชการทหานเรือแต่ยังหนุ่มหยู่และมีเลือดร้อน เช่นนี้อะไรไม่อันตรายเท่ากับระแวงว่าไครจะมาทำร้ายเกียติสักดิของตน ฉันไม่แนะนำไห้ไคร ๆ เอาเยี่ยงหย่างฉัน พอเรือรบไปราชการ สงครามครั้งแรก ไปจอดหยู่ที่เมืองสิอูตาต์ ฉันก็ท้านักเรียนนายเรือ ผู้หนึ่งชื่อคลองแทงดาบกัน โดยที่แทบไม่มีสาเหตุบาดหมางอะไรกัน เลย ฉันได้แทงจนดาบของนักเรียนนายเรือผู้นั้นหลุดจากมือ เมื่อได้ เปรียบมีไชยชนะเช่นนี้ ก็เชื่อแน่ว่าคน ๆ นั้นคงจะยำเกรง และไม่ มารบกวนฉันอีกต่อไป ลุงของฉันและจอมพลเดอะริโวนน์ ผู้บันชาการทหานเรือ มีความพอไจมากที่ฉันแทงดาบมีไชยชนะ ไม่นำตัวฉันขึ้นสาล 1 ยกโทสฉันว่าเปนเด็กเลือดร้อน เมื่อรู้สึกว่าคนดูถูก ก็ยับยั้งสติไว้ไม่ได้ ท่าน ได้มีความกรุนาเลื่อนฉันเปนว่าที่นายเรือตรี เปนคนถือทาง เปนบำเหน็ดความชอบที่มีความกล้าหาน ฉันได้ไปราชการสงครามไนเรือรบ ลำนี้อีกหลายครั้ง แต่ไม่ติดไจที่จะเล่าขอ้ความพิสดาน เพราะเกรง ว่าจะทำไห้ผู้อ่านเบื่อ เมื่อ พ.ส. 2218 จอมพลเดอะริโวนน์ได้รับคำสั่งไห้เตรียมทัพ เพื่อไปช่วยเมืองเมสซีนที่ถูกสัตรูล้องไว้ 2 เมื่อท่านแม่ทัพกำลังจัด

1. การแทงดาบกันไนครั้งนั้นมีกดหมายฝรั่งเสสห้าม ถ้าผู้ไดฝ่าฝืนและคดีถึงสาล ผู้นั้นมีความผิดถึงประหารชีวิต 2.สัตรูนั้นหมายความถึงชาวสเปน ไนเวลานั้นฝรั่งเสสกับสเปนทำสงครามกัน

8 พลรบหยู่ที่เมืองทูลอง ฉันได้วิวาทกันกับ ม. วิลล์โครส ได้แทง ดาบกันอีกเปนครั้งที่สองไนชีวิตของฉัน ฉันมีไชยชนะ และไม่ถูก ขึ้นสาล ต่อไปอีกสองสามวันฉันเล่นกิลาชนิดหนึ่งเรียกว่า "ไมล" กับนายยามฝั่งชื่อ พิโท ซึ่งเปนผู้ไหย่แล้ว ได้มีปากเสียงกัน ทหาน เรือคนนี้จ้องดูหน้าฉันแล้ว ทำท่าทางหยิ่ง เอาทือกะตุกลูกคางฉัน ล้อเล่นเหมือนเด็ก ๆ แค้นเคืองที่ถูกดูหมิ่นว่าเปนเด็กทารกเช่นนั้น ฉันเอาไม้ "ไมล" ซึ่งมีบ่วงเหล็กหยู่ที่ปลายฟาดหัวทหานเรือคนนั้น โดยแรงจนล้มลงสลบหยู่ที่เท้าฉัน ถ้าเพื่อนคนหนึ่งของฉันไม่กะชาก ไม้นั้นไปจากมือฉันแล้ว ฉันคงตีซ้ำลงไปอีกทีหนึ่ง และทหานเรือคน นั้นคงตายคาที่แน่ ที่วิวาทกันดังนี้ ก็เนื่องจากความเกียดคร้านหยู่เปล่า ๆ ไม่มี อะไรจะทำ ดูประหนึ่งว่าพวกนายทหานไม่รู้จักที่จะแสวงหางานอะไรไห้ ผู้น้อยทำ ถึงแม้ว่าทุกแห่งหนพระเจ้าหยู่หัวได้ซงพระกรุนาโปรดเกล้า ไห้มีโรงเรียนฝึกหัดนักเรียนหายเรือก็ดี แต่ก็มีคนโดยมาก คือพวก ที่ถูกบังคับไห้เรียนและไม่มีไจที่จะฝึกหัด ยังหาเวลาว่างได้ พอฝึก หัดเส็ด คนโดยมากก็หันไปเล่นการพนัน เพื่อแก้ความรำคาน เหตุ ฉะนั้นพวกนายยามฝั่งจึงทเลาะวิวาทกันทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ ครั้ง สหายของฉันคนหนึ่งชื่อ ซังต์โปล ได้เล่นไพ่ "ปีเคต์" กับ เชวาลิเอร์เดอะคูร์ทอง และเล่นได้เงินสามสิบสองบาท 2 ข้อยาก 1.ไพ่ชนิดนี้มี 32 ไบ เล่น 2,3 หรือ 4 ขาก็ได้ 2. ต้นฉบับว่าเปนเงิน 20 เอคูส์ 50 เอคูส์เท่ากับ 1 ชั่งหรือ 80 บาท เหตุฉะนั้น 20 เอคูส์จึงเท่ากันกับ 32 บาท 9 ลำบากนั้นคูร์ทองไม่มีเงินติดตัวที่จะไช้หนี้ได้ และซังต์โปลก็เร่งร้อนจะ เอาเงินไห้ได้ จึงมีปากเสียงกัน เพื่อห้ามไม่ไห้ตีรันฟันแทงกันขึ้น ฉันควักเงิน 32 บาทไช้แทนคูร์ทอง ซึ่งไห้คำมั่นสั??าว่าจะไช้หนี้ รายนี้ไห้ฉันไนเวลาไม่ช้านัก แต่เขาหาถือคำมั่นสั??านั้นไม่ บางที จะไม่มีเงิน หรือเปนคนหวงหนี้ก็ได้ หย่างไรก็ตาม เขาทำนิ่งไม่พูด ถึงเรื่องนี้หยู่เปนเวลานานทีเดียว ฉันเห็นว่าเขาแกล้งทำนิ่ง จึงเตือน ไห้ไช้หนี้รายนี้หลายครั้ง ทุกครั้งได้รับคำแก้ตัวหย่างเหลวไหล คือ สั??าว่าจะไช้ไห้ แต่ก็ไม่ไช้ ไนที่สุดเห็นว่าผัดกันเรื่อยไป และฉัน ต้องการเงินจิง ๆ ( อันเปนธัมดาที่นักเรียนนายเรือย่อมไช้เงินหมด สิ้นเร็ว ) จึงตั้งไจไว้ว่าจะพูดกันไห้แตกหักไป ฉันจึงฉวยกะบี่ด้ามเหล็ก เดินไปหาคูร์ทอง และถามว่าจะไม่ยอมไช้เงินไห้ฉันแน่แล้วหรือ เขา ได้ไห้คำตอบดังที่ได้เคยตอบมาแล้วโดยที่ไร้ผล ฉันจึงกะชากกะบี่ ด้ามเงินของเขาแย่งเอามาถือไว้ และส่งกะบี่ด้ามเหล็กไห้เปนการ แลกเปลี่ยนกันแล้วพูดว่า "ฉันจะคืนกะบี่ด้ามเงินได้ เมื่อเทอไช้ หนี้ฉัน " ฉันขอไห้ท่านทั้งหลายวิจารน์ข้อเท็ดจิงไนเรื่องนี้ด้วย จิงหยู่เมื่อเกิดวิวาทกันขึ้นนั้นคูร์ทองยังเปนเด็กหนุ่มหยู่มาก แต่เรื่องนั้นทำไห้ อื้อฉาวมาก นายเรือเอก เละคองต์เดอะเพอยล์ ซึ่งเปนอาของ เขา ได้ร้องทุขแก่ผู้บังคับการเรือรบ ท่านผู้นี้ตำหนิโทสฉันและ บันชาได้คืนกะบี่ด้ามเงินเล่มนั้นแก่คูร์ทอง แต่นายทหานผู้ฉลาดเช่นนี้ หนีความบกพร่อมหาได้ไม่ เขาหาได้คิดที่จะไห้คูร์ทอง ไช้หนี้ฉันไม่ 2 10 และข้อที่ร้ายนั้นเขาไม่ได้ปรองดองไห้เราทั้งสองคืนดีกัน ข้อนี้แหละเปนสาเหตุที่ทำไห้เกิดเรื่องอันเส้าสลดไจขึ้น ดังที่ผู้อ่านจะได้ซาบไนเวลา ไม่ช้านัก เมื่อจัดทัพพร้อมแล้ว เราได้ออกเรือตรงไปเมืองเมสซีน ซึ่ง กองทัพบกและเรือของประเทสสเปนได้ล้อมไว้ ธั??าหารที่มีหยู่เล็ก น้อยนั้นได้หมดลง พวกที่ถูกล้องต้องต้มหนังเกือกกินเพื่อปะทังความ อดหยาก ไนขนะที่ถูกล้อมกำลังจะยอมแพ้หยู่แล้วนั้น ทัพเรือของเรา ซึ่งมีเรือสเบียงมาด้วยหลายลำและหยู่ไนความควบคุมของเรือรบอีก เก้าลำได้มาถึง เมื่อพวกสัตรูแลเห็นเรา ก็ลงเรือจากกะโจมไฟแล่น ออกมาสู้รบกัน เลือดนองทั้งสองฝ่าย ไนขนะเดียวกันนั้นเชวาลิเอร์ เดอะวัลเพลล์ ซึ่งเปนผู้บันชาการเรือรบฝรั่งเสสหกลำ ที่ถูกล้อมหยู่ ไนอ่าวนั้น ได้ไช้ไบออกเรือมาสมทบเรา พอเรือรบสัตรูเห็นดังนั้น ก็ไช้ไบแล่นหนีเราไป ถ้าจอมพล เดอะวิโวนน์ ผู้บันชาการของเราไล่ติดตามไป ทัพเรือสเปนคงจะ รอดพ้นไปไม่ได้ แต่ท่านเห็นว่าเมืองที่ถูกล้อมนั้นคงต้องการไห้เราไป ช่วย ท่านจึงปล่อยไห้ทัพเรือสัตรูหนีไปได้ เว้นแต่เรือรบลำหนึ่งเท่านั้น ที่เรายึดไว้ได้ พวกที่ถูกล้อมได้โห่ร้องรับรองจอมพลเดอะวิโวนน์ ด้วยความปีติยินดีและมีไตรีจิตอันดียิ่ง และนับถือท่านได้เกียรติยส แล้ว ก็มีหน้าที่จะต้องไล่กองทัพบกของสัตรูไห้ไปจากเมืองเมสซีน ท่านผู้บันชาการของเราได้สั่งไห้ซื้อม้า เพื่อพวกว่าที่นายเรือตรีจะได้


11 นำทัพไปรบ เมื่อเลิกเฟ้นได้คนพอแล้ว เราได้ไล่สัตรูออกไปนอก เมืองจนหมดสิ้น ต่อมาสักสองสามวันนายพลเรือโทคูเคส์นได้รับคำ สั่งไห้จัดเรือรบสองสามลำไปตีเมืองอาโคสโต เราได้ระดมยิงท่าเรือ เมืองนี้หยู่สองสามวัน แล้วส่งทหานขึ้นไปยึดเมืองไว้ได้ ต่อไปอีก สามวันป้อมปราการไม่ต่อสู้ยอมแพ้ สงครามก็เส็ดลง เมื่อไม่มีความปราถนาจะหยู่เปล่า ๆ โดยที่มีตำแหน่งหน้าที่ ฉันจึงมีจดหมายไปยัง ไพยิฟเดอะฟอร์บัง ซึ่งเปนอัยการและผู้บังคับ การกองทหานม้าแม่นปืน ขอสมัคเปนพลทหานไนกองนั้น ท่านรับ ฉันไว้ด้วยความเต็มไจ โดยเหตุที่ฉันเคยแต่รับราชการทหานเรือ ไม่ชำนา?การขี่ม้าเลย คนทั้งหลายจึงเห็นว่าฉันเปนเด็กหนุ่มที่ยังจะ ต้องรับการฝึกหัดอีกมาก เคราะห์ร้ายม้าซึ่งเขามอบไห้ฉันนั้นเปนม้ามี โรคพุพองติดต่อกันได้ วันหนึ่งฉันผูกมันไว้ต่างหาก พลทหานผู้หนึ่ง ชื่อปรูลีย์ ซึ่งเปนคนแทงดาบมีฝีมือโด่งดัง ได้แก้เชือกม้าตัวนั้นกลับ ไปไนโรง เขาจะแกล้งหาความผิดไส่ตัวฉันหรือมีความประสงค์หย่าง ไดหย่างหนึ่งก็ตามที่จะคิดไปเถิด เมื่อฉันกลับมาไม่เห็นม้าหยู่ที่ ๆ ฉันผูกมันไว้ จึงกล่าวคำหยาบคายแก่ผู้ที่แกล้งฉัน พลทหานปรูลีย์ ออกรับ จะดูหมิ่นฉันว่าเปนเด็กหนุ่มหรือหยากจะลองดูกำลังฉันก็ตาม ที เขาเอามือขยี้หมวกฉัน ไนทันทีทันไดนั้นไม่ทันคิดว่าการที่จะแทง ดาบกันไนที่นั้นเปนความผิดทางอา?า ฉันชักกะบี่ออกมาแทงกันกับ พลทหานผู้นี้ แต่แทงกันไม่ได้กี่ที พลทหานที่หยู่ไนที่นั้นหลายคน ได้เข้ามาห้ามและแยกกันไป เมื่อพลทหานปรูลีย์ได้ซาบจากพลทหาน

12 ผู้หนึ่งว่าฉันเปน?าติกันกับผู้บังคับการกองทหานม้าแม่นปืน เขาจึง จำไจต้องไปขอโทสท่านที่ได้เกิดวิวาทกันขึ้นกับฉัน เมื่อ พ.ส. 2219 กองทหานม้าได้รับคำสั่งไห้ไปสงครามที่ แขวงฟลางท์ร์ส์ พระเจ้าหยู่หัวผู้ซงนำทัพนี้ได้ซงยกพลเข้าล้อมเมือง คองเท ไนเวลาที่ล้อมเมืองหยู่นั้น ฉันได้รู้จักกันกับคองต์ดูลุค ซึ่ง รับราชการหยู่ไนกองทหานเดียวกันกับฉัน มิตภาพที่ได้มีแก่กันนั้น ได้สนิทชิดกัน ซึ่งไม่มีวันจะแตกห่างเหินกันไปได้จนกว่าชีวิตจะห่าไม่ ไนการล้อมเมืองนี้ เราได้ขุดสนามเพลาะไว้รแบเมือง เราล้อม หยู่ได้แปดวัน ก็ยกทัพเข้าโจมตี พวกมหานม้าแม่นปืนออกหน้าและ ยึดเมืองได้ไนวันนั้น ต่อจากนั้นเราได้ยกเข้ายึดเมือวพูจังและเมือง แอร์ เส็ดสงครามแล้วพระเจ้าหยู่หัวสเด็ดกลับคืนพระนคร พวกทหาน ม้าแม่นปืนได้รับคำสั่งไห้โดยสเด็ดด้วย ต่อนั้นไปตลอดปีเราหยู่ เงียบ ๆ โดยเหตุที่ฉันเปนคนไจร้อนมุทะลุ เกือบถูกจำคุกบ่อยครั้ง จนไนที่สุดผู้บังคับการกองทหานม้าแม่นปืนไม่ยอมรับฉันไว้ ล่วงมาอีกปีหนึ่ง ( พ.ส. 2220 ) ฉันกลับไปรับราชการทหาน เรือ ได้มีตำแหน่งเปนนายเรือตรีประจำกองทหานเมืองเบรสต์ ก่อน ที่จะเดินทางไปรับราชการ ฉันมีความประสงค์ที่จะไปเยี่ยมบ้านทาง ทิสไต้ แต่ทุนติดตัวไม่มีเหลือเลย ถ้าท่านเจ้าวัดดูลุค ซึ่งไนขนะนี้เปน เจ้าคนะเมืองเอคส ไม่เอื้อเฟื้อแล้ว ฉันคงไปไม่ได้ตามความประสงค์ จำนงหมาย ก่อนจะเดินทางไป?าติของฉันผู้หนึ่งซึ่งเปนลูกพี่ลูกน้อง กัน ไม่มีเงินจะเดินทางกลับไปบ้าน ยากจนถึงต้องหลับนอนกลางแจ้ง

13 ได้มาหาฉัน เล่าความยากเข็นไห้ฉันฟัง ฉันมีความสงสารจึงพูดว่า "น้องเอ๋ย พี่มีเงินหยู่ไนถุงที่พี่ถือหยู่นี่เท่านั้น ไม่พอที่เราทั้งสองจะ เสียค่าโดยสานรถไปได้ พี่ไม่หยากจะละทิ้งน้อง เรามาเดินเท้าไป เสียค่าโดยสานรถไปได้ พี่ไม่หยากจะละทิ้งน้อง เรามาเดินเท้าไป ด้วยกันเถิด เงินที่พี่มีหยู่นั้นคงพอสำหรับเราสองคนที่จะซื้ออาหารมา กินได้ " พูดเส็ดแล้วเราได้เดินไปด้วยกัน เอาเสื้อชั้นไนบันจุลงไน กะเป๋าเสื้อชั้นนอกคนละสองตัว และถือไม้เท้ายาว ๆ คนละหนึ่งอัน คล้ายคนที่เดินทางไปนมัสการพระ เราเดินไปจนถึงเมืองเอคสแล้ว ฉันโดยสานรถจากที่นั้นไปเมืองมาร์เซยล์ เพราะว่าฉันมีความละอาย เพื่อนฝูงเขาจะล้อว่าเดินเท้ามา สหายเก่า ๆ ทั้งหลายได้มาหาฉัน ถามว่ามาจากกรุงปารีสด้วยยานพาหนะอะไร ฉันตอบทันทีว่าโดยสานรถประจำทางมานะซิ พักหยู่ที่เมืองนั้นพอหายเหน็ดเหนื่อยแล้ว ก่อนจะเดินทางไป เมืองเบรสต์ ฉันมีความประสงค์จะไปเมืองทูลองเพื่อกราบลาพี่ชาย และอา รุ่งขึ้นพายหลังวันที่ไปถึงเมืองทูลอง ฉันได้พบเชวาลิเอร์ เดอะคูร์ทอง ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเปนนายเรือตรีเหมือนกัน เวลาที่ ผ่านมานั้นทำไห้เขามีความกล้าหานขึ้นมาก เขาไม่ลืมความละอาย ที่เขาได้รับ เมื่อฉันดูหมิ่นเขาโดยแย่งดาบด้ามเงินมา เขาจึงท้าฉัน ไห้แทงดาบด้วยจนเต็มความพอไจเขา เราได้ชักกะบี่ออกแทงกันที่ หน้าวัดไนเมืองนั้น ฉันแทงถูกที่ท้องของเขาหนึ่งแผลและที่คอหอยเขาอีกหนึ่งแผล เขาเอากะบี่ของเขาปัดกะบี่ของฉันหลุดจากมือ แต่กะบี่ของฉันยังติดคาหยู่ที่คอของเขา และไนทันทีนั้นฉันถูกแทงที่โครง ฉัน 14 ต้องถอหลังไปหลายก้าว กะบี่ก็ไม่มีจะป้องกันตัว พอกะบี่ของฉัน หล่นลงจากคอของเขา คูร์ทองก็ก้มลงหยิบกะบี่นั้น เห็นฉันจะโจนเข้า ไปแย่ง เขาจึงหันปลายกะบี่ท้องสองกะบี่นั้นตรงตัวฉันแล้วพูดว่า "หย่า รุกเข้ามา ท่านแพ้ฉันแล้วด้วยว่าอาวุธหลุดจากมือ จงรับเอากะบี่ของ ท่านคืนไปเถิด ท่านแทงฉันมีแผลสาหัสที่จะรอตตายไปไม่ได้แล้ว แต่ ฉันเปนคนมีสัจไม่มีความพยาบาท " พูดเท่านั้นแล้วเขาล้มลงขาดไจ ตายไนทันไดนั้น ฉันจึงเล็ดลอดหนีไปไนฝูงคนที่พากันมาดูการแทง ดาบกันนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะมีความตื่นเต้นมากเพียงไรไนเวลานั้น ก็ เว้นเสียมิได้ที่จะต้องชมความเมตตากรุนาของเชวาลิเอร์เดอะคูร์ทอง ที่ยับยั้งไจไม่แทงไห้ฉันตายไปตามกัน ถ้าเขาต้องการจะปลดชีวิตฉัน ก็เลือกที่แทงได้โดยง่าย แต่เกียติคุนความดีของเขาได้ระงับคาตกัน นี้ไว้ได้ ไนขนะที่ฉันสงบอารมน์นั่งเขียนบันทึกความจำนี้หยู่ ฉันเห็น ว่าคน ๆ นี้มีไจดีประเสิดหย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าฉันได้แทงดาบกับเขาเพื่อ ป้องกันชีวิตตัวเอง ก็มีความเสียไจเหลือเกินที่ได้ปลงชีวิตสัตรูที่มีไจ เมตตากรุนาถึงปานฉะนี้ การแทงดาบไนท่ามกลางสาธารนชนเช่นนี้ ไครจะอวดดีว่าข่าวจะไม่ถึงหูขุนสาลตุลาการไปไม่ได้ แต่คนโดยมากมีไจช่วยไห้ฉัน พ้นความผิด หาได้ระบุชื่อฉันว่าได้แทงคนตายไม่ กลับไปไส่ความ คนที่ไครไม่รู้จักคนหนึ่ง ส่วนบิดาของคูร์ทองซึ่งมีความเส้าสลดไจ เปนอันมากนั้น ได้ไช้คนไปสืบความเท็ดจิงที่ตำบนที่แทงดาบกันนั้น

15 และเมื่อได้ทราบว่าการแทงดาบนั้นได้แทงกันถูกต้องตามข้อบังคับทุก ประการ ท่านจึงไม่นำคดีขึ้นสู่สาล ถ้านายทหารที่บังคับไห้ฉันคืนกะบี่ ด้ามเงินไห้แก่คูร์ทอง ได้ทำความปรองดองไห้เราคืนดีกันดังที่ฉัน ได้ปรารภไว้ไนเบื้องต้นแล้ว เหตุการน์อันน่าเสียไจนี้คงไม่มีขึ้นได้ เปนแน่ เมื่อแผลที่โครงของฉันหายดีแล้ว ฉันก็เดินทางไปเมืองเบรสต์ นึกเสียว่าเรื่องนี้คงจะสงบเงียบไปเอง แต่หย่าหลงไปว่ามนุสที่เกิดมา นี้จะพึงปราสจากสัตรูที่ซ่อนตัวหยู่ข้างหลังได้ ตัวฉันเองหารอดพ้นไป ได้ไม่ มีบุดุชนผู้หนึ่งชื่อ พูรคส์ ซึ่งฉันไม่เคยทำคุนความดีหรือ ประทุสร้ายเลย ได้เขียนจดหมายไปเรียนท่านอัคมหาเสนาบดี ม. โคลแพรต์ ว่าฉันได้แทงดาบกันกับ เชลาลิเอร์เดอะครูทอง และ ผู้ที่กล่าวนามมาข้างหลังนี้ถูกแทงตาย ท่านอัคมหาเสนาบดี ซึ่ง มีความปราถนาหย่างยิ่งที่จะถนอมไจ ไพยิฟเดอะฟอร์บัง (ซึ่งเปน อัยการ ผู้บังคับการกองทหารม้าแม่นปืนและ?าติของฉัน ) ได้บอก ความนี้ไห้อัยการซาบว่ามีคนมากล่าวโทสฉัน และท่านจะเว้นเสีย มิได้ที่จะมีคำสั่งไห้จับตัวฉัน หน้าที่ของอัยการนั้นก็มีแต่จะสั่งการไป และบอกไห้ฉันรู้ตัวเสียด้วย ท่านอัยการเอะฟอร์บังได้มีจดหมาย บอกความนี้มายังฉัน และไนคราวเดียวกันนั้นฉันได้รับจดหมายอีก ยี่สิบฉบับจากคนต่าง ๆ มีไจความหย่างเดียวกันว่า " เมื่อได้รับ จดหมายนี้แล้ว ไห้ไปจากเมืองเบรสต์ เปลี่ยนชื่อเสียด้วย เพราะ


16 ว่ามีคำสั่งไห้จับตัวฉัน " ฉันทำตามคำแนะนำนี้ แลโดยสานรถ มากรุงปรารีส โดยเหตุที่พระเจ้าหยู่หัวไม่เคยพระราชทานอภัยโทสแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนพระราชบั??ัติห้ามการแทงดาบกันเลย ฉันจึงมีจดหมายเรียนพี่ชาย ที่หยู่ทางบ้านไห้ช่วยสืบสวนข้อความและนำคดีขึ้นสาล สาลเมืองเอคส ได้ตัดสินประหารชีวิตฉัน แต่คำพิพากสานั้นไม่บ่งว่าฉันได้แทงดาบ กันกับเชวาลิเอร์เดอะคูร์ทอง เมื่อไม่ผิดพระราชบั??ัติห้ามการ แทงดาบ ฉันจึงขอพระราชทานอภัยโทสได้ ฉันถูกจำคุกหยู่ที่เมือง เอคสเพียงสองสามชั้วโมงเท่านั้น สาลก็ปล่อยตัวฉันไปตามกระแส พระบรมราชโองการ คราบครัวของฉันมีสาเหตุที่จะไม่ไห้ฉันหยู่ถิ่น เดิมทางทิสไต้ จึงจัดหาลาไห้ฉันตัวหนึ่งเปนพาหนะไห้ไปเสียไห้พ้น เพื่อหาทางอาชีพเอาเอง เมื่อเดินทางไปถึงเมืองลิยอง ฉันพบผู้เดินหนังสือผู้หนึ่ง ซึ่ง เดินทางไปกรุงปารีสหยู่เนือง ๆ ฉันได้ร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยเช่น คนอื่น ๆ นักบวดเมืองจาตรส์ ซึ่งเดินทางมาจากเมืองมาร์เซยล์ ได้ไปกับเราด้วย และมอบหีบสิ่งของไว้กับผู้เดินหนังสือนั้น นักบวด ขี่ม้าสีดำงามมาก ฉันขี่ลาเข้าไปไกล้ ๆ สนทนาด้วยและทำความ รู้จักไว้ เราทั้งสามได้เดินทางไปด้วยกันสองวัน พักนอนหยู่โรงแรม เดียวกัน แต่รู้สึกว่านอนไม่สบาย และเจ้าของโรงแรมขูดเลือดเนื้อ เรามากเกินไป ฉันและท่านนักบวดจึงได้ตกลงกันว่าจะไปหาที่หลับ

17 ที่นอนต่างหาก แต่จะเดินทางไปกับผู้เดินหนังสือฉเพาะแต่เวลากลางวันเท่านั้น เมื่อถึงเมืองโคนเวลาเราเดินเข้าประตูโรงแรม เราได้พบคน สองคนแต่งกายเหมือนเสื้อแบบนายทหาน เขาได้มารับประทานอาหาร ด้วยกันกับเรา และเขาถามเราว่าจะไปเมืองไหน ครั้นเขาซาบว่า นักบวดได้มอบหีบสิ่งของไว้กับผู้เดินหนังสือ เขาจึงรับอาสาว่าจะช่วย ขนหีบนั้นไปไห้ บอกว่าจะบันทุกหีบนั้นไว้บนท้ายอานม้าของเพื่อนของ เขาก็ได้ เขารู้จักหนทางไปกรุงปารีสดี และขี่ม้าเก่งด้วย ถ้าไป ด้วยกันก็จะถึงเร็วเข้าอีก นับบวดขอบไจที่เขามาเอื้อเฟื้อ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเรามีความประสงค์จะเดินทางไปกับผู้เดินหนังสือดังเดิม คน ทั้งสองนั้นจึงมาสมทบเข้าพวกเดินทางไปด้วย เราได้ไปนอนค้างคืน ด้วยกันที่เมืองพริอาร์ รุ่งขึ้นเราหยุดรับประทานอาหารกลางวันที่เมือง โนจังต์ และจะไปนอนที่เมืองมองตาร์จิส ผู้เดินหนังสือนั้นมาช้า ๆ เพราะว่าต้องจูงม้าที่บันทุกหีบสิ่งของด้วย เราสี่คนจึงมาได้เร็วกว่า ประมานสักร้อยเส้นจะถึงเมืองมองตาร์จีส คนที่แต่งเครื่องแบบนาย ทหานสองคนนั้นชวนไห้เราไปทางถนนแคบ ๆ ถนนหนึ่ง บอกว่าเปน ที่ลัดเข้าป่าไม้จะถึงเมืองมองตาร์จีสได้เร็ว เราเห็นชอบ ตามเขาไป โดยที่ไม่มีความสงสัยหย่างหนึ่งหย่างไดเลย พอเราย่างเข้าไปไน ถนนนั้น คนที่แต่งเครื่องแบบนายทหานคนหนึ่งเร่งม้าเข้าไปเคียงกัน กับม้าของท่านนักบวด และอีกคนหนึ่งรั้งบังเหียนม้าของเขาหยุดหยู่ 3

18 ข้างหลังเรา พอถึงทางโค้งของถนนฉันเหลียวหน้ามาเห็นคนที่หยุด หยู่นั้นตรวดดูว่าชะนวนกะสุนปืนสั้นของเขานั้นเรียบร้อยดีหยู่หรือ เมื่อเห็นด้วยตาดังนั้นแล้ว ฉันไม่มีความไว้วางไจคนทั้งสองนั้นอีกต่อไป พอเขาขี่ม้าเข้ามาไกล้ฉัน ฉันก็เลี่ยงออกห่างไปแล้วควัก ปืนสั้นของฉันออกมาทำท่าทางตรวจดูว่าจะบันจุไว้เรียบร้อยดีหยู่หรือไม่ เขาจึงถามฉันว่าทำอะไร ฉันตอบว่า เมื่อเข้ามาไนป่าไม้เช่นนี้ ก็ จำเปนต้องเตรียมตัวไห้พร้อมไว้ เราเดินทางต่อไปอีกครู่หนึ่ง เห็น คนสองคนนั้นขี่ม้าขึ้นหน้าเราไป ฉันจึงเร่งขับลาของฉันเข้าไปไกล้ม้า ของท่านนักบวดแล้วพูดกะซิบว่า "เราเดินทางมากับผู้ร้าย เขาคง จะทำโจรกัมแน่ พระคุนเปนผู้ที่จะเสียหายมาก ส่วนฉันนั้นไม่มี อะไรจะไห้แย่งชิงไปได้ เพื่อป้องกันตัวพระคนควนจะตรวดดูว่าปืนของ พระคุนเรียบร้อยดีหยู่หรือ ปืนของฉันนั้นได้บันจุไว้เรียบร้อยแล้ว เราควนทำไจดีไว้ ถ้าถึงคราวจำเปนก็ต้องสู้กันเท่านั้น " ท่านนักบวด ซึ่งมีนิสัยไม่เปนนักรบ ได้ยินฉันพูดดังนั้นแล้วตกไจมาก ตัวสั่น ขวันหาย หยิบปืนออกมาดูโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะต้องตรวดดูหย่างไร ถ้าเราหยู่ไนที่ ๆ ไม่มีอันตรายเช่นนั้นแล้ว ฉันคงอดหัวเราะไม่ได้ที่ แลเห็นหน้าท่านนักบวดซีดขาวไม่มีเลือด หย่างไรก็ดีเพื่อปลอบไจท่าน ฉันพูดว่า "ถ้าคนทั้งสองที่ขี่ม้าหยู่ข้างหน้าเรา หันมาประทุสร้ายเรา เราจะสู้โดยเต็มกำลัง เมื่อคนทั้งสองนั้นเห็นว่าเราไม่ไว้วางไจเขา เขาจึงพูดล้อเราต่าง ๆ นา ๆ ออกจากป่าไม้มาถึงถนนแล้ว มิช้า เราก็มาถึงเมืองมองตาร์จิสก่อนเวลาพลบค่ำ

19 เรานึกว่าความรำคานที่เราได้รับจากคนทั้งสองนี้จะยุติลงเพียงนี้แต่หาเปนเช่นนั้นไม่ ถึงแม้ว่าคนที่เราไม่รู้จักนี้เห็นว่าเราไม่ไว้วาง ไจเขา เขาก็หาหลีกเลี่ยงเราไปไม่ ซ้ำมาพูดว่าขอร่วมนอนห้องเดียว กันด้วย เวลารับประทานอาหารเย็นหยู่นั้นเขาล้อเราว่าเปนคนขลาด กลัวไม่มีมูล และยังมีหน้ามาขอเปนผู้ขนหีบสิ่งของของท่านนักบวด อีกครั้งหนึ่ง ท่านนักบวดเกือบจะไจอ่อนยอมตามคำขอเสียหลายครั้ง แล้ว ไนที่สุดถึงเวลานอนเราสี่คนได้ห้องนอนห้องหนึ่งแต่มีเพียงสาม เตียงเท่านั้น ฉันนอนหลับสนิธทีเดียว แต่ท่านนักบวดซึ่งความกลัว เข้าครอบงำ หลับตาลงไม่ได้เลย สองชั่วโมงพายหลังอ้ายโจรคนหนึ่งนึกว่าเราคงจะหลับสนิธแล้วลุกขึ้นตีเหล็กไฟ ท่านนักบวดขากเสมหะทำท่าทีว่ายังตื่นหยู่ อ้าย โจรสองคนตะโกนถามว่ายังไม่หลับหรือแล้วบ่นว่า "ไครจะนอนหลับ ได้ ถ้ากะแอมดัง ๆ เช่นนี้หยู่ตลอดคืน " ท่านนักบวดมีความกลัว เหลือเกิน ร้องเรียกฉันหลายครั้ง แต่เห็นว่าฉันยังจะนอนหยู่เรื่อย ๆ ท่านจึงลุกขึ้นปลุกฉันพูดว่า " รีบออกไปจากห้องนี้เถิด ไปหาผู้เดิน หนังสือดีกว่า เพราะว่าคนสองคนนี้สแดงอาการกิริยาไม่ดีแก่เราเลย " เมื่ออ้ายโจรสองคนนั้นเห็นแน่ว่าเราสงสัยเขา มันจึงไม่ได้เซ้าซี้เรา อีกต่อไป เราตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ รีบเดินทางต่อไป ล่วงมาสี่วันเราก็ถึง กรุงปารีส ต่างคนต่างอวยชัยไห้พรลากันแล้ว ต่างก็มุ่งไปหาทาง อาชีพของตน


20 เวลานั้นพระเจ้าหยู่หัวประทับหยู่ไนท่ามกลางกองทัพ พวก เสนาบดีก็โดยสเด็ดด้วย สิ่งที่ร้ายนั้นเงินของฉันคงจะหมดลงไนเวลา ที่ต้องรอคอยเสนาบดีกะซวงการทหานเรือหยู่ ม. บองตองส์ มหาดเล็ก ห้องพระบันทมและเพื่อนดีของฉัน รับสั??าว่าจะช่วยไห้ฉันได้เข้ารับราชการทหานเรือดังเดิม และไห้ไปประจำการที่กองทหานเมืองทูลอง จะได้หยู่ไกล้บ้านเดิมทางทิสไต้เปนแน่ เมื่อเห็นว่า ม. บองตองส์ให้ คำมั่นสั??าเช่นนั้น ฉันจึงนำลาไปขายได้เงินมาพอสำหรับที่จะเดิน ทางไปเมืองทูลอง วันหนึ่งก่อนจะเดินทางไป ฉันเดินผ่านไปทางตำบนลาเครฟ ฉันเห็นเจ้าหน้าที่นำคนสามคนที่ทำโจรกัมไปประหารชีวิต ฉันจึงแวะเข้าไปยืนดูเขาประหารชีวิตนักโทสเหล่านั้น ฉันจำได้ว่า นักโทสคนหนึ่งนั้น คืออ้ายโจรคนหนึ่งไนสองคนที่เดินทางมากับท่าน นักบวดเมืองจาตร์ส์และฉันที่จำได้แม่นยำนั้น เพราะว่าเห็นแผลเปน ที่คาง ซึ่งมันบอกเราว่าแผลนั้นมันได้รับเวลาถูกกะสุนปืนเมื่อทำ สงครามครั้งหนึ่ง เคราะห์ดีจิง ๆ ที่เราทั้งสองรอดพ้นอันตรายมาจาก อ้ายโจรสองคนนั้นได้ เมื่อฉันได้ซาบว่าโจรสองคนนี้มีพัคพวกตั้ง สามสิบหกคน ฉันจึงพยายามไปตามหาท่านนักบวด เพื่อเล่าไห้ท่าน ฟังว่า เรารอดตายมาได้หย่างไร แต่ฉันหาตัวท่านไม่พบ และตั้ง แต่นั้นมาก็ไม่ได้เห็นท่านอีกต่อไป ฉันได้ส่งข่าวให้ครอบครัวของฉันซาบว่า ม. บองตองส์ได้ช่วย เหลือไห้ฉันได้เข้ารับราชการทหานเรือประจำกองทหานเมืองทูลอง เพื่อถนอมน้ำไจบิดาของเชวาลิเอร์เดอะคูร์ทอง และสนองคุนเขาที่ได้มี

21 น้ำไจดีไม่เอาความฉัน ครอบครัวของฉันได้จัดการสับเปลี่ยนตัวไห้ฉัน ไปประจำการกองทหานเรือที่เมืองเบรสต์ แทนพี่ชายของฉันคนหนึ่ง ที่เปนนายเรือตรีเหมือนกัน เพราะว่าพี่ชายคนนี้ก่อความระห็องระแห็งขึ้นบ่อย ๆ ที่เมืองเบรสต์ จะรับราชการหยู่ที่นั้นไม่ได้ โดยเหตุที่พี่ชาย คนนี้อายุไร่เรี่ยกันและสูงเท่า ๆ กัน จึงไม่มีไครรู้สึกว่าสับเปลี่ยนตัว กัน ฉันจึงเข้ารับราชการทหานที่เมืองเบรสต์ ครั้นไปถึงกองทหาน ก็ได้รับคำสั่งไห้ฝึกหัดพลทหาน ถึงแม้ว่าการฝึกหัดนั้นจะลำบากไจ เพียงไร ฉันก็ตั้งไจทำไปตามหน้าที่จนผู้บังคับการมีความพอไจ ฉันได้ประจำหยู่ที่เมืองเบรสต์ประมานสองปีเสสแล้วย้ายไปประจำการที่เมืองรอชฟอรต์ จากเมืองนั้นได้ลงเรือไปไนกองเรือรบ ซึ่งหยู่ ไนบังคับบันชาของนายพลเรือตรีคองต์เดสเตรส์ ได้ไปแวะที่เกาะเล็ก เกาะน้อยแถบฝั่งทวีปอเมริกา หยุดที่คอริโส ซังตมาร์ทและคาร์ตาเจน เมื่อเลิกสงครามกับประเทสสเปนแล้ว มาร์ควิสเดสเตรส์ บุตรชาย นายพลเรือตรีผู้บันชาการ มีความประสงค์จะไปเที่ยวไปเมืองนี้ ฉัน ได้รับคำสั่งไห้ตามไปด้วยผู้หนึ่ง ผู้ว่าราชการเมืองคาร์ตาเจนได้เลี้ยง เหมือนกินแจ ฉะนั้นป่วยการที่เลี้ยงดูเช่นนี้ การรับรองตามประเพณี สเปนนั้นไม่มีโอชารสเสียเลย เราทั้งหลายมีความปลาดไจมากที่เห็นรูปร่างช้อนซ่อม ชิ้นหนึ่ง นั้นไช้ได้ทั้งตักและจิ้มอาหาร ปลายหนึ่งเปนรูปช้อน อีกปลายหนึ่ง เปนรูปซ่อมเพราะเหตุฉะนั้น เวลารับประทานอาหารต้องพลิกแพลงซ่อม


22 ช้อนนั้นกลับไปกลับมา ที่วิตถารอีกหย่างหนึ่งนั้นก็คือ ภาชนะที่ไส่ อาหารชิ้นหนึ่งนั้นไหย่เท่ากันกับจานสี่ไบของเรา ฉันจึงสอบถามว่า เหตุไรชาวสเปนจึงใช้จานไหย่และหนักเช่นนี้ เขาบอว่า มีกดหมาย ห้ามไม่ไห้อุปราชและผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้นำเงินตราเข้าไปไน ประเทสสเปนเวลากลับไป แต่จะนำภาชนะทำด้วยเงินเข้าไปสักเท่าไร ก็ได้ เหตุฉะนั้น เขาจึงค้ากำไรด้วยประการฉะนี้ ไนขนะที่เรือทอดสมอหยู่แถบฝั่งทเลนี้ เราได้สังเกตเห็นว่า เวลาบ่าย 16 นาลิกาทุกวัน มีพายุฟ้าแลบมาจากขอบทเลแล้ว อสนี บาตตกลงมาทำไห้บ้านเรือนหักพัง คองต์ เดสเตรสต์ ซึ่งเคยมาที่นี่ เอาปืนไหย่ยิงไป พายุก็สงบลงได้ คราวนี้ท่านไห้เอาปืนไหย่ยิงไปอีก ชาวสเปนรู้สึกพิสวงมาก ที่แลเห็นว่า เมื่อยิงปืนไปได้สองสามนัดแล้ว พายุก็สงบลง เขาไม่ซาบว่าเหตุไรพายุจึงสงบลงได้ เลยนึกว่า เรามี อภินิหาร เขามีความตระหนกตกไจมาก เราต้องอธิบายหลายหน หลายครั้งว่าไม่มีอะไรผิดไปกว่าเหตุผลแห่งธัมชาตินั้นเอง จากเมืองคาร์ตาเจนเราได้ไปเมืองคูอาโว ซึ่งเปนหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวฝรั่งเสสหรือพวกสลัด หมู่บ้านนี้ตั้งหยู่บนเกาะซังต์โทมังค์ เมื่อมาถึงน่านน้ำท่าเรือนี้เราได้เห็นเรือค้าขายฝรั่งเสส 25 ล เกยหาด ห่างจากฝั่งเพียง 20 วา เราได้ซาบว่าพายุได้ซัดเรือเหล่านั้นเข้าไป พายุนี้แรงเหลือเกิน จนบันดาเรือที่จอดหยู่ไนที่นั้นหลุดจากสมอไปทั้ง สิ้น เว้นแต่เรือรบหลวงลำหนึ่ง ซึ่ง ม. เดอะคัวน์ส์ เปนผู้บังคับการ


23 เพราะว่าเรือลำนี้มีสายโซ่และสมอแขงแรง จึงหาได้ถูกพัดไปเกยฝั่ง ไม่ ตามปรกติพายุหรือลมสลาตันแถบทเลนี้แรงมาก ต้นไม้ถูกถอน ไปทั้งรากหลายต้น และหลังคาตึกส้างด้วยสิลาก็ถูกพัดปลิวไป หลายหลัง ที่เกาะนี้เราพบพวกสลัดที่มาปล้นเมืองมาเรไคลล์ ซึ่งตั้งหยู่บนดินแดนประเทสสเปนไหม่ เขาปล้นได้เงินเหรียนมาเปนอันมาก เรา ได้เล่นการพนันกับพวกสลัดเหล่านี้ วันหนึ่งหัวหน้าโจรสลัด ชื่อ ครา มองต์ ได้เล่นทอดลูกเต๋ากับมาร์ควิส เดสเตรส์ โจรสลัดเล่นได้หมื่น เหรียน มาร์ควิส เดสเตรส์ ต้องบอกเลิกไม่เล่นด้วยอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเขาเปนคนมั่งมี แต่รู้ตัวทันว่าสู้นักเลงการพนันไม่ได้ โจรสลัดนั้น คงมีเงินตั้งสองแสนเหรียนแน่ เมื่อเรือจอดหยู่ที่ฝั่งทเลนี้เราได้เห็นจรเข้ตัวหนึ่งว่ายน้ำมา มอง เห็นสันหลังได้ชัดเจน ฉันหยากจับมัน จึงลงเรือเล็ก ๆ ตามมันไป นักบวดที่หยู่ประจำเรือรบลำนี้ขอลงเรือไปกับฉันด้วย มิช้าท่านก็มี ความเสียไจที่ตามฉันไป เพราะว่าจรเข้นั้นหนีเข้าไปไนป่าแสมที่ งอกตามชายฝั่งทเล พอเราตามมันเข้าไป เราถูกยุงมีพิสไล่กัด ท่านนักบวดมีแต่เสื้อยาว ไม่มีกางเกงเหมือนพวกเรา จึงถูกยุงกัดบวมไปทั้งตัว เราต้องเอาเหล้าชโลมตัวท่านและกอกเลือดออกด้วย ท่าน ต้องนอนหยู่ไนเตียงสิบห้าวันจึงหาย ฉันเชื่อว่าตลอดอายุขัยของ ท่านนักบวดรูปนี้ ท่านคงจะไม่ลืมคุยเรื่องล่าจรเข้เลย ส่วนฉันนั้นไม่ เปนอะไรมา ถูกกัดที่หน้าและมือเท่านั้น

24 เราออกจากเมืองคูอาโวไปฝั่งดินแดนประเทสสเปนไหม่ พอมา ถึงที่นี่ลมตะวันออกเปลี่ยนเปนลมตะวันตกเฉียงไต้ แต่กะแสน้ำไหลไป ทางทิสตะวันออก ลมนี้พัดพาเรือแล่นไปตามฝั่งแล้ว เราไปทอดสมอ หยู่ที่แหลม ทราค ซึ่งบังอ่าวไหย่แลดูงามนักหนา ชาวสเปนซึ่งมาตั้ง บ้านเรือนหยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าเปนเจ้าของท้องที่และทำสงครามกับเรา ได้สงบลงแล้วก็จิง แต่เขาไม่ยอมรับรองเรา หรือส่งสะเบียงอาหารไห้ เราจึงลงเรือเล็กไปยังเกาะหนึ่ง เพื่อล่าสัตวและตัดไม้มาทำฟืน พวก นายทหานเรือที่ไปด้วยกันมีจำนวนประมานสามสิบคน เราได้เอาปืนยิงนกหลายนัด ไนทันไดนั้นเราได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม ประหนึ่ง กองทัพยกมาประชิดเรา เราได้วิ่งมาเข้าแถวเตรียมต่อสู้ เพราะว่า ไม่ซาบแน่ว่าเสียงอะไรที่ดังกึก้องไกล้เข้ามาทุกที เราได้ปรึกสาหารือ กันแล้ว ตกลงไจว่าจะต้องหนีต่างคนต่างรีบลงเรือ แต่ไนทันทีนั้นนาย ทหานอเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งหยู่ไนที่นั้นเห็นเราวิ่งหนี จึงหัวเราะเยาะเรา แล้วร้องตะโกนมาว่า " ตามฉันมาเถิด เสียที่ท่านได้ยินนั้นคือเสียง ลิง " จิงตามเขาบอกเรา เมื่อเราได้ยินนายทหานอเมริกันตะโกนมาเช่นนั้น เราก็เดินบุกป่าเข้าไป และเราได้แลเห็นลิงฝูงหนึ่งมากกว่าพันตัว เราวิ่งไล่มัน และ ค่าได้เกือบร้อยตัว นอกนั้นหนีไปได้หรือไปซ่อนตัวหยู่ไนป่าทึบ ฉัน ยังไม่เคยเห็นลิงไหย่เช่นนี้เลย มันมีขนสีแดง หน้าโต และเครายาว ตัวหนึ่งหนักกว่า 50 ชั่ง พวกกะลาสีกินเนื้อมันและพูดว่า รสดีมาก เวลาเราหยู่บนบกงูตัวหนึ่งยาวประมาน 4 วา และลำตัวกว้างหกนิ้ว ได้

25 เลื้อยเข้าไปไนเรือทางหางเสือเรือของ เชวาลิเอ เดอะฟลาคูรต์ เลอะ เพรต ถึงแม้ว่ามันขู่เข้าหูคนถือท้าย แต่คน ๆ นี้ไม่ระแวงว่าเสียงนั้นมาจากทางไหน และไม่ได้ระวังตัวเลย พอเราลงมาไนเรือเชวาลิเอร์ เลอะ เพรต เห็นงูตัวนั้นแล้วร้องเอะอะกะโดดหนีขึ้นบกไป คนที่หยู่ไนเรือพา กันตกไจ ก็หนีขึ้นบกทั้งสิ้น เว้นแต่คนถือท้ายคนเดียว ชื่อ ครัว นั่งนิ่ง หยู่กับที่ เขามีสติดีฉวยถ่อมีขอที่ปลายได้แล้วตีงูตัวนั้นตายคาที่ ถึงรึดูคลื่นลมจัด เห็นว่าจะได้ความลำบากมาก เราจึงแวะเข้าไปที่เกาะมาร์ตินิคแล้วเดินทางกลับประเทสฝรั่งเสส เมื่อถึงเมือง รอช ฟอร์ตแล้ว ผู้บันชาการก็สั่งไห้ปลดเรือรบออกจากราชการ ฉัน จึงลาพักแล้วเดินทางไปพระราชสำนัก เพื่อฟังข่าวดูว่าจะได้เลื่อน ตำแหน่งบ้างหรือไม่ ตลอดปีนี้และรุ่งขึ้นอีกปีหนึ่ง ฉันไม่มีงานทำ ได้แบ่งเวลาหยู่ที่พระราชสำนักบ้าง ที่เมืองรอชฟอร์ตบ้าง เมื่อ พ.ส. 2225 ฉันได้รับคำสั่งไห้ไปเมืองทูลอง ได้พบเพื่อน ที่ชอบกันมาก คือ ท่านเจ้าวัดดูลุค ซึ่งเปนหลานของท่านเจ้าคนะไหย่ ท่านได้รับรองฉันด้วยมิตไตตรีหย่างดียิ่ง ชักชวนไห้ฉันไปพักหยู่กับ ท่าน และเอนดูเหมือนหนึ่งว่าเปนน้องชายของท่านฉะนั้น ไนปีนี้ฉันกับมาร์ควิสเดอะลาปอร์ตได้เข้าประจำการไนกองทัพเรือซึ่งหยู่ไนบังคับบันชาของ ม. คูเคส์น ที่จะไปตีเมืองอัลเจร์ พอเรือ รบไปถึง เราก็ลงมือระดมยิงเรื่อยไป ทำไห้พลเมืองตกไจมาก พระเจ้า แผ่นดินแขก อัลเจริอัง ซงเห็นว่า จะควบคุมอานาประชาราสดรไว้ไม่ได้จึงซงขอสงบสึก เราบอกว่าจะหยุดรบต่อเมื่อชาวอัลเจริอังยอมปล่อย 4 26 ชาวฝรั่งเสสสี่ร้อยคนที่ได้จับไว้เปนชเลยสึก ส่วนข้อความไนหนังสือ สั??านั้นต่างฝ่ายต่างกำลังจะตกลงกันหยู่แล้ว ชาวตุรกีผู้หนึ่ง ชื่อ เมซามอร์ต ซึ่งมีที่มั่นหยู่ไนเมืองนั้นขัดขวางไม่ยอมทำไมตรี เขาได้ ยุประชาชนไห้เปนกบด ได้เข้ายึดตำบนสำคันต่าง ๆ ได้แล้ว ตั้งต้น เองเปนพระเจ้าแผ่นดิน พรึตการน์นี้ลเมิดข้อความี่จะพึตกลงกันได้ เราจึงทำสงครามต่อไปอีก เราได้ระดมยิงเมืองนี้หนักเข้า พวกแขก อัลเจริอังมีความแค้นเคืองเหลือเกิน ด้วยความพยาบาทมาดร้ายเขา ได้จับกงสุลฝรั่งเสสผู้หนึ่งยัดเข้ากระบอกปืนครก ไช้เปนลูกกะสุนปืน ความทารุนหายุติเพียงนี้ไม่ ชาวฝรั่งเสสหลายคนถูกมัดไว้ที่ปลาย กะบอกปืนไหย่ ถูกกะสุนปืนระเบิดเปนชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนแขนขาคน เหล่านี้ขาดกะเด็นมาตกบนเรือรบของเรา ภาพอันสยดสยองปราสจากมนุสธัมนี้ ไม่มีไครสามาถที่จะสแดงไห้เราเห็นดีกว่าคนป่าคนเถื่อน แห่งทวีปอัฟริกันนี้ รึดูกาลที่ล่วงมานี้ไม่เหมาะที่เราจะล้อมเมืองนี้ต่อไปได้นาน กองทัพเรือจึงกลับมาเมืองทูลอง ไนระวางเวลาที่กำลังสะสมอาวุธยุทธภันท์เพื่อบันทุกลงเรือไปล้อมอังเจร์อีกครั้งหนึ่ง ฉันได้รับคำสั่งไห้ฝึกหัด ทหานเรือและทหานขว้างลูกระเบิด พระเจ้าหยู่หัวซงมีพระราช ประสงค์จะเอาชัยชนะแก่พวกแขกอังเจริอังไห้จนได้ จึงมีพระราช กะแสโปรดเกล้า ฯ ไห้ท่านมาร์ควิส เดอะเซ?เลย์ เสนาบดีกะซวงการ ทหานเรือ ไปตรวดพลที่เมืองทูลองด้วยตนเอง เพื่อตระเตรียมการ ไม่ไห้มีสิ่งไรขาดตกบกพร่อง ผู้บันชาการทหานเรือจึงถือโอกาสนี้

27 จัดการไห้ท่านเสนาบดีได้เห็นการฝึกหัดทหานขว้างลูกระเบิด ได้มี คำสั่งไห้ขุดหลุมและพูนดินเปนขอบรอบหลุมนั้น และปลูกปะรำสูงห่าง ออกไปไว้ปะรำหนึ่งสำหรับท่านเสนาบดีจะได้ไปยืนดูการขว้างลูกระเบิด นายพันตรี เรมองทิส์ และฉันยืนหยู่ที่ขอบหลุมนั้นควบคุมทหานที่หยู่ไนสนามเพลาะ พลทหานผู้หนึ่งได้ขว้างลูกระเบิดเข้าไปตกไกล้ตัวนาย พันตรีเรมองทิส์ ๆ จึงกะโดดห่างออกไปหลยพ้นอันตรายได้ ต่อมาอีก ครู่หนึ่ง พลทหานอีกคนหนึ่งขว้างลูกระเบิดไม่ลงหลุม ลูกระเบิดมาตก หยูที่ไกล้เท้าของฉัน ฉันหยิบลูกระเบิดขึ้นทันทีและขว้างไปทางหลุมนั้นลูกระเบิดได้ระเบิดก่อนตกดิน สเก็ดได้กะเด็นถูกหมวกของฉันทลุ เปนรู เคราะห์ดีเหลือเกินที่ไม่ถูกสีสะ มิฉะนั้นก็คงไม่รอดชีวิตมาได้ พลทหานคนที่สาม ซึ่งขว้างไม่แม่นเหมือนสองคนก่อนนี้ ได้ขว้างลูก ระเบิดไม่ลงหลุมอีก มันตกลงที่พื้นดินห่างจากนายพันตรีเรมองทิส์มากแต่นายทหานผู้นี้ชะล่าไจว่ารอดตายได้ครั้งหนึ่ง และเห็นฉันหยิบลูก ระเบิดที่ตกไกล้ตัวฉันขว้างไป จึงเอาหย่างฉันบ้าง วิ่งไปหยิบลูกระเบิดนั้นขว้างลงไปไนหลุม ท่านเสนาบดีได้เห็นการฝึกหัดดังที่กล่าวมา นี้แล้ว มีความพอไจเปนอันมาก แต่มีบันชาสั่งไห้หยุดทันที พูดว่า ถ้าหัดขว้างลูกระเบิดต่อไปอีกไม่ช้า นายทหานสองคนนี้คงเสียชีวิตแน่ ก่อนออกเรือไปเมืองอังเจร์ นายทหานเรือหลายนายได้เสนอ แผนยุทธวิธีต่าง ๆ นา ๆ เชวาลิเอร์ เดอะเลวี ผู้บังคับการกะบวน เรือรบกะบวนหนึ่ง ได้เสนอความเห็นไห้ทำลูกระเบิดขนาดไหย่สองลูก บันจุดินดำหนักหกสิบหาบแล้วบันทุกลงเรือไบเล็ก ๆ ลำละลูก เพื่อ

28 นำไประเบิดทำนบกั้นคลื่นแล้ว ส่งทหานขึ้นบนฝั่งไปเผาเรือที่หยู่ไนท่า นั้น ถ้าทำได้ดังนี้ก็ยึดเมืองอัลเจร์ ได้ง่าย แต่ ม. ดูเคส์น ซึ่งเปนผู้ บันชาการทัพเรือ เห็นว่ายุทวิธีนี้นำความยากลำบากมามาก จึงไม่ ได้ทำตามนั้น เมื่อบันดาทหานเรือ ทหานขว้างลูกระเบิด และนายทหาน สำรองราชการต่าง ๆ ได้ลงไปไนเรือรบที่เมืองทูลองนั้น ฉันได้ ลงไปประจำหยู่ไนเรือของบุตรชาย ม. ดูเคลนส์ กองเรือรบหลวงขนาดไหย่ ซึ่งไพยิฟเดอะโนไอลส์ เปนผู้บันชาการ และคองต์ดูลุกซึ่งเปน ผู้บังคับการเรือรบหลวงลำหนึ่งก็ได้รับคำสั่งไห้ไปล้อมเมืองอัลเจร์ด้วย โดยเหตุที่ยุทธวิธีที่ฉันเล่ามาข้างบนนี้ถูกล้มเลิก พวกนายทหาน สำรองราชการจึงไม่มีหน้าที่อะไร ฉันไม่ชอบหยู่เฉย ๆ มีความ ละอายที่หยู่นิ่ง ๆ และปลอดภัยไนขนะที่บันดาสหายคนอื่น ๆ ต้องทำ หน้าที่ทหานและผจนกับอันตรายต่าง ๆ ฉันจึงอ้อนวอนนายพันตรี เรมองทิส์ ขออนุ?าตไห้ฉันตามเขาไปด้วย นอกจากมีความประสงค์ ที่จะมีงานทำ ฉันมีความมุ่งหมายที่จะสึกสาการทำสงครามและชินกับ อันตรายด้วย นายพันตรีเรย์มองทิส์ ซึ่งเปนสหายสนิธคนหนึ่งของฉัน ได้อนุ?าตตามคำขอร้อง ฉันจึงไปไหนไปด้วยกับนานทหานผู้นี้ คองต์ดูลุคมีความพอไจมากที่ฉันมีความตั้งไจดี และซาบว่า อาหารไนเรือที่ฉันประจำหยู่นั้นคงจะไม่ดีพอ ท่านจึงส่งเรือเล็กของท่านไปรับฉันทุกเวลาเช้าและเลี้ยงดูไห้อิ่มหนำสำรานไจ เพื่อทำไห้ท่าน เบิกบานไจและสแดงความกตั??ูที่ท่านได้มีความกรุนาแก่ฉัน ฉัน

29 ได้เล่าเหตุการน์ที่ฉันได้ประสพมา เมื่อวันก่อนโดยถ้วนถี่ ได้เรียน ไห้ท่านซาบว่ามีคนเจ็บคนตายเท่านั้นเท่านี้คน นายทหานเรือสองคน ที่นั่งฟังหยู่ไนที่นั้น คงจะมีความสงสัยถ้อยคำของฉัน หรือจะลองพิสูจน์ความเท็ดจิงประการหนึ่งประการไดก็ตาม ได้ขอไห้ฉันพาเขาไปด้วย ฉันพูดว่า " ยินดีหย่างยิ่งที่จะพาท่านไป ขอไห้ท่านเตรียมตัวไว้ไห้ พร้อมไนวันรุ่งขึ้นเถิด " ไนวันนั้น ดูเคนมีคำสั่งไห้ระดมยิงเมืองอัลเจร์ และส่งเรือบันทุกลูกระเบิดเข้าไปไกล้ฝั่ง แต่ไห้หยู่ห่างจากระยะกะสุนปืน ของแขก อัลเจริอัง เวลาเย็นฉันไช้คนไปบอกนายทหานเรือสองคนที่สงสัย ถ้อยคำของฉันว่าหย่าลืมมาลงเรือฉันไนวันรุ่งขึ้น นายทหานสองคน นั้นมาตามนัดหมาย ฉันพาลงไปไนเรือที่บันทุกลูกระเบิดที่หยู่ไกล้ฝั่ง ที่สุดลำหนึ่ง เราได้พบบันดานายทหานอื่น ๆ นั่งรับประทานอาหาร หยู่โดยไม่อินังแก่เสียงปืนและเกรงกลัวกะสุนปืนที่ผ่านมาเลย ฉัน นั่งลงรับประทานอาหารกับนานทหานเหล่านั้นด้วย เสียงปืนดังมากขึ้น และกะสุนปืนเฉียดมาถี่เข้า เราก็นั่งเฉย ๆ หยู่ แต่มิช้าฉันได้ยินเสียง นายทหานเรือสองคนนั้นบ่นพึมพำและมีสีหน้าตกอกตกไจมาก ฉัน เอาหูทวนลมแกล้งทำไม่เข้าไจว่าเขาพูดว่ากะไร ไนที่สุดเขาคงเห็นว่า เกี่ยวกันกับความตายมากหยู่และล้อกันมากเกินไปเสียแล้ว เขาจึง พูดว่า " พอแล้ว ถอยไปจากที่นี่เถิด ความหยากรู้หยากเห็นของ ฉันนั้นได้สมหวังแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยความอันตราย ยิ่งสำหรับคน ที่ไม่มีหน้าที่แล้ว ก็ยิ่งมีอันตรายมากทีเดียว "

30 ถึงแม้ว่าเราได้ระดมยิงเมืองัลเจร์ด้วยปืนไหย่ทำความเสียหาย มาก แต่พวกเขาอัลเจริอังก็ยังต่อสู้หยู่แขงแรง ม. ดูเคนได้ส่งเรือ บันทุกลูกระเบิดสี่ลำเข้าไปไกล้ ๆ ไห้แล่นเปนกะบวนรูปพระจันทร ครึ่งซีกเข้าไป พวกนายแลพลทหานเรือ ซึ่งไช้นวมเปนที่กำบังตัว ได้ขว้างลูกระเบิดเข้าไปไนเมือง นอกจากเรือสี่ลำนี้ ยังมีเรืออื่น ๆ อีกหกลำมีปืนพร้อมตามไปด้วย ต่อจากนั้นยังมีเรือรบหลวงขนาดไหย่ อีกสี่ลำคุมไปข้างหลัง เรือบันทุกลูกระเบิดสี่ลำนั้นมีปืนครกลำละหนึ่งกะบอก ปืนนี้ใช้กะสุนมีรูสำหรับบันจุเชื้อเพลิงด้วย เราได้รับคำสั่งไห้เข้าไปไกล้ทำนบ กั้นคลื่น ซึ่งหยู่ไนระยะปืนเล็กของสัตรู และไห้ยิงกะสุนนั้นลงไป ไนเรือของแขกอัลเจริอัง เพื่อไฟจะได้ไหม้เรือเหล่านั้นไห้จมลงไป นายพันตรีเรย์มองทิส์เปนผู้ที่จะไปทำการนี้ ฉันได้ลงไปไนเรือ ลำเดียวกัน พอเรายิงปืนครกไปครั้งแรก สัตรูได้ไช้ปืนไหย่และ ปืนเล็กยิงมาทางเรือของเรา ถูกทหานเรือบาดเจ็บหรือตายห้าคน พวกทหานเรือมีความตกไจมาก นอนลงราบไนท้องเรือ เราจะสั่ง หย่างไรก็ไม่ลุกขึ้น นายพันตรีเรย์มองทิส์และฉันต้องชักกะบี่ออกขู่ว่าถ้ายังขัดขืน คำสั่งไม่ยอมรบ เราจะปลดชีวิตเสีย พวกทหานเรือเกรงว่าเรา คงแทงไห้ตายจิง จึงอ่อนน้อมเชื่อฟังคำสั่ง ฉันได้ไปยึดหางเสือถือท้าย เรือเอง เพราะว่านายท้ายเรือได้ถูกกะสุนปืนตายเสียแล้ว เราช่วยกัน ถอยเรือออกไปพ้นจากระยะกะสุนปืนได้ นายพันตรีเรย์มองทิส์พบฉัน

31 ที่ไหนก็ขอบไจฉันเสมอที่ได้ตัดสินไจเด็ดขาดนำเรือมาพ้นอันตรายไน คราวนั้น กะสุนปืนครกของเรานั้นไม่ได้ทำความเสียหายแก่สัตรู มากนัก และโดยเหตุที่เราได้รับความอันตรายจากกะสุนปืนของสัตรู มากกว่า ม. ดูเคนจึงไม่เห็นเปนการจำเปนที่จะส่งเรือเข้าไปไกล้ฝั่งอีก แต่นั้นมากเราได้ระดมยิงเมืองอัลเจร์หนักเข้า และคนป่าคนเถื่อนเหล่านั้นก็ยิงปืนไหย่ตอบแทนทุกคราว คริสตสาสนิกชนที่ถูกมัดไว้ ที่ปลายกะบอกปืนไหย่ก็ถูกกะสุนปืนตายลงเปนอันมาก ฉันจะเว้นเสียมิได้ที่จะไม่เล่าความกตั??ูกตเวทีของต้นหนเรืออัลเจริอังผู้หนึ่ง คน คนนี้เชวาลิเอร์เดอะเลวีได้เคยจับมาไว้เปนชเลยสึก แต่ได้รับความ เมตตากรุนาจากนายทหานเรือฝรั่งเสสทั้งหลายเปนอันมาก เวลาที่ แขกอัลเจริอังหระทุสร้ายคริสตสาสนิกชนนั้น เขาหยู่ที่เมืองอัลเจร ได้เปนพยานที่รู้เห็นเหตุการน์ทารุนร้ายกาดดังที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้ ม. จัวเซอล นายทหานเรือที่หยู่ไต้บังคับบันชาของเชวาลิเอร์ เดอะเลวี ได้ถูกจับเปนชเลยสึก และต้องคำพิพากสาไห้มัดไว้ที่ปลาย กะบอกปืนไหย่ ต้นหนเรืออังเจริอังเห็น ม. จัวเซอล จำได้ว่าเคย ชอบกันมาก จึงได้ขอร้องไห้ยกโทส ม. จัวเซอล และขอประกัน ตัวไป แต่ไม่เปนผลสำเหร็ด เขาจึงวิ่งเข้าไปกอด ม. จัวเซอล และ ร้องบอกทหานหืนไหย่ว่า " จุดชะนวนยิงไปเถิด เมื่อฉันช่วยผู้มี พระคุนของฉันไม่ได้แล้ว ตายตามกันไปดีกว่า " พระเจ้าแผ่นดินแขก อัลเจริอังทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็มีพระไทยอ่อน จึงพระราชทาน อภัยโทสแก่นายทหานเรือฝรั่งเสสผู้นั้น แน่นอนที่เดียวเมตตาคุน

32 เช่นนี้ย่อมมีไม่เลือกว่าไนประเทสได ๆ และย่อมข่มดวงจิตของมนุส ที่นับว่าทารุนที่สุดได้ ไนที่สุด ม. จัวเซอลได้กลับมาประเทสฝรั่งเสส และยังได้รับราชการหยู่อีกเปนเวลานาน เขาได้เล่าข้อความที่ฉัน จดลงไว้ไนบันทึกนี้ ถึงรึดูคลื่นลมจัดกองทัพเรือจะหยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้ เราจึงชักไบแล่นกลับประเทสฝรั่งเสส ทิ้งเมืองอัลเจริอังที่สลักหักพังไว้ และเต็ม ไปด้วยคนเจ็บคนตายเปนอันมาก ถึงแม้ว่าไนขนะที่ถูกระดมยิงนั้น แขกอัลเจริอังมีความทรหดอดทนมากก็จิง แต่คงมีความวิตกมาก ว่าเราคงจะยกทัพกลับมาล้อมอีกเปนครั้งที่สาม จึงแต่งราชทูตมา จเรินทางพระราชไมตรีกับพระเจ้าหยู่หัวของเรา สงครามจึงได้สงบ ลงด้วยประการฉะนี้ เมื่อกองทัพเรือกลับมาถึงเมืองทูลอง และปลดอาวุธยุทธภันท์ ออกจากเรือแล้ว พวกนายทหานก็พากันไปหาความสนุกเพลิดเพลิน ที่พึงมีไนรึดูหนาว และพักผ่อนร่างกายที่ได้รับความเหน็ดเหนื่อยมา ตลอดเวลาสงคราม ส่วนตัวฉันนั้นไม่มีความประสงค์อะไรยิ่งไปกว่า จะไปสู่นครหลวง เผื่อว่าจะได้บำเหน็ดความชอบตามสมควน แต่ ไม่มีเงินทุนเหลือเลย อันเปนอุปสัคขัดขวางความตั้งไจของฉัน ถ้า คองต์ดูลุคไม่เอื้อเฟื้อแล้ว ฉันก็คงไปไม่ได้เปนแน่ เมื่อท่านได้ซาบ ภาวะของฉันแล้ว ท่านได้เรียกฉันไปกาและพูดว่า " น้องเอ๋ย หย่า วิตกไปเลย พี่จะออกเงินค่าเดินทางไห้ " เราทั้งสองจึงเดินทางไป


33 ด้วยกัน เมื่อถึงพระราชสำนักแล้ว ไนเวลาไม่ช้าฉันก็ได้รับพระราช ทานเลื่อนยสเปนนายเรือโท ฉันได้รับคำสั่งไห้ไปเมืองรอชฟอรต์ เพื่อตระเตียมจัดเรือที่ จะพามาร์ควสเดอะตอร์สีย์ไปประเทสโปรตุเกส ท่านผู้นี้ได้รับพระ ราชทานตราตั้งเปนอัคราชทูตไปไนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเสก พระเจ้าดอนเปโดร เวลาฉันเดินทางไปเมืองรอชฟอรต์นั้นอากาสหนาวเหลือเกิน ก่อนจะถึงเมืองบลัวส์ถนนเต็มไปด้วยน้ำแขง ม้าเช่าที่ฉันขี่นั้นได้ ลื่นตกร่องล้อรถไนถนนล้มลงหลายครั้ง แต่มันไม่บาดเจ็บเลย เมื่อ มันล้มลงครั้งสุดท้าย ปากของมันกะแทกดิน สายรัดปากจึงขาด ฉันไม่ต้องการจะลงจากม้า จึงขอร้องไห้คนเลี้ยงม้าลงมาช่วยซ่อมแซมอ้ายคนอัปรีย์คนนั้นตอบว่า " ทำไมท่านไม่ลงไปซ่อมแซมเอาเองเล่า ฉันเห็นท่านตกม้าหลายครั้งแล้ว " ฉันรู้สึกว่าคนเลี้ยงม้าคนนี้พูดจาโอหังมาก แต่ยับยั้งโมโหไว้ได้ เพราะว่าฉันยังมีความประสงค์ที่จะไห้เขา ดูแลม้าของฉันต่อไป จึงพูดว่า " เพื่อนเอ๋ย โปรดลงจากม้า และช่วยเหลือสักครั้งหนึ่ง เถิด ฉันจะรางวันไห้สมกันกับความ เหน็ดเหนื่อย " เมื่อฉันพูดโดยดีเช่นนี้แล้ว เขาก็ยอมลงจากม้าและ ซ่อมแซมสายรัดปากม้าไห้ พอเขาซ่อมแซมเส็ดแล้วฉันชักกะบี่ออก จากฝักตีคนเลี้ยงม้าคนนั้นไห้สมน้ำหน้าที่พูดจาดูหมิ่นฉัน เมื่อเขากลับไปขึ้นม้าแล้ว เขาด่าฉันอีก และพูดขู่ว่าจะแก้เผ็ดเมื่อถึงเมืองบลัวส์ ฉันจึงชักกะบี่ออกจากฝักอีกแล้วพูดว่า " ไม่เห็นจำเปนต้องไปไห้ถึง 5 34 เมืองบลัวส์ ไห้เรื่องแตกหักกันเดี๋ยวนี้เถิด " พูดเส็ดแล้ว ฉันเอา กะบี่ฟาดลงไปอีกหลายที เขาตั้งท่าจะเอาแซ่ม้าหวดฉัน ฉันจึงหัน เข้าไปบอกไห้รู้ตัวว่าฉันจะเลือกที่ไหน ๆ แทงไห้เขาตายก็ได้ แล้วเอา กะบี่จิ้มที่ซี่โครงของเขาทีหนึ่ง เมื่อคนเลี้ยงม้าถูกแทงเจ็บเข้าแล้ว ก็สแดงอาการสงบ แต่นั้นมาฉันจะสั่งไห้เขาทำอะไร เขาก็ทำไห้ เมื่อมาถึงเมืองบลัวส์ เจ้าของม้าแลเห็นคนเลี้ยงม้าถูกตีเลือด ไหลโซมหน้าและไม่มีหมวก ก็ไม่ประหลาดไจอะไรเลยซ้ำพูดกับฉันว่า "ท่านคงได้มีปากเสียงกันกับอ้ายคนหยาบคายคนนี้แน่แล้วละซิ " ฉันตอบว่า "จิงเหมือนพูดแต่เขาไม่ควนไปร้องทุขแก่ไครอีก เพราะว่า ฉันได้ตกรางวันเขามาสด ๆ แล้ว นอกจากนี้เขาขู่ฉันว่าถ้ามาถึงเมือง บลัวส์เขาจะแก้เผ็ดไห้ได้ " เจ้าของม้าพูดต่อไปว่า " อ้ายคน ๆ นี้เปน คนพาลที่สุดไม่เข็ดหลาบ เมื่อสองปีมาแล้วเขายั่วคนเดินหนังสือ คนหนึ่งจนเขาคุมสติไว้ไม่ได้ ได้ชักปืนพกยิงเขาจนบ่าหัก " ไนขนะ ที่ฉันฟังคำบอกเล่าของเจ้าของม้าหยู่ และเตรียมจะขึ้นม้า นึกว่าคน เลี้ยงม้าคนนั้นไปพ้นฉันแล้ว แต่พอหันหน้ามาก็แลเห็นเขาถือสามง่าม วิ่งตรงมาจะแทงฉัน ฉันควักปืนพกออกมา พอง้างไกจะยิงไป ก็แล เห็นเจ้าของม้าฉวยไม้พลองวิ่งมาตีคนเลี้ยงม้าจนสามง่ามหลุดมือไป ฉันกะโดดขึ้นหลังม้า พอจะย่างออกจากโรงม้า ฉันเห็นเขาเดินตรง มาอีก แล้วมีหน้ามาอ้อนวอนขอเงินรางวันที่ฉันบอกว่าจะไห้เขา พูดจาประการหนึ่งว่าเราไม่มีเหตุบาดหมางไจกันเลย ฉันต้องขอชมว่าอ้ายคน


35 พาลคนนี้ไม่มีจิตมีไจเสียเลย ฉันได้ควักเงินไห้เล้กน้อยแล้วพูดว่า "ท่านเอาไปซื้อเหล้ากินเถิด เงินนี้ท่านได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงจิง ๆ " จากเมืองบลัวส์ฉันเดินทางต่อไปเมืองปัวติเอรส์ แต่เปนกัมของฉันที่จะต้องได้รับความรำคานไจจากคนเลี้ยงม้าจำพวกนี้ตลอดไป ขนะที่ออกจากโรงม้าที่เมืองนี้ ฉันได้ร้องบอกคนเลี้ยงม้าต่อหน้าเจ้าของ ม้าว่า " เพื่อนเอ๋ยทนเอาหน่อยเถิดเร่งม้าเข้า " เขาตอบว่า " ถ้าท่าน รีบร้อนนักก็เร่งม้าของท่านเอ็งซิ " ฉันจ้องดูเขาด้วยความแค้นเคืองเปน อันมากแล้วพูดว่า " ฉันจะบอกไห้ท่านรู้ตัวต่อหน้านายของท่าน ผู้ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยมีค่าน้อยกว่าตัวท่านเสียอีก ยังอุส่าห์เลี้ยงดูคนทลึ่ง เช่น ตัวท่านไว้ว่าถ้าท่านขืนพูดหยาบคายกับฉันอีกครั้งหนึ่ง ฉันจะเอาปืนพกระเบิดหัวสมองท่าน " เมื่อฉันพูดขู่เช่นนี้แล้วเขาก็อ่อนน้อม และตลอด เวลาเดินทางไปเขาเล่าแต่เรื่องขบขันไห้ฉันฟัง เมื่อถึงเมืองมุสส์ฉันต้องเปลี่ยนม้าอีก ได้ประสบคนเลี้ยงม้าคนที่สาม เขามีหนวดดกสพายดาบและปืนสั้นสองกะบอกเหน็บไว้ข้างอานม้า เมื่อเห็นเขามีอาวุธเช่นนั้น ฉันแน่แก่ไจว่าเราคงจะไม่จากกันไปปราสจากความทเลาะวิวาทกัน คงจะมีปากเสียงกันและต่อสู้กันกลางทางเปนแน่ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วฉัน ควักปืนพกออกมาแล้วพูดกับคนเลี้ยงม้าคนนี้ว่า โดยเหตุที่เราจะต้อง มีปากเสียงกันและตีรันฟันแทงกันแน่ ฉันต้องการลงมือทำสงครามกัน ก่อนเดินทางไป ไนขนะนั้นเจ้าของม้าเดินเข้ามาไกล้เราพูดจาไกล่เกลี่ยแล้วเก็บเอาอาวุธของคนเลี้ยงม้าไปหมด เราจึงเดินทางต่อไปจาก เมืองนี้

36 ฉันขี่ม้าไปได้ประมานสองผลัด ก็พลบค่ำลงมืดและหนาวมาก หมอกทึบเหลือเกินจนไม่แลเห็นอะไรเลย เราจึงหลงทางขี่ม้าต่อไป สักครู่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เกรงว่าจะหลงกันเอง จึงลงจากม้าเดิน เท้าไป ฉันจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้หยู่ไนที่ลำบากเหมือน คราวนี้เลย ฉันมีความโกรธเคืองเปนอันมากและบ่นว่าหยากจะค่าคน เลี้ยงม้าเสียที่ได้พามาไห้หลงทาง คนเลี้ยงม้าคนนั้นตอบว่า " ถ้า ท่านค่าฉันเสียแล้ว ก็ไม่ช่วยไห้ท่านไปไกลกว่านี้ได้ " คน ๆ นั้นพูดถูกต้องทีเดียว หย่างไรก็ดีเพื่อจะไห้พ้นไปจากที่นี้ได้ ฉันบอก คนเลี้ยงม้าไห้หวดแซ่ดัง ๆ เพื่อว่าจะมีคนอื่นได้ยินแล้วช่วยบอก ทางไห้เรา ที่ฉันคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด พอคนเลี้ยงม้าหวดแซ่หลายขวับเข้า สุนัขก็เห่า ฉันจึงลงความเห็นว่าไนตำบนที่หนาวมากเช่นนี้ สุนัขตัว นั้นคงจะไม่ออกมาที่แจ้ง คงจะเห่าหยู่ไนบ้านไดบ้านหนึ่ง ฉันจึง สั่งคนเลี้ยงม้าไห้หวดแซ่ต่อไป แล้วเราเดินทางไปตามเสียงสุนัขเห่า เดินไปได้ไม่กี่เก้าก็มาถึงท้องร่องกว้างพอไช้ น้ำไนท้องร่องนั้นแขง บ้างแล้วเราเดินตามริมท้องร่องไปประมานสิบห้านาทีก็ยังไม่เห็นทางเข้า ไป แต่ไนที่สุดเราได้มาถึงบ้านชาวไร่ชาวนาผู้หนึ่ง ซึ่งนอกจากมี ความตกไจมากที่เห็นเรามาถึงเวลาดึกและเวลาที่หนาวจัดเช่นนี้แล้ว ปิดประตูไส่หน้าเรา ฉันวิงวอนขอไห้เปิดประตูเท่าไร เขาก็ไม่ยอมเปิด ฉันจึงขู่ว่าจะพังประตูเข้าไป เขาจึงเปิดประตูเดินออกมาตัวสั่น เพราะนึกว่าเรา

37 เปนพวกโจร ฉันก้าวเข้าไปไนบ้านแล้วพูดว่าฉันหลงทางมา หนาว เหลือเกิน ขอผิงไฟ และอาสัยหยู่ด้วยสักคืนหนึ่ง เขาตอบว่า "ท่าน คงจะเห็นด้วยตาเองแล้วว่าฉันมีเตียงนอนหยู่เตียงเดียวเท่านี้สำหรับ ตัวฉันภรรยาและลูกนอน แต่ถ้าท่านจะตามฉันไป ฉันจะพาไปบ้าน ผู้ดีผู้หนึ่ง ซึ่งเปน ฮูเกอนอต 1 มีบ้านหยู่ที่ตำบนนี้ห่างจากที่นี่เพียง สองเส้น ท่านคงจะรับรองท่านด้วยความยินดีเปนแน่ " ฉันเห็นพ้องด้วยคำแนะนำนั้นแล้ว เดินตามชาวนาคนนั้นไป และได้มาถึงบ้าน ม. เดอะลาริวิแอร์ เวลา 23 นาลิกา คน ๆ นี้ต้อนรับ ฉันเปนหย่างดี จุดไฟไห้ฉันผิง และไห้กินเนื้อแกะก้อนหนึ่ง นกปาก ซ่อมสองตัว ขนมปังและสุราอันโอชารส ฉันรับประทานอาหารได้มาก เพราะว่าตลอดวันไม่ได้รับประทานอะไรเลย เส็ดแล้วเจ้าของบ้านจัดไห้นอนไนเตียงนุ่ม ฉันหลับสนิธตลอดคืน ลืมความยากลำบากที่ได้ ประสบมา รุ่งขึ้นเจ้าของบ้านหาอาหารเช้ามาเลี้ยงก่อนเดินทางไป ฉันได้ขอบไจเขา บอกชื่อฉันและสั??าว่าจะสมนาคุนไนพายหน้า เมื่อมาถึงเมืองรอชฟอรต์ ฉันได้พบอาของฉัน ซึ่งเปนผู้บังคับการกอง ทหานที่เมืองนั้น ฉันได้เล่าอุปสัคต่าง ๆ นา ๆ ที่ได้ประสบมาไห้ท่าน

1. ฮุเกอนอต Huguenot ( จากภาสาเยอรมัน eidgenossen แปล ว่าพวกร่วมสบถสาบานกัน ) เปนพวกที่ถือลัทธิของ จัง คัลวัง ผู้สถาปนาลัทธิสาสนา คัลวินิสต์ พวกฝรั่งเสสเรียกผู้นับถือลัทธินี้ว่า เปนปรปักสกับลัทธิ เจสูอิต เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ส. 2115 พวกฮูเกอนอตทั้งชั้นผู้ดีและไพร่ได้ถูกค่าโดยมากตาม พระราชเสาวนีของพระนางคาแทรินเดอะเมดิสิส์ ที่รอดตายก็หนีออกไปจากประเทส ฝรั่งเสส พายหลังไนรัชกาลของพระเจ้าหลุยสที่ 14 ผู้ที่นิยมลัทธินี้ก็ถูกริบทรัพย์

38 ฟังโดยตลอด แม้อุปการะคุนความดีของ ม. เดอะลาริวิแอร์ ก็ไม่ ลืมเก่า ท่านมีความพอไจฟังเปนอันมาก ล่วงมาสองสามวันเราจัดเรือที่จะไปประเทสโปรตุเกสเรียบร้อย พอที่จะออกทเลได้ ม. เดอะวิลเลตต์เปนผู้บังคับการเรือลำนี้ พอ มาร์คริส เดอะ ตอร์สีย์ มาถึง เราก็ชักไบเรือออกจากเมืองรอชฟอร์ต คลื่นลมสงบเรือแล่นไปโดยเรียบร้อย ไม่ช้าเราก็มาถึงกรุงลิสบอนน์ มาร์คริสเดอะตอร์สีย์ได้ขึ้นไปบนบก ได้รับความต้อนรับสมกันกับ เกียรติยสผู้แทนพระเจ้าหยู่หัวของเรา ตลอดเวลาเข้าเฝ้า พระเจ้า แผ่นดินโปรตุเกสประทับหยู่บนราชบันลังก์ อัคราชทูตยืนกล่าวสุนทร พจน์กราบบังคมทูนพระกรุนา พวกขุนนางผู้ไหย่ก็ยืนเหมือนกัน และ ไม่สวมหมวก ขุนนางที่มียสบันดาสักดิชั้นสูงนั้นยืนพิงผนังพระที่นั่ง ผนังนั้นไม่มีม่านปัก และไม่มีเครื่องประดับหย่างหนึ่งหย่างไดเลย มาร์คริสเดอะวิลเลตต์มีความปราถนาจะพิงผนังบ้าง สมุหพระราชพิธี เดินตรงมาบอกเขาว่าเวลาเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินนั้น ฉฌพาะแต่ขุนนาง ชั้นสูงสุดเท่านั้น มีสิทธิที่จะพิงผนังได้ มาร์คริสเดอะวิลเลตต์จึงย้ายไป ยืนที่อื่น ที่ถูกปรามาสต่อหน้าชนชาติโปรตุเกสว่าเขาไม่เปนขุนนาง ไหย่โตเช่นนี้ เขาคงมีความโทมนัสเปนอันมาก เวลาหยู่ที่กรุงลิสบอนน์ เราได้ไปดูวัดเบอเลม ได้เห็นอนุสาวรีย์บันจุพระบรมสพพระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกสอันวิจิตงดงาม โดยมากทำ ด้วยสิลาอ่อนที่มีค่ามาก วัดนี้กว้างขวางห้อมล้อมด้วยสวน นับว่างามที่สุดสวนหนึ่งไนพระราชอานาจักรนี้ หัวหน้านักบวดได้รับรองเรา

39 เปนหย่างดียิ่ง เมื่อเราได้ชมว่าวัดนี้งามมากและถามว่าสานุลิสมี มากน้อยเท่าได ท่านหัวหน้านักบวดถอนไจไหย่แล้วพูดว่า วัดนี้โซม ลงมาก ไม่เหมือนกันกับกาลก่อน เมื่อท่านยังหนุ่มหยู่ไม่มีสิ่งไร บกพร่องเลย ครั้งนั้นพวกสานุสิสประมานสามสิบคนเหน็บมีดสั้น สพายดาบแล้วออกไปจากวัดทุกคืน เดี๋ยวนี้ยุธยุรยาตร์เช่นนี้ซาลง ไปมาก จะหาสานุสิสสักสิบหรือสิบสองคนที่จะเอาเยี่ยงหย่างคน ก่อน ๆ หาได้ไม่ เมื่อได้ยินท่านพูดดังนั้น พวกเราชำเลืองตามอง ดูกัน ไม่ซาบว่าจะตอบท่านว่ากะไร และไม่เข้าไจว่าท่านพูดจิงหรือ พูดเล่น เพียงแต่จะไห้ขบขันเท่านั้น ท่านหนัวหน้านักบวดได้นำเราเข้าไปไนห้องอันสวยงามห้องหนึ่ง มีอาหารหย่างดีตั้งหยู่บนโต๊ะ เรานั่ง ลงรับประทานอาหารพร้อมกันกับนักบวดทั้งหลาย และฟังดนตรีที่เรือ ของเราจัดมาบันเลงตลอดเวลารับประทานอาหาร ฉันได้เคยเล่าหลายครั้งแล้วว่าถุงเงินของฉันนั้นแฟบยอบแยบ เพียงไรเสมอ ความจนจึงบังคับไจไม่ไห้โอกาสเหมาะที่ได้มาประเทส โปรตุเกสผ่านพ้นไปได้ ก่อนที่ฏันจะเดินทางไปจากประเทสฝรั่งเสส พ่อค้ายาสูบได้พูดกับฉันว่าถ้าฉันนำยาสูบเบรซิลมาขายไห้ จะไห้ราคา งามทีเดียว แต่จะเอาเงินที่ไหนไปค้าได้เล่า ฉันจึงไปหาอาของฉัน พูดอ้อนวอนขอยืมเงินท่านโดยชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ขอให้ท่าน เอนดูความยากจนของฉัน ท่านได้มีความกรุนาไห้ยืมเงิน ( ซึ่งฉัน สั??าว่าจะไช้คืนไห้เวลากับไปถึงประเทสฝรั่งเสส ) ฉันจึงนำเงินนั้น


40 ไปซื้อหย้าผรั่นได้หนักราว 83 ชั่ง ตั้งไจไว้ว่าจะนำไปขายค้ากำไร ไนประเทสโปรตุเกส เมื่อมาถึงกรุงลิสบอนน์ได้สองสามวัน ฉันได้นำหย้าฝรั่นไปขายได้เงินมาอีกเท่าหนึ่งที่ได้ลงทุนไปแล้ว จึงเอาเงินนี้ทั้งสิ้นซื้อยาสูบ สิบวันก่อนออกจากเมืองลิสบอนน์ฉันมีความประสงค์จะนำสินค้านี้ลงไน เรือที่เราโดยสานมาก แต่ ม. เดอะวิลเต์ไม่ยอมไห้นำลงไนเรือรบ หลวง จึงเปนการจำเปนที่ฉันต้องบันทุกลงไนเรือไบเล็ก ๆ ลำหนึ่งที่ผู้ บังคับการเรือได้นำมาสำหรับพวกทหานเรือจะได้ไช้ เมื่อกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากกรุงลิสบอนน์ พ่อค้าที่ฉันขาย หย้าฝรั่นไห้นั้น มาหาฉัน บอกว่ามีคนจะไห้เงินฉันสองร้อยปิสโตล 1 ถ้าฉันนำเรือไปคอยรับครอบครัวชาติยูอิฟเวลากลางคืนราว 22 นาลิกา ที่ตำบนหนึ่งที่จะบอกไห้ซาบ แต่ฉันต้องรับสั??าว่าจะยอมไห้ ครอบครัวนั้นแอบหยู่บนเรือรบหลวงประมานสองชั่วโมง เมื่อสิ้น กำหนดเวลาแล้ว ครอบครัวยูอิฟนั้นจะโดยสานเรือค้าขายไปเมืองบอร์โดส์ ฉันหยากได้เงินนั้น จึงบอกพ่อค้าหย้าฝรั่นว่าจะตอบไห้ซาบพายไนเวลาสองชั่วโมงว่าจะรับสั??าทำไห้ได้หรือไม่ ไนทันทีนั้นฉันไปเล่าข้อความนี้ไห้ ม.เดอะวิลเลตต์ซาบ ท่านสแดงความยินดีที่ฉันจะได้ผลประโยชน์ บอกว่าตามไจฉันเถิด ท่านไม่ขัดข้องไนการที่ฉัน

1. เงินปิสโตล Pistole นี้มีราคาต่าง ๆ กัน บางครั้งมีราคาเท่ากันกับสิบฟรังค์ ของเงินตราฝรั่งเสส เหตุฉะนั้นสองร้อยปิสโตลก็เท่ากับสองพันฟรังค์ เปนเงินไทย ราว 1066 บาท

41 รับอาสาจะช่วยครอบครัวนั้น ฉันจึงนำเรือไปคอยรับครอบครัวยูอิฟ ที่ตำบนที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อไม่แลเห็นไครมา และเวลาล่วงไปเกินกำหนดแล้ว ฉันจึง กะโดดขึ้นไปบนบกพร้อมกันกับนายทหานเรือผู้หนึ่ง เราเดินเข้าไปไน ถนนที่หยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก คืนนั้นเดือนหงายมองเห็นกันได้ ฉันขอ ไห้นายทหานเรือผู้นั้นเดินไปจนสุดถนน เพื่อมองหาครอบครัวที่ได้ นัดหมายกันไว้ เมื่อนายทหานเรือผู้นั้นเดินห่างออกไป ฉันเห็นคน คนหนึ่งรูปร่างคล้ายปิสาจ ไส่กางเกงขาสั้นสวมหมวกขาว ไส่เกือก แต่ไม่มีถุงเท้า มือซ้ายถือโล่ห์ มือขวาถือดาบยาวที่ชักออกจากฝัก แล้ว เขาเดินกะหืดกะหอบตรงมายังฉัน ไม่ซาบแน่ว่าเขามีความ มุ่งหมายหย่างไร พอเห็นเขาเข้ามาไกล้ฉันประมานหกก้าว ฉันควัก ปืนพกออกแล้ว ร้องไห้หยุด เมื่อเขาได้ยินฉันพูดดังนั้นแล้ว เขา กะโดดเลี่ยงไปข้างถนนแล้วเดินต่อไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย เกรงว่านายทหานเรือที่เดินหยู่ที่ลปายถนนจะมีความตกไจเมื่อ เห็นคนวิปลาสนี้ ฉันจึงเดินตามไปไกล้ ๆ จิงตามที่ฉันวิตก นาย ทหานเรือผู้นั้นมีความกลัวมาก ร้องโวยวายขึ้น ฉันร้องตะโกนบอก ไปว่าไห้ยืนนิ่ง ๆ และไห้ควักปืนพกออก หย่าตกไจไปเลย ฉันวิ่งตาม มาช่วยเขาแล้ว คนวิปลาสนั้น ซึ่งคงเปนคนวิกลจริตแน่นอน เดิน ไปเฉย ๆ โดยความสงบแล้ว หลบไปไม่พูดจาอะไรสักคำเดียว อีกสักครู่หนึ่งครอบครัวยูอิฟมาถึง มีพ่อแม่ลูกชายและลูกหยิง เล็ก ๆ รวมด้วยกันสี่คน เราพาเขาขึ้นมาบนเรือและถามว่าเหตุไรจึง 6 42 หลบหนีออกจากกรุงลิสบอนน์เขาเล่าว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่รบกวน เพราะ ว่าถือลัทธิผิดกับคริสตสาสนา ถ้าถูกจับได้แล้ว คงถูกครอกทั้งเปน ๆ พ่อของเด็กนั้นมอบเงินไห้ฉัน 1066 บาท ตามที่สั??ากันไว้ ฉันพา เขาขึ้นไปบนเรือรบหลวง พอสิ้นกำหนดสองชั่วโมงแล้ว เขาก็ลงเรือ ลำอื่นไปเมืองบอร์โดส์ ได้เงินนั้นมาแล้วฉันนำไปซื้อยาสูบอีก และบันทุกลงไนเรือไบที่กล่าวมาข้างบนนี้ ฉันนึกกะหยิ่มหยู่เนือง ๆ ว่ามิช้าก็คงจะค้าขายมี กำไรงาม และคงจะมีเงินมากกว่าที่เคยได้มีไนอายุขัยของฉัน ไน ที่สุดเมื่อมาร์คิสเดอะตอร์สีย์เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลาพระเจ้าแผ่นดิน โปรตุเกสแล้ว เราก็ชักไบออกเรือกลับประเทศฝรั่งเสส ตอนแรก คลื่นลมเงียบสงัดดี แต่พแมีพายุไหย่พัดมา เรือรบหลวงก็พลัดกัน กับเรือบันทุกสินค้า ฉันมีความเสียไจเปนอันมากที่ไม่แลเห็นเรือลำนั้น วิตกว่าสินค้าอันเปนทรัพย์สินของฉันคงจะสูนย์ทั้งหมด ความเสียไจ ของฉันนั้นทวีขึ้นเหลือที่จะพรรนนาได้ถูก เมื่อได้ซาบว่าพวกสลัดไน ทเลบิสเคย์ได้ยึดเรือลำนั้นไว้ที่เมืองอะแซร์ราช ฉันได้เรียนความนี้ แกอาของฉัน ท่านมีความเสียไจด้วยเปนอันมากที่ฉันมีเคราะห์ร้าย ได้รับความเสียหายครั้งนี้ ท่านจึงยกหนี้ไห้แก่ฉัน ถึงแม้ว่าความ เมตตากรุนาของท่านทำไห้ฉันคลายความเสียไจบ้าง แต่ความจิงก็ยัง ไม่วายความโซมนัสที่ได้รับความเสียหายหย่างอุกริถ กลับจากประเทสโปรตุเกสไม่ได้กี่วัน ก็มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ไห้ประกาสพระราชกริสดีกาลงโทสผู้ถือลัทธิผิดแผก

43 จากสาสนาคาทอลิคไห้หนักลงไปกว่ากาลก่อนอีก เจ้าหน้าที่ได้ไช้ความสอดส่อง จับคนมาลงโทสโดยกวดขันจนพวกฮูเกอนอตไม่มีทางที่จะ เลี่ยงหนีไปได้ ม. เดอะลาริวิแอร์ ผู้ซึ่งมีความกรุนาไห้ฉันอาสัย ด้วยคืนหนึ่งและเลี้ยงดูฉันเปนหย่างดีดังที่ได้เล่ามาข้างบนนี้ เปนคน คนหนึ่งไนจำพวกที่ถือลัทธิคัลวินีสม์ ตำหรวดได้เข้าไปรบกวนถึงไนบ้านเขาไม่รู้ว่าจะทำหย่างไร จึงรีบหนีมาหา ม. อาร์นูสที่เมืองรอชฟอร์ต ซึ่งเปนหัวหน้าเจ้าพนักงานปราบพวกฮูเกอนอตไนตำบลนี้ เพื่อวิงวอน ขอความเห็นว่าจะควนปติบัติการหย่างไร เมื่อฉันซาบว่า ม. เดอะลาริวิแอร์มาถึงเมืองรอชฟอร์ต ฉันไป หาเขาทันที และเชินไห้มาหยู่บ้านของฉัน คือบ้านของอานั่นเอง อาของฉันได้รับรองเขาเปนหย่างดี เพื่อสนองคุนเขาที่ได้มีน้ำไจดี แก่ฉัน อาได้มีความเอื้อเฟื้อพยายามช่วยเหลือไห้พ้นโทส แต่ ไม่มีผล ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นเปนมิตรที่ดีของอาฉันก็จิง แต่จะ ละเมิดพระราชกริสดีกาไม่ได้หยู่เองเปนธัมดา ม. เดอะลาริวิแอร์ ไม่เห็นทางที่จะรอดพ้นพระราชอา?าไปได้ จึงจำไจต้องเลือกว่าจะ เปลี่ยนสาสนาหรือจะต้องฉิบหายป่นปี้ไป ฉันได้แนะนำสแดงเหตุผล ต่าง ๆ นานา ไนที่สุดเขาตกลงไจละทิ้งลัทธิคัลวินิสม์ เปลี่ยนมานับถือสาสนาคาทอลิค แต่นั้นมาเขาก็มีความสัทธาแก่กล้าไนสาสนานี้ และไม่เสียไจที่ฉันได้แนะนำไห้ปติบัติตามความไนพระราชกริสดีกานั้น เมื่อกำหนดหน้าที่ราชการทหานเรือที่เมืองรอชฟอร์ตแล้ว อาของฉันแนะนำไห้ฉันลงไปทางทิสไต้ประเทสฝรั่งเสส เพื่อจัดกิจการส่วน

44 ตัวของฉันและของท่านด้วย ท่านไห้ฉันผ่านไปทางเมืองลิยอง เพื่อ ทวงหนี้คนที่ท่านไห้ยืมเงิน ทางที่จะไปนั้นต้องผ่านแคว้นแปริคอรท์ ลิมูซัง และโอเวย ไนเวลานั้นหิมะตกหนาวมาก คนเช่นตัวฉันที่ไม่รู้จักหนทางนั้นย่อมเปนการเหลือความสามารถที่จะเดินทางไปคนเดียวได้ ฉันจึงไป กับคนขี่ลาสองคนที่เคยเดินทางจากเมืองลิโมช ไปเมืองแคลร์มองต์ สัปดาหะละสองครั้งหยู่เปนนิจ การเดินทางเช่นนี้ช้าและรำคานมาก แต่จำไจต้องไป เดินทางไปได้สี่วันสี่คืนก็มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่หยู่ กลางนา ไนขนะที่ฉันนั่งผิงไฟหยู่กับเจ้าของโรงแรม ฉันเห็นคนเดิน เข้ามาหกคนรูปร่างเหมือนโจร ฉันจึงถามเจ้าของโรงแรมว่า คน เหล่านั้นมาจากไหน เจ้าของโรงแรมบอกว่าเขาเปนพ่อค้าเมืองซังต์ เอสติเอนน์อังฟอเรสต์ ซึ่งไปดูการสแดงสินค้าที่เมืองบอร์โดส์ และ เคยผ่านมาทางนี้ทุกปี เมื่อซาบข้อความดังนั้น ฉันจึงไปพูดจาประจบประแจงด้วย เรานั่งลงรับประทานอาหารด้วยกันและตกลงไจว่าจะเดินทางไปกับเขา ไน เวลากลางคืนหิมะตกลงมามาก กลบถนนหนทางหมด แต่พวก พ่อค้าเหล่านั้นมีความชำนา?มาก เขาเดินจากต้นไม้นี้ไปต้นไม้นั้น จึงไม่หลงทาง เวลาเราเดินไปนั้นนกแซงแซวตัวหนึ่งบินมาเกาะหยู่พาย ไนระยปืน เพื่อนร่วมทางคนหนึ่ง ซึ่งถือไม้ พยักหน้าไห้เราหยุด แล้วควักอะไรออกมาสวมไม้นั้นทำเปนปืนยิงนกตกลงมาตาย เมื่อถึง เมืองทิแอร์ส์มีทางแยกไปเมืองลิยองทางหนึ่ง และเมืองเอติเอนน์

45 อีกทางหนึ่ง พ่อค้าเหล่านั้นบอกฉันว่าทางไปเมืองลิยองนั้นมีหิมะมาก ถ้าไม่มีคนนำทางแล้ว ก็จะไปได้โดยยาก เขาจึงเชนไห้ฉันไปอาสัย หยู่กับเขาที่เมืองเอติเอนน์ ฉันตริตรองดูเหตุผล เห็นพ้องด้วย จึง ยอมไปหยู่กับเขา ตลอดเวลาห้าหกวันที่ฉันอาสัยหยู่ที่เมืองเอติเอนน์ เขามีความเอื้อเฟื้อฉันเปนหย่างดี จากเมืองเอติเอนน์ฉันเดินทางไปเมืองลิยอง ทำธุระของอา เส็ดแล้ว ฉันเดินทางต่อไปทางทิสไต้พร้อมกันกับพ่อค้าอีกสองคนที่ ฉันพบที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ล่วงมาอีกสามวันเรามาถึงเมืองลอริโอล ขนะที่เจ้าของโรงแรมเตรียมจัดอาหารเย็นอยู่นั้น เราเห็นรถม้าเทียมสี่ มาถึง ไนรถนั้นมีผู้ชายป่วยคนหนึ่ง ผู้หยิงคนหนึ่ง อายุราวกลางคน แต่หน้าตาน่าเกลียด มีสาวไช้ตามมาด้วย อายุราว 18 ปีสวยมาก ฉันเปนคนหยากรู้หยากเห็น จึงเดินเข้าไปไกล้รถม้านั้น ผู้หยิงคนนั้น เปิดประตูลงจากรถโดยรีบร้อน ไม่พักที่จะจับแขนฉัน ผู้ซึ่งไปยืน หยู่เพื่อประคองลงจากรถตามความตั้งไจดีของฉัน ลงมาจากรถ เส็ดแล้ว ผู้หยิงคนนั้นหันไปตบหน้าสาวไช้โดยแรงจนนางสาวคนนั้น ร้องไห้โฮ ๆ เวลานั้นฉันยังหนุ่มหยู่ ไม่มีไจที่จะพ้นจากอคติทั้งหลายได้ จึงมีความสงสารหยิงสาวคนนั้นเปนอันมาก ฉันเดินทางเข้าไปไกล้หยิงสาวคนนั้นแล้วสแดงความเสียไจที่ถูกลงโทสโดยที่ไม่มีความผิด และ บอกหล่อนว่าควนได้รับความพนอ ไม่ควนรับไช้คนที่มีกิเลสชั่ว เช่น ผู้หยิงคนนั้นอีกต่อไป

46 หยิงสาวคนนั้น ซึ่งไม่หยุดร้องไห้ ไม่ตอบฉันสักคำเดียว พอ ฉันจะพูดต่อไป นายผู้หยิงของเขา ซึ่งเข้าไปไนโรงแรมแล้วกลับ ออกมาหน้าประตูอีก และจะมีความโกรธที่สาวไช้ไม่ตามเขาเข้าไป หรือมีความแค้นเคืองที่ฉันไปยืนพูดด้วยกับหยิงสาวคนนั้น ก็ตามแต่ จะคิดเอาเถิด เขารี่เข้าไปลงโทสนางสาวไช้คนนั้นอีก ด้วยความ ดุร้ายคล้ายแม่มดฉะนั้น เขาทุบตีและจิกผมสาวไช้แล้วลากตัวเข้าไป ไนลานหลังโรงแรม ฉันมีความเจ็บไปเปนอันมากที่เห็นหยิงสาวนั้นถูก ลงโทส เพราะตัวฉันเปนสาเหตุ ฉันจึงตามหยิงสาวคนนั้นเข้าไปไนลานโรงแรม แล้วถามว่ามา จากไหน หล่อนตอบว่ามาจากกรุงปารีส ฉันพูดว่าไม่ควนรับไช้ยาย แก่แม่มดคนนั้นอีกต่อไป ฉันจะพาหล่อนไปสู่บ้านบิดามารดาของ หล่อน ถ้าหล่อนจะมีความไว้วางไจฉัน ฉันจะช่วยดูแลเปนหย่างดี เจ้าหล่อนไม่ตอบว่าหย่างไร แต่ความยิ้มแย้มของหล่อนนั้นทำไห้ฉัน รู้สึกว่าเจ้าหล่อนไม่ปติเสธคำแนะนำของฉัน ไนทันไดนั้นฉันไปหาเจ้าของโรงแรม ขอไห้จัดห้องนอนไห้หยิง สาวคนนั้นต่างหากห้องหนึ่งและหาอาหารไห้รับประทานด้วย ฉันจะเปนผู้ไช้เงินไห้ ถึงเวลารับประทานอาหารเย็น ฉันรีบรับประทานเส็ดก่อนคนอื่น ๆ ลุกไปจากโต๊ะ จะไปไนห้องนอนหยิงสาวคนนั้น พอย่างเข้า ไปไนห้อง นายผู้หยิงของหยิงสาวคนนั้น ซึ่งมีความสงสัยหย่างได หย่างหนึ่ง และคอยด้อมมองเราหยู่ เดินตามฉันมาข้างหลังโดยที่ ฉันไม่ทันสังเกต กะชากบานประตูห้องมาปิดลั่นกุยแจห้องแล้วเอา

47 ลูกกุ?แจไปเสียด้วย เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง ฉันหยุดชงักไม่ พูดว่ากระไร อีกครู่หนึ่งได้สติขึ้นมาฉันจึงไส่สลักข้างไนห้องแล้วพูดกับ หยิงสาวคนนั้นว่าเมื่อมีคนมาลั่นกุนแจนอกห้องแล้ว เราก็ลั่นดาน ข้างไนเสียด้วย ไนขนะนั้นเสียงโจสจันลั่นขึ้นไนโรงแรม ยายแก่ร้องกรี๊ด ๆ สาบานต่อหน้าผู้เปนไหย่ไนสกลโลกว่าจะแก้เผ็ดที่ได้รับความปรามาส จากฉัน เสียงอื้ออึงนั้นเข้าหูเราทั้งสองที่หยู่ไนห้อง ทีแรกฉันหาตกไจไม่แต่เมื่อหยิงสาวคนนั้นบอกฉันว่านายผู้ชายของหล่อนเปนผู้รู้กดหมาย ฉันจึงหวั่นไปว่าถ้าไครมาพบฉันปิดประตูหยู่ไนห้องกับหยิงสาวคนนี้แล้วก็จะร้องฟ้องฉันเปนคดีอา?าว่าข่มขืนเด็ก ฉันจึงคิดหาทางที่จะหนีออกจากห้องขังนี้ เห็นว่าหน้าต่างห้อง นอนนั้นสูงจากพื้นดินเพียงผ้าปูที่นอนต่อกันสองผืนเท่านั้น ฉันจึงบอก หยิงสาวคนนั้นว่าหย่าตกไจไปเลย เมื่อฉันไต่ผ้าลงจากหน้าต่างออก ไปจากห้องแล้ว ไห้เขาปูที่นอนไหม่ ถอดสลักประตูแล้วเข้านอน ไนเตียงเหมือนหนึ่งว่าไม่มีเหตุการน์อะไร ฉันจะมาช่วยเหลือไนเวลา ไม่ช้า เมื่อฉันหลุดออกมาจากห้องนั้นแล้ว ฉันกลับไปห้องที่จัดไว้ ไห้พ่อค้าสองคนกับฉันนอน ผู้หยิงคนรับไช้ไนโรงแรม เห็นฉันเดิน เข้าไปไนห้องนั้นแล้วหันหน้ามายิ้มด้วย เพราะเขานึกว่าฉันหยู่ห้องอื่น ดังที่คนทั้งหลายไนโรงแรมโจสจันกัน รุ่งเข้าขึ้นผู้พิพากสาและจ่าสาลแห่กันมาที่โรงแรม ยายแก่แม่ มดที่กล่าวมาแล้วนั้นเปนผู้ไปตามตัวมา ด้วยความพยาบาทมาดร้าย

48 เขากล่าวโทสฉันต่าง ๆ นา ๆ ความข่มขืนไนไจมีเท่าไร ก็ขยายออก มาจนหมดสิ้น และร้องขอไห้ลงโทสฉันเปนตัวหย่าง สามีของเขา พูดช้า ๆ อ้างบทกดหมายข้อโน้นข้อนี้ ยากที่ไครจะเข้าไจได้ยกเหตุผลนานัปการแล้ว ไนที่สุดลงความเห็นว่าไห้จับตัวฉันนำไปฟ้องตามระบิน เมือง เมื่อเขาเขียนคำฟ้องเส็ดแล้ว ยายแก่แม่มดส่งกุนแจไห้ผู้ พิพากสาและพูดว่า "นี่แน่ลูกกุนแจ ไขประตูห้องออกเถิด ไต้เท้า จะเห็นผู้มีเกียรตินั้นนอนหยู่กับสาวไช้อันเลวซามของดิฉัน ดิฉันหวัง ไจว่าไต้เท้าคงจะเห็นด้วยตาว่าดิฉันกล่าวโทสคนไม่ผิด " ผู้พิพากสา ได้รับกุนแจมาแล้วเปิดห้องทันที ครั้นมองไปเห็นแต่หยิงสาวนอน หลับสนิธหยู่คนเดียว เขาจึงปลุกขึ้นถามว่าชายผู้ที่มาหยู่ไนห้องนี้ ด้วยหยู่ที่ไหน หยิงสาวคนนั้น ซึ่งเปนเด็กฉลาดพอไช้ตอบผู้พิพากสาด้วย ความปรกติอารมน์ว่าไม่เข้าไจว่าผู้พิพากหมายความว่าหย่างไร หล่อนนอนหยู่คนเดียว ถ้าไม่มีไครเชื่อถ้อยคำของหล่อน ก็ขอไห้ค้นดู ห้องไห้ทั่วว่าจะมีที่ซ่อนเร้นหยู่หรือไม่ ผู้พิพากสาลงมือค้นห้องเอง เมื่อไม่พบอะไรก็เดินออกมาจากห้อง บ่นพึมพับยายแก่แม่มดว่าไปตามตัวมาโดยหาสารประโยชน์ มิได้ ไห้เปิดประตูเข้าไปดูไนห้อง ก็พบแต่หยิงสาวนอนหยู่ไนเตียง คนเดียว ยายแก่แม่มดซึ่งยืนเฝ้าประตูห้องนอนหยู่ เพราะเกรงว่า ฉันจะหลีกเลี่ยงออกมา ร้องตอบผู้พิพากสาเหมือนคนวิกลจริตว่า " อะไร้ อะไร ไม่พบไครเจียวหรือ ถึงมันจะดำดินหายตัวได้ ดิฉันจะ

49 จับตัวมันไห้ได้ ดิฉันได้แลเห็นมันเข้าไปไนห้องด้วยตาเอง ลั่นกุนแจ เอง และไม่ได้ไห้ไครแย่งชิงกุนแจนี้ไปจากตัวดิฉันเลย พูดดังนั้นเส็ดแล้ว ยายแก่จูงมือผู้พิพากสาเข้าไปไนห้อง ตั้งต้นด่าสาวไช้อีกมากมาย เมื่อคำกล่าวผรุสวาทยังไม่สิ้นสุดลง หยิงสาว คนนั้น ซึ่งแต่งตัวได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ พูดว่า " คุนนายตบตีดิฉันมา มากแล้ว ยังไม่มีความพอไจอีกหรือ มีสิทธิอำนาดอะไรจะมากล่าว ร้ายไส่ความไห้ดิฉันเสียชื่อเสียงอีก " แล้วหันหน้าไปพูดกับผู้พิพากสา ว่า " ดิฉันขอความยุตติธัม ขอได้โปรดมีคำสั่งไห้ผู้หยิงทารุนคนนั้น ไช้เงินค่าจ้างแก่ดิฉัน เพราะว่าดิฉันไม่ยอมรับไช้อีกต่อไป ดิฉันชอบ ที่จะอดตายมากกว่าพึ่งพาอาสัยคนดุร้ายเช่นหยิงคนนี้ " ทันไดนั้นฉันเดินเข้ามาประชันหน้าผู้พิพากสาและพูดว่า " ฉันเองเปนสาเหตุที่ทำไห้โจสจันกันขึ้นลอย ๆ ฉันมีความสงสารหยิงสาว คนนี้ที่ถูกตบถูกตีโดยที่ไม่มีความผิด จึงหยากซาบว่าหยิงสาวคนนั้น มากจากไหน เมื่อฉันรู้จักครอบครัวของเขาแล้ว ฉันได้ขอไห้เจ้าของ โรงแรมช่วยเอ็นดูหยิงสาวคนนั้นด้วย และได้มาเก็บเงินค่าไช้สอย จากฉัน เพราะเหตุนี้นายผู้ชายและนายผู้หยิงสองคนนี้จึงกล่าวโทส ฉัน และไปตามไต้เท้ามาโดยที่หาสารประโยชน์มิได้ สามีและภริยา คูนั้นต้องการจะพูดอีก แต่ฉันพูดเร็วและดังขึ้นกลบเสียงเขาเสีย เขาจึงต้องจำนน พ่อค้าสองคนที่ยืนหยู่ไนที่นั้นด้วยเปนพวกเดียวกันกับฉัน ได้ยืนถ้อยคำของฉันไนที่สุดข้อโต้เถียงกันนี้หยุดลง ผู้พิพากสา จ่าสาลที่แห่กันมานั้นกลับไป สามีภริยาคู่นั้นก็ขึ้นนั่งบนรถของเขา 7 50 แล้วเดินทางต่อไป พ่อค้าสองคนหยิงสาวและฉันก็ออกจากโรงแรม เดินทางไปทิสใต้ประเทสฝรั่งเสส เราไปถึงเมืองออรังชพร้อม ๆ กัน พ่อค้าสองคนมีกิจธุระที่จะต้องหยู่เมืองนี้สองสามวัน เราจึงอำลาแยก ทางกันไป โดยเหตุที่ฉันมีความประสงค์จะไม่ไห้ความสัมพันธที่ฉันมีหยู่กับ หยิงสาวคนนี้รู้แพร่หลายไป และถึงแม้ว่าฉันตั้งต้นมีความเสน่หารัก ไคร่หยิงสาวคนนี้แล้วก็จิง แต่ยังมีความละอายที่จะพาหล่อนไปบ้าน ทางทิสไต้ ฉันจึงไห้แต่กายเปนเด็กผู้ชายและไห้นั่งหลังอานม้าของ ฉัน ฉันได้พาหยิงสาวคนนั้นไปจนถึงเมืองเอคส ไปหยู่ที่พักเดินทาง ของมาร์เตคส์ รุ่งขึ้นฉันไปเดินเล่นไนเมือง ไม่มีไครสงสัยว่าหล่อน ปลอมตัวเปนเด็กผู้ชายเลย ล่วงมาอีกวันหนึ่งฉันมอบเงินไห้หยิงสาวคนนี้ไว้ไช้จ่ายไห้เพียงพอจนถึงวันที่ฉันจะกลับมารับ ก่อนอื่นฉันแนะนำไห้ปลอมตัวหยู่เช่นนี้ เจ้าหล่อนได้ได้คำสั??าว่าจะทำตาม กอดจูบฉันแล้วน้ำตาไหลพราวฉันเองรู้สึกว่าเจ้าหล่อนมีความเสียไจมากที่ฉันจะต้องจากไป ตัวฉัน เองก็ไจอ่อน เห็นหล่อนมีอาการกิริยาดังนั้น ก็ยิ่งรักขึ้นอีกมาก ฉัน สบัดตัวออกมาจากความเคล้าคลึงแล้ว ฉันขอไห้เจ้าของที่พักคนเดิน ทาง ซึ่งฉันรู้จักดีและไม่มีความสงสัยอะไรเลย เอ็นดูหยิงสาวคนนี้ ไห้มาก ฉันจึงเดินทางไปเมืองทูลองและซังตมาเสล โดยเหตุที่มีความปรารถนาจะไปพบหยิงสาวคนนั้นหย่างยิ่ง ฉันจึงรีบทำธุระส่วนตัวเส็ดสิ้นพายไนสามสัปดาหะแล้ว เดินทางไปเมือง

51 เอคส นึกเสียว่าคงจะไม่ไปถึงช้าเกินไป ครั้นกลับมาถึงเมืองนี้คนทั้ง หลายก็รู้ความลับของฉัน และหยิงสาวที่หลั่งน้ำตาจนทำไห้ฉันไจอ่อน ก็หาซื่อสัจกับฉันไม่ ความประพรึติชั่วของหล่อนนั้นกะฉ่อนไปทั้งเมือง ชนชาติหนึ่งที่ฉันไม่ชอบเลยไนเวลานั้น ซาบนิสัยของหยิงสาวคนนี้ แล้ว ส่งเสิมไห้เด็กเปนหยิงนครโสเภนีฉันมีความละอายเปนหย่างยิ่ง ที่ความรักของฉันได้แพร่หลายไป และมีความแค้นเคืองคนที่ทำไห้ ฉันได้รับความโทมนัสเสียไจไนครั้งนี้ ทีแรกฉันโกรธหยิงสาวคนนั้นเปนหย่างยิ่งที่เปนบ่อเกิดแห่งความเสียไจของฉัน ครั้นตริตรองดูก็เห็นว่าเขาไม่มีความซื่อสัจต่อฉัน นั้นก็ด้วยว่าเขาเปนหยิงที่มีไจไม่หนักแน่นเหมือน ๆ กันกับสตรีเพสทั้ง หลาย ความรักจึงกลายเปนความเกลียดชังจนแสยงขน แต่ถึง เช่นนั้นฉันก็ไม่หยากจะทอดทิ้งเขาเสียทีเดียว และถึงแม้ว่าบุคคลเช่น นี้ไม่เปนคนที่ฉันสมควนจะเอาไจช่วยด้วย ฉันก็ยังได้ฝากฝังคนที่ฉัน ไว้วางไจและมอบเงินไห้พอที่จะพาเขาไปส่งจนถึงบ้านบิดาของเขา ไนโอกาสนี้ฉันขอวิงวอนบันดานายทหานหนุ่มและท่านทั้งหลายที่มีแก่ไจอ่านบันทึกความจำของฉันนี้ จงหย่านึกว่าความประพรึติของฉันเช่นนี้เปนคุนงามความดีที่สุดไนชีวิตของฉันเมื่อคนเราจดบันทึกด้วย ความตริตรองถี่ถ้วนและมีอายุมากถึงปานฉะนี้แล้ว ก็ย่อมมีความรู้สึก ผิดกันกับเมื่อยังหนุ่มหยู่ ฉันฝืนไจเขียนข้อความนี้แต่เมื่อได้พูดไว้ว่า จะเล่าทั้งความดีและความชั่วของฉัน ฉันจึงถือคำสั??านั้นไว้


52 ครั้นไม่มีกิจธุระจำทำอีกต่อไปทางทิสไต้ ฉันจึงเดินทางไปกรุงปารีสเมื่อมาถึงพระราชสำนักฉันได้พบขุนนางไทยสองคน ซึ่งมาประเทสนี้ พร้อมกันกับม. เดอะวาแชร์ ผู้สั่งสอนสาสนาประจำประเทสไทย ขุนนางไทยสองคนนี้เล่าว่าท่านเสนาบดีได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ไห้ส่งเขามาสืบข่าวราชทูตไทยที่มาจเรินทางพระราชไมตรีกับพระหยู่หัว ของเรา และเมื่อเขาได้เข้ามาไกล้ฝั่งประเทสฝรั่งเสส เขาได้ซาบว่า เรือที่ราชทูตไทยโดยสานมา และที่บันทุกเครื่องราชบันนาการมาด้วย นั้นได้แตกอัปปางลง เขาจึงเดินทางต่อมาจนถึงประเทสฝรั่งเสสตาม คำสั่งที่ได้รับมา 1 เขาได้พบเสนาบดีฝรั่งเสสและเรียนไห้ซาบว่าพระเจ้าแผ่นดินไทยได้พระราชทานบรมราชานุเคราะห์คริสตสาสนิกชนและมีพระราชกะแส โปรดเกล้า ฯ ไห้ราชทูตนำความขึ้นกราบทูนพระเจ้าหยู่หัวของเราว่า ถ้าจะซงแต่งตั้งราชทูตไปประเทสไทยแล้ว พระเจ้าแผ่นดินของเขาคง จะซงนับถือคริสตสาสนาเปนแน่ ถึงแม้ว่าเหตุผลที่ขุนนางกล่าวมานี้ค่อนข้างจะพูดเกินความจิงไปก็ดีแต่ ม. วาแชร์ ได้สนับสนุนทุกข้อกะทงความ พระเจ้าหยู่หัวของเรา 1. ขุนนางไทย 2 คนนี้คือขุนพิชัยวาทิต และ ขุนพิชิตไมตรี คนหนึ่ง เปนขุนนางผู้น้อยไปกรมท่า อีกคนหนึ่งเปนขุนนางไนกรมอาสาจาม โดยสานเรือ ฝรั่งเสสออกไปทวีปยุโรปเมื่อ พ.ส. 2226 ถือสุภอักสรของเสนาบดี กรุงสรี อยุธยาออกไปสืบข่าวคนะทูตไทย คือ ออกพระพิพัธสงคราม ราชทูต ออกหลวงสรี วิสารสุนทร อุปทูต และออกขุนนครวิชัย ตรีทูต ซึ่งโดยสานเรือฝรั่งเสสออกไป เมื่อ พ.ส. 2224 และเรือลำนั้นได้ไปแตกที่เกาะมาดากัสคาร์ ม. วาแชร์ ผู้ สั่งสอนสาสนาไนประเทสไทยนั้นไนจดหมายเหตุรายวันของท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีเรียก ว่า ม. วาเชร์ 53 ซงพระราชดำริเห็นว่าพระเจ้าปฟ่นดินไทยคงตั้งพระราชหรึทัยที่จะชัก ชวนไห้ส่งคนะทูตไปจิง ๆ และคงจะเข้าพระราชหรึทัยว่าซงแต่งตั้งคนะทูตไปไห้สมพระเกียรติยสแล้ว นอกจากจะช่วยไห้พระนารายน์ มหาราชซงเข้ารีดแล้ว คริสตสาสนาคงจะได้รับผลประโชน์หย่างอื่นอีกมากจึงซงเห็นชอบด้วยและซงตั้ง เชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ เปนราชทูตและ ผู้บันชาการกะบวนเรือรบหลวง ที่พระเจ้าหยู่ของเราซงเลือกท่านผู้นี้ ไปทำกิจการอันสำคันนั้นเหมาะยิ่งนักเพราะว่านอกจากท่านมีตระกูลดี และตัวเองก็มีคุนวุทธิความดีหยู่พร้อมแล้ว ไคร ๆ ก็ซาบว่าท่าเปน คนที่มีความสัทธาเลื่อมไสไนคริสตสาสนาหย่าแรงกล้า ความมุ่ง หมายของคนะทูตฝรั่งเสสนี้ ก็คือจะเชนพระมหากสัตรที่ซงนับถือ พระพุทธรูป และประชาชนทั้งประเทสไห้เข้ารดนับถือคริสตสาสนา เพราะฉะนั้นจะซงมองหมายหน้าที่ไห้ผู้ไดยิ่งกว่าท่านผู้นี้ก้ไม่เหมาะแน่ คุนความดีและความสัทธาแกกล้าของท่านคงจะสามรถช่วยทนุบำรุง คริสตสาสนาไห้แผ่ไพสาลไป โดยเหตุที่ราชทูตพึงถึงแก่กัมได้ เพราะว่าการเดินทางไกลเช่น นี้ลำบากนัก และถ้ามีเหตุเช่นนั้นขึ้นแล้ว เกรงว่าคนะทูตจะเลือกราช ทูตที่ไม่มีความสามาถพอ จึงซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ ตั้งท่านเจ้าวัด เดอะชัวสีเปนราชทูตคนที่สอง มีตราตั้งเปนราชทูตพิเสสประจำ ประเทสไทยเปนเวลานาน หากว่าพระนารายน์มหาราชมีพระราช ประสงค์ที่จะไห้กราบทูนชี้แจงเรื่องสาสนา


54 เพื่อจะไห้คนะทูตฝรั่งเสสนี้มีความสง่าสำคันยิ่งขึ้น เชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ดำริที่จะไห้มีขุนนางฝรั่งเสสเปนบริวารตามไปด้วย จึง กะตัวผู้มีตระกูลดีหลายคนที่มีความเต็มไจจะไปกับคนะทูตนี้ ท่านได้ ชักชวนฉัน ฉันไม่ปติเสธคำเชินของท่าน แต่เรียนท่านว่าโดยเหตุ ที่จะเดินทางไปยังประเทสที่หยู่อีกมุมหนึ่งของโลกนี้ ฉันจะรับคำทันที โดยที่ไม่ได้ปรึกสาหารือครอบครัวและผู้ที่ชอบพอกันก่อนไม่ได้ ฉัน จะลองพูดกับเพื่อนฝูง และถ้าเขาเห็นชอบด้วย ฉันก็มีความยินดีที่ จะไปกับคนะทูนี้ ไนวันเดียวกันนั้นฉันเล่าความนี้แก่คาร์ดินัล เดอะจังซัง และ ม. บองตองส์ ท่านทั้งสองมีความเห็นว่าฉันควนทำตามคำของร้องของ เชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ ความจเรินไนหน้าที่ราชการ ของฉันคงจะ ไม่ชงักลง ถ้าไปกับคนะทูตนี้แล้วจะต้องด้วยพระราชนิยม เพราะว่า พระเจ้าหยู่หัวซงเห็นว่าคนะทูตนี้สำคันยิ่งนัก ที่ฉันจะต้องไปห่างไกล จากประเทสฝรั่งเสสนั้นไม่เปนการเสียหายอะไรเลย เพราะว่าเวลา นี้ก็ไม่มีสึกสงคราม ถ้าต้องหยู่นิ่ง ๆ ก็ไม่มีโอกาสจะได้เลื่อนตำแหน่ง หน้าที่ เมื่อได้รับคำแนะนำเช่นนี้ ฉันก็ไปหาเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ เรียนท่านว่าฉันมีความยินดีที่จะเดินทางไปกับท่าน ท่านมีความพอไจ เปนอันมากที่ฉันไห้คำมั่นสั??าเช่นนั้น ฉันฉวยโอกาสนี้สมัคทำ หน้าที่ควบคุมคนะทูตและรับไช้ท่านตามแต่จะมีบันชาสั่งมา ท่านก็ ยอมตามคำขอร้องของฉัน


55 ฉันได้ปรึกสาหารือ เดอะคองต์ ดูลุค ด้วยเหมือนกัน ท่านเห็นชอบด้วย และท่านได้บอก นาง รุยเลต์ ว่าฉันจะเดินทางไปประเทส ไทย สุภาพสตรีผู้นี้มีแก้วประพาลงามมากสองหีบ ซึ่งได้มาจาก ทิสไต้ประเทสฝรั่งเสส มีความประสงค์จะขายแก้วประพาลนั้น ได้ เคยขอไห้บริสัท คองปันยี เดส์ อังด์ส์ จัดการไห้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ บริสัทนี้ไม่ค่อยจะมีความเต็มไจที่จะขายไห้ บอกว่าคงได้ราคาประมาน 266 บาท อันเปนราคาที่ต่ำกว่าราคาจิงมาก นาง รุยเลต์ จึง ขอไห้ คองต์ ดูลุค ถามฉันว่าจะจัดการขายไห้ได้หรือไม่ ถ้าได้จะมอบ อำนาดไห้ฉันนำเงินทั้งสิ้นที่ได้มาเท่าไรไปซื้อผ้าเยียระบัยตู้จีนของฝีมือ ยี่ปุ่นและสิ่งของอื่น ๆ ที่แปลก ๆ และหายากไนบุรพาทิสประเทส ฉัน รับคำว่าจะจัดการขายไห้ด้วยความเต็มไจ เมื่อทำกิจธุระส่วนตัวที่กรุง ปารีสเส็ดแล้ว ฉันเดินทางไปเมืองเบรสต์เมื่อต้นปี พ.ส. 2228 และ ได้รับคำสั่งไห้จัดเตรียมเรือรบหลวงสองลำ ขนอาวุธยุทธภันท์ลงไน เรือที่คนะทูตจะโดยสานไป การเตรียมเรือออกทเลนั้นเส็ดสิ้นลงปลายเดือนกุมภาพันธ เชวาลิเอร์เดอะโชมองต์และท่านเจ้าวัด เดอะชัวสี ได้มาถึงเมืองเบรสต์และ ลงเรือชื่อว่า " ลัวโซ " ม. เดอะโวดริคัวเปนผู้บังคับการเรือ ผู้ ที่ลงไปไนเรือลำนี้ คือ ขุนนางไทยสองคน นักบวดลัทธิเจสูอิต 6 รูป คือ แปร์ เดอะฟองตะเน แปร์ ตาชารต์ แปร์ แจบิลยอง แปร์ เดอะ คองต์ แปร์ บูเวต์ และ แปร์ วิส์เดอะลู ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ไห้ไป


56 ประเทสจีน มีหน้าที่เปนคนิตสาสตราจารย์ ผู้สอนสาสนา 4 รูป มี ม. เดอะวาแชร์และดูไชส์ยาส์เปนต้น กับขุนนางฝรั่งเสสอีกหลายคน ซึ่งมีความเต็มไจที่จะไป บางคนก็ไปเพื่อหยากรู้หยากเห็น บางคน ก็ไปตามคำชักชวนของราชทูต ดังที่ฉันได้เล่ามาข้างบนนี้ เมื่อที่หยู่ไนเรือ " ลัวโซ " เต็มหมดแล้ว ผู้อื่น ก็โดยสานไปกับ เรือเล็กอีกลำหนึ่งชื่อว่า " มาลิ? " เรือลำนี้มีปืน 33 กะบอก ม. จัว เยอส์ ซึ่งเปนนายทหานเรือประจำเมืองเบรสต์ และเคยเดินทางไป มัธยมประเทสหลายครั้งแล้ว เปนผู้บังคับการ เมื่อทุกคนลงไปไน เรือรบสองลำนั้นแล้ว เราได้ถอนสมอขึ้นไนคืนวันนั้น รุ่งขึ้นซึ่งเปนวัน เสารที่ 3 มีนาคม บันดาทหานเรือทั้งสองได้โห่ร้องถวายพระพร ไชยพระเจ้าหยู่หัวไห้ซงพระจเรินแล้วเราชักไบออกเรือไปแหลม เดอะ บอนน์เอสแปรังส การเดินทางได้เปนไปโดยผาสุก เมื่อเรือผ่านเส้นสูนย์กลางของ โลก เราก็ไม่ได้รับความทรมานจากความร้อนมากนักเลย เราได้เริ่ม เห็นดาวที่ก่อน ๆ นี้ก็ยังไม่เคยได้เห็น ดาวที่เรียกว่า " ครัวซาด " หยู่ กลุ่มเดียวกันสี่ดวง เราได้เห็นเปนครั้งแรก แล้วจึงเห็นทางช้างเผือก ซึ่งหยู่ไกล้ขั้ว " อันตาร์ติค " เมื่อเรามองดูด้วยกล้องดูดาวท่านคนิต สาสตราจารย์ เราเห็นชัดว่า ทางช้างเผืก ที่ดูคล้ายหมอกสีขาว นั้นไม่ไช่อื่นไกลคือดาวดวงเล็ก ๆ หยู่เรียงกันไป เราเดินทางมา ได้สามเดือน ก็ถึงแหลมเดอะบอนน์เอสแปรังส เกือบตรงตามระยะ ทางที่ผู้นำร่องของเราได้กะไว้คลาดไปเพียง 1500 เส้น เท่านั้น การ

57 คำนวนผิดไปเล็กด้วยเช่นนี้ก็ไม่สำคันนัก เพราะว่าทางที่จะไปนั้น ไกลมากหยู่ แหลมเดอะบอนน์ เอสแปรังส นี้เปนแนวพูเขาติดพืดกันไป จากเหนือลงมาไต้และยื่นออกไปไนทเล อ่าวอันกว้างขวางมากที่แหว่งเข้า ไปไนพื้นดินนั้นหยู่ติดกันกับตีนพูเขา ภูมิลำเนาริมฝั่งนั้นเปนที่ปราสจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่มีหินโสโครกเปนอันตรายแก่เรือมาก เราไม่กล้า เข้าไปไนอ่าวเวลากลางคืน แต่เวลากลางวันถึงแม้จะมีลมที่พัดหวนมา เราก็นึกว่าคงเข้าไปได้โดยไม่มีอันตรายหย่างหนึ่งหย่างได เมื่อเรือเข้าไปถึงตรงกลางน่านน้ำ ลมสงบลงทันที เราจึงถูก กะแสน้ำดันเข้าไปไกล้หินโสโครก พอเรือลอยเข้าไปไกล้เพียงระยะ ปืนสั้นเท่านั้น เคราะห์ดีลมพัดมาอีก เราจึงหลุดจากที่อันตรายได้ เรา ยังไม่เคยหยู่ไนที่น่ากลัวมากเหมือนวันนี้เลย ไนที่สุดเมื่อช่วยกันระมัด ระวังจนสุดกำลังแล้ว เราก็รอดพ้นจากหินโสโครกและทอดสมอลงที่ ไนอ่าวห่างจากป้อมปราการของชาววิลันดาประมานหนึ่งเส้น ป้อมนี้ ชาววิลันดาส้างขึ้นและมีกองทหานประจำไว้ด้วย ทันไดนั้นชาววิลันดา ส่งเรือเล็ก ๆ มาที่เรือรบหลวง เพื่อมาตรวดดูว่า เรืออะไรมาถึง รุ่งขึ้นฉันขึ้นไปบนบก เพื่อสแดงความเคารพแก่ผู้ว่าราชการวิลันดา และทำความตกลงกันถึงเรื่องยิงปืนคำนับกัน และลำเลียงสเบียงอาหารที่เราต้องการมาก ฉันไปหาผู้ว่าราชการบนป้อมปราการที่กล่าวมา แล้วนั้น ป้อมนี้เปนรูปห้าเหลี่ยม มีปืนไหย่สำหรับป้องกันแขงแรง มาก เขาต้อนรับฉันเปนหย่างดี และยอมตามคำขอร้องของฉันทุก 8 58 ประการ ได้ตกลงกันว่าการยิงปืนไหย่คำนับซึ่งกันและกันนั้น ต้อง ยิงนัดต่อนัดผลัดกันไป และเขายอมขายเสบียงอาหารไห้ด้วย ฉันกลับขึ้นไปบนเรือแล้วรายงานข้อความเหล่านี้แก่ท่านราชทูตท่านมีความยินดีมาก ที่ชาววิลันดาสแดงอัชชาสัยไมตรีเปนหย่างดี ท่านจึงสั่งไห้เอาเรือเล็กลงทเล และต่างคนก็ต่างขึ้นไปบนบก เพื่อ หาความเพลิดเพลินไจ เพราะว่าได้เหน็ดเหนื่อยมาเปนเวลาช้านานแล้ว นักบวดลัทธิ เจสูอิต ได้ไปกาผู้ว่าราชการวิลันดา และได้รับ ความต้อนรับเปนหย่างดี ท่านนักบวดได้ชี้แจงว่าเมื่อได้มีโอกาสมาหยู่ บนบกเช่นนี้ ก็จะตรวดดูดาว เชื่อว่าคงจะได้รับผลดีมีประโยชน์แก่ สาธารนชน จะตรวดที่อื่นก็ไม่เหมาะเหมือนที่นี่ ผู้ว่าราชการวิลันดา ได้นุ?าตตามคำขอร้อง และเพื่อช่วยไห้งานสดวกยิ่งขึ้น เขาได้จัด ไห้ท่านนักบวดหยู่ไนสาลา ที่สร้างขึ้นไนสวนของ คองปันยี เดส์ อังด์ส์ท่านนักบวดได้เอากล้องส่องดูดาวตรวดได้ผลดีเปนอันมาก และได้ กำหนดองสาของเส้น " ยาว " ของโลกที่ผ่านแหลมนี้ ซึ่งแต่ก่อน ๆ นี้ยังเปนที่สงสัย และทำไห้ผู้เดินเรือหลงผิดหยู่เนือง ๆ ไนขนะที่ท่านตนิตสาสตราจารย์ตรวดดูดาวหยู่นั้น ฉันก็ตรวดดูภูมิลำเนาประเทสนี้ ไนเวลาอันสั้นที่ฉันหยู่ที่นี่นั้นฉันได้สืบสวนได้ความ ดังต่อไปนี้ ชาววิลันดาเจ้าของท้องที่ เขาซื้อที่ดินจากผู้ไหย่บ้าน ซึ่งเคย อาสัยหยู่ไนที่นั้น คนพื้นที่เหล่านี้ได้ยาสูบและเหล้า " โอเดอะวี " นิดหน่อยเท่านั้น ก็ยอมยกที่ดินเปนของแลกเปลี่ยนไห้ชาววิลันดา และ

59 ถอยเข้าไปหยู่ข้างไนป่า ที่ดินตามขอบเขตแหลมนี้มีบ่อน้ำจืดสนิธดี มาก ถึงแม้ภูมิประเทสนี้แห้งและแล้ง ชาววิลันดาก็ยังทำสวนได้งาม ไม่มีที่ติเลย สวนนี้เปนสวนที่สวยที่สุดสวนหนึ่งไนโลกนี้ มีกำแพง ห้อมล้อมไดว้ นอกจากปลูกผักทุกชนิดแล้ว ยังมีผลไม้ ซึ่งได้พรรน มาจากทวีปยุโรปและมัธยมประเทสอีกเปนอันมาก 1 โดยเหตุที่แหลม เดอะบอนน์เอสแปรังส เปนท่าสินค้าที่เรือ ค้าขายเดินไปมาระหว่างทวีปยุโรปและมัธยมประเทสต้องมาแวะลำเลียง น้ำและสเบียงอาหาร ท่านี้จึงเก็บสิ่งของไว้เปนอันมาก จะต้องการ อะไรก็แทบได้ทั้งนั้น ห่างจากแหลมประมาน 1200 เส้น ชาววิลันดา ได้ยกที่ดินไห้ชาวฝรั่งเสสที่ละทิ้งลัทธิคาทอลิคทำไรไถนา ชาวฝรั่งเสส เหล่านี้ได้ปลูกองุ่นและข้าวสาลี ไห้ผลมากพอเลี้ยงชีพได้เปนหย่างดี อากาสี่นี่ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป เพราะว่าหยู่ที่ 35 องสาของ เส้น " กว้าง " ของโลก คนพื้นที่ไนประเทสนี้เรียกว่า คาฟระ ผิวดำ แต่จางกว่าผิวของคนที่หยู่ที่เกาะ "คินี" รูปร่างสันทัดและเปรียว แต่หยาบคายและโง่ที่สุดไนโลกนี้ พูดห้วน ๆ จึงไม่มีไครสามาถที่จะ เรียนภาสาของเขาได้ แต่ไม่ไช่ว่าคนเหล่านี้ไม่สามาถที่จะสึกสา เล่าเรียนได้ ชาววิลันดาได้หามาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อยังเปนเด้ก ๆ หยู่ ไช้ไห้เปนล่ามก่อนแล้ว่อไปก็ทำงานหย่างคนอื่น ๆ ได้

1. ไนต้นบันทึกไช้คำว่า Indes อังด์ส์ ตรงกับภาสาอังกริดว่า India อินเดีย แต่ภาสาไทยเคยไช้ว่ามัธยมประเทส ฉันยังไม่เห็นไครได้คิดคำขึ้นไหม่ จึงคงไช้คำมัธยมประเทสตลอดไป

60 คนเหล่านี้ไม่มีสาสนา กินมแลงทุกชนิดที่พึงหาได้ ทั้งผู้ชาย และผู้หยิงไปไหนมาไหนเปลือยกาย มีแต่หนังแกะพาดบ่าไว้เท่านั้น จึงเกิดมีตัวขึ้น ซึ่งเขาไม่มีความรังเกียดที่จะจับกินเลย เครื่องประดับของผู้หยิงนั้นมีหยู่หย่างเดียว คือไส้พุงแกะที่ค่า มาสด ๆ เขาไช้พันแขนและขา คนเหล่านี้วิ่งเร็ว ไช้ไขสัตวทาตัว อันทำไห้สกปรกน่ารังเกียดมาก แต่ไขนั้นทำไห้ผิวอ่อนและกะโดด ได้คล่อง ทั้งผู้ชายและผู้หยิงนอนรวมปะปนกันไนกะท่อมน่าทุเรดโดย ไม่แยกเพส และสังวาสกันเหมือนสัตวเดียรฉานโดยไม่คำนึงว่าเปน ?าติสนิธกันเพียงไร เรือรบของเราได้มาทอดสมอหยู่ที่แหลมเดอะบอนน์เอสแปรังส แปดวัน พอบันทุกสเบียงอาหารลงเรือได้พอแล้ว เราได้ชักไบเรือขึ้น ออกจากท่านี้ไปยังช่อง ซองด์ ( ซุนดา ) ซึ่งหยู่ระหว่างเกาะชวาและ สุมาตรา โดยเหตุที่มีลมพัดหวนมา เรือของเราจึงต้องแล่นลงไป ทางไต้ และหลงกันกับเรือ " ลา มาลิ? " มองไม่เห็นกันเลย เรา ได้เข้ามาไกล้แคว้น " โอสตรัล " ซึ่งคนเดินเรือของเรายังไม่เคย มาเลย สังเกตดูฝั่งแถบนี้เราเห็นมีดินสีแดง เราไม่ต้องการเข้าไป ไห้ชิดฝั่งเลย เมื่อลมเปลี่ยนทิส เราก็เปลี่ยนทางและได้เข้ามาไกล้ เกาะชวา เราไม่มีคนนำร่องที่รู้จักช่อง ซุนดา ดีพอ เพื่อแก้ไขความ บกพร่องนี้ เราได้ตกลงไจเดินเรือตามแผนที่ ซึ่ง ม. เดอะลูวัวส์ ไห้


61 เรา ได้ไช้ไบเล็กแล่นเลียบฝั่งเกาะชวาไปมิช้าก็มาถึงช่องแคบและ แล่นเข้าปากช่องไปได้โดยสดวกดี เวลาที่เรือแล่นเข้ามาไนช่องแคบนั้น บันดาทหานเรือที่ขึ้นมา หยู่บนดาดฟ้าได้ประสบเหตุมหัสจรรย์หย่างหนึ่ง ที่ยังไม่เคยได้เห็นมา แต่ก่อนเลย เหตุมหัสจรรย์ทำไห้ท่านคนิตสาสตราจารย์ของเรา ไช้เวลาตริตรองหยู่หลายชั่วโมง ที่ฉันว่ามีเหตุมหัสจรรย์นั้น คือ ไนเวลาที่ท้องฟ้าแจ่มไสปราสจากเมค เราได้เยินเสียงฟ้าร้องดัง เหมือนเสียงปืนไหย่ยิงด้วยลูกกะสุนจิง ๆ อสุนีบาตตกลงมาไนทเล ห่างจากเรือประมานสี่เส้นเท่านั้น ทำให้น้ำหมุนเวียนเดือนหยู่เปน เวลานาน เรือแล่นไปประมานสองเดือน ก็เข้ามาไกล้ฝั่งแลเห็นเมืองบันตัมเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม โดยเหตุที่เรามีความประสงค์จะขึ้นบก เพราะ ว่ามีคนป่วยคนไข้ ทั้งทหานเรือที่มีเหลือหยู่ได้รับความเหน็ดเหนื่อย มาก และไม่มีคนนำร่องที่รู้จักทางไปประเทสไทย จึงเปนการจำเปน ที่เราต้องพักหยู่ที่นี่ เราทอดสมอลง นอนค้างคืนไนน่านน้ำ รุ่งขึ้น ฉันได้รับคำสั่งไห้ขึ้นไปบนบก เพื่อเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินเมืองบันตัมแทน กับท่านราชทูต และขอพระราชทานพระบรมราชานุ?าตลำเลียง สเบียงอาหารที่เราไม่มีเหลือแล้ว ฉันได้ไปพบกับผู้บันชาการป้อมปราการก่อน เขาไม่ยอมไห้ สิ่งหนึ่งสิ่งไดเลย ฉันพยายามขอเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่เปนผลสำเหร็ด ฉันจึงบอกว่าฉันขอพูดกับผู้ว่าราชการชาววิลันดา เขาตอบว่าท่าน

62 ผู้นี้ป่วย และไม่ได้พบปะไครมานานแล้ว ไนที่สุดเมื่อเขาปัดคำขอร้อง ของฉันโดยยกสาเหตุเหลวไหลมาอ้างแล้ว ก็พูดออกมาตรง ๆ ไม่ อ้อมค้อมอีกว่า ฉันไม่มีหวังที่จะได้รับสเบียงอาหารจากเมืองนี้ เพราะ ว่าพระเจ้าแผ่นดินไม่มีพระราชประสงค์ที่จะไห้ชนต่างด้าวเข้ามาไน ประเทสนี้เลย เมื่อฉันพูดว่าการที่ไม่ยอมไห้เราซื้อสเบียงอาหารนั้นเปนการ ทารุนร้ายกาดของชาววิลันดา ซึ่งฉันเว้นเสียที่จะตำหนิไม่ได้ นายทหานผุ้นั้นตอบฉันว่า เหตุการน์ไนแผ่นดินไม่อนุมัติไห้พระเจ้าแผ่นดินซง ยอมไห้คนต่างด้าวเข้ามาไนประเทส ประชาชนพลเมืองที่มีความ กะด้างกะเดื่องเปนกบดหยู่จะกำเริบขึ้น เมื่อเข้าไจไปว่าประเทสฝรั่ง เสสและอังกริดมาช่วยตามที่เขาได้อ้อนวอนของร้องไป ถึงแม้ว่าฉัน จะรับรองว่าเรือรบที่จอดหยู่ไกล้เมืองบันตัมนั้น เปนเรือที่จะนำคนะทูตฝรั่งเสสไปประเทสไทย ก็ไม่ทำไห้ชาวชวาหลงไปว่าไม่มีไครมาช่วย และอาดทำไห้คนเหล่านั้นเข้าไจว่าคงจะมีเรือรบอื่น ๆ มาถึงอีกไนเวลาไม่ช้า นายทหานผู้นั้นพูดว่าฉันว่า ฉันตำหนิโทสชาวลิลันดาผิด คน พวกนั้นเปนแต่ทหานรับราชการหยู่ไนประเทสนี้ มีหน้าที่จะปติบัติตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าฉันจะไปประเทสไทยดังที่ฉัน บอกเขาจิง ๆ แล้ว ก็ควนเดินทางต่อไปโดยผ่านทางเมืองบะตาวี ซึ่งหยู่ห่างจากที่นี่ประมาน 1200 เส้น ผู้อำนวยการคองปันยีเดส์ อังด์ส์ ที่เมืองนั้นคงจะต้องรับเราเปนหย่างดี และฉันจะเห็นชัดว่าที่เขากีดกันขัดข้องนั้นเพราะความจำเปนบังคับแท้ ๆ

63 ที่นายทหานผู้นั้นพูดว่าประชาชนยังกะด้างกะเดื่องหยู่ เปนการจำเปนที่จะห้ามไม่ไห้ชนต่างด้าวเข้าไปไนท่าเรือนั้นเปนความจริง แต่ เขายับยั้งไม่กล่าวต่อไปว่าที่ประชาชนไม่พอไจนั้น ก็เนื่องจากความ ทารุนร้ายกาดของชาววิลันดานั่นเอง และที่ขัดขวางไม่ยอมไห้เรา ซื้อสเบียงอาหารนั้น ก็ด้วยว่าชาววิลันดานี้ทารุนดุร้ายนักดังที่ฉันได้ ปรารภมาข้างบนนี้ สาเหตุของเรื่องนี้มีความโดยสังเขปดังต่อไปนี้ เมื่อห้าหรือหกปีที่แล้วมาซุลต่าน อาคุน ซงเบื่อหน่ายอุปสัคที่ มีแก่การซงราชย์ จึงซงมอบราชสมบัติแก่ซุลต่าง อาคุย ซึ่งเปน พระราชโอรส ล่วงมาอีกสองสามปีซุลต่างอาคุนจะซงรู้สึกเสียพระทัย ที่ได้ละราชสมบัติประการหนึ่ง หรืออีกประการหนึ่งจะวงเห็นว่าพระ ราชโอรสปกครองบ้านเมืองไม่เปนธัม ประการไดประการหนึ่งก็ตาม แต่จะคิดเอาเถิด จึงมีพระราชประสงค์ที่จะขึ้นซงราชย์อีก ได้ซงทำ ความตกลงเปนการลับกับ ปะเงรัน ซึ่งเปนขุนนางผู้ไหย่ไนประเทส พอซงเห็นว่ามีลู่ทางที่จะสำเหร็ดได้ จึงกลับซงเครื่องราชูปโภคถือ อำนาดพระเจ้าแผ่นดินหย่างเปิดเผยอีก ประชาชนพลเมืองที่ได้เคยรับความสุขไต้ร่มพระโพธิทอง ต่าง มีความยินดีพากันมาถวายตัว มิช้าก็ซงมีริ้วพลรวมเปนกองทัพถึง สามหมื่นคน เมื่อซงเห็นว่ามีกำลังแขงแรงพอที่จะทำการไห้สำเหร็ด ได้ จึงซงยกทัพมาล้อมพระราชโอรสได้พายไนป้อมปราการเมือง บันตัม พระเจ้าแผ่นดินที่ยังเยาวหยู่ซงเห็นว่าประชาชนพลเมืองละหนี ไปหมด จึงซงขอร้องไห้ชาววิลันดามาช่วย เมื่อแรกชาววิลันดายัง

64 ลังเลหยู่ว่าจะช่วยดีหรือไม่ แต่พายหลังเห็นว่ามีทางได้มากกว่านิ่ง เฉย ๆ ไว้ จึงตกลงไจเข้าป้องกันพระองค์พระเจ้าแผ่นดินและยึดพระ ราชวังไว้ ชาวชวากับแขกมักกะสันได้พยายามกีดกันไม่ไห้ชาว วิลันดาขึ้นบก จึงต้องสู้รบกัน ชาวชวาแพ้ และชาววิลันดามีชัยชนะ เมื่อชาววิลันดาแย่งอำนาดได้แล้ว ก็เข้ายึดป้อมปราการและ ถวายความอารักขาพระเจ้าแผ่นดินที่ยังเยาวหยู่ แต่นั้นมามิช้าชาว วิลันดายกพลเข้าตีกองทัพพระราชบิดา ส่งทหานไปแอบซุ่มไว้แล้ว จับพระองค์พระเจ้าแผ่นดินที่ซงพระชราขังไว้มั่นคง เพราะว่าราสดร มีความจงรักภักดีมาก พระเจ้าแผ่นดินซึ่งเปนพระราชโอรสนั้น ไม่มี ไครชอบ และไม่มีอำนาด จึงไม่ถูกกักขังกวดขันนัก ชาววิลันดา ยอมไห้มีเครื่องราชกุกุธภันท์เหมือนพระเจ้าแผ่นดินทั้งปวง แต่อ้าง พระราชอำนาดกดขี่อานาประชาราสดรไห้ได้ความร้อนเปนอันมาก การปกครองของชาววิลันดานั้นร้ายกาดเหลือเกิน และเปนที่ เกลียดชังมากด้วย เพราะฉะนั้นชาววิลันดาเองจึงเกรงหยู่เปนนิจว่า จะมีกบด จึงไม่ยอมไห้ชนต่างด้าวทั้งหลายเข้ามาไกล้ท่าเรือเมือง บันตัม โดยอ้างพระราชอำนาดพระเจ้าแผ่นดินว่า ถ้ายอมไห้คน ต่างด้าวขึ้นไปบนบกแล้ว จะยุแหย่ไห้เกิดการกบด เขายกนโยบาย นี้ขึ้นพูด เมื่อเขาไม่ยอมไห้เราลำเลียงสเบียงอาหาร ซ้ำเน้นคำว่า ไม่เคยยอมไห้ชนชาติอื่นเลย เหตุฉะนี้ฉันไม่เห็นมีทางไดที่จะเรียกร้อง เอาสเบียงอาหารไห้ได้ จึงลงเรือเล็กกลับไปรายงานว่าคำขอร้องของ ฉันไร้ผล

65 พอเรือออกไปห่างจากท่าสักหน่อยฉันเห็นเรือลำหนึ่ง มองดู ไกล ๆ ก็ไม่สู้ไหย่นัก จึงไคร่ซาบว่าเรือลำนั้นเปนเรือของไคร เข้า ไกล้ก็กลายเปนเรือรบ " ลา มาลิ? " ของเรานั่นเอง เรือลำนี้ได้ ลมดี จึงมาถึงที่นี่ก่อนเรือของเราสี่วัน ทอดสมอหยู่ข้างเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง ที่หลังเกาะนี้เรือของเราทอดสมอหยู่ เมื่อสแดงความยินดี ทีได้มาพบกันอีกแล้ว ฉันซักถาม ม. จัวเยอส์ ก็ได้ซาบจากปากคำ ผู้บังคับการเรือและนายทหานเรือทั้งหลายว่าชาววิลันดาไม่ยอมไห้ซื้อ สเบียงอาหาร โดยยกเหตุผลเช่นเดียวกันกับที่ฉันได้สดับตรับฟังมา แล้ว ไนขนะนั้น ม. จัวเยอส์ คิดจะไปเมืองบะตาวีทันที แต่ลองรอคอยเราหยู่สามวัน โดยหวังว่าคงจะได้รับข่าวคราวเราบ้าง เราทั้งสองคนจึงไปขึ้นเรือ " ลัวโซ " ความปิติยินดีที่ได้พบกัน นั้นทำไห้คลายโทมนัสที่ได้รับความเกียดกันอันทารุนจากชาววิลันดา รุ่งขึ้นมีลมพัดมาดี และเพราะว่าถูกห้อมไม่ไห้ผ่านไปทางเมืองบันตัม เราจึงถอนสมอชักไบเรือขึ้นแล่นไปเมืองบะตาวี ถึงแม้ว่าเมืองนี้หยู่ ห่างจากเมืองบันตัมเพียงสามโยชน์ ดังที่ฉันได้กล่าวมาข้างบนนี้แล้ว เราก็ต้องแล่นเรือไปโดยความระมัดระวัง เพราะว่าไม่มีคนนำร่อง เราต้องเสียเวลาเดินทางถึงสองวันครึ่ง ไนที่สุดเราเข้าไปไนน่านน้ำ ได้ โดยเหตุที่มีหาดและหินโสโครกหลายพันแห่งตลอดฝรั่งเกาะชวา เรือเกือบจะล่มอัปปางลงเสียตั้งร้อยครั้ง บะตาเวียเปนนครหลวงของเมืองขึ้นวิลันดาไนบุรพาทิส ชาว วิลันดามีอิทธิริทธิ์มาก ตามปรกติเวลาสงบสึกมีกองทหานห้าหรือ 9 66 หกพันคนกอบด้วยชนซึ่งมีสั?ชาติต่าง ๆ นา ๆ ป้อมปราการที่กลาง น่านน้ำนั้นตั้งหยู่บนเสาปักลงไปไนทเล มีหอรบยื่นออกมาสี่หอรบ ห้อมล้อมด้วยคูน้ำจืด เมืองนี้ส้างงามมาก เคหะสถาน ทาสีขาวแบบวิลันดา มีประชาชนพลเมืองหนาแน่นนับไม่ถ้วน ไนชุมนุมชนเหล่านี้ มีทั้งชาวฝรั่งเสสที่เปนคัลวินิสต์และที่ถือลัทธิคาทอลิค ซึ่งการค้าขาย หากำไรชักชวนไห้มาหยู่ ผู้อำนวยกองปันยี เดอส์อังค์ส์ ตั้งบ้านเรือนหยู่ที่นี่ เขาเปนผู้ว่าราชการเมืองขึ้นวิลันดาทั้งมวน บริวารและความสง่าของสำนักผู้ ว่าราชการนั้นไม่น้อยกว่าไนพระราชสำนักของพะรเจ้าแผ่นดินแท้ ๆ เขามีสภาที่ปรึกสาช่วยจัดกิจการของประเทส ผู้ว่าราชการไม่จำเปน ต้องทำตามคำปรึกสาของสภา และจะตกลงไจทำหย่างไรก็ทำได้ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงขอ้ที่บั??ัติไว้ แต่เมื่อทำไปตามอำเพอไจ เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบเอง เจ้าแขกประเทสราชทั้งหลายต้อง แต่งทูตไปประจำสำนักผู้ว่าราชการ และเขาก็ส่งทูตไปประจำสำนัก ของเจ้าแขกเหล่านั้นไห้เปนผู้แทนชาติวิลันดา เขาเลือกจะทำสึก สงครามหรือทำสั??าสัติภาพก็ได้ตามชอบไจ โดยที่ไม่มีมหา อำนาดได ๆ จะขัดขวางได้ ตำแหน่งผู้อำนวยการคองปันยี เดส์อังด์ส์นี้มีกำหนดเพียงสามปี แต่ตามปรกติคน ๆ เดียวครองตำแหน่งไป ตลอดชีวิต เพราะเหตุนี้หากไม่พูดปราสจากยกตัวหย่าง จะหา ยากนักที่ผู้อำนวยการเปนคนยาจก


67 เมื่อเราทอดสมอลงแล้ว ฉันได้รับคำสั่งไห้ไปสแดงความ เคารพผู้ว่าราชการเมืองขึ้นวิลันดา เวลาลงจากเรือมีเจ้าพนักงาน กรมเจ้าท่ามาต้อนรับและพาฉันไปยังจวนผู้ว่าราชการ พอไปถึงกอง หทานยามซึ่งมีจำนวนทหานมากหลายทำวันทยาวุธและแยกออกเปน สองแถว ฉันเดินผ่านแถวทหานเข้าไปไนเฉลียง ซึ่งประดับด้วยเครื่อง ลายครามยี่ปุ่นงามเปนอันมาก ฉันได้พบพนะหัวเจ้าท่าน ( อันเปนคำที่เขาเรียกผู้อำนวยการ คองปันยี เดส์อังด์ส์ ) ซึ่งยืนถอดหมวกฟังถ้อยคำของฉัน การต้อนรับ อันดีของท่านทำไห้ฉันคลายความแค้นเคืองที่ได้ถูกปรามาสที่เมือง บันตัม ท่านผู้นี้พูดภาสาฝรั่งเสสกับฉันตลอดเวลา ฉันต้องการไห้ ยิงปืนคำนับกันนัดต่อนัด แต่ไม่สามาถทำความตกลงกันได้ ฉัน ไม่ซาบว่าแปร์ตาชารต์ไปซาบความมาจากไหนแล้วไปเขียนรายงานว่า ต่างฝ่ายต้องยิงปืนเท่านั้นเท่านี้นัด ความจิงนั้นได้ตกลงกันว่าไม่ต้อง ยิงปืนคำนับซึ่งกันและกันจนนัดเดียว เมื่อฉันขอความช่วยเหลือ หย่างอื่น ๆ พนะ ๆ ไห้คำมั่นสั??าว่าจะทำตามคำขอร้องทุกประการ เพราะว่าท่านมีความเคารพราชทูตฝรั่งเสสทั้งทางตำแหน่งราชการและ เกียริคุนส่วนตัว ฉันกลับไปบนเรือน " ลัวโซ " ด้วยความปิติยินดี และ รายงานข้อความทั้งนี้แก่ท่านราชทูต มิช้าผู้ว่าราชการวิลันดาได้ส่ง คนมาแสดงความเคารพเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ และนำผักผลไม้ ต่าง ๆ บันจะลงไนตะกร้า 12 ตะกร้ามาเปนของกำนัน ต่อมาสักครู่

68 มีคนนำวัวสองตัวและแกะหลายตัวมาไห้อีก ตั้งแต่วันนั้นมาผู้ว่า ราชการได้ส่งเจ้าพนักงานชั้นผู้ไหย่มาที่เรือทุกวัน และทุกคราวนำ สเบียงอาหารต่าง ๆ นา ๆ มาไห้ท่านราชทูตและทหานเรือทั้งสองลำ เราจอดเรือหยู่ที่เมืองบะตาวีแปดวัน ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก เจ้าพนักงานท้องที่ดีเกินนัก เวลาเรือทอดสมอหยู่ที่นั้นฉันได้ขายแก้ว ประพาสสองหีบที่ได้รับฉันทะมาจากกรุงปารีส พ่อค้าจีรับซื้อไว้ตาม น้ำหนัก ยอมไห้หนึ่งหนักละแปดน้ำหนักเงิน ได้เงินรวมทั้งสิ้นสามพัน ส้องร้อยบาท เขาจ่ายเงินไห้ฉันเปนพันธบัตรทอง อันเปนเงินตรา ของประเทสยี่ปุ่น ถ้าฉันมีเวลามากไม่รีบร้อนต้องไปจากที่นี่ คงขาย ได้เงินมากกว่านี้ เพราะว่าแท้จิงแก้วประพาลนี้มีราคามากกว่านี้มาก แต่ฉันเห็นว่าขายได้เงินถึงสี่สิบชั่งนั้นได้เปรียบมากหยู่แล้ว เพราะว่า สินค้าเช่นนี้เดิมมีคนไนประเทสฝรั่งเสสรับซื้อเพียง 266 บาทเท่านั้น เมื่อลำเลียงสเบียงอาหารเส็ดแล้วและได้คนนำร่องชำนา? คนหนึ่ง เราก็ออกเรือไปประเทสไทย มีลมพัดแรง จึงชักไบขึ้น แต่เช้าตรู่ เวลากลางคืนมืดมากราว 23 นาลิกา เราเห็นเรือไหย่ ลำหนึ่งชักไบทุกไบแล่นเข้ามาไกล้เรือของเรา ทุกคนจับอาวุธและ เราได้ยิงปืนไหย่ลงไปไนเรือลำนั้นนัดหนึ่ง แต่ก็ไม่ทำไห้เรือลำนั้น เปลี่ยนทาง เพื่อไม่ไห้เรือโดนกัน เรากลับไบไห้เรือของเราถอยหลัง แต่ถึงแม้ว่าได้พยายามจนสุดกำลัง ก็ไม่เปนผลสำเหร็ด เรือลำนั้น โดนหัวเรือของเราจนตรามงกุดแตกไปซีกหนึ่ง ฉันยืนหยู่บนดาดฟ้า ชั้นบน และได้ยกปืนสั้นยิงลงไปไนเรือลำนั้นหลายนัด ไม่มีไคร

69 โผล่หัวขึ้นมาเลยสักคนเดียว ฉันได้ไห้ทหานเรือช่วยกันค้ำกราบเรือ ไห้ห่างออกไป เรือจึงไม่ได้เสียดกัน พวกเราหลายคนต้องการไล่ ตามเรือลำนั้น แต่ท่านราชทูตห้ามไว้ เราจึงแล่นต่อไป และมอง ไม่เห็นเรือลำนั้นอีกเพราะว่ามืดนัก อุบัติเหตุนี้ทำไห้พวกทหานเรือคิดเห็นไปต่าง ๆ นา ๆ บางคน คิดว่าชาววิลันดาได้ส่งเรือจุดเพลิงมาซ่อนไว้ข้างเกาะไดเกาะหนึ่ง เพื่อทำลายเรือรบหลวง และกันไม่ได้เราถึงประเทสไทย เพราะว่า ชาววิลันดาไม่พอไจไห้คนะทูตนี้ไปที่นั้นเลย บางคนคิดเห็นไปหย่างอื่นส่วนตัวฉันนั้นมีความเห็นว่ากะลาสีไนเรือลำนั้นคงเมาสุรา บางคนที่ ได้ยินเสียงปืนที่เราได้ยิงลงไปไนเรือคงมีความตกไจมาก หนีไปหยู่ ไต้ดาดฟ้า จึงไม่มีไครกล้าโผล่หัวออกมาเลย ( เมื่อเราไปถึงกรุงสรี อยุธยา สืบสวนเรื่องนี้แล้ว ก็ได้ความสมจิงดังที่ฉันกล่าวมาข้างบนนี้ ) พายหลังอุบัติเหตุนี้ ซึ่งทำไห้โกลาหลกันมากแล้ว เราเดินทาง ต่อไปเรียบร้อยจนถึงสันดอน ( ปากน้ำเจ้าพระยา ) ได้ทอดสมอลงเมื่อ วันที่ 23 กันยายน พ.ส. 2228 นับตั้งแต่วันออกจากท่าเรือเมืองเบรสต์เราเดินทางมารวมเวลาหกเดือนเสส สันดอนนี้ไม่ไช่อื่นไกล คือเนินดินและโคลนที่กะแสน้ำซัดลงมาทิ้งไว้ห่างจากปากน้ำประมานสองร้อยเส้น ที่ตรงสันดอนนี้น้ำตื้นมาก เวลานี้น้ำขึ้นก็ไม่ลึกเกินกว่าสองวาครึ่ง เหตุฉะนั้นเรือขนาดไหย่จึง ข้ามสันดอนไปไม่ได้


70 เมื่อทอดสมอลงที่นี่แล้ว ฉันก็ลงเรือกันเชียงไปกับ ม. วาแชร์ เพื่อบอกเจ้าหน้าที่ไทยว่าท่านราชทูตฝรั่งเสสได้มาถึงแล้ว เมื่อเรือ มาถึงปากน้ำ ก็ค่ำมืดลง แม่น้ำนี้เปนเม่น้ำไหย่ที่สุดแม่น้ำหนึ่งไน บูรพาทิส คนไทยเรียกชลธารนี้ว่า " แม่น้ำ " ซึ่งแปลว่า " แม่ ของน้ำ" เวลานั้นน้ำทเลกำลังไหลขึ้น เรือต้องทวนน้ำ เราจึงแวะ เข้าฝั่ง ได้แลเห็นเรือนขัดแตะมุงหลังคาจากสามหรือสี่เรือน ม. วาแชร์ บอกฉันว่าผู้ว่าราชการปากน้ำหยู่ที่หมู่บ้านนั้น เราลงจากเรือขึ้นไป บนเรือนหลังหนึ่ง ได้พบผู้ว่าราชการ ฉันหิว จึงถามว่ามีอะไรไห้ รับประทานบ้าง ผู้ว่าราชการผู้นั้นได้กรุนาหาข้าวมาไห้กิน ภาพครั้งแรกที่ได้เห็นนี้ทำไห้รูปประเทสไทยที่ฉันวาดไว้ไนไจผิด ไปหมด ฉันขอพูดโดยตรง ๆ ว่าฉันมีความประหลาดไจเหลือเกินที่ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี และแปร์ตาชารต์ ซึ่งได้เดินทางมาพร้อม ๆ กัน และได้เห็นสภาวะของประเทสเหมือนกันกับที่ฉันได้เห็น กลับไปเขียน หนังสือเรื่องประเทสไทย ซึ่งไม่ไกล้ความจิงเลย แท้จิงท่าน ทั้งสองนี้ได้หยู่ไนประเทสนี้ไม่กี่เดือน และ ม. คองสตัง 1 อัคมหา เสนาบดีไทย คอยแต่ตบตาท่าน จัดไห้ท่านเห็นแต่สิ่งที่ดีและงาม อันมีสาเหตุหลายประการที่ฉันจะเล่าต่อไปพายหน้า

1. คองสตังส์ผู้นี้เปนชาวโยนกประเทส นามเดิม เยรากี แล้วเปลี่ยนเปน คอนสแตนน์ โฟลคอน ได้เข้ารับราชการไทย มีบันดาสักดิเปนเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ประวัติของคน ๆ นี้มีพิสดารหยู่ไนบันทึกความจำของออกพระสักดิสงครามแล้ว


71 เมื่อน้ำขึ้นเอ่อพอดีแล้ว เรากลับลงไปไนเรือกันเชียงอีก และ เข้าไปไนแม่น้ำ ลองขึ้นไปได้ประมานสามโยชน์ ซ้ำร้ายผนตกลงมา ทรมานเรา แต่เราก็ทนไปจนถึงเมืองบางกอกประมานเวลา 22 นาลิกา ผู้ว่าราชการเมืองนี้ ได้เลี้ยงอาหารแขก เครื่องดื่มนั้นมีแต่ " ซอร์เบค " ( คือน้ำเจือกับน้ำผลไม้ ) อาหารและเครื่องดื่มไม่ถูกปาก ฉันเลย แต่จำไจต้องทนกลืนเข้าไป รุ่งขึ้น ม. วาแชร์ลงไปไนเรือ บัลลังก์ อันเปนเรือพื้นประเทสนี้ และเดินทางต่อไปกรุงสรีอยุธยา เพื่อแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ว่าราชทูตฝรั่งเสสได้มาถึงสันดอนแล้ว และ ฉันก็ลงเรือกันเชียงกลับไปขึ้นเรือรบของเรา ก่อนออกจากบางกอก ฉันถามผู้ว่าราชการว่าจะซื้อผักผลไม้ และสเบียงอาหารหย่างอื่น ๆ สำหรับบันทุกไปเรือรบได้หรือไม่ เขา ตอบว่า " หาไม่ " ( ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ ) ทหานเรือของเราซึ่ง คอยฟังข่าวฉันด้วยความร้อนไจ แลเห็นฉันนั่งเรือกันเชียงกลับมาแต่ ไกล ๆ ร้องตะโกนถามว่า ได้สเบียงอาหารมาเลี้ยงกันบ้างหรือไม่ ฉันร้องตอบไปว่า " หาไม่ " ได้แต่รอยยุงกัดติดตัวมาเท่านั้น มแลง ชนิดนี้มันรบกวนเราตลอดเวลาเดินทาง เราทอดสมอหยู่ที่สันดอนห้าหกวันก็ไม่มีไครมา จนวันที่หกจึง เห็นข้าราชการไทยสองคนมากับ ม. เดอะลาโน หัวหน้าผู้สั่งสอน สาสนาซึ่งเปนเจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิส และ ท่านเจ้าวัดเดอะลิยอนน์ข้าราชการไทยได้เชินพระราชกะแสมาอวยพรท่านราชทูต และ


72 สแดงควมเคารพตามอัชชาสัยไมตรีแทนอัคมหาเสนาบดีไทย ต่อ นั้นมาไม่ช้าก็มีคนนำสเบียงอาหารมาที่เรือรบ คราวแรกส่งมาแต่ เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พายหลังส่งมาอีกมากมายจนพวกทหารเรือก็ได้ กินไก่ เป็ด เนื้อลูกโคและผลไม้ประเทสร้อนทุกหย่าง แต่ผักสดที่เรา ต้องการมากนั้นส่งมานิดหน่อยเท่านั้น การเตรียมรับรองไห้ท่านราชทูตเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเปลืองเวลาสิบห้าวัน ขนบทำเนียมการต้อนรับมีดังจะกล่าวต่อไปนี้ เขาส้าง สาลาที่พักไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำห่าง ๆ กันตลอดระยะทางที่เรือล่องขึ้นไป สาลาที่พักนี้ทำด้วยไม่ไผ่และเอาผ้าผืนไหย่ ๆ หุ้ม โดยเหตุที่เรือรบ ของเราเข้าไปไนแม่น้ำไม่ได้ เพราะว่าน้ำที่สันดอนตื้นเรือผ่านไปไม่ได้ เขาจึงจัดเรืออื่น ๆ มารับคนะทูต เวลาเข้าไปไนแม่น้ำนั้น ไม่มีพิธีรีตองอะไร นอกจากมี ข้าราชการไทยออกมาต้อนรับท่านราชทูต และตามท่านไปไนกะบวน แห่เรือ ระยะทางตั้งแต่สันดอนจนถึงกรุงสรีอยุธยาซึ่งเปนราชธานี กินเวลาหิบห้าวัน ฉันเว้นเสียมิได้ที่จะกล่าวไนบันทึกนี้ว่า ผู้เขียนระยะทางมา ประเทสนี้เปนคนตามืด คนเหล่านั้นไปชมกรุงสรีอยุธยาทั่วประเทส ฝรั่งเสสว่าเปนราชธานีที่ไม่เล็กกว่ากรุงปารีส และอธิบายความสวย เอาตามอำเพอไจ สิ่งที่แน่นั้นประเทสไทยมีแต่ " โอทธยา " หรือ " ยุธยา " ซึ่งนับว่าเปนนครหลวงเพียงนครเดียวนี้เท่านั้น


73 สาลาที่พักทำด้วยไม้ไผ่ที่ส้างขึ้นตามระยะทางนั้นเคลื่อนที่ได้ พอท่านราชทูตและบริวารออกไปจากสาลาที่พักแล้ว เขาก็รื้อลง เพราะฉะนั้นสาลาที่ส้างสำหรับเลี้ยงอาหารวันนี้ก็ถูกย้ายไปไช้ไหนวันรุ่ง ขึ้น และสาลาที่ส้างสำหรับพักนอนคืนนี้ ก็เอาไปเตียมไว้สำหรับคืน พรุ่งนี้ เราย้ายที่พักเช่นนี้เรื่อยไปจนเข้าไปไกล้กรุงสรีอยุธยา จึงถึง สาลาที่พักขนาดไหย่แห่งหนึ่งซึ่งไม่เคลื่อนที่ ท่านราชทูตได้ขึ้นไป อาสันหยู่บนสาลานี้จนถึงวันเข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์น ไนขนะที่รอ คอยหยู่นั้น มีข้าราชการชั้นผู้ไหย่ทั้งหบายมาเยี่ยมท่านราชทูต อัค มหาเสนาบดี คองสตังส ก็มาเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามาไม่ไช่ทางราชการ แต่ก็มีบริวารตามมาสมกันกับยสถานันดรสักดิ์ของเขา ก่อนอื่นเราพูดกันเรื่องขนบทำเนียมทูตเข้าเฝ้า ได้มีความเห็น แตกต่างกันว่าจะควนปติบัติหย่างไร ไนการที่จะเชินพระราชสาส์นขึ้น ถวายพระเจ้าแผ่นดิน ท่านราชทูตมีความประสงค์จะเชนพระราชสาส์นเข้าไปถวายต่อพระหัถพระนารายน์มหาราช ความคิดเห็นเช่นนี้ ไม่ต้องด้วยราชประเพนีของประเทสนี้หย่างยิ่ง เพราะว่าราชประเพนี นั้นมีหลักว่า พระมหากสัตรซงไว้ซึ่งอำนาดสูงสุด เวลาสเด็ดออก ขุนนางต้องประทับเหนือคนทั้งปวงที่หยู่หน้าที่นั่ง โดยเหตุฉะนี้ราชทูตต้องหยู่ไนท้องพระโรงพระที่นั่ง และสเด็ดออกไห้เฝ้าที่สีหบั?ชร ถ้า จะไห้พระราชสาส์นถึงพระหัถ ก็ต้องต่อแท่นเปนอัธจันทหลายขั้นไว้ ที่หน้าสีหบั?ชร ซึ่งฝ่ายไทยไม่ยอมไห้ทำเช่นนั้น ต่างฝ่ายมีความเห็น 10

74 ขัดข้องกันหยู่ดังนี้หลายวัน ฉันได้รับหน้าที่ไปเจรจาทาบทามความเห็น กันหลายครั้งหลายคราว ไนที่สุดได้ตกลงกันว่าไนวันเข้าเฝ้านั้น จะ ประดิสถานพระราชสาส์นไว้บนพานทอง ซึ่งต้องมีคันทำด้วยทอง ยาวประมานสองสอกเสส ท่านราชทูตจึงจะค้ำหรือทูนพานพระราช สาส์นขึ้นไปถึงที่ประทับนะสีหบั?ชรนั้นได้ ถึงกำหนดวันเข้าเฝ้า บันดาขุนนางชั้นผู้ไหย่ทั้งหลายได้ลงเรือ กันยามาที่สาลาที่พักของท่านราชทูต มีเรือพระที่นั่งและเรือราชการ แผ่นดินนำหน้ามาก่อน เรือบัลลังก์หรือเรีกกันยานี้เปนเรือเล็ก ๆ ที่ ไช้กันแพร่หลายไนประเทสนี้มีเปนจำนวนมากเหลือที่จะนับถ้วนได้ ถ้า ไม่มีเรือเหล่านี้แล้วก็ไปไหนมาไหนไม่ได้ เพราะว่าไนปีหนึ่งน้ำท่วม ถึงหกเดือน ด้วยว่าพื้นที่ดินต่ำมาก และเวลารึดูฝนก็ตกไม่หยุด หย่อนเลย เรือกันยาเหล่านี้ทำด้วยไม้ทั้งต้น ขุดลงไปไห้กลวง บางลำ แคบมากจนฝีพายลงไปนั่งแทบไม่ได้ ลำที่ไหยี่สุดนั้กว้างไม่เกิน สองสอกครึ่งถึงสามสอก แต่ลำเรือยาวมาก เพราะฉะนั้นไม่เปนการ ประหลาดเลยที่จะต้องไช้ฝีพายถึงแปดสิบคน และที่ต้องไช้ฝีพายถึง ร้อยยี่สิบคนก็มี พายนั้นรูปร่างคล้ายเสียม กว้างราวเจ็ดนิ้ว ปลาย เรียวลงไป ยาวเกือบสองสอก ฝีพายได้รับความฝึกหัดพายตามจังหวะเสียงนายท้ายเรือ เขาพายพร้อมกันเรียบร้อยจนน่าพิสวงมาก ไน บันดาเรือกันยาเหล่านี้จะเห็นบางลำที่วิจิตรงดงามมาก โดยมาก เปนรูปสัตวน้ำ เรือพระที่นั่งนั้นปิดทองอร่ามทั้งลำ

75 เรือที่มาที่สาลาที่พักของท่านราชทูตนั้น ที่ไม่งามมีน้อยลำนัก เมื่อขุนนางผู้ไหย่ขึ้นมาบนบกสแดงความเคารพท่านราชทูตแล้วก็กลับ ลงไปไนเรือกันยาอีก พายไปเปนกะบวนดังจะเล่าต่อไปนี้ พระราช สาส์นของพระเจ้าหยู่หัวของเราซึ่งประดิสถานหยู่ไนบุสบกบนเรือกันยา นั้นนำหน้า ท่านราชทูต ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี และผู้ที่มาไนคนะทูต ต่างคนต่างลงไปไนเรือพระที่นั่งบ้าง เรือราชการแผ่นดินบ้าง ขุนนาง ไทยลงไปไนเรือที่เขานั่งมา เรือเหล่านี้ได้ล่องขึ้นไปเปนกะบวนตาม ลำดับนี้ไนท่ามกลวงเสียงปี่และกลองสนั่นหวั่นไหว ตลอดสองข้าง ฝั่งแม่น้ำจนถึงท่าเรือที่เราจะไปขึ้นนั้น เต็มไปด้วยประชาชนพลเมือง นับไม่ถ้วน ซึ่งพากันมาดูแห่พระราชสาส์น อันเปนของไหม่ซึ่ง ไม่เคยมีมาแต่ก่อนนี้ กะบวนเรือนี้ไปหยุดที่ท่าไม่ห่างจากพระบรมมหาราชวังนัก เมื่อท่านราชทูตได้ขึ้นไปบนบก ก็พบเสลี่ยงหุ้มผ้ากำมะหยี่สีแดงพนักทอง เสลี่งหนึ่ง กับเสลี่ยงอีกสองเสลี่ยงงามน้อยกว่า ซึ่งเจ้าพนักงานไทย เตรียมไว้สำหรับท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีเสลี่ยงหนึ่ง และหัวหน้าผู้สอน สาสนาอีกเสลี่ยงหนึ่ง ท่านทั้งสามได้นั่งบนเสลี่ยงแล้ว มีคนหามไป จนถึงพระบรมมหาราชวัง ส่วนข้าราชการฝรั่งเสสไนคนะทูตนั้นได้ ขี่ม้าตามเสลี่ยงไป แรกเริ่มเดิมทีเราได้ไปถึงพระลานกว้างขวางแห่งหนึ่ง มีช้าง เปนจำนวนมากยืนหยู่สองแถว เราผ่านไปไนระหว่างกลางและได้เห็น


76 ช้างเผือกช้างหนึ่ง ซึ่งคนไทยนิยมมากยืนหยู่ห่างจากช้างอื่น ๆ ผ่าน จากพระลานนี้เราเข้าไปอีกพระลานหนึ่ง ซึ่งมีกองทหานประมานห้า หรือหกร้อยคน ที่ต้นแขนทาเปนปลอกสีน้ำเงิน อันเปนเครื่องหมายว่าทหานยามรักสาพระองค์ เมื่อได้ผ่านพระลานไปอีกหลายพระลาน แล้ว เราได้มาถึงพระที่นั่งที่สเด็ดออกขุนนาง เปนรูปยาวรีสี่เหลี่ยม มีอัธจันทขึ้นไปเจ็ดหรือแปดขั้น ท่านราชทูตนั่งบนเก้าอี้ ถือพานพระราชสาส์น ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีนั่งหยู่ข้างขวาบนตั่งต่ำกว่าเก้าอี้ เจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิสนั่งหยู่ข้างซ้ายบนพรมผืนเล็กที่ปูทัพรมที่ลาดพื้นพระที่นั่ง พรมผืนเล็กนั้น จัดไว้ฉเพาะเจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิส และสอาดกว่าพรมผืนไหย่ ขุนนางฝรั่งเสสที่มาไนคนะทูตนั่งขัดสมาธิบนพื้น เจ้าพนังกานได้แนะ นำเราว่าไห้ระวังหย่าไห้เท้ายื่นออกมา ถ้าเหยียดเท้าออกมาแล้วนับว่า เปนการหยาบช้ามาก ท่านราชทูต ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีและเจ้าคนะ เดอะเมเตลโลโปลิสนั่งแถวเดียวกัน หันหน้าไปทางพระราชบัลลังก์ พวกเราชาวฝรั่งเสสนั่งหยู่ข้างหลังเรียงกันเปนแถวเหมือนกัน ทาง ซ้ายขุนนางผู้ไหย่นั่งเรียงตามลำดับยสถานันดรสักดิ ตลอดไปจนจด พระทวารพระที่นั่ง เมื่อทุกคนเข้านั่งดังนี้แล้ว เราได้ยินเสียงกลองไหย่ดังขึ้นหนึ่งที บันดาขุนนางไทยซึ่งมีเครื่องแต่งกาย คือ นุ่งผ้าพื้นคลุมตั้งแต่สเอว ลงไปครึ่งน่อง ไส่เสื้อมัสลินแขนสั้น และสวมลอมพอกขาว ได้ยิน อานัติสั??านั้นแล้ว หมอบลงราบหัวเข่าและข้อสอกยันกับพื้น ที่

77 ขุนนางไทยหมอบลงเปนแถว เสียงกลองที่ดังขึ้นทีหนึ่งนั้นได้ดังขึ้นอีก หลายที เว้นเปนระยะ ๆ ไป พอถึงทีที่หก พระนารายน์มหาราชซง เผยพระบั?ชรสเด็ดออกไห้เราเฝ้า พระมหากสัตรพระองค์นี้ซงพระมาลายอดแหลม คล้ายกันกับ หมวกยอดที่เราเคยไช้กันมาไนประเทสฝรั่งเสสไนกาลก่อน แต่ริม ไม่กว้างกว่าหนึ่งนิ้ว พระมาลานั้นมีสายรัดทำด้วยไหมทาบไต้พระหนุ ซงฉลองพระองค์เยียระบับสีเพลิงสลับทอง สอดพระแสงกริดไว้ที่รัด พิตรอันวิจิตรงดงาม และซงพระธำมรงค์อันมีค่าทุกนิ้วพระหัถ พระเจ้าแผ่นดินไทยพระองค์นี้ซงมีพระรชนมาราวห้าสิบพรรสา ซูบ พระองค์มาก พระสรีระรูปแบบบาง ไม่ซงไว้พระทาทิกะที่เบื้องซ้าย พระหนุมีพระคินถิมเล็ดไหย่ ซึ่งมีพระโลมาสองเส้นห้องลงมายาว เมื่อท่านราชทูตก้มสีสะลงถวายอภิวาทแล้ว ก็กล่าวคำกราบบังคม ทูนพระกรุนา เจ้าพระยาวิชเยนทร์มีหน้าที่เปนล่าม เส็ดแล้วท่าน ราชทูตเดินเข้าไปจนไกล้สีหบั?ชรและยื่นพระราชสาส์นขึ้นไปเพื่อซง รับพระราชสาส์น พระนารายน์มหาราชต้องซงเอื้อมพระหัถก้มพระ องค์ออกมานอกสีหบั?ชรเกือบครึ่งพระองค์ ที่ท่านราชทูตถวาย พระราชสาสนต่อพระหัถเช่นนั้น คงแกล้งทำด้วยความตั้งไจ หรือ เห็นว่าคันทองที่จะทูนพานพระราชสาส์นขึ้นไปนั้นยาวไม่พอ 1 พระนารายน์มหาราชได้ซงมีพระราชปติสันถารกับท่านราชทูต พอเปนสังเขป ตรัดถามว่าพระเจ้าหยู่หัวของเราซงพระราชสำรานดี 1. ดูหมายเหตุเทียบแผนที่ราชทูตเข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์น ที่พิมพ์หยู่ท้าย บันทึกความจำนี้ 78 หยู่หรือ พระราชวงส์ซงมีความสุขสบายดีหรือ และประเทสฝรั่งเสส มีความวัธนาถาวรเพียงไร ไนที่สุดเสียงกลองไหย่ดังขึ้นอีกทีหนึ่ง พระนารายน์มหาราชสเด็ดขึ้นข้างไน และขุนนางไทยลุกขึ้นนั่ง เส็ดการเฝ้าถวายพระราชสาสน์แล้ว เราเดินเปนกะบวนออกจากท้องพระโรงพระที่นั่ง และเจ้าพนักงานได้นำท่านราชทูตไปอาสัยหยู่ ที่ตึกหลังหนึ่ง ซึ่งได้จัดเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว ตึกนี้ก่อด้วยอิถ เปนตึกที่นับว่างามที่สุดไนราชธานีนี้ พระบรมมหาราชวังนั้นกว้างขวาง มากจิง เคหะสถานอาคารอื่น ๆ ไนกรุงนั้นมีแต่เรือนฝากะดาน หรือ เรือนขัดแตะมุงหลังคาจากทั่วไป เว้นแต่ตึกไนถนนแถวหนึ่งซึ่งมีราว สองร้อยหลังที่ก่อด้วยอิถ แต่ก็เล็กมากและมีชั้นเดียวเท่านั้น ตึก เหล่านี้เปนที่อาสัยของแขกมอร์และจีน ส่วนวัดวาอารามนั้นส้างด้วยอิถพระอุโบสถมีรูปคล้ายวัดของเรา กุติที่จำวัดของพระภิกสุสงค์นั้นทำ ด้วยไม้ ไม่ผิดกันกับบ้านเรือนคนอื่น ๆ นอกจากเฝ้าถวายพระราชสาส์นแล้ว ท่านราชทูตได้เฝ้าเปนทาง ราชการอีกหลายครั้ง เบื่ออะไรไม่เบื่อเท่ากับไปไนงานพระราชพิธีไนประเทสนี้ ต้องตระเตรียมทำความตกลงโน่นนิดนี่หน่อยร้อยพันครั้ง ไม่มีการเบิกเฝ้าเปนทางส่วนตัวเลย ไนหน้าที่ควบคุมคนะทูตรับไช้ท่าน ราชทูต ฉันต้องคอยรับบันชาไปเรียนพระราชปติบัติไม่หยุดหย่อน ที่ ต้องทวนไปทวนมาเช่นนี้ความซาบฝ่าละอองธุลีพระบาทดี พระนารายน์ มหาราชจึงโปรดปรานฉันมาก ฉันไม่ซาบว่าจะควนกล่าวลงไนบันทึก


79 นี้หรือไม่ว่าที่ฉันเปนคนโปรดนั้น จะเรียกว่าเปนกุสลบุ?หรือกัมของฉัน หย่างไรก็ดีได้มีพระราชกะแสรับสั่งกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์ว่ามีพระ ราชประสงค์ที่จะเอาตัวฉันไว้ไนประเทสนี้ อัคมหาเสนาบดีผู้นี้ซึ่งมี ความเห็นไกล และมีสาเหตุหลายประการที่ไม่ต้องการไห้ฉันกลับไป ประเทสฝรั่งเสส ได้กราบบังคมทูนพระกรุนาว่าไนการที่จะแต่งตั้ง ราชทูตไทยไปจเรินทางพระราชไมตรีกับพระเจ้าหยู่หัวของเรานั้น ต้อง เอาตัวข้าราชการฝรั่งเสสคนไดคนหนึ่งไว้เปนประกันความิดีมิร้ายที่ ราชทูตไทยพึงได้ประสบที่พระราชสำนักของเรา เพราะฉะนั้นเจ้า พระยาวิชเยนทร์เห็นชอบด้วยพระราชดำริที่จะเอาตัวฉันไว้ วิชเยนทร์จึงไปพูดทาบทามความเห็นท่านราชทูต ๆตอบว่าท่านหามีสิทธิไนทางอาชีพของฉันไม่ ยิ่งฉันเปนผู้มีตระกูลดีและมีตำแหน่งหน้าที่ไนราชการฝรั่งเสสเปนสำคันหยู่แล้ว ก็ย่อมเปนการยากที่จะ บังคับความสมัคไจของฉันได้ ถึงแม้ว่าวิชเยนทร์ต้องจำนนฉะนี้แล้ว ก็หาเข็ดไม่ เขาเรียนท่านราชทูตโดยตรงว่าพระนารายน์มหาราช มีพระราชประสงค์จะเอาตัวฉันไว้เปนประกัน ท่านราชทูตตกไจมากที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น จึงปรึกสาหารือ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีต่อหน้าวิชเยนทร์ เพื่อหาทางอนุโลมตามพระราช ประสงค์ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีรับฉันทะมาถามความเห็นฉันว่าจะสมัครับราชการหยู่ไนประเทสนี้หรือไม่ ฉันตอบว่านอกจากความรำคานที่พึง จะได้รับไนการที่จะต้องหยู่ไกลจากบ้านเกิดเมืองมารดรเช่นนี้แล้ว ขนบทำเนียมของประเทสนี้ก็ตรงกันข้ามกับขนบทำเนียมของเรา ฉัน

80 ไม่สมัคที่จะสละหน้าที่ราชการของฉันมารับราชการไนประเทสนี้ จะ ได้ตำแหน่งหน้าที่ไหย่โตสักเพียงไร ก็ไม่เท่าเทียมตำแหน่งหน้าที่อัน น้อยที่ฉันมีหยู่ไนขนะนี้ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีเห็นพ้องด้วยความเห็นของฉันจึงไปเล่าความคิดเห็นนี้ไห้วิชเยนทร์ซาบ วิชเยนทร์พูดว่า " เชวาลิเอร์เดอะฟอร์บัง ไม่ต้องวิตกว่าจะไม่ได้บำเหน็ดความชอบ " ลาภยสนั้นยกไว้เปน หน้าที่ของเขาเถิด วิชเยนทร์พูดว่าฉันยังไม่รู้จักประเทสนี้ดีพอ เขา จะตั้งไห้ฉันเปนนายพลผู้บันชาการทัพบกและทัพเรือ และผู้ว่าราชการเมืองบางกอกด้วย ไนเวลาไม่ช้าเขาจะส้างป้อมปราการขึ้นที่เมืองนั้น และไห้ทหานฝรั่งเสสมาควบคุม ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีมาเล่าข้อความนี้ไห้ฉันซาบ ฉันก็ไม่เห็นว่าตำแหน่งหน้าที่นั้นจะประเสิดหย่างไร ท่านราชทูตจึงมาพูดปลอบไจฉันว่าตามความเห็นส่วนตัวของท่านแล้ว ท่านเห็นว่าฉันควนหยู่รับราชการไนประเทสนี้ตามพระราชประสงค์ของพระนารายน์มหาราช เห็นว่าท่านราชทูตมาพูดเซ้าซี้ ฉันจึงตอบท่านว่าท่านจะมีความเห็นหย่างไรก็ตาม ฉันไม่ยอมหยู่ไนประเทสไทยเปนอันขาด เว้น เสียแต่ว่าท่านจะบันชาสั่งว่าพระเจ้าหยู่หัวของเรามีพระบรมราชโองการไห้ฉันหยู่ที่นี่ ท่านราชทูตจึงพูดว่า ถ้าเช่นนั้นท่านสั่งไห้ฉันหยู่รับ ราชการไนประเทสนี้ ไม่ซาบว่าจะพูดปัดหย่างไรได้อีก ฉันจึงยอมทำ ตามคำสั่งของท่าน แต่ได้ขอร้องไห้ท่านทำคำสั่งเปนลายลักสน์อักสร มอบไว้แก่ฉัน ท่านราชทูตก็มีความกรุนาเขียนคำสั่งไห้ฉัน ล่วงมา

81 สี่วันฉันก็ได้รับพระราชทานยสเปนนายพลเรือและผู้บันชาการทหานบก พร้อมกันกับกะบี่และเสื้อยสตามตำแหน่งนั้น ไนขนะนั้นวิชเยนทร์หาอุบายที่จะเอาตัวฉันไว้ไนประเทสไทย เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาโดยฉเพาะ เขาหาลืมที่จะพยายามไห้ชาว ฝรั่งเสสเห็นแต่ความดีความงามขประเทสนี้ไม่ เขาได้จัดไห้มีงาน รื่นเริงเรื่อยไปตลอดเวลา ได้เอาสิ่งของอันมีค่าที่มีหยู่ไนพระคลังมหา สมบัติมาแจกจ่ายราชทูตและชาวฝรั่งเสส ปิดบังข้อความว่าภาชนะ เงินทองและเพชรนิลจินดาเหล่านั้นเปนพระราชทรัพย์ที่ได้สะสมมาไว้ หลายรัชกาลแล้ว เพราะว่าไนประเทสนี้เห็นกันว่าถ้าพระมหากสัตร พระองค์ได้ซงสะสมพระราชทรัพย์ไว้ได้มากเพียงไร ก็เปนการ เชิดชูพระเกียรติยสพระมหากสัตรพระองค์นั้น และถึงแม้ว่าพระ มหากสัตรมีพระราชประสงค์ที่จะจำหน่ายสิ่งของเหล่านั้น พระองค์เองก็ยังไม่กล้าแตะต้องสิ่งที่อดีตมหาราชได้ซงสะสมไว้ วิชเยนทร์ยังได้พาพวกเราไปดูวัดวาอารามที่งามที่สุดทั้งไนกรุง และหัวเมือง พระพุทธรูปนั้นส้างด้วยปูนแล้วปิดทองอันเปนสิลป หัถกัมหย่างปรานีต ดูเผิน ๆ ก็ว่าเปนทองแท้ วิชเยนทร์ไม่ละเลย ที่จะบอกเราว่าพระพุทธรูปเหล่านั้นหล่อด้วยทองคำแท้ ๆ คนเราก็ เชื่อเอาง่าย ๆ เพราะว่าเอามือไปลูบคลำไม่ได้ และโดยมาก พระพุทธรูปเหล่านั้นก็ประดิสถานหยู่บนที่สูง บางวัดก็มีลูกกรงเหล็ก กั้นพระพุทธรูปไว้ ไม่เปิดประตูไห้เข้าไปดูไกล้ ๆ เลย 11

82 เครื่องราชบรรนาการที่วิชเยนทร์จัดส่งไปถวายพระเจ้าหยู่หัวของเราและพระราชวงส์นั้น ก็เปนความมุ่งหมายอันลี้ลับของเขาหย่าง หนึ่งเหมือนกัน เขาผลานประเทสไทยเพื่อไห้ชาวฝรั่งเสสเห็นว่า ประเทสนี้มั่งมีเพียงไร ถ้าอ่านรายงานและจดหมายเหตุรายวันของ แปร์ตาชารต์และของลับเบเดอะชัวสีแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าวิชเยนทร์จัด ทำทุกสิ่งทุหย่างจนเกินไป ไม่พักแต่เพียงจะแสวงหาสิ่งที่หาได้ไน ประเทสนี้ ยังซ้ำไปบันทุกสิ่งของที่หายากมาจากประเทสจีนและยี่ปุ่น อีกด้วย และไม่ยอมหยุดส่งไปลงเรือรบของเรา จนไม่มีที่เหลือพอที่ จะบันทุกไปได้ แม้ทหานเรือฝรั่งเสสก็ได้รับของกำนันทุกคน จะไม่พากันรู้สึก ว่าวิชเยนทร์เปนครไจกว้างขวางหย่างไรได้ ท่านสมุหนายก ( หรือ อัคมหาเสนาบดีไทย ) ผู้ฉลาดหลอกลวงราชทูตและชาวฝรั่งเสสได้ ด้วยประการฉะนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเปนกุสโลยายของวิชเยนทร์ที่จะยังความ สำเหร็ดแก่ความมักไหย่ไฝ่สูงของเขา ไนขนะที่ท่านราชทูตกำลังเรียมตัวที่จะกลับไปประเทสฝรั่งเสส เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลา และฉันต้องหยู่ไนประเทสนี้ ฉันจึงไม่รู้ว่า จะเอาเงินสี่สิบชั่ง ค่าแก้วประพาลของนายรุยเลต์ ไปซื้ออะไรได้ ฉันจึงนำเอาเงินจำนวนนั้นไปมอบไห้สมุหาบั?ชีของบริสัท คองปันยี เดส์อังด์ส์ และรับไบแลกเงินส่งไปไห้นายรุยเลต์ แก้ตัวว่าหาซื้ออะไร ตามความประสงค์ของเขาไม่ได้ เมื่อถึงกำหนดวันที่ราชทูตจะออก เรือไป วิชเยนทร์และฉันได้ตามไปส่งท่านถึงไนเรือรบ เมื่อได้สแดง

83 ความอาลัยที่จะต้องจากกัน และอำลากันตามอัธยาสัยไมตรีแล้ว เรา ทั้งสองลงเรือกลับไปเมืองละโว้ บัดนี้ ถึงเวลาที่จะบันยายนโยบายการเมืองของวิชเยนทร์ไว้ตอนหนึ่ง และภายหลังจะเล่าสาเหตุที่เขาต้องการเอาตัวฉันไว้ไนประเทสนี้ สมุหนายกไทยผู้นี้เปนชาวประเทสกรีส ( โยนกประเทส ) เปนบุตร เจ้าของร้านขายสุราที่หมู่บ้าน คุสโตท ซึ่งตั้งหยู่บนเกาะ เสฟาโลนี ที่มาได้ตำแหน่งสูงและคงหยู่ได้นั้น ทำไห้ขุนนางไทยทั้งหลายและ ประชาชนพลเมืองเกลียดชังและริสยามาก แรกเริ่มเดิมทีเขาไปรับไช้เจ้าพระยาพระคลัง ซึ่งเปนสมุหนายกกิริยานุ่มนวนกอบด้วยความเพียร และความเฉลียวฉลาดของเขานั้น เปนที่ถูกไจท่านเจ้าพระยาพระคลังมาก นายของเขาไว้วางไจ ไห้สมบัติพัสถานเปนอันมาก และนำไปถวายตัวพระนารายน์มหาราชว่าจะเปน กำลังไนราชการมาก พระนารายน์มหาราชได้ซงรู้จักคน ๆ นี้ไม่นานก็ไว้วางพระราช หรึทัยมาก แต่ด้วยความอกตั??ูที่น่าชังนัก คนโปรดไหม่นี้ไม่ ชอบมีคู่แข่ง แอบอิงอำนาดไนราชการเพ็ดทูลกล่าวร้ายหาความผิดไส่

1. ประชุมพงสาวดารภาคที่ 6 ว่า เจ้าพระยาโกสา ฯ (ขุนเหล็ก ) ไห้ วิชเยนทร์เข้ารับราชการไนกรมพระคลังสินค้า และรับราชการหยู่ไนบังคับบันชาของ เจ้าพระยาโกสา ฯ จนถึง พ.ส. 2226 ซึ่งเปนปีที่เจ้าพระยาโกสา ฯ (ขุนเหล็ก) ถึง อสั?กัม พระนารายน์มหาราชจะซงตั้งไห้วิชเยนทร์เปนที่โกสาธิบดี แต่วิชเยนทร์ ไม่รับ จึงซงตั้งขุนนางเชื้อแขกเปนที่โกสาธิบดี แต่การต่างประเทสหยู่กับวิชเยนทร์


84 ตัวเจ้าพระยาพระคลัง ทำไห้ซงสงสัยความประพรึตท่านผู้นี้แล้ว ยุแหย่ไห้ปลดข้าราชการที่มีความจงรักภักดีและซื่อสัจออกเสียจาก ราชการ เจ้าพระยาพระคลังผู้มีพระคุนแก่เขาคนนี้แหละเปนคนแรก ที่เขาประทุสร้าย เพื่อความมักไหย่ไฝ่สูงของเขา คนทั้งประเทส จึงเริ่มเกลียดคน ๆ นี้มาก ขุนนางผู้ไหย่และผู้น้อยแค้นเคืองวิชเยนทร์เปนหย่างยิ่ง ขุนนางพวกนี้เกรงว่าจะถูกกล่าวร้ายเช่นเดียวกัน จึงสมรู้ร่วมคิดกันลับ ๆ ที่ จะสำเหร็ดโทสวิชเยนทร์เสีย แต่ไม่ทันมีโอกาส คน ๆ นี้รู้ตัวก่อน จึงกราบบังคมทูนพระกรุนา ไห้ลงพระราชอา?าประหารชีวิตผู้ร่วมคิด ชิงความชอบเสียมากกว่าสามร้อยคน แต่นั้นไปวิชเยนทร์รู้ดีว่าพระ นารายน์มหาราชซงมีพระราชนิสัยอ่อนแอ จึงได้อ้างพระราชอำนาด มากดขี่รีดเนื้อประชาชนพลเมือง สะสมพระราชทรัพย์ไว้เปนอันมาก โดยรับสินค้าประการหนึ่งและทำการค้าขายอีกประการหนึ่ง เพราะว่า เขาเปนคน ๆ เดียวที่ทำการค้าขายกับต่างประเทสได้ การล่วงพระราชอำนาดจนเหลือเกินดังนี้ วิชเยนทร์แก้ตัวว่า เขาได้ทำเพื่อสาธารนประโยชน์ แต่คนทั้งประเทสไม่ชอบพอเขาเลย ได้ร่วมคิดกันลับ ๆ ยังไม่มีไครกล้าทำการเปิดเผยเลย รอคอยเวลา จะก่อการกบด เมื่อโรคาพยาธิเบียดเบียนพระนารายน์มหาราช โอกาส นั้นไกล้เข้ามาแล้ว เพราะว่าเวลานี้ก็ซงพระชราและประชวรหยู่บ้างแล้ว วิชเยนทร์รู้ตัวหยู่ดีแล้วว่าขุนนางทั้งหลายไม่ชอบพอเขา เขามี ความไหวพลิบและความเชื่อมั่นมากเกินไปว่าที่ได้ลงพระราชอา?า

85 หย่างหนักแก่ขุนนางที่เอาไจออกหากมาแล้ว คงเปนตัวหย่างที่จะไม่ ไห้คนอื่น ๆ ลืมตัวและกลับสมรู้ร่วมคิดกัก่อการจลาจลขึ้นอีก นอก จากนี้วิชเยนทร์รู้ดีว่า ไคร ๆ ว่าเขาต้องพึ่งพระบารมีพระนารายน์ มหาราช ตราบไดที่ไม่ประชวรและมีพระกำลังแขงแรงแล้ว ตราบ นั้นก็ไม่ต้องมีความวิตก เขารู้ดีว่าถ้าเกิดการกบดขึ้นแล้ว เขาจะ เอาตัวรอดไม่ได้ ถ้าประเทสต่างด้าวประเทสหนึ่งไม่ช่วยเหลือและ คุ้มครองไห้เขาดำรงถานะหยู่ไนพระราชอานาจักรนี้ได้ ความมุ่งหมายของเขามีหยู่หย่างเดียวเช่นนี้ วิชเยนทร์จึงได้ กราบบังคมทูนพระกรุนาไห้ซงรับรองชาวต่างประเทส และซงมอง ป้อมปราการไห้ควบคุม ต่อมาได้กราบบังคมทูนแนะนำว่า ถ้าได้ที พระราชสัมพันธไมตรีกับชาวต่างประเทสแล้ว ประเทสไทยจะได้รับ ประโยชน์นานัปการ พระนารายน์มหาราชก็ซงเชื่อถ้อยคำของสมุห นายกผู้นี้ ความยกลำบากนั้นจะเลือกทำพระราชสัมพันธไมตรี กับพระมหากสัตรต่างประเทสพระองค์ได วิชเยนทร์ซึ่งทำอะไรก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขา หาคิดที่จะทำ สัมพันธไมตรีกับพระมหากสัตรแห่งประเทสไกล้เคียงไม่ เขารู้ดีว่า พระมหากสัตรที่ปกครองประเทส ซึ่งตั้งหยู่ไกล้เคียงประเทสไทยนั้น ไม่มีความสัจ เขาจึงเกรงว่าเมื่อพระมหากสัตรนั้น ๆ ได้สิ่งแลกเปลี่ยน สมพระราชประสงค์แล้ว คงจะซงมอบตัวเขาไห้ขุนนางไทยนำตัวขึ้น สาลว่าทรยสแก่แผ่นดิน หรือมิฉะนั้นก็ซงขอไห้ประหารชีวิตเขาก่อน จะตั้งต้นทำหนังสือสั??าทางพระราชไมตรี

89 เขาไม่เห็นลูทางที่จะเอาอะไรไปล่อชาว อังกริด วิลันดา สเปน หรือโปรตุเกสได้ เพราะว่าประเทสไทยไม่มีสินค้ามากพอที่จะแลก เปลี่ยนกับประเทสนั้น ๆ ได้ จึงนึกว่าหลอกลวงชาวฝรั่งเสสได้ง่าย กว่า เหตุฉะนั้น วิชเยนทร์จึงได้กราบบังคมทูนพระกรุนาไห้ซงทำ พระราชสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหยู่หัวของเรา โดยแต่งตั้งคณะทูต ไทยที่กล่าวมาข้างบนนี้ไห้ออกไปชี้แจงว่า พระนารายน์มหาราชมี พระราชดำริที่จะซงเข้ารีดนับถือคริสตสาสนา ความจิงพระนารายน์ มหาราชไม่เคยมีพระราชดำริเช่นนั้นเลย พระเจ้าหยู่หัวของเราซง เชื่อว่า พระมหากสัตรแห่งประเทสไทยซงมีพระราชสัทธาที่จะซง เข้ารีดจิง จึงซงแต่งตั้ง เชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ เปนราชทูตมาเชื่อม ทางพระราชไมตรีกับพระนารายน์มหาราช วิชเยนทร์เห็นว่าความคิดของเขาสมประสงค์ไปบ้างแล้ว จึงคิดการที่จะไห้นโยบายนั้นสำเหร็ดผลตลอดไปตามความมักไหย่ไฝ่สูงของเขาเขาได้บอกเชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ว่า ชาววิลันดาคิดที่จะขยายการค้า ขายไนประเทสนี้ไห้กว้างขวาง และมีความประสงค์มานานแล้วที่จะมา ตั้งคลังสินค้าไนประเทสไทย แต่พระนารายน์มหาราชไม่ซงพระราช ดำริเห็นชอบด้วย ซงเกรงว่าชาววิลันดา ซึ่งมีความโลภมากจะมาเปน เจ้าเปนไหย่ไนประเทสนี้ เหตุฉะนั้นถ้าพระเจ้าหยู่หัวของเรา ซึ่งเขามี ความเชื่อมันว่า ซงมีพระราชอัชชยาสัยเที่ยงธัม มีพระราชประสงค์ ที่จะทำหนังสือสั??าทางพระราชไมตรีกับพระนารายน์มหาราชแล้วเขา


87 จะจัดการมอบป้อมปราการที่บางกอกไห้ชาวฝรั่งเสส ป้อมปราการนี้ เปนที่มั่นสำคันนัก นับว่าเปนกุนแจของประเทสไทยก็ได้ เขาขอแต่ ไห้ซงจัดส่งกองทหานพร้อมทั้งช่างและเงินมาลงมือควบคุมก่อส้างไห้ แขงแรงขึ้นเท่านั้น เชวาลิเอร์เดอะโชมองต์และท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีซึ่งซาบความนี้ ไม่เห็นว่าจะทำตามได้ง่ายนัก จึงไม่ยอมรับรู้ด้วย แปร์ตาชารต์ไม่ ขัดข้อง เริ่มแรกตกตลึงเห็นไปว่าประโยชน์ที่พึงได้จากการทำหนังสือ สั??าเช่นนี้มีมาก แต่แท้จิงประโยชน์ที่ยกขึ้นพูดนั้นเกินความจิง ท่านนักบวดเจสูอิตนิกายรูปนี้ ถูกวิชเยนทร์สมุหนายกผู้ฉลาด และไม่มี ความจิงไจหลอกลวงทั้งนั้น เขาสวมหน้ากากซ่อนเร้นความมุ่งหมาย ไว้ไต้ความสัทธาแก่กล้าไนสาสนา เขายกข้อความขึ้นพูดว่า ข้อเสนอ ของเขานั้นจะช่วยไห้สาสนกิจแผ่ไพสาลไป พระนารายน์มหาราชต้อง ซงเข้ารีดแร่ และกองทหานฝรั่งเสสที่จะมาควบคุมป้อมปราการที่ บางกอกนั้น ก็จะอุดหนุนไห้ผู้สั่งสอนสาสนาทำกิจการได้ดีปราสจาก อุปสัคทั้งปวง นอกจากนี้วิชเยนทร์ยังได้สั??าว่าจะอุปการะลัทธิจสูอิตจะส้างวิทยาลัย และหอดูดาวขึ้นที่เมืองละโว้ด้วย สรุปรวมความ ทั้งมวน แปร์ตาชารต์ เห็นว่าการทำหนังสือสั??าที่มีข้อความดังที่ระบุมาข้างบนนี้ยังประโยชน์แด่พระมหากสัตร สาสนา และบริสัทค้าขาย ฝรั่งเสสเปนอเนกประการจึงไม่ยับยั้งที่จะไห้คำมั่นสั??าแก่วิชเยนทร์ ว่าจะรับภาระไปเปนผู้เจรจาการทำหนังสือสั??า และพูดว่า หวังไจว่า


88 แปร์ เดอะลาเชสคงจะช่วยเหลือและเพ็ดทูนพระเจ้าหยู่หัวของเราไห้ซง เห็นชอบด้วย แต่นั้นมา แปร์ ตาชารต์ เปนผู้ที่ซาบความลับของคนะทูตดี ได้ตกลงไจที่จะกลับไปประเทสฝรั่งเสสและควบคุมคนะทูตไทยไปด้วยพร้อมกัน เมื่อเขาทำความตกลงกันเช่นนี้แล้ว ถ้าฉันกลับไปประเทสฝรั่งเสส ด้วย ความคิดของวิชเยนทร์อาดมีอุปสัค จึงกักตัวฉันไว้ สาเหตุ ที่กักตัวฉันไว้มีดังจะเล่าต่อไปนี้ ไนหน้าที่ควบคุมคนะทูตฝรั่งเสสนั้น ฉันได้ทำความติดต่อกับวิชเยนทร์หลายคราว เขาจึงรู้ดีว่าฉันมีนิสัย พูดจาตลกคนอง และพูดตรงไปตรงมา ไม่เคยอำพลางเลย เขาจึง เกรงว่าฉันจะไปเที่ยวพูดว่าประเทสไทยไม่มั่นคง และไม่มีการค้าขาย เปนล่ำสันพอที่ชาวฝรั่งเสสจะพากันมาหยู่ไนประเทสนี้ โดยเหตุที่ฉัน ไม่เคยมีความสงสัยเลยว่าความมุ่งหมายของวิชเยนทร์มีหยู่หย่างไร เขาจึงเกรงว่าถ้าฉันกลับไปประเทสฝรั่งเสสแล้ว ก็คงจะประพรึตตัว เช่นเดียวกันกับหยู่ไนประเทสนี้ และถ้าฉันไปโคสนาว่าฉันมีความคิด ความเห็นว่าประเทสไทยเปนเช่นนั้นเช่นนี้ ถ้อยคำนั้นอาดทำลาย นโยบายที่เขาตั้งไจไว้ว่าจะไห้สำเหร็ดตามความมุ่งหมายของเขาจนได้ ถ้าพูดตามความเปนจิงแล้ว วิชเยนทร์ไม่คิดผิดเลยที่ไม่ไว้ วางไจฉัน เพราะว่าฉันจะละเลยเสียมิได้ที่จะไม่เล่าข้อความที่ฉันได้รู้ เห็น ความจงรักภักดีที่ฉันมีแด่พระมหากสัตร และชาติบังคับไจไม่ไห้ ฉันนิ่งดูการตระเตรียมจัดส่งคนะทูตฝรั่งเสสออกไปประเทสไทย อัน เปนการเปลืองพระราชทรัพย์และไร้ประโยชน์หย่างยิ่ง วิชเยนทร์เกรง

89 ว่าฉันจะไขความจิงไนเรื่องนี้ แล้วทำลายนโยบายของเขา เขาจึง ขวนขวายทุกทางที่จะกักตัวฉันไว้ไนประเทสนี้จนได้ สาเหตุเหล่านี้สดุดไจฉันเมื่อคนะทูตฝรั่งเสสและไทยได้ออกเรือ ไปแล้ว และพายหลังเวลาที่ฉันได้สนทนากันกับวิชเยนทร์เปนเวลา นาน ไนเวลาที่พูดกันนั้นเขาได้ขยายสาเหตุที่ฉันได้เล่ามาข้างบนนี้ไห้ ซาบโดยมาก นอกนั้นฉันสืบซาบความถี่ถ้วนชัดเจนจากการสนทนา กับผุ้ที่รู้ความจิง และจากความสังเกตเหตุการน์ที่เกิดขึ้นเปนลำดับมา อันพิสูจน์ไห้เห็นว่าข้อคามที่ได้บันยายมาแล้วนั้นมีมูล บัดนี้ฉันจะเล่า พรึติการน์ที่บังเกิดขึ้นแก่ตัวฉันไนเวลาหยู่ไนประเทสนี้ เมื่อคนะทูตฝรั่งเสสและไทยลงเรือไปแล้ว ฉันกลับไปเมืองละโว้พร้อมกันกับวิชเยนทร์ เมืองละโว้ ( ลพบุรี) นั้นเปนที่ประทับไนชนบท ของพระนารายน์มหาราช ตามปรกติประทับหยู่ที่เมืองนั้นเปนกิจ สเด็ดไปพระนครสรีอยุธยา ซึ่งหยู่ห่างกันประมานเจ็ดร้อยเส้นนาน ๆ ครั้งหนึ่ง และเมื่อมีงานพระราชพิธี เมื่อฉันมาถึงเมืองละโว้ เขานำ ฉันเข้าไปไนพระราชวังเปนครั้งแรก ภาวะของขุนนางไทยที่ฉันได้ ประสบนั้น ทำไห้ฉันประหลาดไจเปนหย่างยิ่ง ขุนนางทั้งปวงนั้นนั่งหยู่บนเสื่ออ่อนจับกลุ่มกันเปนวง ๆ ไป ฉัน ได้เห็นเครื่องแต่งลานพระราชวังที่ผิดกันไกลกับเครื่องแต่งพระราช สำนักของเรา ฉันจึงถามวิชเยนทร์ว่า ความเปนสง่าผ่าเผยของขุนนางไทยมีเพียงภาพที่สดุดตาฉันเพียงนี้หรือ เขาตอบว่า มีเพียงเท่านี้ แหละ เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนั้นแล้ว และเห็นฉันนิ่งอั้น เขากะซิบ 12 90 บอกความออกมาโต้ง ๆ ซึ่งแต่ก่อนนี้ก้ไม่เคยปริปากออกมาเลย ว่าที่ฉันเห็นภาพนั้นหย่าประหลาดไจ ความจิงประเทสนี้จนมาก แต่ ฉันไม่ต้องวิตกว่าจะไม่มีทั้งลาภและยส ดูตัวเขาเองซิ เขาได้สะสม ทรัพย์สมบัติไว้ได้มากแล้ว ไนตอนท้ายความสนทนาเขาขยายสาเหตุ ที่เขากักตัวฉันไว้ไนประเทสนี้ออกมาตรง ๆ ดังมีข้อความที่ฉันได้ บันทึกไว้ข้างบนนี้แล้ว ตลอดเวลาสองเดือน ฉันเข้าไปไนพระราชวังทุกวัน แต่ไม่เห็น พระองค์พระนารายน์มหาราชสักครั้งเดียว ต่อมาพายหลังจึงได้เข้า เฝ้าบ่อย ๆ วันหนึ่งมีพระราชกะแสถามฉัน ว่าฉันไม่รู้สึกสาบายไจหรือ ที่ได้มาหยู่ไนพระราชสำนักนี้ ฉันเห็นว่าไม่เปนการจำเปนที่จะกราบ บังคมทูนพระกรุนาไห้ซงซาบความจิงไจของฉัน จึงสนองพระราชกะแสว่า ฉันมีความปิติยินดีเปนหย่างยิ่งที่ได้มารับราชการฉลองพระเดช พระคุน หย่างไรก็ตาม สิ่งไรไนโลกก็คงไม่มีความเท็ดเท่าคำที่ฉัน กราบบังคมทูนมานี้ ความเสียไจที่ไม่ได้กลับไปประเทสฝรั่งเสสนั้น ทวีมากขึ้นทุกขนะ พระนารายน์มหาราชเปนผู้ซงพระวินิจฉัยคดีทั้งปวงและไห้ลงพระราชอา?าเอง เหตุฉะนั้นจึงไม่มีไครที่จะรอดพ้นพระราชอา?าไปได้ เลย แม้พระราชโอรสและพระเจ้าน้องยาเทอก็ไม่ได้ความยกเว้นผิด แผกไปจากคนอื่น ๆ ตกไจที่ได้เห็นขุนนางผู้ไหย่ถูกลงพระราชอา?าดังนี้ ฉันจึงถามวิชเยนทร์ว่าฉันจะต้องถูกลงพระอา?าเช่นนี้บ้างหรือไม่ เขาตอบว่า

91 ไม่ต้องวิตก ไม่เคยลงพระราชอา?าชาวต่างประเทสเลย แต่คน ๆ นี้ พูดปด เพราะว่าฉันได้ซาบพายหลังว่า เมื่อเขารับราชการหยู่ไต้บังคับ บันชาเจ้าพระยาพระคลังคนก่อน เขาเคยถูกลงโทสโบยครั้งหนึ่งแล้ว ไนที่สุดพระนารายน์มหาราชพระราชทานบ้านไห้ฉันหยู่หลังหนึ่ง และทาสไว้รับไช้สามสิบคน กับช้างอีกสองเชือก ค่าอาหารสำหรับ เลี้ยงคนไช้นั้น ฉันจ่ายเพียงวันละหนึ่งเฟื้องเท่านั้น เพราะว่าคนเหล่านี้ไม่กินเหล้า และอาหารก็ถูกมาก ส่วนตัวฉันนั้นฉันรับประทานอาหาร กับวิชเยนทร์ ที่บ้านของฉันนั้นเขาจัดเครื่องเรือนไม่สู้งามนัก ไห้ไว้ สองสามชิ้นเท่านั้น แต่ไห้ไช้จานเงินหนึ่งโหล จานเงินขนาดไหย่ สองจาน บางทั้งนั้น ผ้าเช็ดมือสี่โหล และเทียนสีเหลือง ๆ วันละ สองเทียน นี่แหละเปนภาชนะเครื่องไช้สอยของ " ท่านนายพลเรือเอก และผู้บันชาการทหานบกของพระบาทสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัว ควนรู้สึก พอไจเสียบ้าง จิงไหม เวลาสเด็ดประพาสตามหัวเมืองหรือคล้องช้าง โปรดเกล้า ฯ ไห้จัดอาหารมาเปนของพระราชทานแก่ราชบริพาร มักมีข้าวและ แกงเปนต้น คนไทยเห็นว่าอาหารนั้นโอชารสมาก แต่ชาวฝรั่งเสสซึ่งไม่ชินกับอาหารเช่นนี้ ไม่รับประทานได้คล่องคอนัก ความจิงวิชเยนทร์ซึ่งโดยสเด็ดพระราชดำเนินเสมอ จัดหาอาหารที่อร่อยไปแบ่งไห้ฉัน รับประทานด้วย แต่ถ้าเขามีราชการที่บังคับไห้ทำหยู่ที่เคหะสถานของ เขา ฉันต้ผงฝืนไจรับประทานของที่โปรดเกล้า ฯ ไห้ห้องเครื่องต้นส่ง ออกมา

92 เวลาสเด็ดประพาสเพื่อสำรานพระราชอิริยาบถเช่นนี้ โปรด เกล้า ฯ ไห้ฉันเข้าเฝ้าบ่อย ๆ และซงพระราชปติสันถารด้วย ฉันได้ กราบบังคมทูนสนองพระราชกะทู้ทางล่ามผู้หนึ่ง ซึ่งเวชเยนทร์จัดไว้ ประจำตัวฉัน โดยเหตุที่ซงพระเมตตาฉันมาก ฉันจึงกล้าสแดงความเห็นบางหย่าง ซึ่งถ้าออกจากปากของผู้อื่นแล้ว อาดมีผลร้ายเปนหย่างยิ่ง วันหนึ่งมีพระราชประสงค์จะลงพระราชอา?ามหาดเล็กคนหนึ่งที่ลืมจัด เตรียมผ้าเช็ดพระพักตรไว้ถวาย1 ฉันไม่รู้จักขนบทำเนียมของประเทส นี้ เห็นแต่ว่าตนเองเปนคนโปรดปราน จึงขอพระราชทานอภัยโทส เพื่อเปนการสงเคราะห์คนอันน่าสมเพชนั้น พระนารายน์มหาราชประหลาดพระราชหรึทัยมากที่ฉันมีปาก กล้า จึงซงพระพิโรธมาก วิชเยนทร์ซึ่งเฝ้าหยู่ไนที่นั้นด้วย หน้าซีด ลงทันที เกรงว่าฉันคงจะได้รับพระราชอา?าหย่างแสนสาหัส ส่วน ตัวฉันนั้นฉันหาตกตลึงไม่ ฉันกราบบังคมทูนว่า พระเจ้าหยู่หัวของฉัน นั้นซงพระโสมนัส เมื่อได้ซงเห็นว่ามีคนขอพระราชทานอภัยโทสแก่ ผู้มีความผิด เพราะว่าเปนการเตือนพระราชสติไห้ซงคลายพระโทโส แล้วพระราชทานอภัยโทส ข้าราชการที่นิรโทสนั้นก็รู้สึกไนพระมหา กรุนาธิคุน และตั้งหน้ารับราชการฉลองพระเดชพระคุนด้วยความ จงรักภักดี แล้วมอบกายถวายชีวิตแด่พระเจ้าหยู่หัวด้วยความกตั??ู

1. มหาดเล็กคนนี้ คือ พระปีย์ เจ้าราชนิกุลองค์หนึ่ง พระนารายน์มหาราช ซงพระเมตตาเหมือนหย่างเปนพระราชบุตร ออกพระสักดิสงครามเล่าว่าชอบพอกับ พระปีย์มาก พระปีย์รู้สึกบุ?คุนที่เขาได้ช่วยไห้พ้นพระราชอา?าได้

93 กตเวที พระนารายน์มหาราชได้ซงซาบความเห็นของฉันดังนี้แล้ว พระ ราชทานอภัยโทสแก่มหาดเล็กคนนั้น และมีพระราชกะแสว่ามีพระราช ประสงค์ที่จะเอาเยี่ยงหย่างพระมหากสัตราธิราชฝรั่งเสส เรื่องนี้อื้อฉาวไปทั่วพระราชอานาจักร และทำไห้ขุนนางไทย ตกไจมาก เขาคิดว่าฉันคงถูกเย็บปาก เพราะพูดไม่เหมาะกับกาละ เทสะ วิชเยนทร์เองมาเตือนฉันว่าต่อไปพายหน้าขอไห้ฉันระวังปากคำ จงมาก และซ้ำติเตียนฉันว่าเปนคนปากไวไจเร็ว ซึ่งหาความฉลาดมิได้เลย ฉันตอบเขาว่าฉันไม่มีความเสียไจแม้สักนิดเดียวเลยที่ได้พูดไป เช่นนั้น เพราะว่าความเห็นที่ได้สแดงไปแล้วนั้นยังความสำเหร็ดผล มาเปนหย่างดียิ่ง แท้จิงฉันหาตระหนกตกไจไม่ ตั้งแต่วันนั้นมาฉันยังได้สังเกต เห็นว่า พระนารายน์มหาราชซงยินดีที่จะซงพระราชปติสันถารกับฉัน มากครั้งขึ้น ฉันจึงหาเรื่องราวต่าง ๆ นา ๆ ที่ฉันแต่งขึ้นไห้เหมาะกับ กาละเทสะตามอำเพอไจของฉันมากราบบังคมทูน ฉันได้ความสนุกไจ เพราะรู้สึกว่าซงพอพระราชหรึทัยมาก วันหนึ่งเวลาสเด็ดประพาส คล้องช้าง ได้มีรับสั่งถามฉันว่าที่ได้ซงจัดพลและซงแนะนำไห้ควาน เตรียมตัวคล้องช้างนั้น อันที่จิงพระกิริยามารยาทนั้นก็สง่าผ่าเผยมาก ฉันมีความเห็นหย่างไร ฉันกราบบังคมทูนพระกรุนาว่า " ขอเดชะ เท่าที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแวดล้อมไปด้วยเสนาอำมาจราชเสวกฉะนี้ ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกว่าเหมือนได้เห็นพระองค์ พระเจ้าหยู่หัวของข้าพระพุทธเจ้าประทับหยู่ไนท่ามกลางกองทหานซง

94 จัดรี้พล เตรียมการทุกหย่างด้วยพระองค์เอง ก่อนที่จะซงนำทัพเข้า สู่สนามรบ " พระนารายน์มหาราชซงพอพระราชหรึทัยไนถ้อยคำสนอง พระราชปุจฉานั้นเปนอันมาก ฉันก็ได้คาดคเนไว้แล้วเช่นนั้น ถ้าจะต้องพูดตามความที่เปนจิงแล้ว การเปรียบเทียบความ สง่าผ่าเผย และอลังการพายนอกของพระมหากสัตรสองพระองค์นี้แล้ว ก็ไม่เปนการเปรียบที่ปราสจากความเที่ยงธัมนัก เพราะว่าจะหาสิ่งได ไนโลกนี้เลิดยิ่งกว่ายุรยาตราของพระเจ้าแผ่นดินไทยพระองค์นี้ไม่ ถึง แม้ว่าพระราชอานาจักรนี้ไม่มั่งคัง และพระรานายน์มหาราชก็ประทับ หยู่แต่ข้างไนพระราชวัง ไม่มีไครแม้ผู้ที่ซงคุ้นเคย ก็เข้าไปข้างไน ไม่ได้ ได้แต่เฝ้าเวลาที่สเด็ดออกที่สีหบั?ชรเท่านั้น แต่ถึงเวลา สเด็ดออกจากพระราชวังแล้ว ความสง่าผ่าเผยของขบวนแห่ก็สม พระเกียรติยสพระมหากสัตราธิราชเปนหย่างยิ่ง การสเด็ดพระราชดำเนินทางชลมาคที่นับว่ามโหลารที่สุดนั้นคือ งานพระราชพิธีไล่เรือ 1 ซึ่งมีทุกปีและเปนงานพระราชพิธีดำรัสสั่งไห้ น้ำไนเม่น้ำลดน้อยลง ฉันได้เคยเล่าแล้วว่าไนประเทสนี้น้ำท่วมตลอด เวลาหกเดือนทุกปี ที่น้ำไนแม่น้ำหลากไหลลงมาท่วมแผ่นดินนั้น เพราะว่าหิมะบนภูเขาไนประเทสตาร์ตาร์ละละาย 2 แต่เมื่อถึงรึดูหนาว หิมะก็หยุดละลาย น้ำจึงลดน้อยลง ทำไห้ประเทสแห้งแร้ง เมื่อถึง

1. พระราชพิธีไล่เรือนี้ ต่อมาไนรัชกาลพระนั่งเกล้าเจ้าหยู่หัว เรียกว่า พระราชพิธีไล่น้ำ 2. สแดงไห้เห็นว่าคนไนสมัยนั้นมีความรู้ภูมิสาสตรน้อยเพียงไร

95 รึดูนี้คนไทยเกี่ยวข้าว ซึ่งเปนพืชที่เพาะปลูกมากกว่าประเทสได ๆ ไนโลกนี้ เมื่อถึงรึดูนี้และเมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำตั้งต้นลดน้อยลง พระนารายน์มหาราชก็สเด็ดออกซงทำพระราชพิธีที่กล่าวมาข้างบนนี้ ประทับหยู่ บนพระราชอาสน์ปิดทองอร่าม ซึ่งประดิสถานหยู่ตรงกลางเรือพระ ที่นั่งอันวิจิตรงดงามมีขุนนางผู้ไหย่ผู้น้อยทุกมนทลโดยสเด็ดพระราช ดำเนินมาไนเรือกันยาซึ่งงามไม่น้อยเลย และยังมีเรืออื่น ๆ อีก นานับปการตามมาไนกะบวนนั้น เรือพระที่นั่งล่องลงไปถึงตำบนหนึ่ง ไนแม่น้ำแล้ว ซงชักพระแสงดาบออกฟันน้ำแล้วดำหรัดสั่งไห้น้ำลด น้อยลง เส็ดพระราชพิธีนี้แล้วโปรดกล้า ฯ พระราชทานรางวัลเปน อันมาก แก่เรือลำแรกที่ล่องขึ้นไปถึงพระบรมมหาราชวังก่อนลำอื่น อะไรไม่น่าดูเก่าการแข่งขันระหว่างเรือเหล่านี้ เพราะว่าได้เห็นฝีมือ ฝีพายที่ต่างพยายามหลีกเลี่ยงแหวกทางขึ้นหน้าเพื่อเอาเปรียบกัน ตลอดทางไป 1 ย้อนกลับมาเล่าเรื่องคล้องช้าง เมื่อควานคล้องช้างได้แล้ว พระนารายน์มหาราชหันพระพักตรมาตรัดกับฉันว่าสัตวชนิดนี้มีความ ฉลาดเฉลียวเพียงไรดังนี้ " ข้างตัวที่เราขี่หยู่เดี๋ยวนี้เปนตัวหย่าง

1. ตอนต้นออกพระสักดิสงครามหมายความถึงพระพิธีไล่เรือ หรือไล่น้ำ ที่มี ไนเดือนอ้าย แต่ตอนท้ายกลับกลายไปเปนพระราชพิธีอัสยุชย์แข่งเรือ ที่มีไนเดือน สิบเอ็ด ไนจดหมายเหตุรายวันของท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี ๆ ก็ปะปนพระราชพิธีสอง หย่างนี้เช่นเดียวกัน ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีเรียกว่าพระราชพิธีตัดน้ำ ไนบันทึกความจำ นี้ได้ความชัดว่าคำที่ว่า " ตัดน้ำ " นั้น ก็คือเอาพระแสงดาบฟันหรือตัดน้ำนั่นเอง 96 ช้างฉลาดได้ไม่สู้นานมานัก ควานคนหนึ่งได้ตัดอาหารลงไห้มันกินแต่ ครึ่งหนึ่งเท่านั้น มันจะกล่าวโทสควานก็พูดไม่ได้ มันจึงแผดเสียง ดังลั่นไปทั่วพระราชวัง เราเดาไม่ถูกว่าเหตุไรมันจึงร้อง เราจึงมี ความสงสัย สั่งไห้ควานคนไหม่ไปเลี้ยงช้างตัวนี้ ควานคนนี้เปนคน ซื่อ จัดหาข้าวไห้มันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช้างตัวนี้ยื่นงวงออกไปแบ่ง ข้าวออกเปนสองส่วน กินแต่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแล้วแผดเสียงดังลั่นขึ้น อีก คนที่วิ่งไปดูจึงรู้ว่าควานคนก่อนโกงอาหารของช้าง อ้ายควาน คนนั้นรับสารภาพว่าได้ขโมยข้างช้างจิง เราจึงลงโทสควานคนนั้น หย่างหนัก " พระนารายน์มหาราชได้ซงพรรนาความฉลาดของช้างอีกหลาย เรื่องซึ่งถ้าออกจากปากผู้อื่นแล้วก้ไม่น่าเชื่อนัก ต่อไปนี้เปนอุทาหรณ์ ที่ฉันได้เห็นแก่ตาและได้ยินแก่หูฉันเอง เมื่อช้างถึงเวลาผสม หรือ ตกมันมันดุร้ายมาก เพื่อทำไห้มันสงบเสงี่ยมต้องนำเอาช้างพังเข้า ไปหยู่ไกล้ ๆ มันเวลาพามันไปอาบน้ำ ช้างพังนั้นเดินไปข้างหน้า มี ควา?ขี่ไปคนหนึ่งควา?คนนี้เป่าแตรชนิดหนึ่งเพื่อเปนอาณัติสั??าณ ไห้ประชาชนระวังตัวและหลีกหนีไป วันหนึ่งเขานำช้างตกมันตัวหนึ่งไปลงน้ำ มันหนีควา?ไปได้แล้ว ลงไปอาละวาดหยู่กลางแม่น้ำ ทำไห้คนตกไจแตกตื่นกันมาก ฉัน ขึ้นม้าตามมันไปดูว่ามันจะทำอะไร ได้พบภรรยาควานช้างยืนหยู่ที่ ริมฝั่งแม่น้ำกำลังพ้อต่อว่าช้างตกมันตัวนั้นดังนี้ " พ่อจะไห้ผัวของข้า ถูกตัดตะโพกหรือ พ่อรู้ดีหยู่แล้วว่าควานที่ปล่อยไห้ช้างหนีไปได้นั้น ต้องได้รับพระราชอา?าเช่นนั้น นี่แน่ โดยเหตุที่ผัวของข้าจะต้องตาย 97 ค่าลูกของข้าเสียด้วยก็แล้วกัน " พูดขาดคำลงดังนี้แล้ว หยิงคนนั้น เอาลูกวางลงที่พื้นดินแล้ววิ่งหนีไป เด็กคนนั้นร้องไห้งอหยู่กับที่ ช้าง แลเห็นเด็กร้องไห้ดิ้นรนหยู่ดังนั้นก็ไจอ่อน ขึ้นจากน้ำแล้วเอางวงอุ้ม เด็กคนนั้นพากลับไปโรงและยืนนิ่งสงบเสงี่ยมหยู่ อีกวันหนึ่งฉันเห็นเขานำช้างอีกตัวหนึ่งไปลงน้ำไนขนะที่มันเดินโยกเยกไปตามถนน มันเอางวงชูขึ้นไปไกล้ช่างตัดเสื้อคนหนึ่ง ช่าง ตัดเสื้อคนนั้นเล่นสัปดนเอาเข็มแทงงวงของมัน เพื่อไห้มันหดงวงลง เวลากลับจากอาบน้ำมันเอางวงไปหยอกช่างตัดเสื้ออีก ช่างตัดเสื้อ เอาเข็มแทงมันค่อย ๆ อีกทีหนึ่ง ไนทันไดนั้นมันพ่นน้ำโคลนที่มันอม มาถูกช่างตัดเสื้อมอมแมม เมื่อมันแก้เผ็ดได้แล้วและมองไปเห็น ช่างตัดเสื้อเปียกชุ่มทั้งตัว มันเอางวงปัดไปปัดมา ทำหน้าท่าทาง สแดงควมพอไจ เหมือนกับคนปรบมือและยิ้มเยาะเมื่อรู้สึกว่าแก้เผ็ด ได้สาแก่ไจ คนไทยไช้สัตวโตเหล่านี้ทำงานต่าง ๆ มันทำงานเหมือนกันกับ คนรับไช้ เช่นไห้เลี้ยงเด็กเปนต้น มันเอางวงอุ้มเด็กลงไนเปลไกว และกล่อมจนเด็กหลับ และแม่ของเด็กต้องการอะไร ก็สั่งไห้ช้าง ไปหยิบมาได้ พระนารายน์มหาราชได้ซงพระกรุนาฉันยิ่งขึ้นทุกวันโปรดเกล้าฯ ไห้เข้าเฝ้ามากขึ้น วันหนึ่งสเด็ดพระราชดำเนินกลับจากการคล้อง ช้างแล้ว ไม่ซงสบาย รุ่งขึ้นอาการประชวรหนักขึ้น แพทย์มีความ เห็นว่าควนเจาะพระโลหิตออก การรักสาพระโรคดังนี้ก่อความยาก ลำบากมาก เพราะว่าคนไทยนนับถือพระมหากสัตรเหมือนกันกับนับถือ 13 98 เทพเจ้า เขาไม่กล้าแตะต้องพระวรกาย ได้มีผู้เสนอความเห็นของ แพทย์ไห้ที่ประชุมเสนาบดีวินิจฉัย ขุนนางผู้หนึ่งสแดงความเห็นว่าควนแหวะม่านแล้วไห้ยื่นพระกรอออกมาทางช่องที่แหวะนั้นไห้แพทย์เจาะเอาพระโลหิตออกที่ทำดังนี้แพทย์ก็ไม่ซาบว่าเจาะพระกรหรือแขนผู้ใด ความเห็นอันน่าขันของขุนนางผู้นี้ไม่ถูกไจฉันเลย ฉันจึงสแดง ความเห็นบ้าง ความเห็นของฉันนั้นก็ไม่มีไครท้วงว่าเลวนัก ฉันพูดว่า พระมหากสัตรนั้นเปรียบได้เหมือนพระอาทิจ ถึงแม้ว่าถูเมคหมอก บังไห้มืดก็มืดไปชั่วคราว มิช้าก็ส่องแสงสว่างออกมาอีกเสมอ ไครจะคิดทำอะไรกับพะรองค์พระมหากสัตร ก็ช่อนไม่ไห้คนอื่นรู้ไม่ ได้ต้องสแดงพระองค์ออกมาแจ่มแจ้งไห้คนทั้งปวงรู้เสมอ ถ้าเปนการ จำเปนที่จะเจาะพระกรเอาโลหิตออกแล้ว ไนพระราชสำนักนี้ก็มีแพทย์ ชาวฝรั่งเสสผู้หนึ่ง จะเรียกมาไห้บำบัดพระโรคก็ได้ แพทย์ผู้นี้มาจากประเทสที่นิยมตำรากสาโรค เช่นนี้ แม้พระเจ้าหยู่หัวและเจ้านาย ไนพระราชวงสฝรั่งเสสก็เคยโปรดเกล้า ฯ ไห้แพทย์เจาะเอาพระโลหิต ออก เพราะฉะนั้นควนไว้วางพระราชหรึทัยไห้แพทย์ฝรั่งเสสจัดการ รักสาได้ พระนารายน์มหาราชซงพระราชดำริเห็นชอบด้วยความ เห็นของฉัน แต่แพทย์ยังไม่ทันที่จะเอาพระโลหิตออก ก็หาย ประชวรเสียแล้ว ไนเวลาไกล้ ๆ กันนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีไครนึกว่าจะมีขึ้นได้ ทำไห้เราเห็นชัดเจนว่าวิชเยนทร์ได้หลอกลวง เชวาลิเอร์เดอะ โชมองต์และคนะทูตฝรั่งเสสไว้ฉันได ฉันได้เคยเล่าว่าไนเวลาที่เขา อวดความมั่งคั่งของประเทสนี้ เขาได้พาคนะทูตไปชมพระพุทธรูปที่ 99 งามที่สุด และบอกว่าพระพุทธรูปเหล่านี้นั้นหล่อด้วยทองคำแท้ ๆ ทั้งนั้นไนบันดาพระพุทธรูปเหล่านี้ มีองค์หนึ่งขนาดไหย่เหลือเกินสูงประมาน เก้าสอกครึ่งถึงสิบสอก วิชเยนทร์พูดว่าหล่อด้วยทองคำแท้ ๆ เหมือน พระพุทธรูปองค์อื่น ๆ แปร์ตาชารต์และท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีถูกตบตา เช่นเดียวกันกับพวกชาวฝรั่งเสสคนอื่น ๆ 1 ท่านทั้งสองนั้นเชื่อมั่นเสีย ด้วย แล้วไปจดลงไนรายงานและจดหมายเหตุรายวันของตน เคราะห์ ร้ายจิง ๆ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น คือหลังคาพระอุโบสถที่พระพุทธรูป องค์นั้นประดิสถานหยู่ พังลงมาทัพระพุทธรูปแตกหักเปนชิ้นเล็กชิ้น น้อยเพราะส้างด้วยปูนปิดทองทั้งนั้น คำพูดเท็ดของวิชเยนทร์ปรากต ออกมาด้วยประการฉะนี้ แต่คนะทูตฝรั่งเสสนั้นก็ลงเรือไปไกลเสียแล้ว ฉันจะข่มไจอดนิ่งไว้หย่างไรก็ไม่ได้ จึงยกเรื่องนี้มาพูดล้อวิชเยนทร์ เขาไม่พอไจไนถ้อยคำของฉันเลย ต่อไปไม่ช้าโปรดเกล้า ฯ ไห้วิชเยนทร์และฉันลงไปเมืองบางกอกเพื่อส้างป้อมปราการขึ้นอีกป้อมหนึ่งสำหรับมอบไห้ทหานฝรั่งเสสควบ คุม ทหานฝรั่งเสสนั้นพระนารายน์มหาราชได้ซงขอไห้ส่งออกมา พร้อมกันกับคนะทูตไทยที่ได้เดินทางออกไปกับเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ เราได้วาดรูปป้อมปราการมีหอรบเปนรูปห้าเหลี่ยม โดยเหตุที่บาง กอกเปนกุนแจของพระราชอานาจักรนี้ จึงมีทหารหยู่สองกอง ๆละสี่สิบ

1. ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีได้บันยายความสวยงามของวัดวาอาราม และพระ พุทธรูปไว้ไนจดหมายเหตุรายวันจิง ได้กล่าวว่าพระพุทธรูปนั้นหล่อด้วยทองคำแท้ เพราะว่าท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีด้เอามือไปลูบดูไกล้ ๆ อันเปนความตรงกันข้ามกับ คำพูดของออกพระสักดิสงคราม 100 คนควบคุมป้อมขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยม ทหานเหล่านั้นเปนชาวโปรตุเกส และครึ่งชาติ ทหานครึ่งชาติเหล่านนี้ซาบว่าฉันมีตำแหน่งเปนนายพล และจะมาเปนผู้บันชาการทหาน ก็ก่อการกบด นักบวดโปรตุเกสรูปหนึ่งเปนต้นเหตุของการกบดนี้ เมื่อท่าน สแดงเทสนาเส็ดแล้ว ท่านทำตนเปนผู้วิเสสหันหน้าไปพูดกับพวบครึ่งชาติดังนี้ " ดูกร เพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย แต่ไหนแต่ไรมาชาติโปรตุ เกสได้เปนไหย่ไนมัธยมประเทส วันนี้ประเทสของเราจะได้รับความ อับอาย เพราะว่าชาวฝรั่งเสสจะมาเปนผู้บันชาการพวกเรา จงก้าว หน้าไปด้วยความกล้าหาน หย่ายอมไห้ไครมาดูหมิ่นเราหย่าครั่นคร้ามเลย พระผู้เปนเจ้าเปนไหย่ไนสกลโลกที่เคยซงเอนดูพวกเราตลอด มาจนกาลบัดนี้ ก็จะซงกรุนาคุ้มครองอารักขาเราต่อไป จงรับพรที่ ซงประกาสิตไว้เถิด " เมื่อได้ยินคำดังนั้นแล้ว พวกครึ่งชาติก็พากัน เดินตรงมาที่ป้อมปราการ ไนขนะที่วิชเยนทร์และฉันกำลังจัดการแบ่งหน้าที่คนงานเพื่อขุดคูรอบป้อมปราการ เราได้เห็นนายทหานชั้นนายพันเอกชาติโปรตุเกส เดินเข้ามาบอกวิชเยนทร์ว่าทหานได้ก่อการกบดขึ้นแล้ว วิชเยนทร์ ถามว่าเหตุไรจึงกบด นายพันเอกผู้นั้นตอบว่าทหานเหล่านั้นไม่ต้อง การฟังคำสั่งนายทหานชาติฝรั่งเสส เมื่อฉันได้ยินถ้อยคำดังนั้น ฉันเดินไปที่เชิงเทินเห็นกองทหาน แบกปืนทุกคนเดินตรงมาที่ป้อม ฉันึงกลับเข้าไปบอกวิชเยนทร์และ ฉุดมือมาพูดกะซิบว่า นายพันเอกผู้นี้คงรู้เห็นด้วยการกบดนี้ เพราะ ว่าเขามาบอกไต้เท้าไนขนะที่ทหานเหล่านั้นกำลังเดินทา พวกกบดคง 101 เกลียดไต้เท้าเท่ากันกับเกลียดฉัน ฉันจะลงมือจับนายทหานผู้นี้ก่อน และสั่งไห้นายทหานผู้นี้ไล่พลทหานกลับไป ถ้าเขาขัดข้อง ฉันจะค่า เขาเสีย พูดดังนั้นแล้วฉันชักกะบี่ออกจากฝัก กะโจนเข้าไปปลดอาวุธ นายพันเอกชาติโปรตุเกส คน ๆ นั้น ยอมไห้ฉันปลดอาวุธเหมือนเด็ก ทารกฉะนั้น ฉันเอาปลายกะบี่จิ้มไว้ที่หน้าอกของเขา แล้วพูดขู่ว่า จะแทงไห้ตาย ถ้าไม่ร้องตะโกนสั่งไห้พวกกบดกลับไป วิชเยนทร์ได้เดินออกจากป้อมปราการโดยไม่เสียดายชีวิตด้วย อาการกิริยาองอาดและไม่สทกสท้านตรงไปยังพวกทหานกบด ที่หยู่ ห่างจากประตูป้อมไม่เกินสี่วา เขาถามพวกทหานกบดว่าจะต้องการ อะไร พวกทหานกบดร้องตอบมาพร้อมกันว่าไม่ต้องการผู้บันชาการ ที่เปนชาวฝรั่งเสส วิชเยนทร์ซึ่งเปนคนมีปั??าเฉียบแหลมและ ความกล้า ได้ไห้คำมั่นสั??าว่าฉันจะมาเปนผู้บันชาการกองทหาน ไทยต่างหาก หามาเปนผู้บันชาการกองทหานโปรตุเกสไม่ ที่แรก คำตอบนั้นดูเหมือนจะทำไห้พวกทหานกบดพอไจ แต่ทหานคนหนึ่ง ไนบันดาพวกทหานกบดเห็นว่าพัคพวกสแดงความลังเล และได้ยิน นายพันเอกชาติโปรตุเกสร้องตะโกนลงมาจากเชิงเทินว่าไห้เชื่อฟัง ถ้อยคำของวิชเยนทร์ เขาจึงเอามือกุมกะบี่และพูดว่า " พูดมากไป โดยหาสารประโยชน์มิได้ ข้อสำคันมีว่าพวกเราจะควนเชื่อคำมั่น สั??านี้หรือไม่ " วิชเยนทร์เห็นท่าทีว่าจะถูกทำร้าย จึงกะโจนเข้าไปแย่งกะบี่มาจากมือทหานคนนั้นแล้วพูดปลอบพวกกบด และวิงวอนไห้ กลับไปโรงทหาน

102 โดยเหตุที่การพยายามจะประทุสร้ายนี้อาดนำความอันตรายมามาก ถ้าปล่อยไห้ทหานเหล่านั้นพ้นโทสไป วิชเยนทร์จึงสั่งไห้จับ นายพันเอก นายทหานและพลทหานโปรตุเกสที่สมรู้ร่วมคิดกัน และ ตั้งสาลอัยการสึกขึ้น ซึ่งความจิงออกจะกะรอ่งกะแร่ง แต่เราหยู่ไน ประเทสที่ไม่มีไครจะพินิจพิเคราะห์มากนัก จึงไม่ต้องกลัวความ ติเตียน หย่างไรก็ดีฉันไม่ยอมไห้ลงโทสตัดมือทหานที่กุมกะบี่โดยที่ยัง ไม่ทันจะชักออกมาจากฝัก ทหานอีกสองคนที่พิจารนาได้ความเปน สัจว่าเปนหัวหน้ากบดได้ถูกลงโทสประหารชีวิต มีนายทหาน บางคนถูกเนรเทส และพลทหานถูกลงโทสจำคุกทำงานหนักด้วย แต่ก่อนที่จะส่งตัวไปจำคุก เราได้ไห้จำโซ่ตรวนติดกันเปนคู่ ๆ เหมือน นักโทสไนประเทสฝรั่งเสส และไห้ทำงานขุดคูป้อม เมื่อเราได้จัดการ ทุกสิ่งทุกหย่าง เพื่อส้างป้อมไห้สำเหร็ดเรียบร้อยแล้ว วิชเยนทร์ และฉันก็กลับไปเมืองละโว้ เมื่อเรากลับไปถึงเมืองละโว้ มีเรื่องน่าเกลียดเกิดขึ้น วิชเยนทร์ ได้รับความยากลำบากมาก เกือบคว่ำลงจากตำแหน่งหน้าที่ ความจิง ถ้าฉันไม่ช่วยเหลือแล้ว ก็คงเอาตัวรอดอดไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นเพราะ ความโลภหยากเปนคนมั่งมีเท่านั้น ก่อนเดินทางไปบางกอก วิชเยนทร์ต้องการซื้อไม้จันทน์ชาวฝรั่งเสสผู้หนึ่ง ซึ่งถือลัทธิคัลวินิสตหรือ ฮูเกอนอต ชื่อ เดอะรูอัง บันทุกมาจากเกาะติมอร์ ชาวฝรั่งเสส ฮูเกอนอตผู้นี้ได้ขายไม้จันทน์ไปบ้างแล้ว ได้กำไรเปนอันมาก วิชเยนทร์ต้องการซื้อไม้ที่มีเหลืออยู่ไนเรือ และต้องการราคาถูก ๆ พ่อค้า

103 ผูนั้นไม่ยอม เมื่อไม่ตกลงราคากันได้ วิชเยนทร์พาลทเลาะวิวาทไช้ อำนาดไนตำแหน่งหน้าที่ไห้จับชาวฝรั่งเสสผู้นี้จำตรวน ไนขนะที่เราเดินทางไปบางกอก ผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิส ฝรั่งเสสซาบว่า เดอะ รูอัง ต้องโทส เห็นว่าเปนการดูหมิ่นชาติ ฝรั่งเสส จึงไปร้องทุขที่เมืองละโว้ไนเวลาที่เราไม่หยู่ ได้เอาทง ไปปักไว้ที่หน้าพระราชวัง พระนารายน์มหาราชทอดพระเนตร เห็นทงธันั้น ตกพระราชหรึทัย จึงโปรดเกล้า ฯ ไห้ขุนนางผู้หนึ่งไป สอบถามผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสส ๆ ตอบว่า เข้ามาขอ พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยไนคดีที่ชาวฝรั่งเสสผู้หนึ่งถูกจำตรวน โดยที่ไม่ได้ทำความผิดหย่างหนึ่งหย่างไดเลย อันเปนการดูหมิ่น ชาติฝรั่งเสส ขอพระราชทานค่าทำขวัน มิฉะนั้นขอพระราชทานพระบรมราชานุ?าตไห้ปล่อยชาวฝรั่งเสสผู้นั้นออกไปนอกพระราชอานาจักรพร้อมกันกับทรัพย์สมบัติของเขา พระนารายน์มหาราชไม่ซงซาบว่าสมุหนายกของพระองค์ ได้ทำอะไรไว้ จึงโปรดเกล้า ฯ ไห้บอกผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสสว่าไห้กลับไปบ้านเสียก่อนเถิด เมื่อวิชเยนทร์และฉันกลับมาเมืองละโว้ แล้ว จะซงสอบสวนและพระราชทานพระบรมราชวินิจฉันไห้ต้องตาม ความยุติธัม ตั้งแต่คนะทูตฝรั่งเสสได้เข้ามาไนประเทสนี้ พระ นารายน์มหาราชโปรดชาวฝรั่งเสสมาก ซงอุปการะคุ้มครองเสมอ และเสียพระราชหรึทัย เมื่อชาวฝรั่งเสสต้องไปจากประเทสนี้


104 ครั้นเรามาถึงเมืองละโว้มิช้าก็มีคนมารายงานวิชเยนทร์ว่า ผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสสได้มาร้องทุขไว้หย่างไร โดยที่ ไม่ต้องพักไห้เวลาผ่านไป วิชเยนทร์ได้รีบเข้าไปไนพระราชวังทันที คิด ว่าพูดคำเดียวก็ล้างคำกล่าวหาได้ทั้งสิ้น แต่การน์หาได้เปนไปตาม ความคิดของเขาไม่ พระนารายน์มหาราชซงพระพิโรธมาก และ ซงขู่ว่าจะลงพระราชอา?า ถ้าวิชเยนทร์ไม่กราบบังคมทูนข้อความ ตามความสัจสุจริต วิชเยนทร์ได้กราบบังคมทูนพระกรุนาพอเปนสังเขปว่า เขา หาได้ประทุสร้ายชาติฝรั่งเสสไม่ ไม่มีชนชาติไดไนพระราชอานาจักร นี้ที่เขาชอบยิ่งกว่าชนชาติฝรั่งเสส ขอพระบารมีปกเกล้า ฯ ไห้ซง สอบถามปากคำฉัน ซึ่งเปนผู้มีตระกูลและตำแหน่งหน้าที่ไนราชการ ดีกว่าผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสส ฉันคงจะเปนพยานยืนยัน ถ้อยคำของเขา ถ้าเขาได้ดูถูกชนชาติฝรั่งเสสแล้ว เขาก็เชื่อว่าฉัน คงจะร้องทุขเสียก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นฉันคงเปนพยานว่าเขาไม่มี ความผิด และเขาได้กราบบังคมทูนพระกรุนา ไห้ซาบไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทว่าเขาไม่ได้เคยทำสิ่งหนึ่งสิ่งไดที่เปนการดูหมิ่นชาติฝรั่งเสส เลย ออกจากพระราชวังแล้ว วิชเยนทร์ตรงมาหาฉันพูดกับฉันดัง มีความต่อไปนี้ " ฉันขอความกรุนาท่านสงเคราะห์ฉันสักครั้งหนึ่ง ไนคดีที่ผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสสได้กล่าวโทสฉันเรื่องสั่ง ไห้จองจำเดอะรูอัง ท่านซาบดีหยู่แล้วว่าถึงแม้ว่าคน ๆ นี้เดิมมี

105 สั?ชาติฝรั่งเสส แต่เปน ฮูเกอนอต นับถือลัทธิสาสนาที่ผิดพระราช นิยมพระมหากสัตราธิราชฝรั่งเสส เหตุฉะนั้นจึงต้องหนีภัยออกจาก ประเทสบ้านเกิดเมืองมารดร คน ๆ นี้ได้มาทำงานกับชนชาติอังกริด หลายปี และไม่เคยเปนคนของบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสสหรือทำงานไห้บริสัทนั้นเลย ถึงแม้ว่ารู้กันเช่นนั้นก็ดี ผู้อำนวยการบริสัทฝรั่งเสส ยังถือสิทธิมาคุ้มครองคน ๆ นี้ และถึงแม้ว่าบริสัทฝรั่งเสสปติเสธ ไม่ได้ว่า เดอะ รูอัง ได้มีสั?ชาติเปนคนอังกริดแล้ว ด้วยว่าทิ้งประเทสฝรั่งเสสและถือลัทธิคัลวินัสต์ บริสัทฝรั่งเสสก็ยังขืนช่วยร้องทุข แทนคน ๆ นี้ และพยายามที่จะไห้ เดอะ รูอัง คืนมามีสั?ชาติเปน ชาวฝรั่งเสส สั?ชาติที่เขาได้ละทิ้งเสียแล้ว ท่านคงจะเห็นว่าที่ผู้ อำนวยการบริสัทฝรั่งเสสมาร้องทุขนั้นหาความเที่ยงธัมมิได้ ฉัน หวังว่าท่านคงจะกราบบังคมทูนพระกรุนายืนยันถ้อยคำของฉัน ถ้าท่านสงเคราะห์ฉันครั้งนี้ ฉันจะสนองคุนเช่นเดียวกัน เมื่อ มีเหตุขัดข้องขึ้นแก่ตัวท่าน " วิชเยนทร์ยังนั่งหยู่ที่บ้านฉัน เมื่อโปรดเกล้า ฯ ไห้มหาดเล็ก มาตามตัวฉัน ไนทันทีนั้นฉันรีบเข้าไปไนพระราชวัง ขุนนางผู้ไหย่ ทั้งมวนนั่งประชุมกันหยู่นิ่ง ๆ หน้าท้องพระโรงพระที่นั่งโดยที่ไม่มีไคร กล้าปริปากเลย ไม่มีขุนนางคนไดที่ปราถนาไห้วิชเยนทร์รอดพ้น พระอา?าไปได้ โดยมากเห็นว่าคงหลีกเลี่ยงพระราชอา?าไปไม่ได้ เปนแน่ ขุนนางทั้งหลายเชื่อว่าฉันเปนชนชาติฝรั่งเสส คงจะเข้ากับ 14

106 คนชาติเดียวกัน จึงไม่มีความสงสัยเลยว่าฉันจะไม่อุดหนุนถ้อยคำ ของผู้อำนวยการบริสัทฝรั่งเสส ความคิดเห็นของขุนนางเหล่านั้น ผิดหมด ฉันยืนยันถ้อยคำของวิชเยนทร์ทุกประการแล้ว ฉันกราบบังคมทูนว่าคนฝรั่งเสสที่ลเมิดพระราชกำหนดกดหมายนั้น ไม่ควนถือว่า เปนส่วนหนึ่งของชาติ เพราะว่าพระเจ้าหยู่หัวของข้าพระพุทธเจ้าได้ ซงเนรเทสออกจากพระราชอานาจักรแล้ว ผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิส ฝรั่งเสสคงจะไม่ซาบความข้อนี้ ถ้าซาบแล้วก็คงไม่มาร้องทุขแทน คนที่ไปพึ่งพาอาสัยชนชาติอังกริดข้าพระพุทธเจ้ารับฉันทะที่จะไปพูดจาชี้แจงเหตุผลไห้ผู้ที่มาร้องทุขซาบความโดยตลอด ข้าพระพุทธเจ้า รู้สึกไนพระมหากรุนาธิคุนที่ซงคุ้มครองชนชาติฝรั่งเสส ขอไห้ พระราชทานความคุ้มครองนั้นสืบไป พระเจ้าหยู่หัวของข้าพระพุทธเจ้าคงจะซงพระโสมนัสเปนหย่างยิ่ง คำไห้การของฉันนั้นยืนยันถ้อยคำของวิชเยนทร์ทุกประการ พระนารายน์มหาราชซงสงบพระอารมน์ลงทันที และมีพระราชดำหรัด ว่า " เรายินดีและพอไจมาก " ฉันรีบไปบ้านวิชเยนทร์เล่าข้อความ ทั้งสี้ไห้ซาบโดยตลอด เขากะโดดมากอดคอฉันและจูบแก้มฉัน หลายพันครั้ง ไห้คำมั่นสั??าว่าจะไม่ลืมบุ?คุนที่ฉันสงเคราะห์เขา ครั้งนี้ ฉันแนะนำวิชเยนทร์ว่าเพื่อจะไห้เรื่องนี้ยุตติลง ควนถอดตรวน ปล่อยชาวฝรั่งเสสผู้นั้นไห้พ้นโทสไป และคืนสินค้าไม้จันทน์ไห้เขา


107 ด้วย ต่อไปพายหน้าขอไห้ชาวฝรั่งเสสมีเสรีภาพไนการค้าขายไน ประเทสนี้ ถ้าผู้อำนวยการบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสสซาบข้อไขนี้แล้ว ฉัน ก็ทำการปรองดองได้ง่าย วิชเยนทร์รับคำว่าจะทำตามคำแนะนำ ของฉัน เรื่องจึงจบลงโดยที่วิชเยนทร์ไม่ไดรับความเสียหายหย่างไร เลย เมื่อได้ช่วยเหลือวิชเยนทร์ดังนี้แล้ว ฉันก็นึกว่าเขาคงจะเปน มิตรที่ดีคนหนึ่ง แต่บุ?คุนที่ได้ทำนั้นกลับกลายเปนต้นเหตุสำคัน หย่างหนึ่งที่เขาตั้งต้นทำการประทุสร้ายฉันสืบไป เขามีความริสยาฉันมาก และไม่ไว้วางไจฉันอีก เขาไม่ชอบ ไห้พระนารายน์มหาราชซงพระเมตตากรุนาฉัน และไห้ฉันเพ็ดทูน อะไร ๆ ได้ตามชอบไจ ที่พระราชทานพระบรมราชานุมัติไห้ฉันกราบ บังคมทูนความเห็นได้เช่นนี้ วิชเยนทร์หวาดหวั่นมาก เขาเห็นชัดเจน ว่าที่ฉันช่วยไห้เขาพ้นโทสได้นั้น ก็เพราะว่าฉันรู้จักพูด เขาจึงเกรงว่า คำพูดของฉันนั้นอาดประหารเขาได้วันหนึ่งเปนแน่ หรือมิฉะนั้นเขา ก็ต้องเปนเบี้ยล่าง เขาจึงหาทางขัดขวางโดยเต็มสติปั??าที่จะไม่ไห้ พระนารายน์มหาราชซงพระเมตตากรุนาฉันอีกต่อไป ไนขนะที่วิชเยนทร์คิดหาทางที่จะกำจัดฉันนั้น ก็มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานบันดาสักดิไห้ฉันเปนออกพระสักดิสงคราม อันเปน บำเหน็ดความชอบสำคัน เพราะว่ายสบันดาสักดินี้ก็เทียบเท่ากันกับชั้นจอมพลของประเทสฝรั่งเสส ราชทินนามนี้แปลว่า " เทพเจ้าซึ่งมี แสงสว่างและชำนา?ไนการสงคราม " และไนเวลาเดียวกันนั้น

108 โปรดเกล้า ฯ ไห้วิชเยนทร์เตรียมการพระราชทานบันดาสักดิฉันตาม วันและเวลาที่ซงกำหนดเอง ประเพณีพระราชทานบันดาสักดินั้นมีดังจะเล่าต่อไปนี้ ขุนนางไทยมารับฉันที่บ้าน และนำเข้าไปพายไนพระราชวัง เมื่อเราเดินเข้าไปห่างจากสีหบั?ชรราวสี่สิบวา ฉันและขุนนางผู้ไหย่อื่น ๆ หมอบลงราบกับพื้นถวายบังคมครั้งหนึ่งแล้ว คลานสอกและเข่าเข้าไป ห่างจากที่ประทับประมานยี่สิบวา มีเจ้าพนักงานพระราชพิธีคู่หนึ่ง คลานสอกและเข่านำหน้าฉัน เมื่อเข้าไปถึงที่ที่กำหนดไว้แล้วเรา คุกเข่าขึ้นเอามือพนมเหนือสีสะแล้ว ก้มสีสะลงราบกับพื้นถวายบังคมเปนครั้งที่สอง พอเข้าไปไกล้สีหบั?ชร เราถวายบังคมอีกเปนครั้ง ที่สาม เส็ดแล้วพระราชทานหมาก มีพระราชกะแสว่า " เรารับ เจ้าไว้ไนราชการของเรา " หมากนั้นเปนบำเหน็ดความชอบสำคันที่พึงพระราชทานแก่พสก นิกร มันเปนผลไม้ชนิดหนึ่ง เปลือกสีเขียวประกอบกันเปนเส้น ๆ ทั้งนั้นและมีน้ำฝาด คนไทยผ่าหมากออกเปนสี่ซีก เอาปูนทำด้วย เปลือกหอยทาไบพลูอันเปนไบของต้นไม้เลื้อยชนิดหนึ่งแล้วรับประทานรวมกันกับหมาก คนไทยชอบเคี้ยวหมากมาก การพระราชทานบันดาสักดินั้นจบลงเช่นเดียวกันกับแรกเข้ามาเราคลานสอกและเข่าถอยออกมา และถวายบังคมสามครั้ง ค่อย ๆ ถอยหลังออกมา ตาจับหยู่ที่ประทับนะสีหบั?ชร เมื่อถอยออกมาถึงที่เดิมแล้ว สมุหพระราชพิธีมอบหีบกับตลับ และกล่องทาสีแดงสำหรับบันจุหีบหมากนั้น หีบนั้นขนาดเล็กทำด้วย 109 ทองและเงิน บางมาก แกะเปนรูปมังกร ไนหีบนั้นมีตลับทอง บาง ๆ สองไบ ตลับหนึ่งสำหรับไส่หมาก และอีกตลับหนึ่งสำหรับ ไส่พลู และยังมีเต้าปูนกับพายเล่มหนึ่งทำด้วยทอง และมีดด้ามทอง สำหรับเจียนหมากด้วย มองไห้เส็ดแล้ว ขุนนางที่ไปรับฉันที่บ้านนั้น เอามือพนมที่ หน้าอกแล้วก้มสีสะลงพูดคำอวยพรสองสามคำตามประเพนี แล้วพา ฉันไปส่งถึงที่บ้าน พายหลังเข้าเฝ้าแล้ว ยังซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ ไห้ส่งผ้าเยียระบับลายดอกไม้ทองมัธยมประเทสมาเปนของพระราช ทานอีกสองผืน กว้างพอสำหรับเย็บเปนเสื้อได้สองเสื้อ ที่พระนารายน์มหาราชทรงพระเมตตากรุนาฉันมากถึงปานฉะนี้ก็ยิ่งทำไห้วิชเยนทร์อิจฉาฉันมากขึ้น เขาไม่รั้งรอที่จะลงมือกำจัดฉัน อีกต่อไป โดยเหตุที่เขาไม่สามาถที่จะเพ็ดทูนได้ซงระแวงฉันได้ เขา จึงตกลงไจที่จะวางยาพิสฉัน เพื่อนของฉันคนหนึ่งมาบอกไห้รู้ตัวก่อน ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงรับประทานอาหารแต่ที่บ้านของฉันเท่านั้น ที่ฉันเว้นไม่ไปรับประทานอาหารกับวิชเยนทร์นั้น ย่อมทำไห้เขาสงสัยว่าฉันรู้เบาะแสว่าเขามีอุบายที่จะทำกับฉันหย่างไร แต่ถึงเช่นนั้น เขาหาเปลี่ยนความคิดที่จะทำร้ายฉันไม่ วันหนึ่งฉันป่วยเปนไข้ เขา ไม่รู้ว่าฉันเจ็บ เขาได้หานมข้น ซึ่งเขารู้ว่าฉันชอบมากส่งมาได้ เมื่อ ฉันมีอาการปรกติ ฉันหาแตะต้องของที่วิชเยนทร์ส่งมาไม่ แต่วิชเยนทร์มีความเลินเล่อที่ได้มอบนมข้นนั้นไว้แก่คนไช้ของฉัน คนไช้สี่คนได้ กินนมนั้นเข้าไปแล้วตายทันที ฉันได้เล่าข้อความนี้แก่ท่านเจ้าคนะ เดอะเมเตลโลโปลิส ท่านบอกฉันว่าท่านไม่ซาบว่าจะมียาอะไรที่จะแก้ 110 ยาพิสชนิดนี้ได้ เตือนไห้ฉันมอบกายถวายชีวิตไว้แต่พระผู้เปนเจ้า เปนไหย่ไนสกลโลก และไห้ระวังตัวจงมาก เมื่อวิชเยนทร์พยายามที่จะทำร้ายฉันครั้งแรกนี้ไม่สำเหร็ด เขา จึงคิดที่จะแยกย้ายฉันไปเสียจากพระราชสำนัก เหตุการน์ที่เกิดขึ้นไน พระราชอานาจักรไนครั้งนั้นได้โอกาสเขาด้วย ไนการที่จะจัดไห้ฉัน ไปไกลจากพระนครนั้น เขามีความมุ่งหมายที่จะไห้ฉันไปตายเสียด้วย เขามีความเฉลียวฉลาดรอบตัวที่จะหาทางไห้ฉันไปจนได้ และเชื่อว่า ฉันคงจะเอาชีวิตรอดไปไม่ได้ เหตุการน์ที่มีขึ้นและเขาฉวยโอกาส หย่างไรนั้นดังจะกล่าวต่อไป เจ้าแขกมักกะสันตนหนึ่งหนีความกดขี่ทารุนของชาววิลันดาเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาพหยู่ไนประเทสนี้ มีพัคพวกตามมาด้วย สามร้อยคน เมื่อมาถึงเจ้าแขกตนนี้ยอมสวามิภักดิแด่พระนารายน์ มหาราช ๆ ทรงเห็นภาวะอันน่าสมเพชของชาวมักกะสัน จึงซงพระ กรุนาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินแห่งหนึ่งไห้ตั้งบ้านเรือนอาสัย ปยู่กับคนที่อพยพมานั้นตามโบรานราชประเพนี เจ้าแขกมักกะสันตนนี้ไม่ชอบหยู่เงียบ ๆ เปนคนมักไหย่ไฝ่สูง ไม่ยอมหยู่เปนปรกติสุข ได้สมรู้ร่วมคิดกันกับเจ้าเขมร เจ้าแขกมลายู และเจ้าจาม จะจับพระนารายน์มหาราชสำเหร็ดโทสเสีย และแบ่ง ประเทสนี้ไห้เปนสมบัติของพัคพวกตน โดยเหตุที่พวกกบดเหล่านี้ถือ สาสนามะหะหมัด จึงพร้อมไจกันจะจับชาวโปรตุเกสและยี่ปุ่นที่นับถือ คริสตสาสนาค่าเสียไม่ได้เหลือสักคนเดียว วิชเยนทร์ได้ซาบว่ามีคน

111 สมรู้ร่วมคิดกันจะก่อการจลาจลโดยตลอด แม้วันที่จะลงมือก่อการ กบดก็ซาบ จึงเข้าเฝ้าเรียนพระราชปติบัติแล้ว มีบันชาสั่งไห้เตรียม การป้องกันพระราชอานาจักร โอกาสไดที่จะไห้ฉันไปเสียจากพระราชสำนักนี้ก็ไม่เหมาะยิ่งกว่าครั้งนี้ โดยเหตุที่ฉันมีตำแหน่งเปนผู้ว่าราชการเมืองบางกอก ซึ่งเปน เมืองที่มั่นสำคันแห่งหนึ่ง จะทิ้งไว้ไม่ไห้มีผู้ปกครองตำแหน่งไนเวลา ฉุกเฉินเช่นนี้ยอ่มมีอันตรายมาก ฉันจึงได้รับคำสั่งไห้ลงไปเมือง บางกอกโดยปัจจุบันทันด่วน ได้ส้างป้อมปราการไห้แล้วเส็ดโดยเร็ว ไห้เกนท์ทหานไทยไห้ได้จำนวนสองพันคน และฝึกหัดทหานได้ชำนา? ตามยุธวินัยฝรั่งเสส เพื่อชดเชยการไช้จ่ายไห้สมกันกับตำแหน่งหน้าที่นายพลเอก วิชเยนทร์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุมัติไหจ่ายเงินไห้ฉันร้อยชั่ง ซึ่งเปนเงินเท่ากันกับหมื่นห้าพันลิฟของเงินตราประเทสของเรา แต่ ฉันได้รับเงินเพียง ( หนึ่งพันเอคูส์ ) ยี่สิบชั่งเท่านั้น นอกนั้นวิชเยนทร์ แก้ตัวว่าจ่ายไห้ยังไม่ได้ เพราะว่าไม่มีเงินสำรองไว้ เขามอบแต่ไบ สั่งจ่ายไว้เท่านั้น และไห้คำมั่นสั??าว่าถ้าเรือสำเพาที่จะมาจาก ประเทสจีนมาถึง เขาจะจ่ายเงินที่ขาดหยู่อีก ( หนึ่งหมื่นสองพันลิฟร ) แปดสิบชั่งไห้ 1 1. เงินตราฝรั่งเสสนั้นมีอัตราดังนี้ 20 โซล เท่ากับ 1 ลิฟร ( ซึ่งต่อมา พายหลังเรียกว่าแฟรงค์ ) 3 ลิฟรส์ เท่ากับ 1 เอคูส์ ตามความไนจดหมายเหตุรายวัน ของท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี บันทึกความจำนี้และหนังสือเรื่องประเทสไทยของราชทูต ฝรั่งเสส เดอะ ลา ลูแบร์ ก็มีความต้องกันว่า 50 เอคูส์เท่ากับ 1 ชั่ง เพราะฉะนั้นฉัน จึงจดเปนเงินไทยลงไนบันทึกความจำนี้ 112 โดยเหตุที่มีพระราชประสงค์ที่จะไห้ประชาชนพลเมืองเชื่อฟังและนับถือฉัน ได้โปรดเกล้าไห้ส่งเพชคาต 4 คนไปพร้อมกันกับฉันด้วย แต่ฉันมีอำนาดเพียงสั่งไห้ลงโทสเคี่ยนเท่านั้น เพราะว่าตามปรกติการ พระบมหากสัตรหรือบางคราวสมุหนายก เท่านั้นไห้ลงพระราชอา?าหรือไห้ลงโทสประหารชีวิตได้ ฉันได้ลงไปบางกอกโดยที่ไม่ซาบว่ามีคนสมรู้ร่วมคิดกันจะก่อการ กบดเมื่อไร และไม่ซาบว่าจะส่งฉันไปทำอะไรแน่ วิชเยนทร์ซาบความ ถี่ด้วนแม้วันที่พวกกบดจะประชุมกันเปนครั้งสุดท้ายก็ถึงหูเขา เขาจึง กำหนดวันจัดการไห้ฉันลงไปบางกอก เพื่อจะได้ตกไปหยู่ไนเงื้อมมือของพวกกบด ไนเวลาฉันเดินทางไปนั้นพวกกบดก็ประชุมกัน และไม่ซาบ ว่าเหตุไรคนเหล่านั้นยอมไห้ฉันผ่านลงไปได้ ความมุ่งหมายของพวก แขกมักกะสันนั้นจะก่อการกบดไนวันรุ่งขึ้นที่ฉันไปถึงหรือหย่างช้าก็วัน หนึ่งพายหลังวันรุ่งขึ้น เมื่อไปถึงบางกอกฉันต้องผจนอันตรายอีกหย่างหนึ่งคือเมือแรกวิชเยนทร์ได้ข่าวว่าจะมีผู้ก่อการกบด เขาได้ส่งคน ๆ หนึ่งลงไปก่อน โดยที่ไม่ได้บอกไห้ฉันซาบเลย ไห้จัดการปล่อยทหานโปรตุเกสที่สาล อัยการสึกได้ลงโทสจองจำทำงานหนัก เขาสั่งไห้พวกโปรตุเกสรวบรวม กันเปนกองทหานดังเดิม และไห้เรียกนายทหานที่ถูกเนรเทสไปแล้ว นั้นเข้าประจำการด้วย ไนการที่ส่งตัวฉันลงไปเมืองบางกอกโดยที่ไม่ได้บอกไห้ซาบสัก คำเดียวว่ามีการเปลี่ยนแปลงไนกองทหานดังนี้ ก็เท่ากันกับมัดมือ

113 มัดตีนฉันไปมอบไห้แก่สัตรูของฉัน เมื่อลงไปถึงเมืองนั้น ฉันได้เห็นคน ที่ฉันได้สั่งไห้จำตรวนไว้นั้น กลับมาแบกอาวุธอีก ก็เข้าไจทันทีว่า วิชเยนทร์คิดทำกลอุบายไว้หย่างไร แต่ความทารุนร้ายกาดของเขานั้น หาทำไห้ฉันวิตกไม่ฉันได้ระมัดระวังตัวเต็มที่แต่เริ่มแรกแล้ว ฉันได้พูดจาเอาไจเอื้อเฟื้อทั้งนายและพลทหาน คือไห้อาหารแก่พลทหานกินไห้อิ่ม และพูดกับนายทหานเมื่อมีการจำเปนที่จะต้องพูดตามหน้าที่ ฉลาดทำ ดังนี้ไม่ช้าเขาก็นับถือฉันเปนผู้บันชาการของเขา ผู้ที่เคยเปนสัตรู แต่ก่อนนี้ ก็กลับมาเปนมิตรรักไคร่กันโดยความจิงไจและสัจสุจริต วิชเยนทร์ยังไม่พอไจแต่เพียงกำจัดฉันไปได้จากพระราชสำนัก เท่านั้น ยังแค้นที่ฉันไม่ประสบเหตุร้ายตามความมุ่งหมายของเขา เขา เขาจึงลงมือวางดักไว้อีกดักหนึ่ง ซึ่งเขาเชื่อแน่ว่าฉันคงจะรอดพ้นไป ไม่ได้เปนแน่ ฉันงติดดักนั้นแน่นอนทีเดียว ถ้าพระผู้เปนเจ้าเปนไหย่ ไนสกลโลกไม่ซงอารักขา เดชะพระบารมีฉันหลีกเลี่ยงไปได้รับความ บาดเจ็บแม้สักนิดเดียว นอกจากความเหน็ดเหนื่อยแล้ว มีคนเลือด นองหลายคนดังจะเล่าต่อไปนี้ ต้นหนเรือสำเพาลำหนึ่งซึ่งเข้ามาทำการค้าขายไนประเทสนี้จากเกาะมักกะสันได้เปนพัคพวกร่วมคิดการกบดด้วยคนหนึ่ง คน ๆ นี้เห็น ว่าการก่อการจลาจลจะไม่สำเหร็ด จึงหนีลงไปไนเรือตั้งไจไว้ว่า ถ้ามี โอกาสเหมาะจะกลับออกไปบ้านเกิดเมืองเดิมของเขา หรือยอมสละ ชีวิต ถ้ามีไครไช้กำลังไปจับตัวเขา เพื่อไห้มีสัตรูน้อยลง วิชเยนทร์ มีความประสงค์จะแยกคน ๆ นี้จากพวกกบดอื่น ๆ จึงทำหนังสือเบิก 15 114 ทางยอมไห้ต้นหนเรือสำเพากับกะลาสี 53 คนออกไปจากประเทสนี้ และไม่ขัดข้องที่จะหลบหนีไปได้ ต้นหนเรือสำเพาผู้นั้นดีไจที่วิชเยนทร์จะออกหนังสือเบิกทางไห้ จึงไม่รั้งรอที่จะรับหนังสือเบิกทางนั้น ไนขนะเดียวกันนั้นวิชเยนทร์เห็น ว่ามีโอกาสเหมาะที่จะแยกสัตรูและทำลายฉันด้วย จึงไหคนเชินกะแส พระบรมราชโอการมายังฉันว่าไห้เอาโซ่ขึงกลางแม่น้ำกั้นไม่ไห้เรือ สำเพาผ่านไป วิชเยนทร์ไห้คนของเขาบอกฉันว่าต้นหนและกะลาสี เรือสำเพาลำนี้เปนพัคพวกกบด และสั่งว่าหย่าเคารพหนังสือเบิกทาง นั้น ที่เขาออกหนังสือเบิกทางไห้ก็เพื่อหลอกลวงพวกกบดไห้ตายไจ และไห้อ่อนน้อมเท่านั้น คำสั่งนั้นยังมีความเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อเรือสำเพามาติดโซ่แล้ว ไห้ฉันขึ้นไปบนเรือ ทำบั?ชีสินค้าที่บันทุกลงไปไนเรือลำนั้นโดยถี่ถ้วน เมื่อทำบั?ชีเส็ดแล้วไห้จับตัวต้นหนและกะลาสีทั้งปวงจองจำไว้จนกว่าจะ มีคำสั่งมาไหม่ นอกจากนี้ยังมีความอีกข้อหนึ่งว่าห้ามเปนอันขาด ไม่ไห้ฉันเล่าข้อความนี้แก่ผู้หนึ่งผู้ได ราชการแผ่นดินไห้ถือว่าคำสั่ง ที่ได้รับไว้นั้นเปนความลับหย่างยิ่ง ที่วิชเยนทร์สั่งไห้ฉันปติบัติการเปน ระยะไปตามลำดับโดยพิสดารเช่นนี้ ก็ไม่ผิดกันกับมัดตัวฉันไปส่งโรง ค่าสัตว ฉันรอเรือสำเพาลำนี้หยู่เปนเวลานาน ก็ยังไม่มีทางว่าจะมาถึง ฉันจึงหาความเพลิดเพลินไจไนการฝึกหัดทหานที่ฉันได้รับคำสั่งไห้เกนท์ มา หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมานั้นไม่ยากลำบากเลย การเกนท์ทหาน

115 ไนพระราชอานาจักรนี้ทำได้เร็วและง่ายดายมาก เพราะว่าพระมหา กสัตรซงไว้ซึ่งพระราชอำนาดสิทธิขาด ผู้ว่าราชการเมืองเพียงแต่อ้าง กะแสพระบรมราชโองการว่าเปนการดีการงามแก่คนทั่วไปเท่านั้น ราสดรที่เปนคนว่านอนสอนง่าย ก็พากันมาหาฉันและเชื่อฟังคำสั่ง โดยที่ไม่บ่นสักคำเดียวเลย ฉันจัดทหานที่เกนท์มานั้นขึ้นเปนกอง ๆ ละ 50 คน ทุกกองมี นายทหานผู้นำคือ นายร้อยเอก 1 นายร้อยโท 1 นายร้อยตรี 1 นายสิบเอก 2 นายสิบโท 4 และนายสิบตรี 4 ฉันตั้งไจฝึกหัด ทหานเหล่านี้โดยเต็มความสามาถ ด้วยความช่วยเหลือของทหาน ชาติโปรตุเกสที่รู้ภาสาไทย และชาวฝรั่งเสสผู้หนึ่ง ซึ่งฉันตั้งไห้ เปนนายสิบเอก ไม่ถึงสิบวันทหานเหล่านั้นก็เรียนถ่ายแบบได้เรียบร้อยดี เข้าแถว แยกแถว ยืนยามและเปลี่ยนยามได้คลอ่งแคล่วเหมือน ทหานฝรั่งเสส ฉันได้พูดแล้วว่าคนไทยเปนคนว่านอนสอนง่ายเพราะฉะนั้นจะสั่งไห้ทำอะไร ก็ทำตามความต้องการ ทหานสองพันคนนี้ได้รับความ ฝึกหัดและมีวินัยดี ไม่ผิดกว่าทหานทั้งปวง ฉันรอคอยพวกมักกะสันหยู่เปนนิจ โดยเหตุที่ไม่มีคุกที่จะ จำคนเหล่านั้น ฉันจึงส้างคุกขึ้นคุกหนึ่ง หยู่ติดกันกับเชิงเทินของป้อม ที่ส้างขึ้นไหม่ คุกนี้มีเสาขนาดโตล้อมรอบ ทำแน่นหนาไม่ต้องไช้ ผู้คุมหลายคน และโตพอขังนักโทสได้ประมานห้าสิบคน


116 เรือสำเพาลำนั้นมาถึงบางกอกยี่สิบวันพายหลังที่ฉันได้รับคำสั่ง แต่ตลอดเวลานั้นฉันได้เอาโซ่ขึงตึงกั้นทางเรือไว้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเกรงว่าเรือลำนั้นจะล่องลงมาไม่ทันรู้ตัว แผนการที่ฉันกะไว้เพื่อ ปติบัติตามหน้าที่นั้น ผิดแผกจากคำสั่งของวิชเยนทร์บ้าง โดยเหตุที่ ฉันเห็นว่าไม่เปนการปลอดภัยและไม่สมกันกับเกียรติยสของฉันที่จะขึ้น ไปบนเรือลำนั้น ด้วยว่าพวกมักกะสันมีอำนาดสิทธิขาดและเปนไหย่ หยู่บรเรือ ฉันจึงตั้งไจไว้ว่าจะเรียกคนเหล่านั้นไห้ลงจากเรือขึ้นมาบน บกแล้วลงมือจับทันที เส็ดแล้วฉันจะขึ้นไปบนเรือและทำบั?ชีสินค้า ตามความประสงค์ของวิชเยนทร์ เมื่อคิดดังนี้แล้ว ฉันสั่งไห้ส่งทหาน ไปซุ่มไว้ไนที่ต่าง ๆ ตามทางที่พวกแขกมักกะสันจะเดินมา และไห้ ล้อมจับคนเหล่านั้น เมื่อฉันได้อานัติสั??าสั่งไห้จับ ครั้นเรือสำเพามาถึงตำบนที่ขึงโซ่ไว้ ต้นหนเรือเห็นว่าเรือผ่าน ไปไม่ได้ จึงขึ้นมาบนบกกับกะลาสี 7 คน และขอมาพูดกันกับฉัน ฉันไห้พาตัวคนเหล่านั้นมาหาที่ป้อมปราการเก่า ฉันยืนคอยรับเขาหยู่ ไต้ปะรำ ที่ฉันไห้ส้างขึ้นด้วยไม้ไผ่บนหอรบหอหนึ่ง ทางด้านที่จะออก ไปจากหอรบนั้นเอาม่านผืนไหย่กั้นไว้ เมื่อพวกแขกมักกะสันเข้ามาไนปะรำ ฉันก็ต้อนรับตามอัชชาสัย ไมตรี และไห้นั่งลงรอบโต๊ะ ที่ตามเวลาปรกติไช้สำหรับตั้งอาหารไห้ ฉันรับประทานกับนายทหานอื่น ๆ ฉันถามต้นหนเรือสำเพาว่ามาจาก ไหนและจะไปไหน เขาตอบว่าเขามาจากกรุงสรีอยุธยา จะกลับไป เกาะมักกะสัน และไนเวลาเดียวกันนั้นเขายื่นหนังสือเบิกทางไห้ฉัน

117 ฉันทำเปนตรวดดูหนังสือเบิกทางแล้วพูดว่าหนังสือนี้เรียบร้อยดี แต่ โดยเหตุที่ฉันเปนชาวต่างประเทส พึ่งจะมารับราชการเร็ว ๆ นี้ ฉัน จะต้องระมัดระวังไห้ยิ่งกว่าผู้อื่น และไม่ทำอะไรไปไห้ผิดจากคำสั่ง เนื่องจากเรื่องที่มีผู้สมรู้ร่วมคิดกันจะก่อการกบดตามที่ต้นหนก็คงจะ ซาบดีหยู่แล้ว ฉันได้รับคำสั่งไห้ห้ามไม่ไห้คนไทยคนหนึ่งคนไดออก ไปจากพระราชอานาจักรนี้ ต้นหนตอบฉันว่าไนเรือสำเพานั้นมีแต่แขก ชาวมักกะสัน ฉันพูดว่าฉันไม่มีความสงสัยไนถ้อยคำของเขาเลย แต่ โดยเหตุที่ฉันหยู่ท่ามกลางคนไทย ซึ่งคอยสังเกตถูข้อปติบัติของฉัน ฉันขอไห้ต้นหนสั่งคนที่หยู่ไนเรือนั้นขึ้นมาบนบก เพื่อป้องกันไม่ไห้ทาง ราชการตำหนิโทสฉันว่ามีความเลินเล่อ ฉันพูดต่อไปว่าเมื่อฉันตรวดดู เห็นว่าคนเหล่านั้นเปนชาวแขกมักกะสัน ก็จะยอมไห้กลับไปลงเรือ ปลดโซ่ที่ขึงไว้กลางแม่น้ำ และปล่อยไห้เรือผ่านไปสู่แห่งหนได ๆ ได้ตามชอบไจ ต้นหนเรือสำเพาผู้นั้นตอบฉันโดยไม่ยับยั้งว่าเขาเห็นชอบด้วย เขาจะไห้กะลาสีขึ้นมาบนบก แต่ต้องมีอาวุธติดมือมาด้วย ฉันจ้องดู หน้าเขา หัวเราะพลางแล้วพูดว่า " เวลานี้เราทำสงครามกันหยู่หรือ " ต้นหนตอบว่า " เราไม่ได้ทำสงครามกันจิงหยู่ แต่กริดที่ฉันเหน็บ หยู่ข้างตัวนี้เปนอาวุธที่เรามีหยู่แก่ตัวเสมอ เปนเครื่องหมายอันมี เกียรติที่ประจำตัวของเรา และเราไม่ยอมวางอาวุธนั้นได้ได้รับความ อัปยส " เมื่อเขาอ้างสาเหตุนั้น ฉันไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ยอมไห้ พวกแขกมักกะสันมีอาวุธนั้นมาด้วย นึกเสียว่าอาวุธนั้นไม่น่ากลัวเลย

118 แต่การหาเปนเช่นนั้นไม่ มันเปนอาวุธที่ร้ายกาดมากดังที่ฉันได้เห็น ด้วยตาเอง กริดนั้นเปนมีดแหลมชนิดหนึ่ง ยาวประมาน 1 คืบ 4 นิ้ว 1 และที่ต่อกับด้ามนั้นกว้างประมานนิ้วครึ่ง 2 รูปคดเหมือนละลอกไนกะแสน้ำปลายแหลมคล้ายลิ้นงู ทำด้วยเหล็กกล้า ทั้งสองข้างคมเหมือนมีด โกน เหน็บไว้ไนฝักซึ่งทำด้วยไม้ ต้นหนได้ไช้คนของเขาสองคนไปตามพวกกะลาสีที่เหลือหยู่ไน เรือสำเพาลำนั้น ฉันได้ไห้จัดหาน้ำชามาเลี้ยงเขาไนระหว่างเวลาที่ คอยคนมารายงานว่าพวกกะลาสีได้ขึ้นมาบนบกแล้ว ไนเวลาเดียวกัน นั้นฉันคิดไว้ว่าจะมีคำสั่งไห้จับคนเหล่านั้น โดยเหตุที่พวกกะลาสีมาช้า กว่าความคาดหมายของฉัน ฉันจึงลุกขึ้นยืน ทำทีพูดว่ามีธุระที่จะต้องสั่งการบางหย่าง ฉันขอไห้ขุนนางไทยผู้หนึ่งที่หยู่ไนที่นั้นไห้นั่งเปน ประธานแทนตัวฉัน ฉันบอกว่าจะรีบกลับมาไนเวลาไม่ช้า คนไทยซึ่งคอยสังเกตุการน์หยู่ไนที่นั้น ไม่เข้าไจว่าเหตุไรฉัน จึงจัดทหานไปซุ่มไว้ไนที่ต่าง ๆ เมื่อฉันออกไปจากปะรำแล้ว ฉันพบ นายทหานโปรตุเกสแก่คนหนึ่ง เปนคนซื่อสัจดีนัก ฉันได้ตั้งไห้เปน นายพันตรี ยืนรอคอยฟังคำสั่งของฉัน ฉันพูดว่า " จงไปบอกพวก

1. ต้นฉบับว่ายาวหนึ่ง ปิเอท์ Pied ซึ่งเท่ากันกับ 33 เซนติเมตร หนึ่ง คืบเท่ากันกับ 52 เซนติเมตร ฉันจึงประมานว่าคงยาว 1 คืบ 4 นิ้ว 2. ต้นฉบับว่ากว้างหนึ่ง ปุส ครึ่ง Pouce ปุสหนึ่งเท่ากันกับ 0.0255 มิลลิเมตร เหตุฉะนั้นจึงคำนวนว่าคงกว้างราวหนึ่งนิ้วครึ่ง

119 เราว่าเมื่อพวกแขกมักกะสันผ่านตำบนที่เราจัดทหานซุ่มไว้ ไห้ตรง เข้าล้อมปลดอาวุธ และจับตัวไว้จนกว่าจะมีคำสั่งมาไหม่ " นายทหานโปรตุเกสผู้นั้นตกไจที่ได้ยินฉันพูดดังนั้น จึงตอบว่า " ขอรับประทานโทส ที่ท่านสั่งเช่นนั้น ไม่มีไครจะปติบัติตามได้ ท่านไม่รู้จักแขกมักกะสันเหมือนตัวฉันรู้จักมัน ฉันเกิดมาไนบุรพทิส ประเทสรู้จักมันดี ขอไห้เชื่อถ้อยคำฉันเถิด คนเหล่านี้หายอมแพ้ ง่าย ๆ ไม่ ต้องค่ามันเสียก่อนจึงจะจับตัวมันได้ ฉันขอเรียนไห้ซาบ ด้วยว่า ถ้าท่านทำท่าทางที่จะจับต้นหนที่หยู่ไนปะรำนั้นเขาและคนของ เขาจะค่าพวกเราไม่ไห้มีเหลือหยู่สักคนเดียว ฉันไม่ได้ตริตรองคำเตือนของนายทหานโปรตุเกสผู้นั้นตามควน แก่กาล ขืนที่จะทำตามแผนการที่ฉันได้ดำริไว้ นึกเสียว่าคงจะไม่ ยากลำบากอะไรเลย จึงสั่งซ้ำไปว่าไห้ไปบอกทหานตามคำสั่งของฉัน ฉันเชื่อว่าก่อนที่แขกมักกะสันจะถูกค่าตาย มันควนจะต้องทวนคิดเสีย หลายหนแล้ว นายทหานโปรตุเกสผู้นั้นเดินไป สีหน้าเส้าหมอง พูด ว่า " ขอไห้ท่านระมัดระวังตัวไห้มาก มันคงค่าท่านเปนแน่ เชื่อฉัน เถิด ฉันเตือนโดยความหวังดีแท้ ๆ " คราวนี้ฉันทำตามคำเตือนของนายทหานผู้นั้นเพื่อไม่ไห้เปนการเสี่ยงโชคหย่างหนึ่งหย่างได ฉันเลือกทหานไทยได้ยี่สิบคน สั่งไห้ ตามฉันมาทางด้านที่จะเข้าไปไนหอรบ ไห้ถือหอกเปนอาวุธสิบคน และอีกสิบคนถืออาวุธปืน ฉันได้รูดม่านที่กั้นปะรำหยู่นั้นแล้ว เดินเข้า ไปสั่งไห้ขุนนางไทยผู้หนึ่งไปบอกต้นหนแขกมักกะสันว่าฉันมีความเสีย

120 ไจเปนหย่างยิ่งที่ได้รับคำสั่งไห้จับตัวเขา แต่ขอไห้เชื่อเถิดว่าฉันจะ เลี้ยงดูเขาเปนหย่างดีตลอดเวลาถูกคุมขัง ขุนนางไทยอันน่าสมเพชผู้นั้น ซึ่งเปนล่ามของฉัน ได้ปติบัติ ตามคำสั่งของฉัน พออ้าปากพูดคำแรก แขกมักกะสันหกคนนั้น โยนหมวกลงที่พื้น ชักกริดออกจากฝัก กะโจนเข้ามาดุจมัจจุราชแทง และค่าล่ามกับขุนนางไทยอีกหกคนซึ่งหยู่ไนปะรำนั้น ฉันถอยออกมาสมทบทหานไทยที่มีอาวุธหยู่ไนมือ ฉันฉวยหอกได้เล่มหนึ่งแล้ว สั่งไห้ทหานยกปืนขึ้นยิงกราดไป แขกมักกะสันคนหนึ่งวิ่งตรงมาจะทำร้ายฉัน ฉันเอาหอกแทงท้องของมัน มันหารู้สึกเจ็บไม่ ดันเข้ามาทั้งปลายหอกทิ่มติดหยู่ไนตัว เช่นนั้น มันพยายามโดยสุดกำลังที่จะเข้ามาแทงฉันไห้จนได้ มันคง แทงฉันตายเปนแน่ ถ้าทหานไทยคนหนึ่งไม่ป้องกันไว้ได้ ฉันได้ แต่ถอยหลังไปและเอาหอกทิ่มท้องกันมันไว้ ไม่กล้าที่จะถอนหอก ออกมาแทงมันอีก ไนที่สุดทหานหอกคนอื่น ๆ ได้มาช่วยกัน และ ค่าแขกมักกะสันคนนั้น ไนจำพวกแขกมักกะสันบ้าหกคนนั้น เราค่าเสียสี่คน อีกสองคนถึงแม้ว่าบาดเจ็บมากได้กะโดดลงจากป้อมหนีไปได้ ความกล้าหาน หรือจะเรียกว่าความบ้าของแขกมักกะสันหกคนนั้นพิสูจน์ได้เห็นว่า คำพูดของนายทหานโปรตุเกสมีมูลความจิง มันไม่ยอมไห้จับเปน ได้ง่าย ๆ เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ฉันหวาดหวั่นว่าพวกแขกมักกะสันอีก 47 คนที่ขึ้นบกมาแล้วนั้น จะอาละวาดหย่างไรอีก เมื่อมีความวิตก

121 เช่นนั้นฉันเปลี่ยนคำสั่งที่ไห้จับ เปนตกลงไห้ค่ามันเสียทั้งสิ้น เพราะ ว่าไม่มีทางอื่นไดที่จะดีกว่านั้น คิดเช่นนั้นแล้วฉันสั่งไห้ไปตามทหาน และตัวเองก็ไปตามด้วย มาสมทบรวบรวมเปนกองขึ้น ไนขนะนั้นแขกมักกะสันที่ขึ้นมาบนบกแล้ว เดินตรงมายังป้อม ปราการ ฉันสั่งไห้นายทหานชาติอังกริดผู้หนึ่งเปนชั้นนายร้อยเอก ซึ่งวิชเยนทร์ตั้งไห้เปนผู้บังคับการกองทหานโปรตุเกส 40 คน ไห้ไป กั้นทาง หย่ายอมไห้แขกมักกะสันเดินมา ถ้ามันขืนเดินมาได้เอา ปืนยิง ฉันจะรีบนำทหานที่ระดมได้เท่าไรตามไปช่วยไนเวลาไม่ช้า เมื่อนายทหานอังกริดได้ห้ามแขกมักกะสันไม่ไห้เดินต่อมา มันก็หยุด หยู่นิ่ง ๆ ไนขนะนั้นฉันนำทหานเดินไปเปนระเบียบเรียบร้อย มีหอก และปืนเปนอาวุธครบมือ แต่จะไว้วางไจทหานพวกนี้นักก็ไม่ได้ เพราะว่าเปนทหานที่เกนท์มาไหม ๆ และยังไม่เคยชินกันกับการ สงคราม เราหยุดหยู่ห่างจากพวกแขกมักกะสันประมานหนึ่งเส้น ต่างฝ่ายต่างเจรจาซักถามความประสงค์ซึ่งกันและกัน ฉันสั่งไห้บอกมันว่า ถ้าหยากจะกลับไปลงเรือสำเพา ก็กลับไปได้ ฉันคิดไว้ว่า ถ้ามัน ยอมกลับไปลงเรือแล้ว เราจะยิงเสียไห้ตายทุกคนก็ได้ง่าย เพราะ ว่ามันไม่มีที่กำบัง และไม่มีอาวุธปืนสักกะบอกเดียว มันตอบว่ามัน ยินดีจะกลับไปบนเรือ แต่ก่อนอื่นขอไห้ส่งตัวต้นหนเรือของมันลงมา ด้วย ถ้าไม่ได้ตัวคืนมาแล้ว ก็จะไม่ขึ้นไปบนเรือ 16

122 นายทหานอังกริดไม่ชอบพูดกันไปพูดกันมาอันเปนการช้าเสีย เวลา จึงไช้คนมาบอกฉันว่า เมื่อแขกมักกะสันไม่ยอมฟังเหตุผล ของเรา เขาจะจับมันมัดไว้ และยังไม่ทันรอฟังคำสั่งของฉัน เขานำ ทหานตรงเข้าไปโดยที่ไม่ไช้ปั??าตริตรองไห้รอบคอบ พอนายทหารอังกริดกะดิกตัวจะก้าวหน้าไป แขกมักกะสัน 47 คน ซึ่งนั่งยอง ๆ หยู่ตามขนบทำเนียมของมัน ลุกขึ้นยืนทันที แก้ผ้ารัดพุงของมันออกแล้วเอาพันแขนซ้ายของมันเปนโล่ห์ มันยก แขนซ้ายนั้นบังตัว มือขวาชักริดออกจากฝักแล้ว กะโจนเข้าหาพวก ทหานโปรตุเกส ก้มหัวลงวิ่งถลันเข้าไปโดยแรง แทงทหาน โปรตุเกส เนื้อขาดเปนชิ้น ๆ ไป ก่อนที่พวกเรารู้ตัวว่ามันคิดสู้ จากที่นั้นไม่ทันพักหยุดหายไจ มันแหวกทางวิ่งตรงมายังกองทหาน ที่หยู่ไนบังคับบันชาของฉัน ถึงแม้ว่าฉันมีทหานกว่าหนึ่งพันคนถือหอกและปืน แต่ทหานเหล่านั้นไม่ทันรู้ตัว แขกมักกะสันเอากริดแหวะท้อง ทหานเหล่านั้น พบคนไดก็ค่าคนนั้นดะไปทั้งซายและขวา ล้มตาย ทับถมกันน่าสยองพองขน ไนขนะที่ประชาชนพลเมืองแตกตื่นกันหยู่นี้ พวกเราถูกดันมา จนถึงกำแพงป้อมที่ส้างขึ้นไหม่ แขกมักกะสัน ซึ่งบ้าเลือดมากกว่า คนอื่น ๆ ได้ไล่ตามคนที่วิ่งหนี มันตามไปจนถึงคูที่หยู่ริมแม่น้ำไกล้ ป้อมรูปสี่เหลี่ยมแล้ว ข้ามไปอีกข้างหนึ่งของป้อม ค่าไคร ๆ ที่ ขวางทางมัน ไม่เลือกว่าเปนเพสหยิงหรือชาย ผู้ไหย่หรือเด็ก เลือดนองไป น่าสพึงกลัง

123 ไนภาวะอันยากลำบากเช่นนี้ ฉันไม่สามาถที่จะควบคุมทหาน ไว้ได้ และโดยเหตุที่ฉันมีหอกเปนอาวุธหยู่แต่เล่มเดียว ฉันจึงเติน เลียบริมคูไป ตั้งไจไว้ว่าจะกะโดดลงไปไนคู ถ้าแขกมักกะสัน ติดตามฉันมา ที่คิดดังนี้เพราะซาบว่าคูนั้นเต็มไปด้วยเลน มัน จะลุยโคลนมาเร็วไม่ได้ ฉันจะต้องสู้มันก็ได้เปรียบกว่ามันมาก แขกมักกะสันวิ่งผ่านฉันมาห่างประมานสี่วา ไม่เห็นฉัน เพราะว่ามันมุ่งแต่จะค่าคนที่หยู่ไกล้มันเท่านั้น ไม่มีคนอื่น ๆ สักคนเดียว คิดจะประชันหน้าเพื่อต่อสู้มันเลย เพราะว่าตกไจเกินไป ไนที่สุด ไม่เห็นทางหนึ่งทางไดที่จะเรียกทหานไห้มารวมกันต่อสู้มันได้ ฉันจึง วิ่งไปทางประตูที่จะเข้าไปไนป้อมปราการที่ส้างขึ้นไหม่ ซึ่งมีรั้วกั้นไว้ เท่านั้น กะโดดข้ามรั้วแล้ว ฉันขึ้นไปบนป้อมหยิบปืนมายิงพวกแขก มักกะสัน ซึ่งอาละวาดหยู่ข้างล่าง เมื่อไม่มีไครที่มันจะค่าได้อีกแล้ว มันก็ถอยไปริมฝั่งแม่น้ำ มันปรึกสาหารือกันหยู่สักครู่หนึ่ง โทมนัส ที่ไม่เห็นทางที่จะหนีรอดไปได้ มันจึงตกลงที่จะรบราค่าฟันกันต่อไป มันขึ้นไปบนเรือสำเพา เอาไฟเผาเรือแล้ว ต่างคนต่างฉวยโล่ห์และ หอกกลับขึ้นมาบนบกอีก พบไครก็ค่าเสียสิ้น มันเอาไฟเผาโรงทหาน ซึ่งเปนเรือนทำด้วยไม้ไผ่ แล้วเดิน เลียบฝั่งแม่น้ำขึ้นไป ฟันและค่าไคร ๆ ไม่เลือกหน้าที่ขวางทางมัน คาตกัมนี้ทำไห้ประชาชนพลเมืองตัวสั่นขวันหายมาก ภาพที่ได้เห็นนั้นทำไห้ฉันสลดไจมาก แค้นเคืองที่ได้เห็นพื้นดิน เต็มไปด้วยซากสพคน ฉันจึงรวบรวมทหานปืนได้ยี่สิบคน นำลงไป

124 ไนเรืกันยาลำหนึ่ง ไห้พายเรือตามพวกแขกมักกะสัน ได้ไปทันมัน ที่หนทางห่างจากป้อมปราการประมานร้อยเส้น ฉันสั่งได้เอาปืนยิงมัน มันหลบไปห่างจากฝั่งแม่น้ำแล้ว เดินเข้าไปไนที่รกชัต ฉันเห็นว่า ไม่มีทหานมากพอที่จะติดตามมันไป เพราะว่าพวกแขกมักกะสัน มากกว่าพวกเรา จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปท้ารบไกล้ ๆ เหตุฉะนั้นจึงตกลงไจกลับมายังป้อมปราการ ครั้นกลับมาถึงมีคนมารายงานว่าแขกมักกะสันหกคนที่ข้ามคูไปอีกฟากหนึ่งนั้น ได้บุกรุกเข้าไปไนวัด ๆ หนึ่ง ค่าพระภิกสุสงค์ที่ จำพันสาหยู่ไนวัดนั้นทั้งหมด กับขุนนางผู้ไหย่อีกคนหนึ่ง ซึ่งมัน เอากริดแทงคาติดตัวไว้ คนที่มารายงานฉันนั้นได้นำเอากริดมาไห้ฉัน เปนพยานด้วย ฉันจึงรีบไปที่วัดนั้น นำทหานไปด้วยแปดสิบคน ไห้ ถือหอกทุกคน เพราะว่าทหานพวกนี้ยังไม่ชำนา?การไช้ปืน เมื่อฉัน ไปถึงวัดนั้น ได้ซาบว่าคนไทยที่หยู่ไนบริเวนวัดนั้นไม่มีอาวุธจะต่อสู้ ได้ จึงต้องเอาเพลิงเผาวัดนั้น มีคนมารายงานฉันว่าพวกแขกมักกะสันได้หลบไปจากวัดนี้หนี เข้าไปหมอบหยู่ไนทุ่งซึ่งเต็มไปด้วยหย้ารกสูงเกือบสองสอกและทึบ มาก ฉันนำทหานเข้าไปไนทุ่ง แยกออกเปนสองแถวไห้ร้องตะโกน ขู่ไปว่าจะค่าคนได ๆ ที่พยายามกะดิกตัวจะวิ่งหนี ทหานหอกของฉัน นั้นเดินแหวกทางเข้าไปช้า ๆ แต่เมื่อเห็นฉันเดินประชิดเข้ามา ก็มีไจ กล้าขึ้น


125 แขกมักกะสันคนแรกที่เราพบนั้น ยืนขึ้นเงื้อกริดดุจคนบ้าฉะนั้นตั้งท่าจะกะโจนเข้าแทงทหานหอก ฉันป้องกันไว้ได้ เอาปืนยิงถูกหัว มันล้มตายคาที่ ทหานของฉันเห็นดังนั้นไม่หวาดหวั่น ต่างคน ต่างช่วยกันเอาหอกแทงแขกมักกะสันตายอีกสี่คน แขกมักกะสัน อันน่าสมเพชเหล่านี้ต่อสู้ทำนองเดียวกัน คือมันวิ่งรี่เข้ามายอมตาย ดีกว่าถอยหลังหนี ไนขนะที่ฉันคิดจะกลับมาที่ป้อมปราการ มีคนมาบอกว่ายังมี แขกมักกะสันคนที่หกยังเหลืออยู่ มันเปนคนเด็กหนุ่มที่ได้ค่าขุนนาง ไทยและทิ้งกริดคาไว้กับซากสพ เราจึงย้นกลับเข้าไปไนพงหย้ากกอีกเพื่อเอาตัวมันไห้ได้ ฉันได้สั่งทหานหย่าไห้ค่ามัน ไห้จับเปนเพราะว่า มันไม่มีอาวุธ แต่ทหานเหล่านั้นเหี้ยมโหดมากไม่ฟังคำสั่งของฉัน ไห้ซาบชัดเจน เอาหอกแทงมันตั้งพันแห่ง กลับมาถึงป้อมแล้วฉันเชินขุนนางไทยมาประชุมปรึกสาหารือ กันว่าจะทำหย่างไรต่อไป เราได้พร้อมกันตกลงว่าจะระดมทหาน ทั้งหมดที่มีหยู่แล้ว ติดตามสัตรูไปจนถึงที่เราซาบว่ามันหลยซ่อนหยู่ ฉันไคร่ซาบว่าจะมีจำนวนคนคนตายสักกี่คน สอบสวนได้ความว่าไนวัน เคราะห์ร้ายนั้นมีคนของเราเสียชีวิตไป 366 คน พวกมักกะสันตาย เพียง 17 คน คือถูกค่าบนป้อม 6 คน ทีวัด 6 คน และไนสมรภูมิ หน้าป้อม 5 คน เวลาฉันเดินเข้าไปไนปะรำ เพื่อพักผ่อนสักครู่หนึ่ง เพราะว่า ได้รับความเหน็ดเหนื่อยมาก ฉันได้พบภาพที่ทำไห้เส้าสลดไจ

126 หย่างยิ่ง ด้วยว่าไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นเช่นนั้นเลย นอกจากซากสพ แขกมักกะสันและคนไทย ซึ่งไม่มีเวลาจำหามไปจากป้อมได้ ฉันได้ พบนายทหานหนุ่มผู้หนึ่ง นอนนิ่งหยู่ข้างเตียงนอนของฉัน นายทหาน หนุ่มชาวฝรั่งเสสผู้นี้ ชื่อ โบเรอะคารท์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกัน กับฉันและสมัคหยู่ไนประเทสนี้ ฉันได้ตั้งไห้เปนนายพันตรีไนกอง ทหานไทย เมื่อฉันเห็นเขานอนนิ่งหยู่เช่นนั้น ก็เชื่อว่าตายแล้ว จึงมี ความเส้าโสกสลดไจเปนอันมาก แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผู้อ่านคงจะไม่เชื่อถ้อยคำของฉัน เพราะว่าแท้จิงมันเปนเรื่องที่คล้ายกันกับนิทานมากกว่าหย่างอื่น ฉันขอ ปติยานไห้คำมั่นสั??าว่าฉันไม่ได้ต่อเติมแต่งขึ้นตามอำเพอไจเลย จะเขียนแต่ความจิงแท้ ๆ เมื่อฉันเข้าไปไกล้เตียงนอน และตรวดดู ร่างกายของนายทหานหนุ่มผู้นั้นแล้ว ฉันเห็นว่ายังมีลมหายไจหยู่ แต่ พูดไม่ได้เสียแล้ว ที่ปากของเขานั้นมีน้ำลายเปนฟอง ท้องแหวะไส้พุง และกะเพาะอาหารทะลักออกมาข้างนอกห้อยหยู่ที่ตะโพก ไม่ซาบว่า จะช่วยเหลือหย่างไร เพราะว่าไม่มียาและไม่มีแพทย์ ฉันจึงลองช่วย ชีวิตของเขาตามสติปั??าความสามาถของฉัน ฉันเอาไหมมาสนเข็มสองเล่มแล้ว ยกไส้พุงและกะเพาะเข้าไป ไนที่เดิมของมันไนท้อง ฉันได้เย็บแผลตามทำนองที่ได้เคยเห็นมา และขมวดสองทบไห้ติดกันไว้ เอาไข่ขาวมาตีแล้วเอา เหล้า " รัค " ซึ่งเปนเหล้า " โอเดอะวี " ชนิดหนึ่ง ผสมเข้าแล้วชะล้างคนบาดเจ็บ ชะล้างหยู่ดังนี้ต่อมาสิบวัน การรักสาพยาบาลของฉันเปนผลสำเหร็ด

127 โบเรอะคารท์รอดชีวิตมาได้ ความจิงเขาไม่มีไข้และไม่มีอาการที่ทำ ไห้วิตกเลย ฉันสังเกตเห็นว่าเมื่อเวลาฉันยกไส้พุงและกะเพาะของเขา เข้าไปไนท้องนั้น มันแห้งเหมือนกะดาดหนังสือฉะนั้น และมีเลือด เข้าไปไนท้องนั้น มันแห้งเหมือนกะดาดหนังสือฉะนั้น และมีเลือด ข้น ๆ ติดหยู่ดัวย แต่ถึงเช่นนั้นก็หาเปนอุปสัคขัดขวางหย่างไรไม่ ไม่กี่วันเขาก็หายเจ็บได้ รุ่งขึ้นฉันได้รับรายงานว่ามีแขกมักกะสันอีกคนหนึ่งไนจำนวนหกคนที่มาอาละวาดหยู่ไนปะรำนั้นยังไม่าย ทหานไทยจับตัวมันได้ และ เกรงว่ามันจะหนีไป จึงเอาเชือกมัดมันแน่นจนกะดิกตัวไม่ได้ ฉันลง จากป้อมปราการไปซักถามปากคำของมัน เพื่อจะได้ซาบข้อความ ชัดเจนว่ามีสาเหตุอะไรที่มนไปเกี่ยวข้องกันกับการคาตกัมครั้งนี้และกับ พวกกบดที่จะก่อการจลาจลที่เมืองละโว้ และกรุงสรีอยุธยา มัจจุราชผู้นี้ถูกแทงด้วยหอกตามร่างการถึง 17 แผล แต่มันไปหมกซ่อนหยู่ ไนโคลนได้ตลอดคืนหย่างไจเย็นจนน่าพิสวง ฉันเรียกมันว่ามัจจุราช เพราะว่ากำลังกายและไจของมนุสชาติหาทนได้เท่านี้ไม่ ฉันซักถาม มันคำสองคำแล้วมันตอบว่ามันจะไห้การเปนที่พอไจฉันไม่ได้ ถ้าฉัน ไม่ไห้คนแก้เชือกที่มัดมันไว้ ฉันไม่เกรงว่ามันจะหนีไปได้ จึงสั่งไห้ นายสิบชาติฝรั่งเสสซึ่งไปกับฉันไห้แก้เชือก นายสิบผู้นี้เอาง้าวของ เขาพิงไว้ต้นไม้เล็ก ๆ ต้นหนึ่งที่หยู่ไกล้ตัวแขกมักกะสันคนนั้น นึกว่า มันไม่มีกำลังที่จะทำอะไรได้ จึงวางไว้ไนที่นั้นแล้วแก้เชือกที่มัด ตัวมันไว้

128 พมันหลุดจากเชือกที่มัดไว้แล้ว มันยืดขาและยืดแขน เพื่อ ไห้หายเหน็บ ฉันได้สังเกตุเห็ฯว่าเวลามันตอบคำถามของฉันนั้น มัน หันหน้าไปรอบ ๆ ตัวและทำท่าทางที่จะหนีและค่อย ๆ คลานเข้าไปจะ หยิบง้าว ฉันรู้เลสนัยของมัน จึงร้องบอกนายสิบว่าไห้เข้ายืนไกล้ง้าวของเขายังไม่รู้อีกหรือว่าคนบ้าเลือดเช่นนี้มุทะลุเพียงไร พอมันเข้าไปไกล้ง้าว มันก็พยายามจะหยิบง้าวนั้นจิง ๆ แต่มันมีความทรหดมากกว่า มีกำลัง มันจึงล้มลงหน้าฟาดลงกับพื้นดินจวนจะขาดไจตาย ไนทันได นั้นฉันเห็นว่ามันไม่มีอาการที่จะรอดชีวิตได้จึงสั่งไห้ค่ามันเสีย ฉันรู้สึกสังเวชไจมากที่เห็นคนเหล่านี้ ซึ่งเปนคนที่ผิดแผกกว่า คนอื่น ๆ ถูกค่าตาย จึงไคร่ซาบว่าเหตุไฉนชนชาตินี้จึงมีความกล้า หาน หรืออีกนัยหนึ่งความดุร้ายมากนัก ฉันถามชนชาติโปรตุเกส ที่เคยหยู่ไนบุรทิสประเทสตั้แต่เด็กมา เขาบอกฉันว่าคนเหล่านี้มา จากเกาะ เสสีเบส หรือ เกาะมักกะสันเคร่งไนสาสนามะหะหมัดและ ถือลาง เชื่อคาถาอาคมที่พวกอิหม่ามแจกจ่ายไห้ มียันต์ผูกไว้ ที่แขน เพราะได้รับคำสั่งสอนว่าถ้ามีไว้ติดตัวก็ไม่มีไครทำอัน ตรายได้ คำสั่งสอนอีกข้อหนึ่งที่ทำไห้คนเหล่านี้เปนคนดุร้ายไม่ท้อถอยนั้นคือความเชื่อมั่นว่าคนทั้งปวงที่เขาค่าตายไนพิภพนี้นอกจากพวกมะหะหมัดแล้ว จักไปเปนทาสรับไช้เขาไนปรโลก ตั้งแต่เด็ก ๆ มา แขกมักมะหมัดได้รับความอบรมได้ถือว่าการไม่ยอมแพ้นั้นเปนเกียรติคุนที่เลิดที่สุด ยังไม่มีไครละเมิดคำสั่งสอนนี้เลย

129 เมื่อแขกมักกะสันมีความเชื่อเช่นนี้ ก็ย่อมไม่ขอพึ่งหรืออุปการะ ผู้หนึ่งผู้ได เขามีแต่กริดเปนอาวุธก็สู้คนตั้งแสนคนได้ คนที่มีลัทธิ เช่นนี้ย่อมไม่มีความกลัว และเปนคนที่โหดร้ายมาก ชาวเกาะพวกนี้ รูปร่างปานกลาง เนื้อสีดำแดง เปนคนแคล่วคล่องว่องไวมาก มี เครื่องแต่งกาย คือกางเกงขาสั้นแนบกับเนื้อ เสื้อแขนสั้นสีขาวหรือ สีเทาคล้ายเสื้ออังกริด หมวกชนิดหนึ่งมีผ้าพันกว้างประมานสามนิ้ว ไม่สวมถุงน่องมีแต่รองเท้าแตะ มีผ้ารัดพุงสอดกริดอาวุธของมัจจุราช นี่แหละคือคนที่ฉันได้ประชันหน้า มันพึงค่าฉันได้เหมือนคนอื่น ๆ โดยปราสจากควาเมตตากรุนา โบเรอะคารท์ ซึ่งฉันยกไส้พุงกลับเข้าไปไนท้อง และพยาบาล รักสาแผลตลอดมานั้น มีอาการดีขึ้นมากและพูดได้แล้ว ฉันจึง สอบถามว่าถูกทำร้ายได้หย่างไร เพราะว่าไนขนะที่เราต่อสู้กับแขก มักกะสันหกคนบนป้อมปราการนั้น ตัวเขาหยู่นอกป้อม โบเรอะคารท์เล่าว่าเขาได้เห็นคนสองคนพลัดตกลงมาจากป้อม สีสะพุ่งลงมา และนึกว่าคน ๆ หนึ่งไนสองคนนั้นคงเปนต้นหนของ เรือสำเพา เขาจึงวิ่งเข้าไปเพื่อกันไม่ไห้คนไทยค่าแขกมักกะสันคน นั้น เมื่อมันเห็นเขาวิ่งเข้ามาไกล้ดังนั้นมันมารยานอนนิ่งเหมือนคน ตาย ครั้นเขาเข้าไปไกล้ตัวมัน มันเอากริดแหวะท้องของเขาเปน แผลยาวดังที่ฉันได้เห็น ไม่ซาบว่าจะวิ่งไปทางไหน จึงเอามือประคอง ไส้พุงไว้แล้วขึ้นบนปะรำ ไม่เห็นมีไครที่จะช่วยเหลือได้ หมด 17

130 กำลังลงก็ล้มลงหยู่ข้างเตียงนอนของฉัน และนอนนิ่งหยู่ดังที่ฉันได้ มาพบเข้า 1 ฉันได้รายงานเรื่องอันน่าเสียไจไห้วิชเยนทร์ซาบ ถึงแม้กุสโล บายของเขาสแดงไห้ฉันเห็นชัดเจนว่าเขาคิดปองร้ายฉัน ฉันก็ไม่เห็น เปนการสมควนที่จะยั่วไห้รู้สึกความผิด ฉันจึงเขียนรายงานเหมือนหนึ่ง ว่าฉันไม่มีความสงสัยเขาเลย ได้รายงานข้อความที่เกิดขึ้นแก่ตัวฉัน โดยถี่ด้วนและแนะนำไห้ระมัดระวังพวกแขกมักกะสันที่ยังมีเหลือหยู่ และขุดสนามเพลาะหยู่ไนค่าย หย่าไห้วิชเยนทร์ได้รับความยากลำ บากหย่างตัวฉัน เมื่อได้รับรายงานของฉันแล้ว เขากราบบังคมทูน พระกรุนาไห้ซาบไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตามความประสงค์ของเขา ถึงแม้ว่าความประพรึตของฉันเปนที่พอไจเขา เขายังมีจดหมายมา ติเตียนฉัน กล่าวหาว่าฉันไม่ไช้วปั??าตริตรองไห้รอบคอบ ความ บกพร่องไนหน้าที่ของฉันเปนต้นเหตุที่ทำไห้ค่าฟันกันตาย แต่ไนท้าย จดหมายเขาสั่งว่าไม่ไห้จับพวกแขกมักกะสันเหมือนคราวแรก ไห้ค่า มันมากเท่าไรก็ยิ่งดี ฉันไม่ได้รอคำสั่งไนข้อหลังนี้เลย วันรุ่งขึ้น ฉันเชินขุนนางไทยทั้งปวงมาประชุมปรึกสาหารือกัน ฉันได้แบ่งทหาน ไห้เขานำไปตามตำบนต่าง ๆ เพื่อกันไม่ไห้สัตรูที่หนีเข้าไปซ่อนหยู่ ไนที่รกชัตกลับมาทำร้ายคนที่หยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำอีก เพราะว่าตลอด ฝั่งแม่น้ำนั้นมีประชาชนพลเมืองตั้งบ้านเรือนหยู่เปนอันมาก เปนทำเล ที่แขกมักกะสันพึงค่าคนได้มากที่สุด 1. ประชุมพงสาวดารภาคที่ 6 กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า พวกแขกมักกะสัน เปนกบดขึ้นไนกรุง ฯ เกือบจะแย่งป้อมวิไชยประสิทธิ ซึ่งเชวาลิเอเดอะฟอร์บัง นายทหานฝรั่งเสสหยู่รักสาเอาไปได้

131 ต่อมาอีกสิบห้าวันฉันได้ซาบว่ามีคนพบแขกมักกะสันที่ตำบน หนึ่งห่างจากเมืองบางกอกสองร้อยเส้น ฉันถึงรวบรวมทหานได้แปด สิบคนลงเรือกันยาติดตามขึ้นไป เพราะว่าเวลานั้นยังเปนรึดูน้ำท่วมหยู่ ฉันได้ ไปถึงตำบนนั้นทันช่วยเหลือราสดรไนท้องที่ เมอฉันไปถึง พวกแขกดุร้ายเหล่านี้ทิ้งเรือกันยาที่มันยึดไว้ ได้แล้ว กะโดดลงไปไนแม่น้ำว่ายน้ำหนีไป ฉันสั่งไห้เอาปืนระดม ยิงมัน แต่มิช้ามันก็ว่ายน้ำปไกลจากระยะปืน และเข้าไปซ่อนหยู่ไน ที่รกชัต ฉันเห็นว่าไม่มีทางที่จะจับมันได้ จึงกลับมาเมืองบางกอก เมื่อมาถึงเมืองบางกอก ฉันพบแขกมักกะสันสองคนบาดเจ็บ มากหนีไปกับพวกของมันไม่ได้ คนไทยจึงจับตัวมันส่งลงมา ผู้สั่ง สอนสาสนารูปหนึ่งชื่อ มานูเอล ซึ่งหยู่กับฉัน เห็นว่าควนแผ่เมตตาจิต แก่มัน จึงช่วยรักสาพยาบาลและสั่งสอนมันไนที่สุดมันยอมเลื่อมไส คริสตสาสนา แต่พอทำพิธีเข้ารีดได้ไม่ช้ามันก็ตาย ล่วงมาอีกสองสามวันคนไทยจับแขกมักกะสันมาได้อีกคนหนึ่ง ผู้สั่งสอนสาสนาได้ไห้โอวาดมันยืดยาว แต่ไม่เปนประโยชน์อะไรเลย อ้ายคนสถุลนั้นถามว่าถ้าเข้ารีดเปนสาสนิกชนแล้ว จะได้มันรอดชีวิต หรือไม่ เราตอบว่าไม่รอดไปได้ มันจึงพูดว่าไหน ๆ จะต้องตาย แล้ว จะไปสวรรคหรือไปนรกก็เหมือน ๆ กัน ฉันจึงสั่งไห้ตัดคอ มันเสีย คนไทยคนหนึ่งเห็นฉันจะเอาหัวแขกมักกะสันเสียบหอก ประจานไว้ วิงวอนขอหย่าไห้ทำเช่นนั้น บอกเวลากลางคืนคงมี คนมาลักสีสะนั้นไปทำเสน่ห์เปนแน่ เพราะว่ามีคนนิยมทำกันมาก

132 ฉันรู้สึกขันมากที่เขาพูดเช่นนั้น ฉันได้สั่งไห้เสียบสีสะแขกมักกะสัน คนนี้ประจานไว้ไนตำบนที่มีคนเห็นได้มาก เพื่อเปนตัวหย่างไห้แขก มักกะสันคนอื่น ๆ เกรงกลัว แปดวันพายหลังชาวสวนสองสามคนมีความตระหนกตกไจ พา กันมารายงานฉันว่าแขกมักกะสันมาที่ริมฝั่งแม่น้ำอีก ได้เข้าปล้นสวน ลักผักและผลไม้ไปเปนอันมาก ฉันจึงไปที่ตำบนนั้น นำทหานหอกและปืนไปด้วยประมานร้อยคนฉันได้พบราสดรมากกว่าสองพันคนไปชุมนุมกันหยู่ที่นั่น บอกตำบน ที่หยู่ที่กินของแขกมักกะสันไห้ฉันซาบชัดเจน เมื่อที่ต้องเสียเวลาติดตามสัตรูจำนวนนิดเดียวเท่านี้เรื่อยไป ฉันจึงต้องตกลงแก่ไจว่าจะต้องปราบไห้ราบคาบลงเสีย ฉันได้แบ่งราสดร สองพันคนนั้นออกเปนสองหมู่ ไห้แยกกันไปทางขวาหมู่หนึ่งและทาง ซ้ายหมู่หนึ่ง ตัวฉันและทหานไทยร้อยคนเที่ยวไล่ตามแขกมักกะสัน ฉันเดินลุยน้ำไปตามทางที่ผ่านไปไนพงกกนั้น โดยเหตุที่พวกแขก มักกะสันต้องอดอาหารแทบจะตายหยู่แล้ว เพราะว่าเวลาตลอหนึ่ง เดือนมันมีแต่ผักและหย้าเปนอาหารเท่านั้น ฉันจึงเห็นว่าถึงเวลาเหมาะ ที่จะไม่ยอมไห้หลุดหนีไปได้อีก ทั้งมีทหานที่สดชื่นแขงแรงมาด้วย ก็ย่อมมีทางได้เปรียบมาก คิดเช่นนั้นแล้วฉันสั่งทหานไห้เร่งฝีเท้าไห้ เร็วขึ้น เดินไปได้ราวห้าสิบเส้นก็เห็นสัตรู เราจึงรีบจะเข้าไปไห้ไกล้มัน ฉันเข้าไปเกลือบถึงตัวมันแล้ว มันหลบเข้าไปไนที่รกชัตที่หยู่ข้างซ้าย ไปพบพลทหานของฉัน ทหานเหล่านั้นเห็นมันแต่ไกล ก็ไช้ปืน

133 ยิงมัน แต่กะสุนปืนไปไม่ถึง ก็ไม่ทำไห้ฉันเปลี่ยนความคิด ฉันเดิน กระชั้นเข้าไป และสั่งไห้ทหานเตรียมตัวเข้าประจันบาน น้ำที่เราลุยไป นั้นท่วมขึ้นมาถึงน่องของเรา พวกแขกมักกะสันเห็นว่าจะลุยน้ำมาไม่ได้เร็ว มันจึงปีนขึ้นไปบนเนินดินซึ่งมีคูล้อมรอบ น้ำไนคูนั้นลึกถึงคอ ฉันล้อมมันไว้บนเนินดินนั้น และเข้าไปไกล้ราวสี่ถึงสี่วาครึ่งแล้วไห้ล่ามร้องตะโกนไปว่าไห้มันยอมแพ้ ถ้าจับได้แล้วไห้คำมั่นสั??า ว่าจะขอพระราชทานอภัยโทสไห้ทุกคน มันได้ยินถ้อยคำดังนั้นแล้ว มันโกรธเคืองมาก มันพุ่งหอกตรงมาที่เรา เพื่อเปนพยานว่ามันเห็น ว่าเปนการเสียเกียรติคุน มันเอาปากคาบกริดแล้วกะโดดลงไนน้ำ ว่ายมาสู่เรา ทหานไทยได้ฟังถ้อยคำของฉัน และเห็นฉันออกหน้าเปนตัวหย่างก็ยกปืนขึ้นยิงคนอันน่าสงสารเหล่านั้นจมน้ำตายไม่มีเหลือสักคนเดียว เลย คนที่ตายไปนั้นมากกว่าสิบเจ็ดคน นอกนั้นตายหยู่ไนที่รกชัต เพราะอดอาหารหรือบาดแผลเปนพิส ฉันพลิกสพบางคนดู มันแห้ง เหมือนสพชาวอัยคุปต์ที่ไส่ยาไห้แห้ง มันมีแต่หนังหุ้มกะดูกเท่านั้น ที่แขนซ้ายมียันต์ดังที่ฉันได้เล่ามาข้างบนนี้ เปนเครื่องลางที่มันถือว่า ถ้ามีติดตัวไว้แล้วไม่มีไครสู้ได้ อุบัติเหตุอันน่าเสียไจ ซึ่งทำไห้ฉันได้รับความเหน็ดเหนื่อยเปนอันมากตลอดเวลาหนึ่งเดือน ตัวเองเกือบเสียชีวิต และประชาชน พลเมืองตายไปหลายคนนั้น จบลงด้วยประการฉะนี้ คาตกัมนี้จะมีขึ้น


134 ไม่ได้ ถ้าวิชเยนทร์ผู้ไม่ไว้วางไจฉันและดุร้ายทารานแก่ฉันเหลือเกิน ไม่มีความอิจฉาริสยาฉัน เพื่อสแดงไห้เห็นแจ่มแจ้งชัดว่า ที่วิชเยนทร์มีหนังสือมาตำหนิ โทสฉันว่าไม่ไช้สติปั??าไห้รอบคอบนั้นอยุตติธัมเพียงไร ฉันจะเล่า พอเปนสังเขปว่า เจ้าแขกมักกะสันที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระนารายน์มหาราชนั้น เมื่อปิดความที่สมรู้ร่วมคิดกันจะก่อการกบด ไว้ไม่ได้แล้ว ก็ได้ขุดสนามเพลาะรอบที่ดินที่พระราชทานได้อาสัยหยู่ วิชเยนทร์ตกลงไจที่จะจับเจ้าแขกมักกะสันตนนั้น จึงระดมทหานจะไป ทำลายที่ส้องสุมนั้นเปนจำนวนถึงสองหมื่น ไห้ชาวทวีปยุโรป คือ ฝรั่งเสส อังกริด วิลันดา สี่สิบคนเปนผู้นำไป เริ่มแรกพวกแขก มักกะสันแกล้งทำหนี วิชเยนทร์หลงเชื่อ คิดว่ามันแตกตื่นหนีจิง ๆ จึงสั่งไห้ทหานไทยไล่ติดตามมันไป แต่พอกองทหานนั้นแยกออกเปน หมู่เล็ก ๆ พวกแขกมักกะสันก็หันหน้าเข้าต่อสู้ ค่าฟันนายทหานชาว ทวีปยุโรปตายสิบเจ็ดคนและคนไทยล้มตายลงบ้างไม่น้อย วิชเยนทร์ เองเกือบเสียชีวิต ได้กะโดดหนีแขกมักกะสันลงไปไนแม่น้ำ เกือบ จมน้ำตาย หากคนไช้ของเขาคนหนึ่งลงไปช่วยขึ้นมาได้ จึงรอดชีวิต สพคนตายที่ลอยน้ำผ่านเมืองบางกอกลงมาเปนพยานไห้เราซาบว่าวิชเยนทร์แพ้พวกมักกะสัน แต่นั้นมาวิชเยนทร์ระมัดระวังตัว มากขึ้น ได้เจรจาหาทางปรองดองกันกับเจ้าแขกมักกะสัน แต่เจ้า แขกตนนั้นหายอมฟังถ้อยคำไม่ เมื่อวิชเยนทร์ไม่เห็นทางที่จะปรอง ดองกันได้ จึงตกลงไจที่จุรบพวกแขกมักกะสันอีกสักครั้งหนึ่ง เขา

135 เตรียมการเปนเวลาถึงสองเดือน คราวนี้เกียรติคุนไม่มัวหมอง เพราะ ว่าเตรียมการดีกว่าคราวก่อน ตัวหย่างครั้งแรกนั้นเปนบทเรียนว่า ไม่ไช่เปนการง่ายนักที่จะระดมพลเข้าต่อสู้โดยเปิดเผย เขาได้เปลี่ยน ยุธวิธีไหม่ คิดกลอุบายเปนผลสำเหร็ด จึงเอาชัยชนะได้ โดยเหตุที่ว่าเวลานี้น้ำท่วม ต้องลุยน้ำที่ขึ้นมาถึงน่อง วิชเยนทร์จึงไห้หาไม้ไผ่มาสานเข้าเปนแผลหลายแผง ที่รอยต่อกันนั้นเอาตะปู เปนรูปสามง่ามเสียบไว้ ปลายตะปูยื่นออกไปเกือบแปดนิ้ว เมื่อกอง ทหานลุยน้ำไป ก็เอาแผงไม้ไผ่นั้นหมกลงไนโคลน พวกแขกมักกะสัน ไม่แลเห็น วิ่งหัวซุนมาจะแทงทหานไทย ตีนก็ติดขวากเหล็ก จะก้าว หน้าหรือจะถอยหลังก็ไม่ได้ ทหานไทยจึงเอาปืนยิงล้มตายลงเปน อันมาก คนที่หนีไปได้ ก็ไปซุกซ่อนหยู่ตามเรือนขัดแตะหรือเรือนฝา กะดานทหานไทยเอาไฟเผาเรือนเหล่านั้น คนที่วิ่งออกมาก็ถูกไฟลวก และถูกค่า ไม่มีแขกมักกะสันคนไดยอมอ่อนน้อมเลย ทหานไทยเว้น ไม่ค่าไห้ตายแต่โอรสสองตนของเจ้าแขกมักกะสันเท่านั้น จับตัวส่งไป เมืองละโว้ ต่อไปแปร์ตาชารต์พาแขกมักกะสันสองคนนั้นไปประเทส ฝรั่งเสส และเวลานี้เข้ารับราชการหยู่ไนกองทัพเรือ เมื่อได้เขียนเรื่องวิชเยนทร์ได้จัดการปราบปรามแขกมักกะสัน หย่างไรพอเปนสังเขปแล้ว ฉันขอย้อนมาเล่าเหตุการน์ที่บังเกิดแก่ตัว ฉันไนเวลาที่รับราชการหยู่ที่เมืองบางกอก เมื่อไม่มีสัตรูที่จะรบราค่า


136 ฟันด้วยอีกแล้ว ฉันได้เร่งงานส้างป้อมและฝึกหัดพลทหาน เห็นว่าพอ จะไช้การได้แล้ว ฉันจึงได้ออกไปเที่ยวตรวดดูภูมิประเทส เพื่อไห้ ประชาชนพลเมืองรู้จักตัวฉัน และหาความรู้ส่วนตัว เพื่อได้รับความรับรองไห้สมกันกับเกียรติยสและตำแหน่งหน้าที่ ฉันผ่านไปแห่งหนใด ก็ไห้คนไปบอกล่วงหน้าเสมอว่า ฉันจะมาตรวด ราชการ ขุนนางไทยและผู้มีบันดาสักดิ์ไนท้องที่ได้ตระเตรียมต้อนรับ ฉันเปนหย่างดี เขามาหาฉันจัดไห้หยู่ที่สาลากลาง พากันมาสแดง ความเคารพเท่าเทียมกันกับผู้แทนพระองค์พระมหากสัตรคนอื่น ๆ บางทีขุนนางหลายคน เพื่อยกย่องความดีของตนและเพื่อสแดงไห้ฉันเห็นว่าเขาเปนคนที่ราชดรนับหน้าถือตามาก ได้มาบอกฉันว่า เขาเปนคนที่พวก " บาหลวง " 1 แต่งงานไห้ บาหลวงนั้นคือพวกผู้สั่ง สอนสาสนาคาทอลิกนั่นเอง ฉันไม่เข้าไจเลยว่างานสมรสที่ขุนนาง เหล่านี้ยกขึ้นพูดนั้นหมายความว่าหย่างไร ฉันจึงขออธิบายไว้สักสอง สามคำไนบันทึกนี้ ตามที่ขุนนางไทยมาเล่าไห้ฟังนั้น ฉันเก็บความได้ ว่ามีผู้สั่งสอนสาสนาบางรูปซึ่งเปนชาวทวีปยุโรป เมื่อต้องการไห้คน มาเลื่อมไสสาสนา แล้วอวดอ้างว่าเปนผู้วิเสส เปนผู้ชอบด้วยพระราชนิยม แล้วหลอกลวงคนไทยที่เปนคนว่านอนสอนง่ายว่าทำพิธีแต่งงาน

1. ต้นฉบับเขียนไว้ว่า Baloan บาโลอัง หรือ บาหลวง ฉันคิดว่าเขียน ผิด แต่ไปเห็นหมายเหตุไนประชุมพงสาวดารภาคที่ 6 ว่าคำว่า บาทหลวง นั้น เดิม เรียกว่า บาหลวง หมายความว่าเปนพระที่พระเจ้าแผ่นดินซงอุปถัมภ์ บันทึกความจำ นี้อธิบายว่า บาหลวงนั้นก็คือผู้สั่งสอนสาสนาคาทอลิกนั่นเอง Missionnaire catholoque 137 ไห้ได้ แต่งานสมรสเช่นนี้มีความสดวกที่คู่บ่าวสาวหยู่ด้วยกันเพียง ตลอดเวลาที่ได้รับความเพลิดเพลินเท่านั้น คำบอกเล่าที่ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะได้ฟังเลยนั้น่าขันมาก ฉัน อดหัวเราะไม่ได้ ต่อมาเมื่อมีคนไทยจำพวกนี้มาหาฉันแล้ว ฉันเว้น ที่จะพูดล้อไม่ได้ คนไทยโดยมากมีความละอาย มีคนหนึ่งหรือสองคน เท่านั้นที่รู้สึกว่าตนถูกหลอก แต่บาหลวงซึ่งเปนชาวโปรตุเกสรูปหนึ่ง หามีความรู้สึกเช่นคนไทยไม่ บาหลวงรูปนี้ฉันซาบว่าเคยทำพิธีสมรส หลายครั้งแล้ว คำล้อเลียนของฉันหาทำไห้บาหลวงรูปนั้นตะขิดตะขวง ไจไม่ ท่านเห็นไปว่าเปนเรื่องที่ไม่มีแก่นสาร จึงหาเรื่องอื่นมาพูดตลก คะนองกับฉัน ความจิงบาหลวงชนิดนี้ไม่มีจำนวนมาก ยกเว้นบางรูปที่ไม่มี ความละอาย ผู้สั่งสอนสาสนารูปอื่น ๆ มีผู้ที่นับถือลัทธิเจสูอิตเปนต้น เปนผู้มีมารยาทดี ความประพรึตหามีมนทินไม่ บาหลวงจำนวนน้อยที่มาหยู่ไนประเทสไกลเช่นนี้ ไม่มีท่าน ผู้ไหย่คอยสังเกตความประพรึต ก็ปล่ยตัวเกินไป จึงไม่เคร่งไนหน้าที่ แม้ไนทวีปยุโรปก็มีผู้หย่อนธัมจรรยาเช่นเดียวกันนี้เหมือนกัน เวลาฉันไปตรวดราชการนั้น ฉันได้ผ่านไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนมาบอกว่ามีพระภิกสุสงค์รูปหนึ่งมีวิชาอาคมมาก และเปนที่ เคารพของราสดรไนท้องที่ พระภิกสุสงค์รูปอื่น ๆ เห็นว่าท่านเปนผู้ วิเสส จึงพร้อมไจกันตั้งไห้เปนเจ้าอาวาส เพราะฉะนั้นคนไทยทั้งหลายจึงนับถือท่านเปนอันมาก ฉันแวะเข้าไปเยี่ยมท่าน สังเกตเห็นว่าท่าน 18 138 เปนพระภิกสุสงค์ที่ชราภาพมาก น่านับถือจิง ๆ เพราะว่าเปนผู้มี อาวุโสกว่าพระภิกสุรูปอื่น ๆ และท่าทางสงบเสงี่ยม เพื่อต้อนรับฉันไห้สมเกียรติยส ท่านได้หยิบหมากเข้าไปไนปากของท่าน เคี้ยวหยู่เปนเวลาช้านานแล้ว ก็ควักออกมาจะยื่นไห้ฉันเคี้ยว ฉันไม่ยอมรับหมากที่ท่านจะไห้ฉัน ขุนนางไทยผู้หนึ่งที่นั่งหยู่ไกล้ฉัน บอกฉันว่าฉันไม่ควนปติเสธของขวันนั้น ฉันตอบขุนนางผู้นั้นว่า " ฉัน ยกของขวันนั้นไห้แก่ท่าน จงรับชันหมากนั้นไปเคี้ยวเถิด ถ้าท่าน เห็นว่าลิ้มรส " ขุนนางผู้นั้นไม่พักต้องไห้ฉันพูดซ้ำ อ้าปากขึ้นรับ ขันหมาก ซึ่งฉันไม่ต้องการจากมือพระภิกสุสงค์รูปนั้น เมื่อเดินทางไปดูภูมิประเทสครั้งนี้ ฉันได้พบลิงหลายชนิดเปน จำนวนมาก ท้องที่นี้เต็มไปด้วยลิง มันชอบหยู่ริมฝั่งแม่น้ำและพา กันไปเปนฝูง ๆ ฝูงหนึ่งมีลิงเปนหัวหน้าซึ่งมีร่างไหย่กว่าตัวอื่น ๆ เมื่อ น้ำลดลง มันกินปลาตัวเล็ก ๆ ที่ติดแห้งค้างหยู่ที่ชายเลน เมื่อลิง ฝูงหนึ่งมาพบลิงอีกฝูงหนึ่ง มันเดินเข้าไปไกล้กันแล้วหยุดนืง ลิง ทโมนหรือหัวหน้าฝูงเดินเข้าหากัน มันหยุดยืนหยู่ห่างกันประมาน สี่หรือห้าสอก ต่างแยกเขี้ยวยิงฟันแก่กันดูประหนึ่งว่าเจรจากันแล้ว หันหน้ากลับ ต่างเดินเข้าไปไนฝูงของมันแล้วพาฝูงแยกทางไป เมื่อ เวลาน้ำท่วมมันปีนขึ้นไปบนต้นไม้ และหยู่บนต้นไม้จนกะทั่งน้ำลดลง ฉันได้รับความเพลิดเพลินไจเปนอันมากที่ได้สังเกตกิริยาอาการ ของลิงเหล่านี้ วันหนึ่งฉันเห็นลิงประมานสิบสองตัวหาเหาหยู่กลาง


139 แดด ลิงตัวเมียตัวหนึ่ง ซึ่งถึงเวลาผสม ได้เดินออกไปจากผูงและมี ลิงตัวผู้ตัวหนึ่งไล่ตามไป ลิงทโมนเห็นดังนั้นแล้ว ก็วิ่งไล่ตามไป มันจับลิงตัวผู้ไม่ได้ เพราะว่าวิ่งหนีไปได้ มันจึงจับลิงตัวเมียลากมา ที่ท่ามกลางฝูงของมันแล้วตบหน้าเสียตั้งห้าสิบครั้งต่อหน้าลิงทั้งหลาย ดูประหนึ่งว่าลงโทสลิงตัวเมียที่เอาไจออกหาก คนที่ไม่เคยเห็นหอยนางรม เห็นพวกเราชาวฝรั่งเสสกินหอย ดิบ ๆ นั้นแล้ว ก็คงคลื่นไส้เหมือนกัน แต่หอยนางรมนั้นอร่อยมาก ทีเดียว อาหารสิ่งไรที่คนเห็นว่าอร่อยหรือไม่นั้นย่อมสุดแล้วแต่ความ นิยม เพราะฉะนั้นไม่ควนเถียงกันว่า คนนั้นมีลิ้มรสเช่นนั้นคนนี้มี ลิ้มรสเช่นนี้ ตรวดราชการทั่วอานาเขตของฉันแล้ว ฉันก็กลับไปเมืองบางกอกเพื่อค่าเวลา ฉันได้ฝึกหัดทหานและเร่งงานส้างป้อมปราการที่ทำกัน เนือย ๆ มา อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกวัน และไม่มีทางป้องกันได้นั้นเปน สาเหตุหนึ่งที่ทำไห้งานช้า โดยเหตุที่คนไทยเดินตีนเปล่า คนงาน ของฉันที่ขุดดินนั้นถูกงูกัด งูชนิดนี้ตัวเล็ก ๆ สีเทายาวคืบเสส พิสของงูนี้แรงมาก คนที่ถูกขบได้ชั่วโมงหนึ่งก็ชัก และถ้า ช่วยแก้ไขไว้ทันทีไม่ได้ ก็ตายพายไนเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง หมอจีนมียา แก้พิสนี้ชนิดหนึ่งดีมาก เขาไช้สิลาชนิดหนึ่งปิดรอยงูขบ สิลานั้นติด แผลแน่น ไม่ช้าคนไข้ก็หยุดชักและมีสติ พออูพิสออกหมดแล้ว


140 สิลาก็หล่นลงเอง สิลาชิ้นเดียวไช้ดูดพิสได้เสมอ แต่เพื่อจะไช้ไห้ได้ ดีเหมือนครั้งแรก ต้องเอาแช่นมคนไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง ถึงแม้ว่าฉันมีกิจธุระที่ทำหยู่เสมอ ก็ตั้งต้นรู้สึกเบื่อบางกอก เมื่อหยู่ที่ละโว้นั้นฉันได้รับพระราชทาน พระมหากรุนาธิคุนเปนอันมาก จึงพอทนหยู่ได้ ตั้งแต่ไปจากเมืองนั้นแล้ว ฉันก็เบื่อหน่ายที่ต้องหยู่ไน ที่ไร้ความสนุกสำรานไจ และไม่เห็นวันที่จะนำความมั่งคั่งมาแก่ตัวฉัน โดยเหตุนี้ ฉันจึงมีความประสงค์ที่จะกลับไปหยู่ไนพระราชสำนัก พระนารายน์มหาราชอีก ฉันได้เขียนจดหมายไปวิงวอนวิชเยนทร์ แต่ เขาไม่ต้องการไห้ฉันเข้าหยุ่ไนพระราชสำนัก เขาจึงยกเหตุผลต่าง ๆ ขึ้นขัดข้องความประสงค์ของฉัน ไนเวลาเดียวกันนั้นฉันได้พบที่เมืองบางกอกนักบวดลัทธิเจสูอิต สี่รูป ซึ่งได้เดินทางมาประเทสไทยพร้อมกันกับฉัน แปร์ตาชารต์ตาม ที่ฉันได้เล่าไว้ข้างบนนี้แล้ว ได้กลับไปประเทสฝรั่งเสสพร้อมกันกับ ราชทูตฝรั่งเสสและไทย วิชเยนทร์ได้ขอไห้แปร์เดอะคองต์หยู่ไน ประเทสนี้ นักบวดอีกสี่รูปคือแปร์เดอะฟองตะเน แปร์บูเวต์ แปร์แจร์ บิลยอง และแปร์วิส์ดะลู หาเรือที่จะโดยสานไปประเทสจีนได้ เรือ ล่องลงมาถึงบางกอก จึงแวะเยี่ยมฉัน ฉันได้ต้อนรับนักบวดสี่รูปนี้ตามอัชชาสัยไมตรีเต็มความสามารถไนขนะที่ท่านนักบวดทั้งสี่หยู่ที่บางกอกนั้น ฉันได้เล่าโดยถี่ถ้วนว่า วิชเยนทร์ทรมานฉันมากเพียงไร และคิดประทุสร้ายพยายามทำลาย


141 ชีวิตฉัน เมื่อฉันเล่าเรื่องกบดแขกมักกะสัน ฉันสังเกตเห็นได้ว่าท่าน ซาบเรื่องหยู่เต็มอกแล้ว แต่ท่านไม่ซาบหรือหย่างน้อยก็ซาบแต่เผิน ๆ ว่าวิชเยนทร์ได้มีบันชาสั่งหย่างไรมายังฉัน และต้องการไห้ฉันปติบัติ การหย่างไร เมื่อได้ตริตรองถ้อยคำของท่านนักบวดเหล่านี้แล้ว ฉันเข้าไจว่า ฉันได้พูดกับผู้ที่รู้จักนิสัยวิชเยนทร์ดีเท่ากับตัวฉันเอง ฉต่ท่านนักบวด เหล่านี้เปนผู้มีปั??า จึงไม่เห็นเปนการสมควนที่จะสแดงความเห็น ออกมาหย่างเปิดเผย ท่านเห็นไจว่าฉันมีความทุขจิง ๆ จึงพูดปลอบ ไจฉันแล้ว ก็แนะนำไห้ฉันรีบกลับไปประเทสฝรั่งเสสโดยเร็วที่สุด ตลอดเวลาสองสามวันที่ท่านนักบวดสี่รูปนี้หยู่ที่บางกอด ฉันบ่นว่า วิชเยนทร์คอยคิดประทุสร้ายฉันคราวได ท่านนักบวดก็ปลอบไจฉัน คราวนั้นทุกคราวไป เมื่อต่างคนต่างสแดงมติรไมตรีกันมากพอแล้ว เราก็อำลากัน น้ำตากบตา สแดงความเสียไจที่จะจากกันไปโดยที่ ไม่มีหวังว่าจะได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกต่อไป ฉันได้ตั้งไจไว้ก่อนแล้วว่าจะคิดกลับไปประเทสฝรั่งเสส ครั้น ได้สนทนากันกับท่านนักบวดทั้งสี่รูปนี้แล้ว ก็เห็นว่าความคิดของฉัน ถูกต้องแน่นอน ความยากจน และความคดโกงของวิชเยนทร์ฝัง หยู่ไนดวงจิตของฉันเสมอ ถึงแม้ว่าฉันได้ทำคุนความดีแก่คน ๆ นี้ แล้วก็ดี เขาก็สนองคุนฉัน ไม่เฉพาะแต่ไล่ไปเสียจากพระราชสำนัก ยังได้พยายามจะวางยาพิส และคิดกลอุบายที่จะทำลายชีวิตฉัน


142 ไนขนะที่ฉันเตรียมตัวจะกลับไปประเทสฝรั่งเสสหยู่นั้น ฉันได้รับ คำสั่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทำไห้ฉันเข้าไจชัดเจนว่าความเกลียดชังของ วิชเยนทร์นั้นยังหาสูนย์สิ้นไปไม่ คำสั่งไหม่นั้นเกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เรืออังกริดลำหนึ่ง มาถึงสันดอนไม่ช้านานนัก เรือลำนี้มีปืนไหย่สี่สิบกะบอก กะลาสี เก้าสิบคนเปนชาวทวีปยุโรปทั้งนั้น วิชเยนทร์กล่าวหาว่านายเรือลำนี้ ได้เคยฉ้อโกงสินค้า ซึ่งเปนพระราชทรัพย์ จึงอ้าวพระบรมราช โองการสั่งไห้ฉันขึ้นไปบนเรือลำนี้ ไห้ไปกับทหานสองคนเท่านั้น และ ไห้จับนายเรือถานมีความผิดดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คำสั่งของ วิชเยนทร์นี้เขียนเปนภาสาฝรั่งเสส ฉันเก็บเอาไว้เปนลายมือของ แปร์เดอะคองต์ ตามที่ฉันได้เคยปรารภมาแล้ว ฉันเข้าไจทันทีว่าคำสั่งเช่นนี้ก็ ไม่ผิดแผกกว่าคำสั่งเรื่องปราบกบดแขกมักกะสัน มันเปนดักอีกดักหนึ่งที่วิชเยนทร์วางไว้ไห้ฉันติดด้วยความริสยา หย่างไรก็ดีฉันตกลงไจ ที่จะทำตามคำสั่งนั้นทุกตัวอักสร ไนขนะที่เดินไปเดินมาตริตรองหา ทางที่จะปติบัติตามหน้าที่ไห้เปนผลสำเหร็ดนั้น ท่านมานุเอล ซึ่ง คุ้นเคยกันกับฉันมาก เห็นฉันมีไจหมกมุ่น จึงถามฉันว่าฝันเห็น อะไรหรือ ฉันเรียนท่านว่า " อ่านคำสั่งที่พึ่งมาถึงนี้ ซิ ขอรับ " ผู้สั่งสอน สาสนาสุภาพผู้นั้นอ่านซาบความแล้ว พูดว่า " วิชเยนทร์ไม่คิดเลย หรือว่าไม่มีไครสามาถที่จะปติบัติตามคำสั่งนั้นได้ "


143 ฉันตอบท่านว่า "ที่จะหาทางทำตามคำสั่งนั้นแหละพระคุนจึงเห็นฉันหน้านิ่วคิ้วขมวด ฉันขอเรียนว่า ฉันมีความดีไจเปนหย่างยิ่งที่มี โอกาสจะไล่วิชเยนทร์ไห้จนมุม โดยทำไห้เขาเห็นว่าคำสั่งที่ไม่มีไคร สามาถจะปติบัติตามได้ และที่มอบไห้ฉันทำ เพราะหวังว่าฉันคงจะ ตายนั้น เปนคำสั่งที่ฉันทำตามได้ง่าย ๆ " ท่านมานุเอลได้ยินว่าฉัน จะปติบัติตามคำสั่งนั้นแล้ว ตกไจเปนอันมาก อ้อนวอนไม่ไห้ทำตาม คำสั่ง ฉันตอบท่านว่า " พระคุนอ้อนวอนหย่างไรก็เสียเวลาเปล่า ฉันตำลงไจไว้แน่นอนแล้วว่าจะทำตามคำสั่งนั้น ถึงแม้ว่าจะตาย ก็หา เปลี่ยนความตั้งไจนั้นไม่ ฉันจะเอาหย่างพวกกบดแขกมักกะสัน คือจะต้องรุกเสมอ และจะไม่ถอยหลังเลย ขอพระคุนเชื่อฉันเถิด ว่าฉันจะระมัดระวังตัว และหวังไจว่าคงจะทำการเปนผลสำเหร็ด พูดจบคำลงฉันทิ้งท่านมานูเอลไว้ที่นั้นแล้ว กะโจนลงไปไนเรือ กันยาซึ่งมีฝีพายแปดสิบคน เพื่อแก้แค้นวิชเยนทร์ฉันแกล้งเอาตัว ลุงของท่านผู้หยิงวิชเยนทร์ลงไปไนเรือด้วย คน ๆ นี้เปนคนครึ่งชาติ เปนคนสุภาพเรียบร้อย แต่ไม่มีไจเปนนักรบเสียเลย ฉันเอามาแทนตัว ทหานคนหนึ่งไนจำพวกสองคนที่วิชเยนทร์สั่งไห้ขึ้นไปบนเรืออังกริดกับ ฉัน ทั้งนี้เพื่อไห้เขาล่อแหลมต่อความตายและรู้ไว้ด้วยว่าวิชเยนทร์ อาดทำอะไร ๆ ได้ทุกหย่าง ตลอดเวลาที่ออกจากบางกอกจนถึงน่านน้ำที่เรืออังกริดทอดสมอ หยู่ คนครึ่งชาติซื่อคนนี้ไม่หยุดถามฉันว่าจะพาเขาไปไหน ฉันเห็น


144 ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาควนจะซาบ จึงพูดตลกคนองตอบคำถามของเขา เมื่อไปถึงสันดอนต้องลงจากเรือกันยาเพราะว่าเรือชนิดนี้ไช้ได้แต่ไน แม่น้ำเท่านั้นขึ้นไปบนเรือที่ส้างสำหรับพายไนทเลได้ เรือลำนี้มีฝีพาย แปดคน ฉันไห้ลุงของท่านผู้หยิงวิชเยนทร์และผู้ว่าราชการปากน้ำลง ไปไนเรือลำนี้ด้วย เมื่อเราหยู่ห่างเรืออังกริดเพียงสองร้อยเส้น คนครึ่งชาตินี้ถาม ฉันอีกว่าจะพาเขาไปไหน เพื่อตอบคำถามของเขา ฉันส่งคำสั่งที่ วิชเยนทร์อ้างกะแสพระบรมราชโองการไห้เขาดูแล้วแปลข้อความเปน ภาสาโปรตุเกสไห้เขาซาบ คน ๆ นี้ตกไจเหลือเกินแทบซงตัวไว้ไม่ได้ ร้องกรี๊ดว่า " ฉันทำอะไรไห้ท่านโกรธเคือง จนถึงลากตัวฉัน ไปไห้เขาค่า ท่านนึกว่านายทหานเรืออังกริดจะเคารพกะแสพระบรม ราชโองการดังนั้นหรือ เขาหากลัวไม่และไนพรึติการน์เช่นนี้ไครจะมี อำนาดมากกว่าฉัน " ฉันตอบว่า " เมื่อเราเปนข้าราชการ เราก็ต้อง ปติบัติตตามพระกะแสพระบรมราชโองการ โดยที่ไม่ต้องคำนึ่งถึงความอันตรายที่พึงจะมีแม้สักนิดเดียว ชีวิตและทรัพย์สมบัติของเรานั้นเปน ของหลวงไม่ไช่หรือ จะซงประสิทธิ์ประสาทฉันไดก็ได้สุดแล้วแต่ พระราชอัชชาสัย " คำพูดของฉันนั้นแทนที่จะทำไห้คนครึ่งชาตินี้มีน้ำไจเบิกบาน กลับทำไห้เขากลัวยิ่งขึ้น ความกลัวนั้นทวีมากขึ้นทุกทีเมื่อเรือของเรา เข้าไปไกล้เรืออังกริด เพื่อช่วยไห้คนขลาดนี้หายความวิตกฉันพูดว่า


145 " ไนการจับน่ยเรืออังกริดผู้นี้ ฉันมีกลอุบายที่จะจับโดยที่ท่านและฉัน ไม่ต้องได้รับความอันตรายเลย ฉันจะหลอกลวงไห้นายเรืออังกริดลง จากเรือของเขามาขึ้นเรือของเรา เพื่อสำเหร็ดตามความคิดนี้ ฉันจะ ขึ้นไปบนเรือ ท่านต้องตามฉันขึ้นไปด้วย นายเรือคงจะรับรองฉันตาม อัชชาสัยไมตรี ฉันก็จะสแดงความเคารพเขา หวังไจว่าเขาคงจะไม่ มีความสงสัย หย่างไรก็ดีขอท่านได้รับคำสั่งที่วิชเยนทร์อ้างกะแส พระบรมราชโองการนี้ และเก็บไว้ไนกะเป๋าเสื้อจนถึงเวลาที่เราต้อง การจะไช้ ขอไห้ท่านทำไจกล้าแขงไว้ และทำท่าทางองอาด มิฉะนั้น กลอุบายเราจะไม่เปนผลสำเหร็ด " " แต่ถ้าความคิดของท่านไม่เปนผลสำเหร็ด " คน ๆ นั้น ตอบฉันด้วยความระมัดระวังยิ่งกว่าตรีตรองเหตุผล " ท่านจะทำ หย่างไรต่อไป " ฉันพูดว่า " ถ้าเช่นนั้นฉันจะวิ่งเอาหัวซุกเข้าไปหย่าง พวกแขกมักกะสัน ฉันจะชักกะบี่ออกจากฝักแล้ว บอกนายเรือค้าขายอังกริดว่าฉันได้รับคำสั่งไห้จับตัวเขา ถ้าเขากะดิกตัวจะต่อสู้ ฉันจะค่า เขาเสีย เมื่อท่านได้ยินฉันพูดดังนั้น ขอไห้ท่านควักคำสั่งออกจากกะเป๋าเสื้อ และร้องตะโกนบอกพวกกะลาสีว่าถ้าขืนสู้ พระเจ้าหยู่หัวจะซง แขวนคอมันทุกคน " คนครึ่งชาตินั้นตอบว่า " ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้อง ตายทั้งสองคน " ฉันพูดว่า " โชคชะตาของเราเปนเช่นนั้นไม่ไช่หรือ ตายวันนี้ พรุ่งนี้ หรืเมื่อไร ก็ตายเถิด แต่ขอไห้ตายโดยที่ทิ้ง ชื่อเสียงไว้ 19

146 พูดกันเท่านั้นแล้ว เราขึ้นไปบนเรือค้าขายของอังกริด ฉันปีน บันไดขึ้นไปก่อน คนครึ่งชาติชีวิตแทบจะหลุดจากร่างตามฉันขึ้นไป นายเรือเรือค้าขายได้เห็นสีหน้าคน ๆ นั้นแล้วถามฉันว่าคน ๆ นั้นเปน อะไร ฉันตอบว่า " เขาไม่เจ็บเปนอะไรเลย เปนคนเมาคลื่นเท่านั้น เอง " พูดดังนั้นแล้วเราเดินเข้าไปไนห้องไต้ดาดฟ้าเรือ มีคนนำสุรามา เลี้ยง และยิงปืนคำนับฉันหลายนัด นายเรือเรือค้าขายของอังกริด ซึ่งมาพบฉันนั้นยังสวมเสื้อและหมวกสำหรับห้องนอนหยู่ ได้ขอโทส ฉันที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยแล้วถามฉันว่ามีธุระอะไรจึงมาจนถึงเรือลำนี้ ฉันตอบว่า"มีเรื่องสำคันมากที่จะต้องหารือความซาบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่าชาววิลันดาที่เมืองบะตาวีตระเตรียมบันทุกอาวุธยุทธภันท์ลงไนเรือเปนอันมาก เพื่อจะมาเผาเรือที่หยู่ไนน่านน้ำนี้ กะบวนเรือ วิลันดานั้นได้ออกมาไนทเลแล้ว ฉันได้รับพระราชทานกะแสพระบรม ราชโองการได้เรียกประชุมบันดาต้นหนนายเรือทั้งหลายมาปรึกสา หารือกัน เพื่อหาทางป้องกันก่อนมีเหตุร้ายเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว โดยเหตุที่วิชเยนทร์ซาบว่าท่านหยู่ที่นี่ จึงสั่งไห้ฉันมาหาท่านโดย ฉเพาะและทำตามความเห็นของท่าน เพราะเชื่อว่าท่านมีกำลังและ ความชำนา?มาก" นายเรือเรือค้าขายอังกริดผู้นั้นเชื่อถ้อยคำของฉันโดยสุจริตแล้ว พูดว่า " ฉันจะสั่งไห้หย่อนเรือกันเชียงลงทเล และบอกบันดานายเรือ ที่หยู่ไนน่านน้ำนี้ไห้มาปรึกสาหารือกันบนเรือลำนี้ " ฉันพูดว่า " ท่าน


147 ทำเช่นนั้นถูกต้องทีเดียว " ฉันแกล้งตริตรองหยู่สักครู่หนึ่งแล้วพูด ต่อไปว่า " แต่เรือของท่านจอดหยู่ห่างกว่าเรือลำอื่น ๆ มาก ท่าน ควนลงไปไนเรือกันเชียงของท่านเอง ฉันจะลงไปไนเรือของฉัน ต่างคนต่างไปบอกต้นหนนายเรือต่าง ๆ ไห้รีบมาประชุมปรึกสาหารือ กันบนเรือที่จอดหยู่ไกล้สันดอนที่สุด เมื่อปรึกสากันเส็ดแล้ว ต่างคน ต่างกลับไปเรือของตนโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาตีกันเชียงไปไกล นายเรือเรือค้าขายอังกริดผู้นั้น ซึ่งไม่ระแวงคำพูดของฉันเลย เห็นพ้องด้วยความเห็นของฉัน ฉันเกรงหยู่เสมอว่าถ้าเขาสงสัยถ้อยคำ ของฉัน ๆ คงจะได้รับความลำบากมาก จึงพูดว่า " ฉันจะต้องรีบไป เพราะว่าน้ำทเลกำลังไหลขึ้นหยู่แล้ว " พูดจบคำลงฉันลุกขึ้นยืนแล้ว ลงไปนั่งไนเรือของฉัน ไนทันทีนั้นฉันแกล้งทำอาการกิริยาว่าลืมข้อ ความสำคันที่จะบอกไห้เขาซาบ ฉันจึงร้องตะโกนไห้เข้าหูนายเรือเรือ ค้าขายอังกริด ซึ่งยังยืนหยู่ที่กราบเรือว่า " ขอท่านได้โปรดลงมา ไนเรือของฉัน ฉันมีข้อความสำคันอีกข้อหนึ่งที่จะเรียนไห้ซาบ " ไน เวลาเดียวกันนั้นฉันสั่งไห้ฝีพายยึดเชือกที่โยงเรือไว้ และบอกว่าเมื่อ สั่งไห้ปล่อยเชือกเมื่อไร ก็ไห้รีบปล่อยเมื่อนั้น นายเรือเรือค้าขายลง บันไดมานั่งไนเรือของฉันโดยที่ไม่มีความสนเทห์เลย ฉันกะซิบบอก ฝีพายเปนภาสาไทยว่า " ปล่อยเชือกที่โยงเรือไว้ " เพื่อไม่ไห้ไคร ได้ยิน ฉันเอามือโอบไหล่นายเรือเรือค้าขายอังกริดทำท่าทางว่าจะ กะซิบขอ้ความเข้าหูของเขาโดยที่ไม่ไห้ไครรู้ ฉันพูดเบา ๆ ว่า " โดย


148 เหตุที่ฉันได้รับพระราชทานกะแสพระบรมราชโองการได้ทำตามความ เห็นของท่าน จึงเปนการสมควนหย่างยิ่งที่เราทั้งสองจักต้องปรึกสา หารือกันไนที่รโหถานก่อน เพื่อไม่ไห้มีความเห็นแตกต่างกันไนเวลา เข้าที่ประชุมต้นหนนายเรือต่าง ๆ " โดยเหตุที่น้ำทเลขึ้นเร็วนัก เรือของฉันก็ออกไปห่างจากเรือ ขายค้าขายอังกริดมาก นายเรือผู้นั้นถามฉันว่า " ท่านจะพาฉันไป ไหน ทั้งที่ฉันไม่ได้แต่งตัวเรียบร้อยเช่นนี้ " และไนทันทีนั้นยังไม่ทัน รอคำตอบของฉัน เขาตะโกนเรียกกะลาสีของเขา ฉันสั่งไห้ฝีพายรีบ พายเรือเพื่อจะได้ถึงฝั่งเร็วขึ้น และบอกนายเรือผู้นั้นว่าฉันได้รับคำสั่ง ไห้จับตัวเขา ฉันมีความเสียไจที่ต้องทำกลอุบายหลอกลวง ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อปติบัติตามคำสั่ง ฉันขอหย่าไห้เขามีความวิตก จะหาเครื่อง แต่งกายและสิ่งอื่นที่จำเปนไว้ไห้พร้อม มิช้าเรือกันเชียงอังกริดที่มีอาวุธก็ไล่ตามเรือของฉัน ฉันเห็น ว่าคงจะหนีรอดพ้นไปไม่ได้ จึงเทียบเรือของฉันเข้าข้างเรือค้าขาย โปรตุเกสลำหนึ่ง ฉันควักปืนสั้นออกมาถือไว้แล้ว บอกนักโทสของ ฉันว่า " ขึ้นไปบนเรือลำนั้น ถ้าขัดขืนจะเอาปืนยิงไห้ตาย " เมื่อเรา ขึ้นไปบนเรือลำนั้นแล้ว ฉันขอไห้ต้นหนคุ้มครองเครา เขาไม่ขัดข้อง แต่มีกะลาสีน่าทุเรสแปดหรือสิบคนเท่านั้น ไม่มีกำลังที่จะสู้กะลาสี อังกริดสามสิบคนที่มีอาวุธและเตรียมพร้อมที่จะระรานเรา เมื่อไม่เห็นทางที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ถูกจับไปได้ ฉันจึงบอก นายเรือเรือค้าขายอังกริดว่า " จงสั่งไห้เรือกันเชียงของท่านกลับ

149 ไป และจงคิดถึงชีวิตของท่านไห้มาก ๆ ถ้ากะลาสีเหล่านั้นไม่ทำ ตามคำสั่งของท่าน ขืนเข้ามาไกล้ ฉันจะค่าท่านเสีย เมื่อยิง ท่านตายแล้ว ฉันก็ยังมีปืนที่จะป้องกันตัวไม่ไห้กะลาสีของท่านมา มาทำอันตรายฉันได้ข้างเดียว " ฉันกล่าวถ้อยคำนี้ด้วยความหนัก แน่น นายเรือผู้นั้นไม่ต้องการเสี่ยงโชค จึงร้องตะโกนสั่งไห้เรือ กันเชียงกลับไป กะลาสีเหล่านั้นก็ทำตาม เมื่อฉันเห็นว่าเรือกันเชียง ลำนั้นไปไกลแล้ว ฉันกลับลงไปไนเรือของฉันอีก ขอบคุนต้นหนเรือ ค้าขายโปรตุเกสแล้ว ฉันสั่งฝีพายไห้พายเรือกลับไปบางกอก เมื่อ ไปถึงเมืองบางกอกแล้วฉันคุมขังนายเรือเรือค้าขายอังกริดผู้นั้น แต่ จัดการไม่ไห้เขาได้รับความลำบากยากเข็นเลย ฉันได้รีบรายงานไห้วิชเยนทร์ซาบว่า ฉันได้ปติบัติตามกะแส พระบรมราชโองการทุกประการ แต่ไนรายงานฉบับเดียวกันนั้นฉัน โพทนาคำสั่งนั้นด้วย ได้ไช้ถ้อยคำด้วยความระมัดระวัง เพราะว่า ฉันไม่มีอำนาดมากกว่าเขา และรู้ตัวด้วยว่าเขาเปนสัตรูร้ายกาดนัก ฉันจึงเพียงกล่าวว่าคำสั่งที่มอบหมายมานั้นไม่สมกันกับตำแหน่งหน้าที่ ของฉัน ไม่เห็นเปนการสมควนที่จะสั่งไห้ฉันซึ่งเปนผู้บังคับบั?ชาการทัพเรือลงมือทำเอง จะไช้นายทหานที่มียสถานันดรต่ำกว่าทำก็ได้ ฉันได้ส่งรายงานนี้ไปเมืองละโว้พร้อมกันกับตัวนักโทส นายเรือ อังกริดผู้นนี้ต้องไช้เงินไห้วิชเยนทร์เปนจำนวนถึงสองร้อยชั่งตามที่เขา บังคับไห้ไช้ จึงรอดตัวไปได้ ส่วนตัวฉันนั้นวิชเยนทร์ปติเสธว่าไม่ได้ มีคำสั่งไห้ฉันทำเช่นนั้น ซ้ำกล่าวโทสฉันเปนครั้งที่สองว่าทำการ

150 รุนแรงเกินไปและไร้สติปั??า เขาอ้างว่ามีพระบรมราชโองการ ไห้ลงพระราชอา?าฉันโดยจำกัดที่ไห้หยู่ห่างจากเมืองบางกอกสองร้อย เส้น นี่แหละคือบำเหน็ดความชอบที่ฉันได้รับพระราชทานเปนการ ตอบแทนที่ฉันได้ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายไห้ฝ่าฝืนความอันตราย ฉันมีความแค้นเคืองเหลือที่จะพรรนนาได้ถูก ไม่ชั่งไจอีกว่า จะควนทำหย่างไรต่อไป ตกลงไจแน่วแน่ว่าจะต้องกลับไปประเทส ฝรั่งเสสโดยเร็วที่สุด โดยเหตุที่ยังไม่มีโอกาสเหมาะ กำหนดวันที่ จะไปนั้นก็ยังหยู่อีกหลายวัน จึงซ่อนความโทมนัสเสียไจไว้อดทน รอคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่จะไปได้ เพื่อแก้ความรำคานไนเวลาที่หยู่ ไนที่จำกัด เพราะว่าตั้งแต่ได้รับจดหมายฉบับสุดท้ายนี้จากวิชเยนทร์ ฉันรู้สึกเหมือนเปนคนที่ถูกเนรเทส ฉันหาความสนุกเพลินเพลินไน การจับจรเข้ ไนบริเวนไกล้เคียงเมืองบางกอกนั้นมีจรเข้มาก คนไทยไช้เป็ด เปน ๆ เปนเหยื่อล่อจับมัน เขาเอาไม้ยาวประมานสิบนิ้วและไหย่ ปานกันเสี้ยมไห้แหลมทั้งสองปลาย ผูกไว้ไต้ท้องของเป็ด เอาเชือก เคลียวเล็ก ๆ แต่เหนียวมาผูกไม้แหลมนั้นไห้ติดต่อกับไม้กระบอกซึ่ง เปนไม้ชนิดหนึ่งเบามากไช้เปนทุ่น เขาเอาเป็ดปล่อยลงกลางแม่น้ำ เป็ดที่ถูกมัดติดหยู่กับไม้นั้นได้รับความรำคาน จึงรอ้งและดิ้นจะไห้ หลุดไป จรเข้มองเห็นเป็ด ก็กะโจนลงไปไนแม่น้ำ ดำน้ำไปฮุปเป็ด ไม้แหลมนั้นก็ติดคอจรเข้


151 เมื่อคนไทยเห็นว่าจรเข้ติดกับ เพราะว่ามันดิ้นและดึงทุ่นไม้ กะบอกนั้น เขาจึงรั้งเชือกฉุดจรเข้ขึ้นมาเหนือน้ำ มันดิ้นรนหย่างไร ก็ไม่หลุดไปไม่ได้ เมื่อมันขึ้นมาพ้นน้ำ หมอจรเข้ก็เอาฉมวกแทงมัน ฉมวกนั้นมีรูปคล่ายกันกับง้าว เหล็กแหลมที่ปลายนั้นมีรูปเหมือนสร ามทำด้วยไม้ยาวสามสอกเสส เหล็กแหลมที่หยู่ปลายด้ามไม้นั้น มีรูสำหรับเอาเชือกเกลียวเล็ก ๆ และเหนียวร้อยได้ เชือกนั้นพันไว้ รอบด้าม เมื่อเหล็กแหลมติดจรเข้แล้วเชือกก็ผ่อนตามไป แต่ด้าม ไม้ยังลอยน้ำหยู่ จึงรู้ได้ว่าจรเข้หยู่ที่ตรงไหน เมื่อจรเข้ถูกแทงติดหยู่ กับปลายฉมวกหลายแห่งแล้ว เขาก็ฉุดและลากจรเข้ขึ้นมาบนบก ถ้ามันยังเปนหยู่ เขาก็เอาขวานฟันมันจนขาดไจตาย นอกจากไช้เหยื่อจับจรเข้ ยังมีการจับสัตวน้ำอีกหย่างหนึ่ง คือ เมื่อคนไทยเห็นจรเข้เข้ามาไกล้เรือน เขาร้องโวยวายหรือเอาปืนยิง ไห้ดังกึกก้อง เพื่อมันตกไจ เพราะว่ามันเปนสัตวขลาด เมื่อมัน ตกไจดังนั้นแล้ว มันก็กะโจนลงไปไนน้ำ ดำน้ำหนีไปกบดาน ไน ขนะนั้นเขาลากเรือหลายลำลงไปลอยหยู่ไนแม่น้ำ สัตวชนิดนี้หยู่ ไต้น้ำไม่ได้เกินกว่าครึ่งชั่วโมง ต้องขึ้นมาหายไจ พอมันโผล่ขึ้นมา คนทั้งหลายที่หยู่บนเรือก็เอาฉมวดพุ่งเข้าไป ถ้าฉมวกถูกปาก ของมัน ก็จับจรเข้ได้ง่าย คนไทยพุ่งฉมวกแม่นยำนัก ด้ามฉมวกที่มีเชือกเกลี่ยวผูกติดหยู่นั้นลอยน้ำ คนที่ถือเชือก จึงรู้ได้แน่ว่าจรเข้จะโผล่ขึ้นที่ตรงไหน จึงคอยชี้ที่บอกหมอจรเข้ ไห้เอาฉมวกแทงซ้ำลงไป เมื่อมันถูกฉมวกหลายเล่มแล้ว เขาก็

152 ฉุดลากมันขึ้นมาบนบก และตัดมันเปนชิ้นเล็ก ๆ การจับจรเข้ดังที่เล่ามานี้สนุกมากกว่าไช้เหยื่อจับมัน เนื้อจรเข้นั้นสีขาวคล้ายกับเนื้อปลากะเบน ฉันได้ลองแล้ว รส ไม่สู้เลวนัก มันเปนสัตวไม่น่าดูเลย มันหยู่ไนแม่น้ำยาวตั้งแต่สองวา ถึงสามวาหนึ่งสอก ขากันไกรของมันแบน มีเขี้ยวไหย่ข้างละสอง เขี้ยว ที่ขากันไกรบนเขี้ยวหนึ่ง และที่ขากันไกรล่างอีกเขี้ยวหนึ่ง มัน ยื่นออกมานอกปากคล้ายเขี้ยวหมูป่า เพราะฉนั้นเมื่อมันงับสิ่งหนึ่ง สิ่งได เราจะดึงสิ่งนั้นไห้หลุดจากปากมันไม่ได้ วันหนึ่งฉันไปล่าจรเข้แล้ว กลับมาถึงบ้าน พอย่างเข้าประตู ก็ได้เห็นหน้านักบวดเจสูอิตสี่รูปอีกโดยที่ไม่ได้นึกได้ฝันว่าจะได้พบกัน อีกเลย นักบวดสี่รูปนี้ได้แวะเยี่ยมฉันก่อนเดินทางไปประเทสจีน เห็ฯ ท่านครั้งนี้รู้สึกสงสารท่านมาก ท่านเล่าว่าเรือที่ท่านโดยสานไปนั้น ได้ไปแตกอัปปางลงที่ไกล้ฝั่งประเทสเขมน ได้รับทุขเวทนาเหลือที่ จะพรรนนาได้ถูก ต้องเดินบุกเข้าไปไนภูมิประเทสที่ยังไม่มีไครได้เคย ผ่านไปเลย ฉันต้อนรับท่านด้วยความปิติยินดีเปนอันมาก และได้ พยายามโดยเต็มความสามาถช่วยเหลือเกื้อหนุนไห้ท่านลืมความยาก ลำบากที่ได้ประสบมาแล้ว โดยเหตุที่ความเค้นเคืองวิชเยนทร์ฝังหยู่ไนหัวไจของฉันเสมอ ฉันจึงควักคำสั่งที่ไห้ฉันจับนายเรือเรือค้าขายอังกริดกับจดหมายของ วิชเยนทร์ตอนรายงานของฉันไห้ท่านนักบวดอ่านโดยตลอด ถึงแม้ว่า ท่านเปนผุ้ที่ระมัดระวังถ้อยคำมากเพียงไร ท่านก็อดกลั้นความโกรธ

153 ไว้ไม่ได้ เปนครั้งแรกที่ท่านได้สแดงความเห็นโดยเปิดเผยว่าเปนการ จำเปนหย่างยิ่งที่ฉันต้องไปไห้พ้นจากประเทสนี้โดยเร็วที่สุด ท่านพูดว่าวิชเยนทร์ซึ่งไม่มีความไว้วางไจฉันเลย และต้องการ ทำลายชีวิตฉัน ได้พยายามประทุสร้ายฉันหยู่เปนเนืองนิจ คำสั่ง สุดท้ายนี้เขานึกว่าถ้าทำตามแล้ว ฉันคงจะรอดชีวิตไปไม่ได้ แต่ พระผู้เปนเจ้าเปนไหย่ไนสกลโลกยังซงคุ้มครองฉันหยู่ ฉันจึงยังมี ชีวิตหยู่ได้ ท่านแนะนำฉันไม่ไห้เอาเปรียบพระเมตตากรุนาธิคุน แห่งพระผู้เปนเจ้าเปนไหย่มากเกินไป ควนรีบไปเสียจากประเทสไทย ที่ซึ่งชีวิตของฉันหยู่ไนอันตรายมิเว้นวัน ท่านนักบวดทั้งสี่รูปนี้ได้ ปลอบไจฉันเปนอเนกประการ ฉันได้พยายามที่จะเชินไห้ท่านหยู่กับฉันนาน ๆ แต่ล่วงมาได้สองวันท่านก็สแดงความประสงค์ว่าจะต้องขึ้นไป กรุงสรีอยุธยา เพื่อหาเรือที่จะโดยสานไปประเทสจีนอีก ส่วนตัวฉันนั้นฉันไม่มีความปราถนาที่จะเลื่อนกำหนดวันไปจาก ประเทสนี้อีกต่อไป จึงได้ตกลงไจจะโดยสานเรือของบริสัทบุรพิทส ซึ่งมาจอดหยู่ที่สันดอนหลายวันแล้ว เรือลำนี้บันทุกสินค้าจากเมือง ปอนติเจรีมาขายที่นี่ และบันทุกสินค้าจากประเทสไทยไปขายไน มัธยมประเทส โดยเหตุที่ฉันได้รับราชการตามตำแหน่งหน้าที่ไนประเทสนี้มา ดังนี้ และพระนารายน์มหาราชได้ซงพระเมตตากรุนาฉันเปนอันมาก ย่อมไม่เปนการสมควนที่ฉันจะไปจากประเทสไทยหย่างคนที่หนีการ เกนท์ทหาน ฉันจึงมีจดหมายไปยังวิชเยนทร์ขอไห้กราบถวายบังคมลา 20 154 แทนตัวฉัน ฉันอ้างว่าโรคภัยซึ่งเบียดเบียนฉันทำไห้กำลังกาย อ่อนเพลียลงทุกวัน ไม่สามาถที่จะหยู่ไนพระราชอานาจักรนี้ต่อไป ได้อีก ฉันจะเข้าไปไนพระราชสำนัก เพื่อกราบถวายบังคมลาออก จากตำแหน่งหน้าที่ ถ้าวิชเยนทร์เห็นว่าจะจัดไห้ฉันเฝ้าได้ตามคำ ขอร้องฉัน เขาหาเห็นชอบด้วยไม่ และโดยเหตุที่เขาไม่กลัวว่าฉันจะ กลับไปพูดไนประเทสฝรั่งเสสไห้มีความเสียหายแก่ตัวเขาแล้ว เขา ก็มีจดหมายตอบมาว่าพระนารายน์มหาราชไม่มีพระราชประสงค์ที่จะ บังคับไจฉัน ฉันมีเสรีภาพที่จะลาออกจากตำแหน่งได้ตามชอบไจ ก่อนออกจากบางกอกฉันได้มีจดหมายถึงขุนนางหนุ่มน้อยผู้หนึ่งชื่อ พระปีย์ ซึ่งเปนมิตรกัน เขารักฉันมาก เปนคนมีความกตั??ู กตเวที เพราะว่าฉันได้ช่วยไห้พ้นจากการลงพระราชอา?าเคี่ยน ถึง แม้ว่าขุนนางผู้นี้เปนคนโปรดปรานของพระนารายน์มหาราช ได้ซง พระกรุนามากกว่าเด็กหนุ่มอื่น ๆ ที่หยู่ไนพระราชสำนัก ก็รอดพระ อา?าไปไม่ได้ ถ้าฉันไม่ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ฉันเขียนจดหมาย ฉบับนั้นไปลาพระปีย์กลับไปประเทสฝรั่งเสส ขอหย่าไห้เขาลืมมิตร ไมตรีของฉัน และขอไห้รักชนชาวฝรั่งเสส ผู้สั่งสอนสาสนา และ นักบวชเจสูอิต ขอไห้เขาคุ้มครองคนเหล่านี้ดังที่เคยคุ้มครองมาแต่ ก่อนนี้ พระปีย์มีความเสียไจเปนอันมากที่ฉันจะไปจากประเทสนี้จึงนำ ความขึ้นกราบบังคมทูนพระกรุนาซาบไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เขามี จดหมายเล่ามาว่าพระนารายน์มหาราชซงประหลาดพระราชหรึทัยที่ไม่

155 ซงซาบว่าฉันจะไปจากประเทสนี้ก่อนเลยจึงรับสั่งถามวิชเยนทร์ว่า เหตุไรฉันจึงกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง โปรดเกล้า ฯ ไห้ตาม ตัวฉันไห้เข้าไปเผ้าและกราบทูลชี้แจงว่าฉันมีความโทมนัสน้อยไจด้วย เรื่องอะไร เมื่อวิชเยนทร์ได้สดับพระราชกะแสดังที่เขียนมาข้างบนนี้แล้วเขารู้สึกลำบากไจมาก เขาไม่ต้องการไห้ฉันเข้าไปไนพระราชสำนัก เลย แต่พระราชกะแสนั้นมีความชัดเจนว่าไห้ฉันเข้าไปเฝ้า วิชเยนทร์ จึงสั่งนายทหานชาติโปรตุเกสผู้หนึ่ง ซึ่งเปนคนซื่อสัจแก่ตัวเขามาก ไห้มาหาฉันบนเรือค้าขายฝรั่งเสส และไห้บอกฉันว่าโปรดเกล้า ฯ ไห้ เขามาพาตัวฉันไปไนพระราชสำนัก หลุมที่วิชเยนทร์ขุดไว้ด้วยความมุ่งหมายจะไห้ฉันตกนั้น บัง ปากหลุมไว้ไม่สนิธนัก ฉันซาบหยู่ดีแล้วว่าพระนารายน์มหาราช ไม่เคยซงไช้ผู้หนึ่งผู้ไดไห้เปนผู้เชินพระราชกะแสเลยนอกจากทหาน มหาดเล็กรักสาพระองค์ ท่านเจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิส ท่าน มานุเอล และผู้อำนวยการบริสัทฝรั่งเสส ซึ่งนั่งหยู่ไนที่นั้นเวลานาย ทหานโปรตุเกสพูดหยู่กับฉัน ไม่ยับยั้งที่จะเตือนฉันว่าหย่าไว้ไจ คน ๆ นี้เลย ท่านเจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิสจูวมือฉันห่างออกไปแล้วบอกไห้ฉันระวังตัวไห้มาก ๆ หย่ายอมไปหยู่ไนเงื้อมมือของชาวโปรตุเกส ท่านรู้จักวิชเยนทร์ดี ไม่ต้องสงสัยเลยพวกทหานโปรตุเกสเหล่านี้ ได้รับคำสั่งวิชเยนทร์ไห้ค่าฉัน เมื่อมันค่าฉันตายแล้ว วิชเยนทร์ก็สั่ง ไห้นำทหานโปรตุเกสผู้นั้นไปแขวนคอเสีย เพื่อทหานคนนั้นไม่

156 สามาถที่จะซัดวิชเยนทร์ได้ เส็ดแล้ววิชเยนทร์ก็นำความขึ้นกราบ บังคมทูนพระนารายน์มหาราชว่าได้สั่งไห้ค่าทหานโปรตุเกส เพราะ ว่าทหานนั้นมีความผิดที่ได้ค่าเชวาลิเออร์เดอะฟอร์บัง ท่านเจ้าคนะ เดอะเมเตลโลโปลิสพูดว่าพระนารายน์มหาราชเคยซงเชื่อถ้อยคำ วิชเยนทร์เสมอ ก็ซงพระราชดำริเห็นชอบด้วย ท่านขอไห้ฉันเชื่อ ท่านเถิด หย่าไปหยู่ไนเงื้อมมือสัตรูที่เฉลี่ยวฉลาดและโหดร้ายเช่นนี้ เมื่อมีทางที่จะหนีภัยได้แล้ว ก็ย่อมมีความสุขมากกว่า ฉันของพระคุนท่านเจ้าคนะเดอะเมเตลโลโปลิสที่ได้มีความ กรุนาเตือนสติฉัน ฉันจึงบอกนายทหานโปรตุเกสว่าฉันไม่เชื่อพระราช กะแสที่เขาเชินมา พระนารายน์มหาราชได้พระราชทานพระบรม ราชานุ?าตไห้ฉันกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว จึง ไม่เข้าไจว่าเหตุไรจึงซงเปลี่ยนพระราชกะแสไปเปนหย่างอื่น และมี พระราชประสงค์ไห้ฉันหยู่ต่อไนประเทสนี้ โดยที่ไม่ซงพระราชวิจารน์ สาเหตุที่ฉันได้กราบบังคมทูนไว้แล้ว ขอไห้นายทหานโปรตุเกสกลับ ไปเถิด และเรียนวิชเยนทร์ได้ซาบคำตอบของฉันด้วย ฉันพูดดัง ๆ เช่นนี้ ก็เพราะว่าฉันจะไม่ต้องหยู่ไนประเทสนี้อีก นานวัน จึงไม่ต้องกลัวว่าวิชเยนทร์จะเกลี่ยดชังฉันอีกเท่าไร ความ จิงรุ่งขึ้นเรือก็ชักไบออกไปจากประเทสไทย ฉันดีไจเปนอันมากและ ลืมความลำบากที่ได้ประสบมาก เมื่อเรือฝ่านชองแคบมาลาคา มีลม พัดหวนมา เราจึงทอดสมอลง ขึ้นไปบนบกและรับประทานหอยนางรมอร่อยมาก เราต้องกะเทาะมันออกจากหินและกินมันที่ริมฝั่งนั้นเอง เพราะว่ามันเกาะติดหยู่กับสิลาแน่นมาก จะปลิดออกมาหาได้ไม่ 157 ไนวเลาที่เรือทอดสมอหยู่ริมฝั่งนี้ ฉันได้เดินเข้าไปไนป่า ได้ พบถ้ำที่สิงขอสัตวป่า ฉันเดินเข้าไป เพื่อจะล่ามันมาเปนอาหาร ได้บ้าง ไนขนะที่เดินไป เหลียวซ้ายแลขวา ฉันได้เห็นลิงขนาดไหย่ ตัวหนึ่ง ตาแพรวพราวเดินตรงมายังฉันด้วยอาการกิริยาองอาด ถ้า ฉันไม่มีปืนหยู่ที่มือแล้ว ก็คงกลัวมันมาก เมื่อฉันเดินเข้าไปไกล้มัน ประมานสี่วา ฉันยกปืนขึ้นยิงมันล้มลงตายคาที่ สัตวนี้ขมึงทึงมาก หางยาวเท่ากับหางสิงหโต สูงกว่าสองสอกครึ่ง ที่หน้าของมันทั้งยาวและกว้าง มีผืนหน้าเหมือนคนขี้เมา คน พื้นเมืองบอกฉันว่าเคราะห์ดีมากที่ยิงมันตายได้ สัตวชนิดนี้มีแรงมาก มันคงหักคอฉันถ้าฉันยิงผิด ฉันได้ไปตามพวกกะลาสีมาหามมันไป คนเหล่านั้นพูดว่าตั้งแต่หยู่มาไนมัธยมประเทสยังไม่เคยเห็นลิงไหย่โต เท่าตัวนี้เลย จากช่องแคบมาลาคาเราผ่านไปทางหมู่เกาะนิโคบาร์ มีคนป่า หยู่ที่นี่มาก ทั้งผู้หยิงและผู้ชายเดินไปไหน ๆ ตีนเปล่า จับปลาและ เก็บผลไม้ไนป่ามาเปนอาหาร เกาะเหล่านี้ไม่มีข้าวและผักสด ธั??ะ พืชได ๆ ที่ไช้เปนอาหารมีไม่ หมู่เกาะอันดามานหยู่ห่างจากหมู่ เกาะนี้ประมานสามพันเส้น เราแลเห็นได้แต่ไกล ๆ ผู้ที่อาสัยหยู่บน เกาะเหล่านั้นเปนคนกินเนื้อคน และเปนคนที่ดุร้ายที่สุดไนแถบทวีปนี้ ไนที่สุดเราได้มาถึงเมืองปอนติเจรี อันเปนที่ตั้งคลังสินค้าที่ลือ นามที่สุดแห่งหนึ่งของบริสัทบุรพทิส มีผู้อำนวยการคนหนึ่งและเสมียน พนักงานหลายคน ผ้าที่ทอด้วยฝ้ายและผ้าอื่น ๆ ซึ่งประดิถขึ้นไน

158 มัธยมประเทสนั้นมีหยู่ที่คลังสินค้าเปนอันมาก เรือของบริสัทบุรพทิส มาจากประเทสฝรั่งเสสทุกปี และบันทุกผ้าเหล่านี้ไปเมืองปอร์ตลุยส์ ม.มารตังซึ่งเปนผู้อำนวยการของคลังสินค้านี้ได้ต้อนรับฉันด้วยอัชชาสัยไมตรีดีหย่างยิ่งตลอดเวลาที่ฉันหยู่ที่นั่น ฉันไม่สามาถที่จะ กลับไปประเทสฝรั่งเสสเร็วตามความประสงค์ของฉันได้ เพราะว่า ต้องรอเรือที่จะมาจากทวีปยุโรป ปีนี้มาถึงช้ากว่ากำหนดมาก เวลา พักอาสัยหยู่ที่นี่ ฉันได้เที่ยวล่าสัตวไนประเทสนี้มีสุนัขจิ้งจอกชนิดหนึ่ง เรียกว่า สุนัขสีลูกเกาลัด ฉันจับมันได้ทุกวัน ได้ไช้สุนัขสำหรับจับ กะต่ายป่า ที่ฉันหัดไว้ดีแล้ว จับมันได้รับความเพลิดเพลินไจเปนอันมาก ไนการจับสุนัขจิ้งจอกนั้น ฉันเกือบเสียชีวิตไปครั้งหนึ่ง เสมียน ทำการไนเรือของบริสัทบุรพทิสฝรั่งเสส ซึ่งพึ่งมาถึงที่นี่ได้มาขอไห้ฉัน ไปล่าสัตวด้วย เมื่อได้ตามสุนัขจิ้งจอกมาได้สองสามชั่วโมงแล้ว สุนัขที่ฉันได้หัดไว้แล้วนั้นเกือบจับสุนัขสิ้งจอกได้ตัวหนึ่ง ถ้ามันไม่ทัน หนีลงรูไปได้ เพื่อไล่ไห้มันออกมาจากรูต้องเอาควันรมมัน ฉันจึง เอาฟางข้าวยัดลงไปไนรูและเอาไฟจุดฟางนั้น ไนขนะที่ฉันก้มลงเป่าไฟ สัตวชนิดหนึ่งกะโจนออกมาจากรูโดยแรงจนฉันล้มลงกลิ้งหยู่ไนกองไฟ และควัน สัตวตัวนั้นกะโจนเฉียดหน้าฉันแล้ว กะโจนลงไปไนแม่น้ำ เร็วกว่าฉันลุกขึ้นยืนได้เสียอีก เสมียนบริสัทบุรพิทสฝรั่งเสสผู้นั้นบอก ฉันว่าสัตวที่กะโจนลงไปไนแม่น้ำนั้นคงเปนจรเข้หรือเหี้ยหย่างไรก็ดี ฉันมีความตกไจมาก เคราะห์ดีเหลือเกินที่รอดชีวิตมาได้


159 ชาวเมืองปอนติเจรีนั้นมีผิวเนื้อดำมาก แต่ไม่ดำเท่าพวกแขก " คัฟฟร์ " ไนทวีปอาฟริกา ไบหน้าของเขากะทัดรัด ตาคมหวาน และงามมาก ไว้ผมยาวถึงบั้นเอว ชนชาตินี้แบ่งกันเปนชั้น ๆ หรือ จำพวกหราหมน์ซึ่งเปนหัวหน้าสาสนานั้นเปนผู้ที่คนนับถือมากกว่าผู้อื่น ต่อจากนี้ก็มีพวกคนเลี้ยงแกะ ชนชาตินี้สมสู่กันแต่ไนจำพวกของตน เพราะเหตุฉะนั้นคนเลี้ยงแกะไม่มีหวังที่จะแต่งงานกับพราหมณ์ได้ ถ้า ผู้ชายชั้นสกุลสูง ไปแต่งงานกับผู้หยิงชั้นหรือสกุลต่ำกว่า ผู้ชายคน นั้นก็ต้องละสกุลของตนมาเปนสกุลของผู้หยิง ส่วนผู้หยิงนั้นหาเปน เช่นนั้นไม่ ถ้าไปแต่งงานกับผู้ชายต่างสกุลกัน ถานะของตนหาเสื่อม สู?ไม่ ไนบันดาชนจำพวกต่าง ๆ นี้ ยกเว้นจำพวก " ปารายัน " ที่ไคร ๆ เห็นก็สอิดสเอียน เพราะว่าเขากินสัตวทุกชนิดเปนอาหาร จำพวกทำเกือกถูกรังเกียดที่สุด 1 ชนชาตินี้ซึ่งเปนคนนับถือ เทวรูป มีเทวสถานที่ลือนามหยู่แห่งหนึ่งห่างจากเมืองปอนติเจรีราวร้อยเส้น เขาพากันไปนมัสการเทวรูป นั้นทุกปี คนที่หยู่ไกล้เคียงก็พากันไปเหมือนกัน ฉันเปนคนที่หยาก รู้หยากเห็นได้ไปกับเขาด้วย เมื่อทำพิธีรีตองต่าง ๆ ไนเทวสถาน

1. คนไนชมพูทวีป ( คืออินเดียและเรียกต่อมาว่ามัธยมประเทส ) นั้นแบ่ง ออกเปน 4 จำพวกหรือวรรนะ คือ 1. กสัตร มีธุระทางรักสาบ้านเมือง 2. พราหมน์ จำพวกเล่าเรียนมีธุระทางสั่งฝึกสอนและทำพิธี 3. แพสย์ จำพวกพลเรือนมีธุระ ทางทำนาค้าขาย และ 4. สูทร จำพวกคนงานมีธุระทางรับจ้างทำการทำของ นอก จากนี้ยังมีอีกหลายจำพวกแต่เปนจำพวกที่เลวกว่าสี่จำพวกนี้ เช่นพราหมนีสมสู่ กับสูทรมีบุตรออกมา เรียกว่า จัณฑาล คนเลี้ยงแกะไนที่นี้คงนับเข้าจำพวกแพสย์ และคนทำเกือกก็หยู่ไนจำพวกสูทร ปารายันนั้นเปนภาสาทมิล ฝรั่งไช้คำว่า Paria 160 นั้นแล้ว เขาเชินเทวรูปออกมาข้างนอก ประดิสถานเทวรูปอันไหย่ โตมหึมาและปิดทองงามมากไว้บนรถสี่ล้อ รูปเทพบุตรและเทพธิดา นั้นหันหน้าเข้าหากัน รูปเทพธิดา ท่าทางเต็มไปด้วยราคะ ตั้งหยู่ หน้ารถ เทพบุตรก็มีท่าทางไม่ผิดกันกับรูปเทพธิดานัก คนราวสองสามร้อยคนฉุดลากเชือกที่ผูกรถนั้น คนอื่น ๆ ที่มี มากจนนับไม่ถ้วนได้วิ่งเข้าไปนอนพังพาบกลิ้งเกลือกหยู่ไกล้ ๆ รถด้วย ความสัทธาแก่กล้าร้องเกรียวกราวอึงคนึงทั่วไป บางคนที่โง่จน เหลือเกินได้เหวี่ยงตัวลงไปไต้ล้อรถ เชื่อมันว่าคงจะถึงซึ่งสันติสุข เมื่อถูกรถที่เชินเทวรูปทับตาย เส็ดพิธีแล้วฉันได้เห็นผู้ชายและผู้หยิง ซึ่งกลิ้งเกลือกไปตาม พ้นดิน ได้พากันไปกลิ้งตัวรอบเทวสถานอีก ฉันจึงถามว่าเหตุไร คนเหล่านั้นจึงทรมานตัวไห้ร่างกายบอบช้ำเช่นนี้คนเหล่านี้เกือบเปลือยกาย มีแต่ผ้าผืนหนึ่งพันตัวตั้งแต่เอวลงไปถึงโคนขาเท่านั้น เขาตอบ ฉันว่าเขาไม่มีลูก จึงเชื่อว่าการทรมานตัวเช่นนั้นจะทำไห้เทพเจ้า ประสาทพรไห้มีลูกได้ ฉันซาบเพียงนี้เท่านั้น เพราะว่าตามที่เล่ามา ข้างบนนี้แล้ว นอกจากคนที่นับถือเทวรูปเท่านั้น ไม่มีไครเข้าไปไน เทวสถานได้ ล่วงมาอีกสองวันฉันไปที่เทวสถานอีก เพราะหยากรู้หยากเห็น จิง ๆ ว่าจะมีอะไรหยู่ข้างไนนั้น ฉันไปที่หน้าประตูเทวสถานกับชาว ฝรั่งเสสอีกเจ็ดคน ซึ่งมีความประสงค์จะเข้าไปดูเหมือนกันห้วหน้า พราหมน์ไม่ยอมไห้เราเข้าไป อ้างว่าถ้าอนุ?าตไห้คริสตสาสนิกชน

161 เข้าไปแล้ว สาสนาจะเสื่อม เมื่อเขายกสาเหตุนั้นมาห้ามแล้ว ฉัน ไม่ได้พูดตอบหย่างไร เดินเข้าไปไกล้ตัวพราหมน์ผู้นั้นแล้วกะชาก มีดที่เหน็บหยู่ที่สายรัดเอวของเขา เอาปลายมีดจิ้มพุงแล้วขู่ว่าจะค่า เสีย ไม่ทันต้องบอกไห้หนีเอาตัวรอดเขาก็วิ่งไปเสียแล้ว เราจึงพา กันเข้าไปไนเทวสถาน ซึ่งกว้างขวางไหย่โตมาก ได้เห็นแต่เทวรูป ขนาดต่าง ๆ หยู่ไนท่าทางเต็มไปด้วยราคะทั้งนั้น ไนขนะที่เราเที่ยวดูเทวรูปเหล่านั้นด้วยความเพลิดเพลินไจ พราหมน์ที่ได้รับความดูหมิ่นได้ร้องเรียกคนที่หยู่ไกล้เคียงเทวสถานนั้น แล้วเดินตรงมายังเรามีคนตามด้วยมากกว่าสามร้อยคน แต่ชนชาตินี้ ซึ่งไม่มีความกล้าหานเลย มีความสทกสท้านมาก เมื่อแลเห็นเรา มีอาวุธปืนหยู่ทุกคน ไม่มีคนหนึ่งคนไดกล้าเข้ามาไกล้เราเลย ไนเวลาที่ไกล้ ๆ กันนี้เรือของบริสัททำการค้าขายไนมัธยมประเทสลำหนึ่งจะชักไบไปเมือง มัสสุลิปาตาน ซึ่งเปนเมืองลือนามว่าสมบูรน์ ด้วยสินค้านานับปการ โดยเหตุที่เรือที่จะมาจากประเทสฝรั่งเสสยัง ไม่มาถึง ฉันจึงตกลงไจที่จะโดยสานเรือลำนี้ไปจนถึงเมืองคุลคอนดา ซึ่งหยู่ห่างจากที่นี่ราวสามพันเส้น ไนขนะนั้นพระเจ้าโมคลมหาราช ยกทัพมาล้อมเมืองนี้ไว้ ฉันมีความประสงค์จะดูยุทธวิธีของชนชาติ นี้ว่าเขาล้อมและยกเข้าตีเมืองหย่างไร แต่ฉันไปไม่ถึงเมืองคุลคอนดา ตามี่ได้ตั้งไจไว้ดังจะเล่าต่อไปข้างล่างนี้ เมื่อเราออกจากเมืองปอนติเจรีนั้นเปนรึดูลมตะวันตก การเดิน ทางสดวกเรียบร้อยทุกประการ เราจึงไปถึงเมืองมัสสุลิปาตานได้เร็ว 21 162 เมื่อเรือหยู่หางจากมเงอราวแปดร้อยเส้น เราได้เห็นเมคดำและหนา มากลอยมาจากฝั่ง จึงนึกว่าจะมีพายุไหย่ เราจึงม้วนมัดไบเรือไว้ ไห้แน่น เพราะเกรงว่าเรือจะถูกพายุล่มจมลงแต่เมคนั้นลอยข้ามเรือ ของเรือเราไป ฝนตกลงมาเล็กน้อยแล้วก็มีมแลงวันตัวไหย ๆ คล้าย กันกับมแลงวันซึ่งเราได้เคยเห็นไนประเทสฝรั่งเสส ที่หยอดไส่ขัง เนื้อวัวทำไห้มีหนอนขึ้น มแลงวันเหล่านี้มีก้นสีม่วง พวกกะลาสี ได้รับความรำคานมาก ไม่มีไครเลยที่ไม่หนีไปซ่อนตัว ทเลนั้น เต็มไปด้วยมแลงวันชนิดนี้ บนเรือก็มีมากต้องตักน้ำมากกว่าร้อยถัง มาล้างเรือของเรา ประมานสักสี่ร้อยเส้นจากเมืองมัสสุลิปาตาน เรามองไปแล เห็นหมอกปกคลุมหยู่ เมื่อเรือเข้ามาไกล้ หมอกนั้นก็แผ่กว้าง ออกไปจนไม่แลเห็นอะไรเลย คนเดินเรือต้องคอยสังเกตยอดพูเขา จึงนำเรือเข้าไปได้ เมื่อเรือเข้าไปไกล้ฝั่ง หมอกที่เราเห็นนั้นไม่ไช่ อื่นไกล คือฝูงมแลงวันนั้นเอง แต่ไม่ไช่ชนิดเดียวกันกับมแลงวัน ที่เราเห็นครั้งแรก มแลงวันชนิดนี้มีสี่ปีก และรูปร่างคล้ายกันกับ ที่ลอยหยู่บนน้ำ หางของมันมีลายสีเหลืองและดำสลับกัน ยิ่งเข้าไปไกล้ฝั่งก็ยิ่งมากขึ้น มากจนและไม่เห็นฝั่ง เราต้อง เอาลูกดิ่งหยั่งน้ำเรื่อยไป เมื่อถึงน่านน้ำตื้นพอที่เรือจะทอดสมอลง ได้ เราก็จอดเรือหยู่ที่ตรงนั้น เสมียนของบริสัทค้าขายไนมัธยม ประเทสชื่อ เดอะลังทะ ซึ่งได้รับคำสั่งไห้ไปตรวดคลังสินค้า ได้ ไปไนเรือกันเชียง ต้นหนและฉันก็ตามเขาไปด้วย มแลงวันเหล่า

163 นี้มีมากเหลือเกิน เราต้องบันทุกเข็มชี้ทิสลงไปไนเรือกันเชียงด้วย เพื่อจะไม่หลงทาง เพราะว่ามแลงวันเหล่านั้นกลบพื้นดินด้วย ไน ที่สุดเราขึ้นไปบนฝั่งได้ ที่ท่าเรือไม่มีไครเลย คนที่เคยรู้จักเมืองมัสสุลิปาตานเปนมัคคุเทสน้ำทางเราไปที่สุลกสถาน ถึงแม้ว่าประตูหน้าต่างสุลกสถานนี้ เปิดหยู่ เราก็ไม่แลเห็นคนสักคนเดียว เราเดินเข้าไปตรวดดูทุก ห้องก็ไม่พบไครเลย ประหลาดไจที่ไม่พบผู้หนึ่งผู้ไดเลย เราจึงพา กันไปที่คลังสินค้าของบริสัททำการค้าขายไนมัธยมประเทส เดินไป หลายถนน ก็ไม่พบคนสักคนเดียว เงียบสงัดทั้งเมือง ทั้งได้กลิ่น เน่าด้วย เราก็เข้าไจว่าคงมีโรคร้ายเกิดขึ้น เดินเท้าไปนานักหนาแล้ว ก็มาถึงที่ทำการของบริสัททำการ ค้าขายไนมัธยมประเทส เราเห็นประตูเปิดหยู่ ก็เดินเข้าไปพบผู้ อำนวยการนอนตายหยู่ เห็นจะพึ่งหมดลมหายไจ เพราะว่าสพยัง ไม่ขึ้น คงมีผู้ร้ายมาปล้นแน่ เพราะว่าสิ่งของตกกะจัดกะจายทั่วไป เมื่อเห็นภาพที่น่ากลัวดังนี้ ฉันเดินออกไปที่ถนนบอกเดอะลังทะว่า " เรากลับไปเรือกันเถิด ไม่เห็นว่าจะมีสารประโยชน์อะไรที่จะมาหยู่ ที่นี่ " เขาตอบฉันว่าเขาได้รับคำสั่งไห้มาตรวดการแล้วทำรายงานไป ไห้บริสัท ไม่ยอมกลับไปลงเรือก่อนสืบถามผู้หนึ่งผู้ไดไห้รู้แน่ว่า เกิดเหตุอะไรกันขึ้น เราจึงเดินต่อไป และได้มาถึงคลังสินค้าของบริสัทค้าขาย อังกริด เราเห็นหน้าต่างประตูปิดหยู่ จึงเคาะปะตูหยู่นาน ก็ไม่มีไคร

164 มาเปิดไห้ ออกจากที่นี้เราไปที่คลังสินค้าของบริสัทค้าขายวิลันดา บริสัทนี้มีคนทำงานแปดสิบคน ที่เหลือมีชีวิตหยู่เพียงสิบสี่คน เท่านั้น รูปร่างเปนผีมากกว่าเปนคน คนเหล่านี้บอกเราว่ากาลโรค ได้ระบาดไปไนเมืองนี้ พลเมืองตายโดยมาก นอกนั้นหนีออกไป นอกเมือง เขาบอกเราไม่ได้ว่าคนทำงานที่คลังสินค้าฝรั่งเสสนั้นไป หยู่ไหน เพราะว่าไม่ได้รับข่าวคราวเลย คนอังกริดได้ละทิ้งคลังสินค้า ของเขา เมื่อเห็นคนทำงานตายลงหลายคน ส่วนพวกชาววิลันดานั้น เขามีทรัพย์สินที่คลังสินค้านี้มาก ถ้าทิ้งไปก็มีโทสถึงประหารชีวิต ถ้าไม่มีข้อห้ามนั้นแล้ว ก็ไม่ยอมหยู่ที่นี่ โดยเหตุที่เมืองเคราะห์ร้ายนี้หยู่ไนภาวะเช่นนี้ ก็ไม่มีเรือที่ฉัน จะโดยสานไปเมืองคุลคอนดาได้ จึงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูยุทธวิธีการ ล้อมเมืองนั้น เราต้องกลับไปลงเรือที่มาจากเมืองปอนติเจรี รายงาน สิ่งที่เราได้เห็นและข้อความที่สืบมาได้ ไนทันไดนั้นเราชักไบขึ้น ไม่ยอมหยู่ไนน่านน้ำนี้อีกต่อไป เราตั้งเข็มเดินเรือไปเมืองมริท ซึ่ง หยู่ไนประเทสไทย แต่โดยเหตุที่เมืองมริทหยู่ไกลจากพระราชสำนัก พระนารายน์มหาราช ไกลกว่าร้อยโยชน์ และฉันหยู่บนเรือฝรั่งเสส จึงเชื่อว่าจะปลอดภัย ไม่ต้องกลัวความพยาบาทมาดร้ายของวิชเยนทร์ ออกจาเมืองมัสสุลิปาตานได้สามวัน กะลาสีสองสามคนที่ ขึ้นไปบนบกป่วยลง ไม่มีไครซาบสาเหตุของโรค แพทย์เห็นว่ามีไข้ จึงเจาะเนื้อเอาโลหิตออก วันรุ่งขึ้นฉันมีไข้ แต่ฉันไม่ยอมไห้แพทย์ เจาะเอาโลหิตออก พวกกะลาสีทุกคนที่มาไนเรือกันเชียงก็ป่วยมี

165 อาการหย่างเดียวกัน แพทย์ได้เจาะเอาโลหิตออกเช่นเดียวกันกับ กะลาสีที่เริ่มเจ็บก่อน ล่วงไปไม่กี่วันกะลาสีเหล่านั้นตายตาม ๆ กันไป ไข้ของฉันก็หนักขึ้น เหงื่อไหลโซมตัว อาการซุดลงจนพูดไม่ได้ ความร้ายแรงของโรคนี้ทำไห้ตามัวจนจำสิ่งของไม่ได้ถนัด สิ่งที่ร้าย นั้นสเบียงอาหารมีน้อยลง จะหาอะไรมาปรุงเปนแกงจืดก็ไม่ได้ เพราะว่าเมื่อเราออกจากเมืองปอนติเจรีนั้น เราบันทุกสเบียงมาน้อย ไนขนะนั้นเมืองนั้นไม่มีสเบียงอาหารพอคนเกือบอดกันตายหยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาฉันยงไม่เคยหยู่ไนที่อันตรายมากเหมือนครั้งนี้เลย ไม่รู้ว่าจะทำอะไร จึงสั่งคนไช้ซึ่งไม่ยอมทิ้งฉัน ไห้ไปรินเหล้าอิร่าน ที่ฉันมีหยู่มาก มาไห้ฉันได้ดื่มเข้าไปครึ่งด้วยแล้วหลับสนิธไปล่วงมา สองสามชั่วโมงฉันตื่นขึ้น เงื่อไหลโซมตัว ตาสว่างไสวเห็นดี ขึ้นมาก ฉันจึงดื่มเหล้าเข้าไปเต็มถ้วย หลับไปอีกพักหนึ่งเมื่อตื่นขึ้น ครึ้งที่สองเหงื่อไหลโซมตัวอีก และมีกำลังมากขึ้น เห็นว่าสุรานี้เปน ยาแก้ไขได้ดี จึงดื่มเข้าไปอีก และเอาขนมบิสคิตแช่สุรากินเข้าไป ด้วย ฉันรับประทานสุราเปนยาแก้พิสไข้ดังนี้เรื่อยมาหลายวัน อาการ ไข้ก็ดีขึ้นเปนลำดับมา ม. เดอะลังทะและต้นหนเรือฝรั่งเสส ซึ่งป่วยมีอาการเช่นเดียวกันกับฉัน เอาหย่างฉัน ไม่ยอมไห้หมอเจาะเนื้อเอาโลหิตออก และ ไม่ยอมกินหย่างอื่นนอกจากตำรายาของฉัน อาการป่วยก็ทุเลาลง และรอดตายทั้งสามคน เมื่อมาถึงเมืองมริท เราได้รับสเบียงอาหาร เปนอันมาก ก็หายป่วยไปไหนมาไหนได้ตามชอบไจ ไนจำนวนคน

166 สิบเจ็ดคนที่ลงไปไนเรือกันเชียงนั้น สิบสี่คนยอมไห้เจาะเนื้อเอาเลือด ออก และไม่รอดตายสักคนเดียว เดอะลังทะ ต้นหนและฉันรอด ชีวิตมาได้ ก็เพราะว่าไม่ยอมไห้แพทย์เจาะเนื้อเอาเลือดออก เพราะ ฉะนั้นพิสูจน์ได้แน่ว่า คนที่เปนกาลโรคนั้น ถ้าแพทย์เจาะเอาโลหิต ออกแล้วก็ตายทุกคน สองสามวันพายหลังที่เรือมาจอดหยู่ที่มริท ม. เดอะแบเรต์กับ ขุนนางไทยหลายคนก็มาถึง เขามาจากเมืองละโว้ ประเทสฝรั่งเสส ได้แต่งตั้ง ม. เดอะลาลูแบร์และตัวเขามาทำหนังสือสั??าการค้าขายกับวิชเยนทร์ และจัดการเรื่องต่าง ๆ ไห้เปนการเรียบร้อย เห็นได้ว่า แปร์ตาชาต์ที่ได้รับฉันทะไปเจรจาชักชวนประเทสของเราได้จัดส่ง ราชทูตมานั้นทำการสำเหร็ด ตามี่ฉันได้เล่าไว้ข้างบนนี้แล้ว แปร์ตาชารต์ถูกวิชเยนทร์หลอกลวง ท่านนักบวดเจสูอิตรูปนี้เชื่อมั่น ว่าเปนการทนุบำรุงสาสนาและอานุภาพฝรั่งเสสไห้แผ่ไพสาลไปไน ประเทสไทย จึงได้ไปรายงานไห้ซาบถึงพระเนตรพระกรรนพระเจ้า หยู่หัวของเราว่าวิชเยนทร์มีความตั้งไจดีจิง พระเจ้าหยู่หัวซงเชื่อ ถ้อยคำของนักบวดเจสูอิตรูปนี้ จึงซงพระราชดำริเห็นชอบด้วยว่าควนมี พระราชสัมพันธไมตรีกับพระนารายน์มหาราช แล้วโปรดเกล้า ฯ ไห้ส่งกองทหานฝรั่งเสสออกไปประเทสไทย ไห้เชวาลิเออร์ เดส์ ฟารจส์เปนผู้บังคับการ เมื่อเดส์ฟารจส์มาถึงเมืองบางกอกแล้ว ก็ได้ ควบคุมป้อมปราการตามความที่ได้สั??ากันไว้


167 ขุนนางไทยที่เปนราชทูต 1 ไปจเรินทางพระราชไมตรีกับประเทส ฝรั่งเสสหยู่ไนจำพวกขุนนางที่มากับเดอะแบเรต์ด้วย เมื่อเขาแลเห็น ฉัน เขาวิ่งเข้ามาหาฉัน ขุนนางผู้นี้ได้เห็นความวิจิตรงดงามของ พระราชอานาจักรฝรั่งเสสแล้ว มีความตื่นเต้นมาก พูดกับฉันว่า ที่ฉันหยากกลับไปประเทสฝรั่งเสสนั้นเปนการคิดถูกแล้ว เขาได้พบ ครอบครัวของฉันและเพื่อนของฉันอีกหลายคน และได้เล่าข่าวคราว ของฉันไห้ฟังหยู่เสมอ เขาชมพระราชสำนักของเราและสิ่งที่เขาเห็นว่า สวยงามที่สุดแล้ว เดอะแบเรต์ที่เดินทางมาทางบกจากเมืองละโว้นั้น ได้ไห้ ของขวันแก่ขุนนางไทยแล้ว ไห้เขาเหล่านั้นกลับไป เมื่อเดอะแบเรต์ ลงมาไนเรือของเราแล้ว เราก็ชักไบเรือขึ้นเดินทางกลับไปเมือง ปอนติเจรี เราได้ถามเขาว่าการเจรจาทำหนังสือสั??ากับวิชเยนทร์ นั้นสำเหร็ดลงหย่างไร เขาตอบว่าเขาไม่พอไจเสนาบดีผู้นี้เลย วิชเยนทร์ได้หลอกพระราชสำนักของเรา ไห้คำมั่นสั??าว่าจะไห้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ ซึ่งไม่มีแก่นสาร และไม่มีความจิงแม้สักนิดเดียวเลย ตลอดเวลาเดินทางไปไนเรือ เดอะแบเรต์และฉันรู้จักกันสนิธ สนมมากเข้าทุกที เราสนทนากันถึงเรื่องประเทสไทย และอาการ กิริยาของคนไทย

1. ขุนนางไทยที่ว่าเปนราชทูตนั้น คือ ออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) บุตร เจ้าแม่วัดดุสิต ซึ่งเปนพระนมของพระนารายน์มหาราช และเปนน้องเจ้าพระยา โกสา ฯ ( ขุนเหล็ก ) พายหลังได้เปนที่เจ้าพระยาโกสาเหมือนกัน จึงเรียกราชทูต คนนี้ว่า " โกสาปาน " 168 วันหนึ่งฉันพูดกับเขาว่า " สิ่งที่ท่านได้เห็นนั้น ก็เปนสิ่งที่ จเรินตาทั้งนั้น ประชาชนพลเมืองตั้งบ้านเรือนหยู่แต่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เขาชอบหยู่ตามท้องที่เหล่านี้มากกว่าที่อื่น เพราะว่าพื้นดินซึ่งน้ำท่วม ตลอดเวลาหกเดือนทุกปีเปนทำเลเหมาะที่ข้าวงอกงามได้มาก โดยที่ ไม่ต้องถกร้างถางพง ข้าวนั้นงอกและเพิ่มพูนได้แต่ไนน้ำเท่านั้น มันทำไห้ประเทสนี้มั่งมีได้มากทีเดียว เมื่อเวลาเดินทางจากสันดอน มาละโว้ ท่านคงเห็นได้ว่าข้าวที่เกี่ยวแล้วเปนทรัพย์สินสำคันแก่ ประชาชนเพียงไร นั่นเปนสิ่งที่น่าดูที่สุดไนพระราชอานาจักรนี้ " อีกครั้งหนึ่งเวลาเราสนทนากันถึงเรื่องประเทสไทยนี้ เดอะแบ เรต์หยากซาบว่าพระนารายน์มหาราชซงปกครองบ้านเมืองหย่างไร ฉันตอบว่า " เรื่องการปกครองนี้ไม่เปนการง่ายนักที่ฉันจะอธิบาย ไห้เปนที่พอไจท่านได้ คนที่หยู่พายนอกจะเปนคนไหย่โตเพียงไร จะเข้าไปไนพระที่นั่งอันเปนที่ประทับของพระมหากสัตรหาได้ไม่ และ คนที่เข้าไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็กลับออกมาอีกไม่ได้ คน ๆ หนึ่งไม่ฉเพาะ แต่มีตำแหน่งหน้าที่ตามที่กะไว้ ยังถูกจำกัดไห้หยู่ไนที่ต่างหากกัน และจะออกไปจากที่นั้นหาได้ไม่ ผู้ที่รับราชการหยู่ไนท้องพระโรงหน้า ทวารพระที่นั่ง ไม่ซาบและไม่รู้จักว่าข้างไนพระที่นั่งเปนหย่างไร รู้เห็นแต่สิ่งที่มีขึ้นและเปนไปไนท้องพระโรงเท่านั้น พระที่นั่งที่หยู่



169 ข้างไนพระทวารก็มีข้าราชการซึ่งไม่รู้การเปนไปพายไหนพระที่นั่งที่หยู่ ลึกเข้าไปเช่นเดียวกันกับข้าราชการที่มีตำแหน่งหน้าที่หยู่ไนท้องพระโรง เพราะฉะนั้นข้าราชการที่หยู่ไนพระที่นั่งถัดเข้าไปจนถึงพระราชมนเทียร ก็ไม่รู้การเปนไปไนพระที่นั่งต่อ ๆ ไปเช่นเดียวกัน พระมหากสัตร สเด็ดออกไห้เฝ้านาน ๆ ครั้งหนึ่ง เมื่อมีพระราชประสงค์จะซงปรึกสา เสนาบดี แม้ผู้ที่โปรดปรานมากที่สุด ก็สเด็ดออกไห้เฝ้าที่สีหบั?ชร ซึ่งหยู่สูงกว่าพื้นแผ่นดินเกือบสี่สอก 1 ซงสดับตรับฟังความเห็นและ พระราชทานพระบรมราชวินิจฉันเส็ดแล้ว ก็สเด็ดเข้าข้างไน เดอะแบเรต์ได้ถามฉันว่าวิชเยนทร์เปนคนหย่างไร ฉันได้บอก ข้อความที่ฉันรู้หยู่เต็มอกไห้เขาซาบทั้งสิ้น และถึงแม้ว่าเขาซาบ ความเห็นและนโยบายของวิชเยนทร์หยู่ดีแล้วก็จิง ฉันยังเล่าข้อความ ที่แคล้วคลาดตาเขาได้ซาบความจิงจนหมดความสงสัย เขาก็มีความ เห็นพ้องด้วย เพราะว่าข้อความนั้นตรงกันกับที่เขาได้สังเกตมาแล้ว มิช้ามินานเราได้มาถึงเมืองมาดราสปาตาน ซึ่งมั่งคั่งด้วย สินค้าต่าง ๆ ไม่มีไครเลยที่มามัธยมประเทสแล้วกลับไปทวีปยุโรป โดยที่ไม่ได้ซื้อผ้าและของแปลก ๆ หายากติดตัวไปด้วย ฉันตั้งไจ ไว้ว่าจะต้องควักกะเป๋าเอาเงินซื้อของบ้าง จึงขอไห้ต้นหนส่งฉันขึ้นไป

1. ต้นฉบับว่าหนึ่ง toixc 1 ตัว ส เท่ากับ 1.949 มิลลิเมตร จึงประมานว่า เกือบ 4 สอก 22

170 บนบก ชาวอังกริดเปนไหย่เปนโตไนเมืองนี้ ผู้อำนวยการบริสัท ค้าขายอังกริด ซึ่งเปนสัตรูกับวิชเยนทร์ซาบว่า ฉันไปอาสัยหยู่กับ นักบวดฝรั่งเสส ชักชวนไห้ฉันไปหยู่ที่บ้านของเขา เขาได้เชินหัวหน้า นักบวดไปด้วย เพื่อเปนเกียรติยสไนการต้อนรับฉัน นักบวดรูปนี้หยู่ นอกเมือง เปนผู้สั่งสอนสาสนาแก่ชาวโปรตุเกสและคนครึ่งชาติ ซึ่ง นับถือลัทธิคาทอลิคโรมัน ผู้อำนวยการบริสัทค้าขายอังกริดได้เลี้ยงอาหารเย็น ตลอดเวลารับประทานอาหารมีการยิงปืนไหย่หลายนัด เราได้ดื่มถวายพระพร ชัยพระเจ้าแผ่นดินอังกริด พระเจ้าหลุยส์มหาราชาธิราชและพระบรม วงสานุวงทั้งสองประเทส ปืนนั้นบันจุลูกกะสุนจิง ๆ ด้วย เวลา รับประทานอาหารนั้น เราเว้นเสียมิได้ที่จะพูดเรื่องความทารุนร้ายกาด ของวิชเยนทร์ ผู้อำนวยการพูดดัง ๆ ว่าถ้าจับตัวคน ๆ นี้ได้จะ แขวนคอมัน เราดื่มเหล้าเรื่อย ๆ ไปจนเมากันทุกคน แม้หัวหน้า นักบวดก็มึนเมาเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ ที่จิงท่านไม่มีความผิด พวกเราชักชวนไห้ท่านดื่มทั้งที่รู้ว่าท่านดื่มมากนักไม่ได้ เมื่อฉันซื้อของเส็ดแล้ว ผู้อำนวยการจัดเรือเล็ก ๆ ไห้ฉันโดยสานไปเมืองปอนติเจรี ซึ่งหยู่ห่างจากที่นี่เพียงสองพันเส้นเท่นนั้น เมื่อ มาถึงเมืองปอนติเจรีฉันเห็นเรือหลวง ซึ่งมาคอยรับ ม. เดอะแบเรต์ เรือลำนี้หยู่ไนบังคับยันชาของ ม. ดูเคน กิตตอง ท่านผู้นี้มอบปืนยาวงามมากกะบอกหนึ่งและปืนสั้นสองกะบอกฝีมืองามหย่างยิ่งแก่ฉัน ปืน


171 นี้เปนของขวันซึ่ง ม. บองตองส์ส่งมาไห้เพื่อตอบแทนมิตรไมตรีและสิ่ง ของที่ฉันฝากคนะทูตฝรั่เสสและไทยไปไห้เขา เดอะแบแรต์ทำกิจธุระทเมืองปอนติเจรีเส็ดแล้ว เราพากันขึ้นไปบนเรือและชักไบขึ้นเดินทางไปประเทสฝรั่งเสส ตลอดเวลาเดินทาง การสนทนาย้นมาถึงประเทสไทยหยู่เนือง ๆ เขาพูดว่าวิชเยนทร์ มีความริสยาฉัน และได้ฉันผจนภัยกับอันตรายบ่อย ๆ และถึงแม้ว่า ชาวฝรั่งเสสที่เขาได้พบที่กรุงสรีอยุธยาและเมืองละโว้ ได้เล่าเรื่อง วิชเยนทร์สั่งไห้ฉันปราบพวกแขกกบดมักกะสัน และจับนายเรือ เรือ ค้าขายอังกริดไห้เขาซาบแล้วก็ดี เขายังหยากไห้ฉันเล่าไห้เขาฟังอีก เราเดินทางมาโดยเรียบร้อยจนถึงแหลม เดอะบอนน์เอสแปรังสจึงทอดสมอลงและบันทุกสเบียงอาหารบางหย่างขึ้นไปบนเรือ ต่อนั้นไปเราได้ไปจอดเรือที่เกาะซังต์เฮเลน ซึ่งเปนของชาวอังกริด และเกาะ อัสสังสิองอีกครั้งหนึ่ง ที่เกาะนี้เราจับเต่าตนุและปลาได้เปนอันมาก ไนที่สุดเราได้มาถึงเมืองเบรสตโดยผาสุก ได้ลงจากเรือขึ้นบกไป ปลายเดือนกรกดาคม พ.ศ. 2231 เวลาได้ล่วงไปประมานสามปีครึ่ง นับตั้งแต่วันที่ได้ออกเรือไปจากที่นี่พร้อมกันกับเชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ เมื่อได้ขนของที่ฉันซื้อที่เมืองมาดราสปาตานลงจากเรือแล้ว ฉัน ได้มอบไห้แก่คนของของซึ่งไปกรุงปารีสทุกสัปดาหะ ก่อนที่ฉันจะละ หีบห่อต่าง ๆ เหล่านี้ไป ฉันได้ขอไห้เขาทำบั?ชีไว้ไห้ถี่ถ้วนว่าสิ่งของ นั้นมีมากเท่าไรและราคาเท่าไร สิ่งของเหล่านี้ก็ล้วนแต่ฉาก โต๊ะจีน ไบชา เครื่องลายครามและผ้าแขกมัธยมประเทสชนิดต่าง ๆ กับผ้า

172 ดิ้นทองและเงินหลายพับ เมื่อมอบไห้เส็ดแล้วฉันก็โดยสานรถไป กรุงปารีส ได้ไปหา ม. เซ?เล เสนาบดีกะซวงการทหารเรือ ท่าน ได้ต้อนรับฉันเปนหย่างดีและท่านได้นำฉันเข้าเฝ้าทูนละอองธุลีพระบาทได้ซงพระกรุนาโปรดเกล้า ฯ ไห้นับวันราชการของฉันตั้งแต่วันออกเรือ ไปประเทสไทยจนถึงวันนี้ ที่ฉันได้รับพระราชทานพระมหากรุนาธิคุนเช่นนี้ ก็เพราะว่า ม. บองตองส์ช่วยเหลือฉัน ม. เซ?เลไม่เห็นชอบด้วย ไนการ ที่ฉันทำตามคำสั่ง เชวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ และไม่กลับไปประเทส ฝรั่งเสสกับคนะทูตไนครั้งนั้น อันทำไห้ฉันขาดจากราชการแผ่นดิน ฝรั่งเสส แต่ ม. บองตองส์ซาบความจิงโดยตลอด จึงนำความขึ้น กราบบังคมทูนพระกรุนาซาบไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เหตุฉะนั้นจึง พระราชทานพระราชกะแสโปรดเกล้า ฯ ไม่ไห้เสนาบดีกะซวงการ ทหารเรือตัดวันรับราชการของฉัน ซ้ำไห้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ของฉัน เปนบำเหน็ดความชอบมากกว่าผู้อื่น ฉันมีความปิติยินดีเปนอันมากที่ซงพระกรุนาฉันถึงปานฉะนี้ ฉันได้เข้าไปรับพระราชทานอาหารไนพระราชสำนัก พระเจ้าหยู่หัวได้ ซงพระราชปติสันถารกับฉัน เริ่มแรกมีพระราชประสงค์ที่จะซงซาบ ว่าประเทสไทยมั่งมีหรือไม่ ฉันกราบบังคมทูนพระกรุนาว่า " ขอ เดชะ ประเทสไทยไม่มีสินค้าที่จะส่งออกไปจำหน่าย และไม่ต้องการ สินค้าที่จะนำมาบริโภค " มีรับสั่งว่า " ท่านพูดคำสองคำเท่านั้น ก็ จุความได้มากทีเทียว " และตรัสถามต่อไปอีกว่า คนไทยปกครอง

173 บ้านเมืองกันหย่างไร ราสดรมีทางอาชีพฉันได เครื่องราชบรรนาการ ที่พระนารายน์มหาราชจัดส่งไปถวายนั้นได้มาจากไหน ฉันกราบ บังคมทูนสนองพระราชกะแสว่า " ราสดรนั้นยากจน ทุกปีต้องทำงาน เปนราชพลีหลายเดือน นอกจากจะโปรดเกล้า ฯ ไห้ยกเว้นแล้วพระราช ทานบันดาสักดิไห้เปนขุนนาง การมีสักดิไหย่ที่ทำไห้เขามีหน้ามีตา มากกว่าคนสามั?นั้น หาคุ้มครองไห้เขาพ้นจากพระพิโรธของ พระเจ้าแผ่นดินได้ไม่ มักจะถูกถอดจากบันดาสักดิได้ง่าย ๆ และ ต้องรับพระราชอา?าหย่างแสนสาหัสด้วย เจ้าพระยาพระคลัง ซึ่ง เปนสมุหนายกและมีตำแหน่งเอกไนราชการแผ่นดินนั้น หาได้ความ ยกเว้นผิดกว่าคนอื่น ๆ ไม่ ที่หยู่ไนตำแหน่งเต็มไปด้วยความอันตราย ได้ ก็ต้องหมอบคลานต่อพระพักตรพระเจ้าแผ่นดินเช่นราสดรสามั? ถ้าถูกกริ้วแล้ว พระราชอา?าที่เบาที่สุดนั้น คือ ถูกเคี่ยนแล้วส่งตัวไป ไถนา ราสดรกินแต่ผลไม้และข้าวซึ่งมีบริบูรน์มาก ส่วนเครื่งอ ราชบรรนาการนั้น วิชเยนทร์ได้มาจากพระคลังมหาสมบัติที่ได้เก็บรวบ รวมไว้ พระราชอานาจักรไทยนั้นรูปเปนแหลม ซึ่งเปนที่เหมาะสำหรับตั้งคลังสินค้าทำการค้าขายกับมัธยมประเทส เพราะว่าภูมิประเทสตั้ง หยู่ระหว่างสองทเล ฝั่งตะวันออกนั้นติดต่อกับประเทสจีน ยี่ปุ่น ตังเกี๋ยยวนไต้ ลาว และเขมน ฝั่งตะวันตกนั้นหยู่ตรงกันข้ามกับพระราช อานาเขต อาร์ราคาน แม่น้ำคงคา ฝั่งโคโรมังเดล มาลาบาร์ และเมืองสุราต มีคนบันทุกสินค้าจากประเทสเหล่านี้ไปประเทสไทย


174 ทุกปี ประเทสไทยจึงเปนที่ชุมนุมตลาดสินค้า และคนไทยนำสินค้า นี้ไปขายปลีกได้กำไรบ้าง พระราชทรัพย์รายได้ของพระเจ้าแผ่นดิน นั้นเกิดจากการค้าขายที่ซงทำได้แต่พระองค์เดียว มีสินค้า คือ ข้าว หมาก ดีบุก และช้างกับหนังสัตวป่าซึ่งมีเปนอันมาก คนไทยไม่มี สินค้าหัถกัมเลย เว้นแต่ผ้าทอบาง ๆ ซึ่งขุนนางไทยเท่านั้นมีสิทธิที่ จะนำมาเย็บเปนเสื้อแขนสั้นสำหรับสวมเวลาเข้าไปไนงานพระราชพิธี เมื่อขุนนางไทยคนไดคนหนึ่งมีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเก็บเงินไว้ได้ บ้าง ก็ต้องซ่อนเอาไว้ไม่มีไครมีอสังหาริมทรัพย์เลย ที่ดินเปนของ พระเจ้าแผ่นดินทั้งสิ้น เหตุฉะนั้นส่วนมากของภูมิประเทสยังรกร้าง หยู่ ไม่มีไครที่จะกล้าลงแรงถกร้างถางพง เพื่อทำนาเพาะปลูกพืชพัน เพราะรู้ว่าเมื่อที่ดินเปนที่เรียบร้อยแล้วก็จะถูกริบไป ราสดรไม่เปนคน เสพสุรา พระเจ้าหยู่หัวได้รับสั่งถามฉันอีกว่าเงินตราที่ไช้กันไนประเทส 1 ไทยมีหย่างไร ฉันกราบบังคมทูนพระกรุนาว่าเงินตรานั้นทำด้วยเงิน 1. ตรวดดูจดหมายเหตุรายวันของท่านเจ้าวัดเดอะชัวสี และหนังสือเรื่อง ประเทสไทยของ เดอะ ลา ลูแบร์ กับบันทึกความจำนี้ คงได้ความว่าเงินตราไน ครั้งนั้นมีอัตราดังนี้ 2 กล่ำ = 1 ไพ, 2 สองไพ , 4 ไพ = 1 เฟื้อง , 2 เฟื้อง = 1 มายอง ( สลึง ) 4 มายอง = 1 บาท 4 บาท = 1 ตำลึง 20 ตำลึง = 1 = ชั่ง 50 ชั่ง = 1 หาบ ส่วนเบี้ยนั้นท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีจดไว้ว่า 800 เบี้ยเท่ากับ 1 เฟื้อง แต่เห็นจะจดไว้ผิด คงหมายความว่า 100 เบี้ยเท่ากับ 1 เฟื้อง ซึ่งผิดกันกับ ที่ออกพระราชสักดิสงครามจดไว้ 20 เบี้ย ส่วนน้ำหนักนั้น 1 กล่ำหนัก 12 มเล็ด ข้าว และ 768 มเล็ดข้าวหนัก 1 บาท ทั้งสามคนว่า 1 ชั่งเท่ากับ 50 เอคูส์ และ เดอะ ลา ลู แบร์ว่า 1 บาทเท่ากันกับ 37 โซลส์ครึ่งและหนักครึ่งเอคูส์ แต่ออกพระ สักดิสงครามจดไว้ว่า 1 บาท เท่ากันกับ 40 โซลส์ 175 เปนรูปกลม ๆ คล้ายลูกกระสุนปืนสั้น มีอักสรไทยจารึกหยู่สองตัวเปน เครื่องหมายตราแผ่นดิน เงินกลมนี้เรียนว่า "บาท " เท่ากับสี่สิบ โซลส์ของเงินตราฝรั่งเสส นอกจากเงิน " บาท " ยังมีเงิน " ครึ่ง บาท " และเงิน เฟื้อง ซึ่งมีราคาเท่ากันกับห้าโซลส์ เงินปลีก สำหรับแลกเปลี่ยนนั้นไช้เปลือกหอยทเล ( เบี้ย ) ซึ่งได้มาจากเกาะ มัลดิฟส์ ร้อยยี่สิบเบี้ย เท่ากับห้าโซลส์ โปรดเกล้า ฯ ไห้ฉันเล่าเรื่องสาสนาของประเทสไทย 1 ตรัส ถามว่ามีคริสตสาสนิกชนมากหรือไม่ และพระนารายน์มหาราช ซงพระราชดำริจะเข้ารีดจิงหรือไม่ ฉันกราบบังคมทูนพระกรุนาว่า พระนารายน์มหาราชไม่เคยซงพระราชดำริจะเข้ารีดเลย และไม่มี มนุสไดกล้าจะกราบบังคมทูนและนำไห้ซงเลื่อมไสคริสสาสนาได้ จิง หยู่คำกราบบังคมทูนของเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ไนวันเข้าเฝ้าถวาย พระราชสาส์นนั้นมีข้อความว่าด้วยสาสนา แต่วิชเยนทร์ซึ่งมีหน้าที่ เปนล่ามนั้นเว้นไม่กล่าวข้อความนั้นเลย ท่านเจ้าคนะเดอะเมลโล โปลิส ซึ่งเฝ้าหยู่หน้าพระที่นั่งด้วยและเขาไจภาสาไทยดี ได้สังเกต

1. ถ้าอ่านจดหมายเหตุรายวันของท่าเจ้าวัดเดอะชัวสีแล้ว จะเห็นได้ว่าเมื่อ พระนารายน์มหาราชซงซาบข้อความไนคำแปลพระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยสที่ 14 แล้ว รับสั่งว่าซงเข้าพระราชหรึทัยดีว่าพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเสสมีพระราชประสงค์ ที่จะไห้พระองค์ซงเข้ารีดนับถือคริสตสาสนา ราชทูตได้เข้าเฝ้าหลายครั้งจิง แต่ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีไม่เล่าว่าได้ตกลงกันหย่างไร คงมีแต่หนังสือสั??าไห้สิทธิ คริสตสาสนิกชนบางหย่างเท่านั้น


176 เห็นดังนั้นแล้ว แต่ท่านไม่กล้าทัก เพราะเกรงว่าจะได้ความลำบาก วิชเยนทร์จะไม่ยกโทสท่านเลย ถ้าท่านปริปากออกมา พระเจ้าหยู่หัวประหลาดพระราชหรึทัยมากที่ได้ซงซาบความนี้จากฉัน ได้ประทับนิ่งหยู่แล้วซงคอยสดับตรับฟังคำกราบบังคมทูนฉันต่อไปฉันกราบบังคมทูนว่าเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์เข้าเฝ้าพระนารายน์มหา ราชครั้งไร ก็พยายามพูดเรื่องสาสนาเสมอ แต่วิชเยนทร์ซึ่งเปนล่ามนั้น เปนคนเฉลียวฉลาด เล่นได้ทั้งโขนและหนัง กราบบังคมทูนแต่คำ สรรเสินเยินยอของราชทูตฝรั่งเสสเท่านั้น และตอบเชวาลิเออร์เดอะ โชมองต์แต่ข้อความที่เขาเห็นสมควน เหตุฉะนั้นคำกราบบังคมทูน ของราชทูต และพระราชกะแสของพระนารายน์มหาราชที่แปลกลับไป กลับมานั้น ก็จบลงตามความพอไจของวิชเยนทร์ ฉันได้อ้างท่านเจ้า คนะเดอะเมเตโลโปลิสซึ่งเข้าเฝ้าพร้อมกันกับราชทูต เปนพยานยืน ยันถ้อยคำของฉัน ข้อความที่ฉันได้มานั้นก็มีคนบอกเปนความลับ พระเจ้าหยู่หัวซงพระสวนแล้วตรัสว่าเคราะห์ร้ายมากที่พระเจ้าแผ่นดิน ไทยต้องไช้ล่าม ซึ่งไม่แปลข้อความด้วยความสุจจริต ไนที่สุดรับสั่งถามว่าผู้สั่งสอนสาสนานั้นทำการได้ผลมากเพียงไรและชักชวนคนไทยเข้ารีดได้มากหลายเท่าไร ฉันกราบบังคมทูน พระกรุนาว่า ผู้สั่งสอนสาสนาชักชวนคนไทยเข้ารีดไม่ได้สักคนเดียว โดยเหตุที่คนโดยมากที่หยู่ไนประเทสไทยกอบด้วยชนชาติต่าง ๆ ไน หมู่คนไทยนั้นมีชนชาติโปรตุเกส ยวนไต้และยี่ปุ่นเปนจำนวนมากที่ นับถือคริสต์สาสนา ผู้สั่งสอนสาสนาจึงเลือกสมาคมกับชนพวกนี้

177 และแผ่สาสนาแก่คนเหล่านี้โดยเฉพาะ ผู้สั่งสอนสาสนาได้เที่ยวไป ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ช่วยรักสาพยาบาลและแจกยารักสาโรคไห้แก่ ราสดร แต่ไม่ได้ทำกิจการที่ชักนำไห้คนไทยเลื่อใไสคริสต์สาสนา เลย ความดีที่สุดที่ผู้สั่งสอนสาสนาได้ทำนั้น คือ เอาน้ำคริสต์มนต์ ลดสีสะเด็กทารกซึ่งไปพบตามไร่นา ที่ผู้สั่งสอนสาสนาเอาน้ำคริสต์ มนต์ลดสีสะเด็กและพามาเลี้ยงดูไว้นั้น เปนงานการที่สำเหร็ดผล เปนหย่างดี เมื่อเส็ดการพระราชทานเลี้ยงอาหารแล้ว ม. เซ?เล พาฉันเข้า ไปไนห้องทำงานของท่าน ท่านได้สอบถามฉันหยู่เปนนานว่าจะมีสิ่งไร ที่พึงทำไห้เปนที่พอพระราชหรึทัย พระเจ้าหยู่หัวของเราได้บ้าง ฉเพาะ หย่างยิ่งไนข้อที่ว่าจะสมควนทำการค้าขายกับประเทสไทยได้เปนล่ำสัน ได้เพียงไร และวิชเยนทร์มีความคิดหย่างไร จึงได้เร่งร้อนชักชวน ไห้ชาวฝรั่งเสสออกไปประเทสไทย เพื่อตอบคำถามข้อหลังนี้ฉันได้ เล่าข้อความตามที่ฉันซาบมา และชี้แจงนโยบายของวิชเยนทร์ไห้ ท่านซาบโดยถี่ถ้วน ส่วนเรื่องการค้าขายนั้นฉันตอบท่านว่าตามที่ฉันได้กราบบังคมทูนพระกรุนาซาบไต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วนั้น ประเทสไทยไม่มีสินค้า ที่จะส่งไปจำหน่าย เปนแต่ตลาดรับสินค้าจากประเทสจีน ยี่ปุ่นและ มัธยมประเทสเท่านั้น เมื่อซาบดีหยู่เช่นนี้แล้วที่เราส่งกองทหานฝรั่ง เสสไปตั้งหยู่ไนประเทสไทยนั้น ไม่มีสารประโยชน์แม้สักนิดเดียว 23

178 คลังสินค้าของบริสัทค้าขายฝรั่งเสสที่มีหยู่แล้วนั้นเปนการเพียงพอแก่ ความประสงค์ของเราแล้ว ส่วนป้อมปราการที่บางกอกนั้นจะหยู่ไนเงื้อมมือกองทหานฝรั่งเสสเพียงชั่วเวลาที่พระนารายน์มหาราชและวิชเยนทร์ยังมีพระชนมายุและ ชีวิตหยู่เท่านั้น ถ้าพระนารายน์มหาราชสวรรคตหรือวิชเยนทร์ถึงแก่ อนิจกัมคนไทยซึ่เห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเปนที่ตั้งและถูกสัตรูของ ประเทสฝรั่งเสสยุแหย่ จะไม่ละเลยที่จะไล่ทหานฝรั่งเสสไปจากที่มั่น ซึ่งไคร ๆ ควบคุมไว้ได้ก้ย่อมมีอำนาดเปนไหย่เปนโตไนประเทสนั้น ล่วงมาสองวัน คาร์ดินัล เดอะ จังซอง บอกไห้ฉันไปหาแปร์เดอะลาเชส ซึ่งมีความประสงค์จะซาบเรื่องที่ส่งชาวฝรั่งเสสไปหยู่ไน ประเทสไทย ท่านคาร์ดินัลแนะนำไห้ฉันระมัดระวังถ้อยคำไห้มาก เพราะการที่จะไปสนทนากับแปร์เดอะลาเชสนั้นจะไปพูดเล่น ๆ ไม่ได้ ท่านเปนผู้มีปั??าเฉียบแหลมที่สุดไนประเทสฝรั่งเสส ฉันตอบท่าน คาร์ดินัลว่าฉันไม่มีความตะขิดตะขวงไจเลย ฉันมีแต่ความจิงที่จะไป เรียนท่านเท่านั้น ไนวันเดียวกันนั้นฉันก็ไปหาแปร์เดอะลาเชส ขึ้น ทางอัธจันทหลัง และแปร์วัตบเลนำเข้าไปไนห้อง แปร์เดอะลาเชสสนทนากับฉันฉเพาะแต่เรื่องสาสนา และพระ ราชประสงค์ของพระนารายน์มหาราชที่จะซงทนุบำรุงนักบวดลัทธิเจสูอิต หยู่ไนประเทสไทยต่อไป โดยที่จะซงส้างวิทยสถานและหอดูดาวที่ เมืองละโว้เท่านั้น ฉันเรียนท่านว่าวิชเยนทร์มีความประสงค์เปนอันมากที่จะไห้พระเจ้าหยู่หัวของเราซงคุ้มครองจึงไห้คำมั่นสั??าว่าจะทำสิ่ง

179 นั้นสิ่งนี้อันเกินความสามาถที่จะปติบัติไห้เส็ดไปได้ วิชเยนทร์คงลง มือส้างหอดูดาวและวิทยสถานไนเวลาที่พระนารายน์มหาราชยังซงมี พระชนมายุหยู่ และคงจะทนุบำรุงนักบวดลัทธิเจสูอิต แต่เมื่อไร พระนารายน์มหาราชสวรรคต เมื่อนั้นประเทสวรั่งเสสต้องเตรียม หาทุนส่งไปเกื้อกูลผู้สั่งสอนสาสนา เพราะไม่แลเห็นท่าทางว่าพระ เจ้าแผ่นดินพระองค์ไหม่จะซงทนุบำรุงคริสตสาสนาเลย เมื่อแปร์เดอะลาเชสได้ซาบความดังนี้ ท่านพูดว่าฉันเห็นจะไม่ มีความเห็นตรงกันกับแปร์ตาชารต์กระมัง ฉันเรียนท่านว่าฉันพูดแต่ ความจิงเท่านั้น ฉันไม่ซาบว่าแปร์ตาชารต์ได้มาพูดไว้หย่างไร และ มีเหตุผลอะไรที่ชักชวนไห้ท่านมาพูด แต่ฉันซาบว่ามิตรไมตรีที่ท่าน มีกับวิชเยนทร์ผู้ซึ่งมีความมุ่งหมายแต่จะไห้กุสโลบายของเขาสำเหร็ด ผลและได้พูดจาล่อลวงแปร์ตาชารต์ไว้มากอาดทำไห้ท่านหลงงมเหมือน คนจักสุบอด และไห้คนสงสัยคำของท่านก็ได้ ตลอดเวลาอันน้อยที่ แปร์ตาชารต์หยู่กับวิชเยนทร์ไนประเทสไทยนั้น ท่านรู้จักประพรึตตัว ไห้วิชเยนทร์ไว้วางไจท่าน บางครั้งบางคราวท่านยังได้ช่วยทำหน้าที่ เลขานุการ แผนกฝรั่งเสสของวิชเยนทร์ และตัวฉันเองได้เคยเห็น จดหมายที่เปนลายมือของแปร์ตาชารต์ ลงนามว่า " เจ้าคนะเดอะแม ลาเชสได้ยินถ้อยคำดังนั้นแล้วหัวเราะ " ตาชารต์ " ท่านแปร์เดอะ ลาเชสได้ยินถ้อยคำดังนั้นแล้วหัวเราะ แต่สักครู่หนึ่งท่านทำหน้าถมึง ทึงอันเปนสีหน้าเคร่งที่ท่านไม่เปลี่ยนแต่นาน ๆ ครั้งหนึ่ง ท่านถาม ฉันต่อไปว่าผู้สั่งสอนสาสนาได้ทำกิจการสำเหร็ดผลเพียงไร

180 ฉันได้เล่าความที่ฉันได้กราบบังคมทูนพระกรุนาซาบไต้ละอองธุลีพระบาทแล้ว และเติมความว่าที่ทำไห้คริสตสาสนาแผ่ไพสาลไปไม่ ได้เร็วนั้น ต้องโทสจรรยาวัตของพระภิกสุสงค์ ซึ่งมีความอดทน และเคร่งครัดมาก พระภิกสุสงค์เหล่านี้ไม่เสพย์สุราเมรัย ฉันแต่ของ ที่คนไจบุ?ถวายเปนวัน ๆ ไปเท่านั้น ของที่ได้มากเกินความจำเปน ก็บริจาคแก่คนจน ไม่เก็บไว้สำหรับวันรุ่งขึ้นเลย พระภิกสุสงค์เหล่านี้ ไม่ออกจากวัดนอกจากเวลาไปบินทบาต และไม่วิงวอนไห้คนตักบาต อีกซ้ำไป เพียงแต่ถือบาตไปยืนหยู่นิ่ง ๆ ก็ได้รับของเต็มบาตเร็ว เพระาว่าคนไทยไจบุ?นัก เมื่อพระภิกสุสงค์เข้าไปไนเมือง ก็ถือตาละปัตไปด้วยสำหรับ บังหน้า เพื่อกันไม่ไห้แลเห็นผู้หยิง เว้นเมถุนธัมโดยเคร่งครัด และ ไม่ละพรหมจรรย์นอกจากสึกออกมาแต่งงาน คนไทยไม่ฟังเทสน์หรือ สวดมนต์กลางแจ้ง ไม่บูชายั? มักไปฟังเทสน์ไนวัด ตามปรกติไจ ความของพระธัมเทสนานั้นแนะนำไห้คนทำบุ?จึงทั่วพระราชอานาจักรนั้นมีคนไจบุ?มากมาย เพราะฉะนั้นเราจะไม่แลเห็นคนที่จนถึงต้อง ขออาหารมารับประทาน ผู้หยิงไทยเปนหยิงบริสุทธิ ผู้ชายไม่ดุร้าย และเด็กก็เชื่อฟังบิดา เพราะเหตุฉะนั้นไม่มีหวังเลยที่จะเปลี่ยนไจคนไทยไห้มาเลื่อมไสคริสต สาสนาได้ นอกจากคนไทยมีปั??าทึบเกินที่จะสอนไห้เข้าไจความ ลึกลับของคริสตสาสนาแล้ว เขายังมีความเห็นว่าธัมจรรยาของเขา เลิดกว่าของเรามาก เขาหานับถือผุ้สั่งสอนสาสนาของเราไม่ เพราะ ว่าผู้สั่งสอนสาสนาไม่เคร่งครัดเท่าพระภิกสุกสงค์ 181 เมื่อผู้สั่งสอนสาสนาของเราสแดงคริสต์ธัม คนไทยซึ่งเปนคน ว่านอนสอนง่าย นั่งฟังธัมปริยายนั้นเหมือนฟังคนเล่านิทานไห้เด็กฟัง ความพอไจฟังของเขานั้นไม่ว่าจะสอนสาสนาไดก็ชอบฟังทั้งนั้น ตาม ความคิดของคนไทยนั้นสวรรคเปรียบเหมือนปราสาทอันเปนที่สถิต ของผู้สักดิ์สิทธิ์ ปราสาทนั้นมีหลายทวารสำหรับคนต่าง ๆ เข้าไปรับ ไช้ผู้สักดิ์สิทธิ์ตามตำแหน่งหน้าที่ที่กะไว้ คล้ายกันกับพระราชวังของ พระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งมีทางเข้าหลายทาง ทางหนึ่งก็มีขุนนางประจำ หยู่ตามตำแหน่งหน้าที่ ปรโลกก็เช่นเดียวกันเปนวิมานที่สถิตของ จาตุมมหาราชิกา สาสนาต่าง ๆ นั้นเปรียบเหมือนทวาร ซึ่งเปน ทางเข้าของความสัทธาของมนุส เพราะว่าทุกคนก็มุ่งจะไปเฝ้าไห้ถึง พระองค์จาตุมหาราชิกาไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม พระภิกสุสงค์ไม่เถียงเรื่องสาสนากับผู้หนึ่งผู้ไดเลย เมื่อมี คนยกคริสตสาสนาหรือสาสนาได ๆ มาพูดกับท่าน ท่านก็เห็นว่าดี ทั้งนั้นถ้ามีคนปรับปรำพระพุทธสาสนา ท่านก็ตอบหย่างเย็นไจว่า " เมื่ออาตมาภาพเห็นว่าสาสนาของท่านเปนสาสนาที่ดี เหตุไรท่าน จึงไม่เห็นว่า พระพุทธสาสนาเปนสาสนาที่ดีเหมือนกันเล่า " ส่วนเรื่องการทรมานอดอาหารและสงบกามารมย์ของเรานั้นหย่าไปพูดกับ พระภิกสุสงค์เลย พระภิกสุสงค์เปนตัวหย่างที่ดีหยู่แล้ว สังเกตดู พายนอก ก็เห็นจะประพรึตดีกว่าผู้ที่มีสัทธาแก่กล้าของเรามาก


182 ฉันเรียนท่านแปร์เดอะลาเชสต่อไปว่า นักบวดลัทธิเจสูจิตนั้นมีสัตรูไนหมู่ผู้สั่งสอนสาสนาไม่น้อยเลย ผู้สั่งสอนสาสนาที่มีคุนวุทธิ สามาถกว่าผู้อื่น ก็ชอบแต่จะขวนขวายไห้พระเจ้าแผ่นดินโปรดปราน ยอมรับไช้เพื่อจะไห้พระเจ้าแผ่นดินซงทนุบำรุงคริสตสาสนา เหตุฉะนั้น จึงเปนผู้ก่อความอิจฉาริสยาไห้มีขึ้นไนคนบางจำพวก ไม่ฉเพาะแต่ คนไนทวีปยุโรปเท่านั้น คนไนมัธยมประเทสก็ริสยาผู้สั่งสอนสาสนา ตลอดเวลาที่ฉันหยู่ไนประเทสไทย จีนหลายคนซึ่งเปนคนมี ปั??าความรู้ ได้บอกฉันว่าเขาไม่เข้าไจเลยว่าเหตุไรคนที่นับถือสาสนาเดียวกันที่ได้เดินทางมาจากบ้านเกิดเมืองเดิมของตน อุส่าห์ข้ามทเล อันกว้างไหย่มาจนถึงบูรพาทิสแล้ว ยังมาพยายามชักชวนคนไห้เลื่อม ไสสาสนา ซึ่งผู้สั่งสอนสาสนาเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันเสียแล้ว บางคนประพรึตตนเปนสุภาพเรียบร้อยและไจบุ? แต่บางคนประพรึต ตนเปนคนเลวก่อการวิวาทจนถูกเกลียดชังเปนอันมาก จีนทุกคนที่ฉัน พบพูดหย่างเดียวกันดังนี้ ความจิงก็เปนเช่นนั้นและรู้กันทั่วมัธยม ประเทส ฉันจึงต้องเรียนไห้แปร์เดอะลาเชสซาบไว้ และถ้มีโอกาส เมื่อไรก็จะพิมพ์ข้อความนี้โคสนาไห้แพร่หลายไป ฉันหยู่ที่กรุงปารีสหลายวัน ก็ไม่เห็นคนขนของที่เมืองเบรสต์ มาถึง จึงมีความวิตกถึงหีบห่อสิ่งของที่ฉันได้มอบไห้เขาขนมาส่ง เพื่อซาบข้อความแจ่มแจ้ง ฉันได้ไปที่ที่ทำงานของบริสัทขนส่ง ก็ ได้ซาบความวิตกหยู่แล้ว เจ้าพนักงานสุลกากรที่ปอร์ตอร์ฟองได้ยึด


183 สิ่งของเหล่านั้นไว้ทั้งสิ้น และไม่พอไจแต่เพียงที่จะริบสิ่งของของฉัน เพราะว่ามีผ้าทอแขกมัธยมประเทส ซึ่งมีพระราชบั??ัติห้ามไม่ไห้ไคร นำเข้ามาไนประเทสฝรั่งเสส เขายังปรับฉันอีก 267 บาทถานฝ่าฝืน พระราชกำหนดกดหมาย เมื่อได้รับความลำบากเช่นนี้ ฉันจึงไปหา ม.เดอะแบเรต์ซึ่งเจ้าพนักงานสุลกากรรู้จักดี ฉันได้เล่าเรื่องนี้ไห้เขาซาบโดยตลอดว่าฉัน ได้ทำไปโดยที่ไม่ซาบว่ามีกดหมายห้ามจะหาว่าฉันฝ่าฝืนพระราชบั??ัติไม่ได้ เพราะว่าทำโดยความสัจสุจริต เวลามอบสิ่งของไห้คนขน ส่งไปกรุงปารีส ก็ได้ยื่นบั?ชีสินค้าสแดงว่าสิ่งนั้นมีราคาเท่าไรและ ยังได้สแดงว่ามีผ้าทอแขกมัธยมประเทสด้วย ถ้าฉันรู้ว่าเปนของต้อง ห้ามก็คงปิดความนั้นไว้ เดอะแบเรต์ได้พูดปลอบไจฉัน บอกว่ารู้ จักกันกับเจ้าพนักงานสุลกากรดี เปนคนสุภาพเรียบร้อยทั้งนั้นและนำ ไห้ฉันไปหาเจ้าพนักงานสุลการกรเวลาเขาประชุมกัน เดอะแบเรต์เชื่อ ว่าเจ้าพนักงานสุลกากรคงจะจัดการไห้เปนที่พอไจฉัน ฉันทำตามคำแนะนำของเดอะแบเรต์แล้ว ไปหาพนักงานสุลากกรฉันร้องทุขว่าตัดสินปรับเงินฉันไม่ยุตติธัม และชี้แจงข้อความดังที่ฉัน ได้เล่าไห้เดอะแบเรต์แล้ว ฉันย้ำคำว่าฉันได้ทำไปโดยความสัจสุจริต เพราะฉะนั้นขอไห้เจ้าพนักงานสุลกากรมีคำสั่งไห้คืนหีบสิ่งของเหล่า นั้นแก่ฉัน เจ้าพนักงานสุลการได้ฟังถ้อยคำของฉันแล้ว เห็นพ้อง กันว่าที่เจ้าพนักงานเมืองปอร์ตอร์ฟองยึดสิ่งของที่ไม่ต้องห้ามนั้นไม่สม


184 เหตุสมผล ส่วนผ้าทอแขกมัธยมประเทสนั้นพระราชบั??ัติห้ามไม่ ไห้คืน เพราะว่ากดหมายมีความชัดเจนว่าห้ามไม่ไห้นำเข้ามาไน ประเทส แต่ถ้าฉันจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุนาซาบไต้ฝ่า ละอองธุลีพระบาท และบันดามิตรของฉันจะช่วยเหลืออุดหนุนคำร้อง ทุขของฉันแล้ว พระเจ้าหยู่หัวคงจะพระราชทานพระบรมราชานุ?าต ไห้คืนผ้าทอนั้นแก่ฉัน เมื่อเจ้าพนักงานสุลกากรแสดงความเห็นเช่นนี้แล้ว ฉันขอไห้มี คำสั่งไปยังเจ้าพนักงานเมืองปอร์ตอร์ฟอง ไห้นำหีบห่อสิ่งของเหล่านั้น มากรุงปารีส ฉันยอมไช้ไม่ฉเพาะแต่พาสีสุลกากร จะไช้ค่าขนส่ง ของนั้นด้วย ไนทันไดนั้น ม. เดอะลูลี นายกที่ประชุม เจ้าพนักงาน สุลกากร ได้สั่งไห้เขียนจดหมายไปยังเจ้าพนักงานเมืองปรอร์ตอร์ฟอง จดหมายนั้นท่านได้ลงนามต่อหน้าฉัน ออกจากที่ประชุมนั้นแล้ว ฉันรีบไปเมืองแวร์ไซลล์ส์ เพื่อหา ม. กองตองส์ เล่าเรื่องขัดข้องนี้ไห้ท่านฟัง และขอไห้ท่านพูดกับ ม. เลอะเปลเลติเอร์ อธิบดีพระคลังมหาสมบัติ บองตองส์ได้ช่วยเหลือเกื้อหนุนฉันตามที่ได้เคยช่วยเหลือมาแล้ว ท่านอธิบดีซึ่งชอบพอกัน กับบองตองส์มาก พูดว่าท่านไม่มีความขัดข้อง แต่จะต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูนพระกรุนาก่อนมีท้องตราสั่งไป พระเจ้าหยู่หัวได้ซง พระราชดำริเห็นชอบด้วยคำขอร้องของฉัน ท่านอธิบดีเพื่อทำไห้ถูกไจ บองตองส์ ได้ทำคำสั่งอ้างกะแสพระบรมราชโองการมอบไห้ฉันนำไป


185 ไห้เจ้าพนักงานสุลกากร คำสั่งนั้นมีข้อความว่า ไห้คืนสิ่งของทั้งสิ้น ไห้แก่เชวาลิเอร์เดอะฟอร์บัง โดยยกเว้นพาสีสุลกากร ฉันไม่ได้พูดกับไครเลยว่า ได้รับพระราชทานพระมหากรุนาธิคุนไนเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ซาบว่าสิ่งของได้มาถึงกรุงปารีสฉันก็ไปหา ม. เดอะลูลีเล่าความไห้ท่านฟัง ตัวท่านเองได้อุส่าห์ไปที่กรมสุลกากร ดูได้เจ้าพนักงานมอบสิ่งของไห้ฉัน ที่ได้ของคืนเรียบร้อยเช่นนี้ ฉัน ขอบคุนบองตองส์มาก ท่านเปนมิตที่ดีได้ช่วยเหลือเกื้อหนุนฉัน ทุกคราวที่ฉันได้ขอร้องไห้ช่วย ดังที่ผู้อ่านคงซาบดีหยู่แล้ว และยังจะ ซาบอีกต่อไปไนบันทึกความจำนี้ ไนโอกาสนี้ฉันขอพูดเรื่องมิตรผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง จะหาผู้อุปถัมภกที่ดีเช่นนี้ไนพระราชสำนักย่อมหาได้ยากนัก เพราะว่ามีขุนนางน้อยคน ที่ทำไห้คนนับถือ ฉันจะชมความดีของท่านผุ้นี้ก็จะไม่สิ้นสุดลง ฉัน ไม่หยากพูด เพราะว่ายิ่งพูดถ้อยคำก็ยิ่งยาวออกไป แต่สิ่งที่จะนิ่งไว้ ไม่ได้นั้น คือท่านผู้นี้เลิดกว่าคนทั้งหลายที่เกิดมาเปนผู้มีตระกูลดีกว่า ท่าน ที่ประเสิดเลิดกว่าไคร ๆ นั้นเพราะว่าท่านมีความจงรักภักดีซื่อ สัจสุจริตแด่พระเจ้าหยู่หัว พระเจ้าหยู่หัวจึงซงไว้วางพระราชหรึทัย ไนตัวท่าน ท่านคงประพรึตติตนไห้สมกันกับที่ซงไว้วางพระราชหรึทัย จนชีวิตหาไม่ ท่านจะขอพระราชทานสิ่งไร ก็พระราชทานทั้งนั้น ที่ ท่านไม่เหมือนคนอื่นนั้น ท่านไม่เอาเปรียบพระมหากรุนาธิคุน เพราะ ฉะนั้นจึงไม่มีคนริสยาท่าน ท่านรู้จักทำแต่สิ่งที่ล้วนเปนประโยชน์แก่ หน้าที่ราชการ ไม่เคยก่อความรำคานไห้แก่ผุ้หนึ่งผู้ไดเลย 24 186 ฉันได้หยู่ที่กรุงปารีสจนสิ้นปีนี้ เมื่อมาถึงที่นี่ได้สองสามเดือน เราได้ซาบว่าพระเพทราชา ขุนนางผู้ไหย่คนหนึ่ง ได้เข้าปกครอง ประเทสไทย ถึงแม้ว่าฉนไม่ได้เห็นแก่ตาก็จิงหยู่ แต่ถ้าพิเคราะห์ดู รายงานต่าง ๆ แล้ว จะเห็นได้ว่า เหตุการน์ที่เกิดขึ้นนั้นบ่งว่าคำพูด ของฉันที่เกี่ยวกับพระราชสัมพันธไมตรีระหว่างพระเจ้าหยู่หัวของเรา และพระนารายน์มหาราช กับเรื่องที่จัดส่งกองทหานฝรั่งเสสไปประจำ ป้อมปราการที่เมืองบางกอกนั้นไม่ผิด ฉันขอเล่าไห้ผู้อ่านซาบพอเปน สังเขปว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้สำเหร็ดลงได้หย่างไร และเหตุไดชาวฝรั่งเสสต้องละทิ้งที่มั่น ซึ่งได้รับมอบหมายไห้คุ้มครอง นานมาแล้วมีคนไทยที่อันตรายมากแต่ยังซ่อนตัวหยู่ ได้คิด ประทุสร้ายประเทสไทยหยู่เนือง ๆ ครั้นราวกลางเดือนพรึสภาคม พ.ส. 2231 คนเหล่านี้ได้ก่อการจลาจลไหย่ขึ้น การกบดครั้งนี้ได้ เปลี่ยนแปลงภาวะของประเทสไทยและพระราชวงส์ ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ได้เสียเลือดเนื้อไปเปนจำนวนมากการกบดได้ทำลายรัถประสาสโนบายที่จะทำพระราชสัมพันธไมตรีกับประเทสฝรั่งเสสลงทันที ฉันได้บันทึกไว้ข้างบนนี้แล้วว่า ถึงแม้ว่าประเทสไทยสงบเรียบ ร้อยดีหยู่ก็จิง แต่ถ้าดูลึกซึ้งลงไปแล้ว มีขุนนางบางคนที่หยากไห้มี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เวลาฉันหยู่ไนประเทสไทย ฉันได้สังเกตเห็นหยู่ไนไจแล้ว ยิ่งเรื่อง รูอัง ชาวฝรั่งเสส ซึ่งถูกจองจำ เกิดขึ้น ก็ยิ่งทำไห้ฉันเชื่อว่าคงจะมีกบดแน่ ผู้อ่านคงจะซาบแล้วว่าขุนนางไทย ที่ต้องการไห้วิชเยนทร์ถูกลงพระราชอา?านั้น ได้คิดว่าตนถูกหลอก

187 ล่วง เมื่อเห็นฉันพูดช่วยไห้วิชเยนทร์พ้นคำกล่าวหา ไนบันดาขุนนาง ที่เปนผู้ก่อการที่สำคันผู้หนึ่งนั้น คือ พระเพทราชา ท่านผู้นี้เปนคนที่ทำอะไรทำจิง นับว่าเปนผู้กล้าหานผู้หนึ่งไนจำพวกขุนนางเหล่านั้น มีคนนับถือว่ามีกิริยามารยาทดี จึงได้กล้าคิดจัดการเพื่อสบัดแอกและ ขึ้นครองราชย์เอง ฉันรู้จักท่านผู้นี้ดี ถึงแม้ว่าท่านมีอายุกลางคนแล้ว ก็ยังมีกำลังแขงแรงว่องไวเหมือนเมื่อยังหนุ่มหยู่ มีสติปั??ารอบคอบและ ประพรึติตนถูกกาละเทสะ ท่านได้พระภิกสุสงค์เปนพัคพวกแล้ว ก็ เกลี้ยกล่อมขุนนางอื่นโดยเยินยอความมักไย่ไฝ่สูงของเขา สั??า ว่าจะไห้มีหน้าที่ไนการปกครองบ้านเมืองด้วย ท่านไม่ได้เกลี้ยกล่อม ฉเพาะแต่ขุนนางเท่านั้น ยังได้เอาไจราสดรด้วย ราสดรที่ชอบของ ไหม่ ๆ แปลก ๆ ก็หวังไจว่า เมื่อได้หยู่ไต้แอกผู้อื่นแล้ว การ ปกครองคงจะไม่เข้มงวดนัก การสมรู้ร่วมคิดก่อการกบดนี้ วิชเยนทร์ก็ซาบลาดเลาหยู่บ้าง เขาเปนคน ๆ เดียวที่จะตัดต้นตอได้ แต่โดยเหตุที่เขาเข้าไจผิด ไปว่า การจับพระเพทราชาและกล่าวหาว่ามีความผิดนั้น ต้องมีหลัก ถานที่ยืนยันว่า พระเพทราชาเปนผู้พยายามจะปะทุสร้ายแผ่นดินจิง ๆ ประการหนึ่ง หรืออีกประการหนึ่งเขาคิดว่า เขามีอำนาดพอที่จะปราบ ปรามพวกกบดได้ง่าย ๆ เขาจึงปล่อยไห้ผู้สมรู้ร่วมคิดทำการจนเกิน เลยไปมากเสียแล้ว เมื่อรู้ตัวเข้าก็ปราบไม่ได้ เพื่อแก้ไขความบกพร่องเขาได้ขอร้องไห้กองทหานฝรั่งเสสที่เมืองบางกอกมาช่วย แต่ทหาน

188 เหล่านั้นไม่ซาบความจิงว่าเหตุไรจึงเกิดมีการจลาจบ และไม่ซาบว่า พระราชสำนักได้ย้ายไปหยู่ที่ไหน ทหานเหล่านั้นเกรงว่าถ้าไปเกี่ยว ข้องกับเหตุการน์นี้แล้ว อาดมีผลร้ายกะทบกะเทือนถึงชาติฝรั่งเสส จึงตั้งมั่นหยู่ไนป้อมปราการ ไม่อินังที่จะอ่านจดหมายและฟังถ้อยคำ ของผู้เดินหนังสือที่วิชเยนทร์ส่งไปอ้อนวอนไห้กองทหานฝรั่งเสสยก ไปช่วย เมื่อฉันได้ซาบความนี้โดยถี่ถ้วนแล้ว ฉันมีความละอายไจเปน อันมากที่พวกเราชาวฝรั่งเสสปติบัติการเช่นนั้น ฉันจึงอดไจนิ่งไว้ไม่ได้ ที่จะสแดงความเห็นแก่ ม. เซ?เล ซึ่งมาซักถามเรื่องนี้แก่ฉัน ว่าถ้า ฉันยังไยู่ที่เมืองบางกอกแล้ว ฉันไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยวิชเยนทร์เลย ถึงแม้ว่าฉันเกลียดชังเขาที่ได้พยายามประทุสร้ายฉัน ก็ไม่ยับยั้งที่จะ ไปช่วยไห้จนได้ ถ้าพูดตามความที่เปนจิงแล้ว ฉันเชื่อมั่นว่าถ้านำทหานฝรั่งเสสสักห้าสิบคนขึ้นไปเมืองละโว้แล้ว ฉันคงสามาถตีฝ่าคนเหล่านั้นเข้าไปได้ พวกกบดคงไม่ต่อสู้ ฉันจะปราบปรามการจลาจลได้ทันที และนำความสงบสู่พระราชสำนักนั้น เมื่อวิชเยนทร์ขอความช่วยเหลือกองทหานฝรั่งเสสไม่เปนผล สำเหร็ด และทั้งประเทสเห็นชอบด้วยแผนก่อการของพระเพทราชา แล้ว พระเพทราชาก็ประกาสตนเปนหัวหน้าราสดรยึดพระบรมมหา ราชวัง แล้วล้อมวงไม่ได้พระนารายน์มหาราชสเด็ดออกมาข้างนอก ได้ เมื่อวิชเยนทร์ได้ซาบข่าวนี้ เขาตั้งไจไว้ว่าจะรีบเข้าไปเฝ้า ยอม


189 ตายไนการรักสาพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปถึง พระราชวัง ก็ถูกจับและจองจำด้วยโซ่ตรวน เพื่อไห้ราสดรเกลี่ยดชังการแย่งราชสมบัติน้อยลง พระเพทราชาซึ่งซาบดีหยู่แล้วว่า พระอาการประชวรของพระนารายน์มหาราชซุดลง ทุกวัน คงจะมีพระชนมายุหยู่ได้ไม่นาน ได้ปติบัติราชการแผ่นดิน ไม่ฉเพาะแต่เพียงอ้างกะแสพระบรมราชโองการของพระเจ้าแผ่นดิน ที่พวกกบดได้ล้อมวงไว้แล้วเท่านั้น ยังทำตัวว่าเปนแต่ขุนนางผู้ไหย่ ที่บันชาการได้แต่ไนพระบรมนามาภิธัยของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งซงราชย์ หยู่โดยสมบูรรน์แล้ว แต่เหตุการน์พายหน้าทำไห้ชื่อเสียงของพระเพทราชาไม่สู้ดีนัก เมื่อทบวงการต่าง ๆ หยู่ไนบังคับบันชาของท่านแล้ว ท่านไม่ละเลยที่จะ หาความสงบมาสู่แผ่นดิน และล้างทรยสโดยขับไล่ชาวฝรั่งเสสไปจาก พระราชอานาจักร พระเพทราชากลัวแต่ชาวฝรั่งเสสเท่านั้น ความจิง ชาวฝรั่งพวกเดียวที่พึงขัดขวางความสุขของท่านได้ ท่านพึ่งได้ซาบ พายหลังว่าที่กลัวชาวฝรั่งเสสนั้นเปนการคิดผิดไป ด้วยว่ากองทหาน ฝรั่งเสสนั้นมีกำลังน้อย และแทบไม่มีส่วนไนการก่อส้างป้อมปราการ ของวิชเยนทร์เลย ทั้งกองทหานฝรั่งเสสก็ไม่ได้ทำอะไรเมื่อวิชเยนทร์ ขอร้องไห้ยกไปช่วย วิชเยนทร์มีอายุหยู่เพียงถึงวันที่พระเพทราชา ขับไล่ชาวฝรั่งเสสไปเท่านั้น ต่อนั้นมาพระเพทราชาได้ประหารชีวิต สัตรูที่เกลียดชังท่านเปนอันมาก และริบทรัพย์สมบัติเสียทั้งสิ้นด้วย


190 เราไม่ซาบว่าวิชเยนทร์ได้ทนทุขเวทนาเพียงไรก่อนตาย ผู้ซึ่ง หยู่ไนประเทสไทยไนเวลาเกิดการกบดได้เล่าว่า วิชเยนทร์ได้ทนความ ทรมานสมกันกับที่เปนคริตสาสนิกชนแท้ สแดงความกล้าหานดุด วีรบุรุสทีเดียว ถึงแม้ว่าคน ๆ นี้ได้พยายามประทุสร้ายฉันมากเพียงไร ก็ตาม ฉันขอปติ??าโดยความสัจสุจริตไจว่า ฉันเชื่อคำบอกเล่า ของคนเหล่านั้นทุกถ้อยกะทงความ วิชเยนทร์เปนคนมีไจกว้างขวาง สุภาพและฉลาด เปนคนช่างคิดและสามาถคิดแผนการไหย่หลวงได้ ด้วยว่ามีสติปั??าเฉียบแหลมนัก คุนความดีของเขานั้นอาดไปได้ ไกลทีเดียว ถ้าไม่มัวหมองมีมลทิน เช่นความมักไหย่ไฝ่สูงที่ไม่มีวง จำกัดไว้ ความโลภที่ไม่รู้จักมีสิ้นสุด จนถึงน่าเกลียดหยู่เนือง ๆ และ ความริสยาแม้คนต่ำต้อยทั้งนี้ทำไห้เขาเปนคนเข้มงวด ทารุนดุร้าย ปราสจากเมตตากรุนา เขาเปนคนที่ไม่ซื่อตรงต่อผู้ได และสามาถ ทำทุกสิ่งทุกหย่างที่คนเราชังที่สุด พระนารายน์มหาราชมีพระชนมายุหยู่ได้ไม่นาน ได้สวรรคต สองสามวันพายหลังวิชเยนทร์ถูกประหารชีวิต อเนกนิกรพร้อมไจกัน ถวายราชสมบัติแด่พระเพทราชา ไนที่สุดเพื่อฉลองพระกเสมสุข สำรา?ของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหม่ ทหานฝรั่งเสสที่ต้องทนทุข ทรมานถูกล้อมหยู่ไนป้อมปราการหลายเดือน ได้ถูกบังคับไห้ทิ้งเมือง บางกอก และส่งกลับไปประเทสฝรั่งเสส เท่าที่เหลือมาดูน่าทุเรส เพียงไรนั้นเราได้เห็นดีหยู่แก่ตาแล้ว ความสำเหร็ดของรัถประสาสไน บายที่ส่งกองทหานฝรั่งเสสออกไปประเทสไทยโดยที่ไม่ได้คิดไห้รอบ

191 คอบ ได้มีก่ชาติของเราด้วยประการฉนี้ รัถประสาสโนบายนั้นทำ ความเสียหายแก่ชาติมาก และไม่มีสารประโยชน์แก่ประเทสไทย เลย พระเจ้าหยู่หัวของเราซงเห็นชอบด้วย ก็เพราะว่ามีคนสอพลอ วาดรูปที่งามถวาย แต่แท้จิงก็เหลวไหลหาแก่นสารมิได้เลย ต่อมาไม่ช้ากบดได้เกิดขึ้นไนประเทสอังกริด พระเจ้าเจมสที่ 2 ได้หนีไปประเทสฝรั่งเสส และพระเจ้าวิลเลียมแห่งประเทสวิลันดาได้ ขึ้นครองราชย์ พระเจ้าหยู่หัวของเราจึงได้ประกาสสงครามแก่ประเทส อังกริดและสเปน ไนการสงครามคราวนี้ ฉันได้สมัคเข้ารับราชการทหานเรือ ได้ คุมเรือรบไปประจันบานกับสัตรู เลือดนองทั้งสองฝ่าย ฉันถูกจับไป เปนชเลยต้องถูกคุมขังหยู่ไนประเทสอังกริด แต่พายหลังได้หนีกลับ มาได้ และได้ไปรบอีกหลายครั้ง เมื่อ พ.ส. 2238 ฉันกลับไปเมืองทูลอง ได้เปนผู้บังคับการเรือ รบลำหนึ่งชื่อ " มาร์คิส์ " และรับคำสั่งไห้ควบคุมเรือค้าขายไปทางทิส ตะวันออกของทเลเมดิแตราเน ได้ยิงปืนต่อสู้กับเรือค้าขายไหย่ลำหนึ่ง ซึ่งชักทงวิลันดา ฉันนำเรือรบเข้าเทียบเรือค้าขายนั้น จับเรือลำนั้นได้และลากไปไว้ที่เกาะเสฟาโลนี ได้ทหานคุมเรือนั้นไว้ เรือลำนี้ถึงแม้ว่า เปนเรือค้าขายแต่มีปืนไหย่ 68 กะบอก และกะลาสี 260 คน มาจาก เมืองสมีรนา จะไปเมืองอัมสแตร์ดัม และบันทุกสินค้ามาเปนราคา ห้าแสนหกหมื่นเหรีย?พิอัสตรา ไม่นับสิ่งของต้องห้ามอีกเปนอันมาก


192 ฉันจะลากเรือลำนี้ไปจนถึงประเทสฝรั่งเสสไม่ได้ เพราะว่าเสากะโดง และหางเสือถูกกะสุนปืนปักพังลงทั้งสิ้น เมื่อฉันไปถึงเกาะเสฟาโลนี ก็หวนระลึกถึงวิชเยนทร์ นานมา แล้วฉันได้ลืมความทุขที่ฉันได้รับจากคน ๆ นี้ เคราะห์กัมของเขานั้น ทำไห้คิดถึงมิตรไมตรีเดิมที่เขาได้มีแก่ฉัน ความจิงฉันไม่เคยเกลียด ชังเขาเสมอเลย ตั้งแต่เขาละโลกนี้ไปแล้ว ฉันก็ตั้งไจจะเปนเพื่อน ที่ดีกับครอบครัวของเขา ฉันสืบว่าเขามีครอบครัวหยู่ที่เกาะนี้หรือไม่ ก็ได้ซาบว่ามีน้องชาย หยู่คนหนึ่งหยู่ที่หมู่บ้านคุสโตท ฉันจึงไปหาเขาไนวันรุ่งขึ้นและบอกว่า ได้ซาบจากพี่ชายของเขาว่า ได้มอบเงินเปนจำนวนมากมากับแปร์ ตาชารต์ไนคราวที่นักบวดรูปนี้ออกไปประเทสฝรั่งเสสพร้อมกับราชทูต ไทย เงินที่วิชเยนทร์ส่งไปฝากเก็บไว้ที่กรุงปารีสนั้น เปนพยานว่า ข้อความไนบันทึกของฉันไม่ผิด ที่วิชเยนทร์ขอไห้ประเทสฝรั่งเสสส่ง กองทหานไปประจำหยู่ที่เมืองบางกอกนั้น ก็มีความประสงค์ที่จะพึ่ง บารมีประเทสของเรา และถ้าถานะของเขาไนประเทสไทยไม่ดีแล้ว ก็คิดไว้ว่าจะไปตั้งตัวหยู่ไนประเทสฝรั่งเสส น้องชายวิชเยนทร์ได้ซาบความนี้ ก็ตกลงไจจะไปประเทสฝรั่งเสสฉันรับพาไปไนเรือของฉันด้วย และได้สแดงอัชชาสัยไมตรีเปนหย่างดี กับคน ๆ นี้ตลอดเวลาเดินทาง เขาได้ไปถึงกรุงปารีสและรับเงินไป เปนจำนวนมากมาย แต่โชคชตาของฉันได้บันดาลไว้ว่าฉันจะไม่ได้รับ


193 สนองคุนจากครอบครัวนี้เลย น้องชายวิชเยนทร์คนนี้ได้ออกจากกรุง ปารีสกลับไปบ้านเกิดเมืองเดิมของเขา โดยที่ไม่เพียงลั่นวาจาขอบไจ ฉันสักคำเดียวเลย ยังซ้ำก่อนเดินทางไปก็ไม่มาหา


บันทึกความจำของออกพระสักดิสงครามนี้พิมพ์ขึ้นเปนสองเล่ม ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เมื่อ พ.ส. 2272 คือ 44 ปี ภายหลังที่เขาได้ เข้ามารับราชการไนประเทสไทย








เทียบแผนที่นั่งราชทูต เฃวาลิเอร์ เดอะโชมองต์ และราชทูต ม. เดอะลาลูแลร์ เข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน แด่พระนารายน์มหาราช เมื่อ พ.ส. 2228 และ 2231

ถ้าสังเกตความไนจดหมายเหตุรายวันของ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสึและบันทึกความจำของออกพระสักดิสงครามนี้แล้ว จะเห็นแผนทที่ที่นั่งของเชวาลิเอร์เดอะโชมองต์และคนะทูตกับขุนนางไทย เวลาเข้าเฝ้าพระนารายน์มหาราช ( ที่พระมหาปราสาทสรรเพชญ กรุงสรีอยุธยา )ดังนี้ --

195 ไนครั้งนี้มีเหตุขัดข้องที่ เชวาลิเอร์เดอะโชมองต์ ไม่ยอมเอาคันทองทูนพานพระราชสาสนขึ้นไปถวายที่สีหบั?ชร ขืนจะถวายต่อพระหัถพระนารายน์มหาราชไห้จนได้ ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสึจดไว้ว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์ร้องบอกไปว่าไห้ยื่นมือขึ้นไป ราชทูตก็ไม่ยอม แต่ไนบันทึกความจำของออกพระสักดิสงคราม มีความแย้งว่าราชทูต ได้ยื่นมือขึ้นไป แต่ถึงเช่นนั้นพระนารายน์มหาราชต้องก้มพระองค์ ออกมานอกสีหบั?ชรเกือบครึ่งพระองค์ จึงทรงรับพระราชสาสน นั้นได้ ต่อไปอีกสามปี เมื่อราชทูตฝรั่งเสส ม. เดอะลาลูแบร์ เข้าเฝ้า ได้ยกเลิกไช้คันทองทูนพานพระราชสาสน เจ้าพนักงานพระราชพิธี ได้ทำอัธจันทไว้ที่หน้าสีหบั?ชรสำหรับราชทูตขึ้นไปถวายพระราชสาสน ส่วนแผนที่ที่ประทับและที่นั่งของคนะทูตกับขุนนางไทยนั้น คงได้แบบ ถี่ถ้วนจากหนังสือเรื่องประเทสไทยของ เดอะลาลูแบร์ ดังนี้ ---

196 ก. อัธจันทสามขึ้นหน้าสีหบั?ชร เพื่อเปนการง่ายที่ราชทูต เดอะ ลาลูแบร์เชินพระราชสาสนขึ้นไปถวายพระนารายน์มหาราช ข. นพปดลเสวตรฉัตรหน้าสีหบั?ชร ข้างซ้ายและข้างขวาสัปตปดล ฉัตร ค. อัธจันทขึ้นไปสู่พระที่นั่งที่ประทับ ง. โต๊ะปูพรมวางเครื่องราชบรรนาการ จ บุตร ม. เดอะแบเรต์ เชินพานแว่นฟ้า ทองคำโปร่ง ซึ่งประดิสถาน พระราชสาสนไว้ ฉ. ตั่งรูปสี่เหลี่ยมเตี้ยปูพรม ซึ่งเปนที่นั่งของราชทูต ช. เจ้าคนะ เดอะเมเตลโลโปลิสนั่งขัดสมาธิหยู่กับพื้นพระที่นั่ง ซ. เจ้าพระยาพิชเยนทร์หมอบหยู่ข้างขวามือหลังราชทูต ?. แปร์ตาชารตนั่งขัดสมาธิหยู่กับพื้น ด. ขุนนางไทย 50 คน หมอบหยู่กับพื้น ต. ขุนนางฝรั่งเสสนั่งขัดสมาธิหยู่กับพื้น น. อัธจันทขึ้นไปบนพระมหาปราสาท



นายถวัน สมิตะสิริ ผู้พิมพ์โคสนา พิมพ์ที่บริสัทโสภนพิพัธนากร ถนนราชบพิตร พระนคร พ.ส. 2486


ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘๑ จดหมายเหตุ เรื่อง การจลาจลเมื่อปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลวงจินดาสหกิจ (ละม้าย ธนะศิริ ) แปล

ธนาคารแห่งประเทศไทย พิมพ์เป็น อนุสรณ์ใมนงานพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. ทองเถา ทองแถม ณ เมรุวัดกุฏกษัติยาราม วันที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐


งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก