ปาจิตตกุมารชาดก
พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยเมืองไพสาลี ปรารภพระนางพิมพาซึ่งออกบรรพชา จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ตว ภควา ภูมิปาโล ดังนี้ ความมีอยู่ว่า แท้จริงวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พระนางพิมพาเทวี ครั้นบรรพชาเป็นนางภิกษุณีแล้ว ย่อมงามกว่าผู้อื่น ขณะนั้นพระศาสดา ได้สดับคำของพระภิกษุทั้งหลายด้วยทิพโสตญาณ จึงเสด็จคมนาการไปสู่โรงธรรม แล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย นางพิมพาเทวี จะได้งามด้วยเพศบรรพชาแต่ในกาลบัดนี้ก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน นางได้ถือเพศบรรพชา ก็งามเหมือนกัน ดังนี้แล้ว ก็ทรงดุษณีภาพ อันภิกษุทั้งหลายทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล มีพระราชาองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่ามหาธรรมราชา ครองราชสมบัติอยู่ในเมืองพรหมพันธุนคร มีพระอัครมเหสีพระนามว่าสุวรรณเทวี ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ ถือปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีนั้น ครั้นถ้วนทศมาส พระนางก็ประสูติพระราชโอรส พระประยูรญาติทั้งหลาย ขนานพระนามว่า ปาจิตตกุมาร ดังนี้ ครั้นพระราชกุมารโพธิสัตว์มีพระชนม์ได้ ๑๖ ปี พระเจ้ามหาธรรมราชา ในคราวอภิเษก ทรงส่งพระราชสาสน์ไปยังกษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดพระนครว่า ควรที่จะส่งพระธิดาของพวกท่านมาถวายพระโอรสของเรา พระโพธิสัตว์ไม่แลดู จึงไปแสวงหาภรรยาด้วยตนเอง พระโพธิสัตว์ปาจิตตกุมาร ออกจากพระนครไปถึงเมืองพาราณสี ได้อรพิมพกุมาริกา วัย ๑๖ ปี เป็นภรรยา อยู่เพลิดเพลินเจริญใจกับด้วยนางอรพิมพกุมาริกา อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ระลึกถึงพระราชมารดาของตน เดินไปโดยลำดับมรรคาวิถี ก็ถึงเมืองพรหมพันธุนครโดยสุขสวัสดิ์ ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์กลับจากเมืองพรหมพันธุนครมาถามว่า นางอนพิมพ์เทวีไปที่ไหน มารดาของนางอรพิมพาตอบว่า นางอรพิมพ์ภรรยาของท่าน ถูกพรหมทัตถุมารนำนางไปแล้ว พระโพธิสัตว์ตามไปได้พบนางพรพิมพ์เทวีนั้น นางอรพิมพ์เทวี รินสุราถวายพรหมทัตกุมาร ครั้นพรหมทัตกุมารเมาหลับอยู่ นางจึงเอาดาบตัดพระศอพรหมทัตกุมารจนสวรรคต แล้วพระโพธิสัตว์และนางอรพิมพ์ก็เสด็จพากันหนีไป สองภริยาสามีก็พากันเดินไปโดยลำดับ ครั้งถึงฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง พระโพธิสัตว์พูดกับอรพิมพ์ภรรยาว่า ดูกรเจ้าผู้มีพักตร์อันเจริญ เรือของเรามิได้มี เราทั้งสองจักข้ามแม่น้ำอย่างไรได้ ดังนี้แล้ว เห็นสามเณรน้อยองค์หนึ่ง พายเรือข้ามฟากแม่น้ำ กล่าวว่า พ่อเณรช่วยสงเคราะห์ส่งให้ข้าพเจ้าทั้งสองไปถึงฝั่งด้วยเถิด สามเณรกล่าวว่า ดูกรอุปาสก เรือของเราเล็กเท่านี้ ข้าพเจ้าส่งท่านข้ามทีละคน แล้วก็พายเรือพาพระโพธิสัตว์ข้ามฝั่ง แล้วก็กลับมารับนางอรพิมพ์ นางอรพิมพ์เทวีได้ลงเรือ แต่สามเณรไม่ส่งนางอรพิมพ์ข้ามฝั่ง นางอรพิมพ์จึงถามว่า พ่อเณรจะพาข้าพเจ้าไปข้างไหน สามเณรตอบว่า ดูกรอุบาสิกา เราจะพาไปเป็นภรรยาของเรา ฝ่ายพระโพธิสัตว์มิได้เห็นภรรยา จึงปริเทวนาการเหมือนคนบ้า นางอรพิมพ์เทวีนั้น ต้องพลัดพรากจากสามี เราร้องไห้ตามหาสามี เดินไปจนถึงเมืองจัมปากนคร เข้าไปวิหารหลังหนึ่ง ประคองอัญชลี ตั้งสัตยาธิษฐานว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ขอให้นมทั้งสองของข้าพเจ้าจงหายไป แล้วเพศชายจงบังเกิดมี ด้วยอานุภาพแห่งคำอธิษฐานของนางนั้น นมทั้งสองข้างก็หายไป เพศชายก็บังเกิดปรากฎขึ้นแก่นาง นางจึงเปลี่ยนแปลงชื่อตน ให้ชื่อใหม่ว่ ปาจิตตกุมาร ต่อมา ได้บรรพชาอุปสมบท แล้วประกอบด้วยความอุตสาหะอย่างยิ่ง ได้เป็นพระสังฆราชาปรากฎแล้วในทิศทั้งปวง พระปาจิตตสังฆราชา ให้สร้างศาลางาม แล้วให้จิตกรเขียนรูปภาพไว้ พระสังฆราชา จัดคนสี่คนให้รักษาศาลา แล้วสั่งว่า ถ้าผู้ใด จะเป็นบุรุษก็ตาม สตรีก็ตาม เมื่อได้เห็นรูปภาพที่เขียนไว้แล้วและร้องไห้ ท่านทั้งหลายจงรีบมาบอกเรา ในคราวนั้นพระโพธิสัตว์ เศร้าโศกอยู่สิ้นกาลนาน มาถึงศาลาในเมืองจัมปากนครนั้น เข้าไปยังศาลา เห็นรูปภาพที่เขียนไว้แล้ว เห็นรูปภาพที่สามีพลัดพรากจากภรรยา หทัยของพระโพธิสัตว์ก็หวั่นไหว ในกาลนั้น ชนทั้งสี่คนนำความไปบอกพระสังฆราชา พระสังฆราชาให้พาตัวพระโพธิสัตว์เข้าไปถามว่า ดูกรอุบาสก ท่านมาร้องไห้ทำไม พระโพธิสัตว์จึงบอกว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพลัดกันกับภริยา ครั้นมาเห็นรูปภาพที่เขียนไว้เป็นเรื่องเหมือนกันกับเรื่องที่ข้าพเจ้าพลัดกันมา เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงร้องให้ถึงภรรยา พระสังฆราชาจึงว่า ดูกรอุบาสก ถ้าท่านปรารถนาจะพบภรรยา ท่านจงบวชในพระพุทธศาสนา บุคคลผู้บวชแล้ว ด้วยความโศก ย่อมสำเร็จประโยชน์ พระโพธิสัตว์บวชแล้ว บรรพชิตทั้งสอง คือ พระโพธิสัตว์และพระสังฆราชามีรูปเปรียบปานดุจรูปทองคำ จำเดิมแต่นั้น บรรพชิตทั้งสอง ก็มีความรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยกัน พระสังฆราชาพูดแก่พระโพธิสัตว์นั้นว่า ท่านจงฟังคำของเรา ตัวเราคืออรพิมพ์เทวี ซึ่งเป็นภรรยาของท่านในกาลก่อน เรามาบวชอยู่เมืองนี้ก็นานแล้ว บัดนี้ เราทั้งสอง พากันลาสิกขาบท พระโพธิสัตว์รับแล้ว พระสังฆราชา เดินเข้าไปสู่วิหาร ไหว้พระพุทธรูป ทำการอธิษฐานว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอให้นมทั้งสองของข้าพเจ้า จงปรากฎมีขึ้นดุจกาลก่อน เพศหญิงของข้าพเจ้า จงปรากฏในกาลนี้ ด้วยอานุภาพแห่งคำอธิษฐานของสังฆราชแล้ว นมทั้งสองของนางก็กลับมีขึ้นอีก ฝ่ายพระโพธิสัตว์ จึงลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์ จำเดิมแต่นั้น พระปาจิตตกุมารโพธิสัตว์ ดำรงราชอาณาจักรโดยทศพิธราชธรรมแล้ว ทรงบำเพ็ญบุญญาภิสมภารมีทานเป็นต้น ครั้นสิ้นพระชนม์ จุติจากอัตภาพนั้น ขึ้นไปบังเกิดในเทวโลก