พระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการฯ พ.ศ. ๒๕๕๘

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)
พระราชบัญญัติ
การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ
ที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ
พ.ศ. ๒๕๕๘[1]

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๘”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้

(๑) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๕/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน

(๒) คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒๐/๒๕๕๗ เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ และแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ลงวันที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

(๓) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๔/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

(๔) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๕/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

(๕) คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๖/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ ๖ มิถุนายนพุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

คณะกรรมการตามวรรคหนึ่งนอกจากจะมีอํานาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการนั้นแล้ว ให้มีอํานาจหน้าที่ตามที่กําหนดไว้ในประกาศหรือคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้องด้วย

การใดที่คณะกรรมการตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามวรรคหนึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๕/๒๕๕๗ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ และคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ)ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้ดําเนินการไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้ถือว่าเป็นการดําเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายในฐานะเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แล้วแต่กรณี

มาตรา ๔ ให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการบริหารสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ที่ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้บังคับพ้นจากหน้าที่ แต่ไม่มีผลกระทบถึงการใดที่ได้ดําเนินการไปแล้วโดยชอบ และในระหว่างที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังไม่สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มิให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการบริหารสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

มาตรา ๕ ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคําสั่งให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา ๓ (๑) (๒) (๓) และ (๕) หรือให้กรรมการหรือที่ปรึกษาในคณะกรรมการดังกล่าวพ้นจากตําแหน่งได้ตามความเหมาะสม

มาตรา ๖ ในกรณีที่กรรมการหรือที่ปรึกษาในคณะกรรมการตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา ๓ พ้นจากตําแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจแต่งตั้งบุคคลที่เห็นสมควรเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาแทนได้ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการหรือที่ปรึกษาแทน ให้คณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยกรรมการและที่ปรึกษาเท่าที่มีอยู่

มาตรา ๗ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแล้วให้คณะกรรมการตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา ๓ พ้นจากตําแหน่งและให้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคณะกรรมการบริหารสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

ให้คณะกรรมการตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่พ้นจากตําแหน่งตามวรรคหนึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหากไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งใด ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และเมื่อได้แต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายใดแล้ว ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้องเป็นอันยกเลิก

เมื่อแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นครบทุกคณะแล้ว ให้พระราชบัญญัตินี้เป็นอันยกเลิก

มาตรา ๘ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ[แก้ไข]

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๕/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒๐/๒๕๕๗เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๑/๒๕๕๗ และแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ลงวันที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๔/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๕/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ และคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๖/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗กําหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและคณะกรรมการบริหารสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมิได้ยกเลิกคณะกรรมการตามกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้คณะกรรมการสองชุดมีอํานาจหน้าที่ทํานองเดียวกัน อันจะก่อให้เกิดความสับสนขึ้นได้ ประกอบกับการกําหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นก็เพ่ือดําเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพในระหว่างเวลากําลังดําเนินการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ สมควรกําหนดขอบเขตของการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและความสิ้นสุดของประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้องไว้ให้ชัดเจน จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

เชิงอรรถ[แก้ไข]

  1. ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๐ ก/หน้า ๕๑ - ๕๕/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

ขึ้น

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"