พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551/กฎกระทรวง 9

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1[แก้ไข]

ให้ยกเลิกความใน (2) ของข้อ 3 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2533) ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

  “(2) ส่วนราชการต่อไปนี้ขึ้นต่อมณฑลทหารบกที่ 12
     (ก) จังหวัดทหารบกปราจีนบุรี
     (ข) จังหวัดทหารบกฉะเชิงเทรา
     (ค) จังหวัดทหารบกสระแก้ว”

ข้อ 2[แก้ไข]

ให้ยกเลิกความใน (2) (6) และ (8) ของข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2533) ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

  “(2) มณฑลทหารบกที่ 12 มีเขตพื้นที่ตลอดเขตจังหวัดทหารบกที่ขึ้นอยู่
     (ก) จังหวัดทหารบกปราจีนบุรี มีเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก
     (ข) จังหวัดทหารบกฉะเชิงเทรา มีเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
     (ค) จังหวัดทหารบกสระแก้ว มีเขตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
  (6) มณฑลทหารบกที่ 22 มีเขตพื้นที่ตลอดเขตจังหวัดทหารบกที่ขึ้นอยู่
     (ก) จังหวัดทหารบกอุบล มีเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอำนาจเจริญ
     (ข) จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด มีเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร
  (8) มณฑลทหารบกที่ 24 มีเขตพื้นที่ตลอดเขตจังหวัดทหารบกที่ขึ้นอยู่
     (ก) จังหวัดทหารบกอุดร มีเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย และจังหวัดหนองบัวลำภู
     (ข) จังหวัดทหารบกนครพนม มีเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม
     (ค) จังหวัดทหารบกสกลนคร มีเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร”


ให้ไว้ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2537
พลเอก วิจิตร สุขมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

หมายเหตุ[แก้ไข]

  เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการจัดตั้งจังหวัดสระแก้ว จังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดหนองบัวลำภูขึ้น ทำให้เขตพื้นที่จังหวัดทหารบกและมณฑลทหารบกต้องเปลี่ยนแปลงไป สมควรปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดทหารบกและมณฑลทหารบกให้สอดคล้องกับเขตจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ประกอบกับสมควรจัดตั้งและกำหนดเขตพื้นที่จังหวัดทหารบกสระแก้วเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องตรากฎกระทรวงนี้

เชิงอรรถ[แก้ไข]

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 111/ตอนที่ 34 ก/หน้า 4/11 สิงหาคม 2537