ข้ามไปเนื้อหา

พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘/หมวด ๒

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)


หมวด ๒
การดำเนินการ


มาตรา ๒๐

ให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วย

(๑) นายกสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

(๒) กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจํานวนสิบห้าคน ซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัย

(๓) กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตําแหน่ง ได้แก่ อธิการบดี ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ประธานกรรมการวิชาการ ประธานสภาพนักงาน และนายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์

(๔) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนหนึ่งคน ซึ่งเลือกจากผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิการบดี

(๕) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนสามคน ซึ่งเลือกจากผู้ดํารงตําแหน่งคณบดี ผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก

(๖) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนสามคน ซึ่งเลือกจากคณาจารย์ประจําที่ทําการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี และมิใช่ผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก

(๗) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนหนึ่งคน ซึ่งเลือกจากพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุนที่ปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี และมิใช่ผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสำนัก

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ต้องสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจากรายชื่อที่คณะกรรมการการอุดมศึกษาเสนอจํานวนหนึ่งคน

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยตาม (๔) (๕) (๖) และ (๗) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

ให้สภามหาวิทยาลัยเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งเป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัยและให้อุปนายกสภามหาวิทยาลัยทําหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย เมื่อนายกสภามหาวิทยาลัยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย และในกรณีที่อุปนายกสภามหาวิทยาลัยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งอุปนายกสภามหาวิทยาลัย ให้สภามหาวิทยาลัยเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งทําหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย

ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภามหาวิทยาลัยและให้ผู้อํานวยการสํานักงานสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ


มาตรา ๒๑

นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา ๒๐ (๒) (๔) (๕) (๖) และ (๗) มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสามปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรืออาจได้รับเลือกใหม่อีกได้

นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามวรรคหนึ่ง นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา ๒๐ (๒) (๔) (๕) (๖) และ (๗) พ้นจากตําแหน่งเมื่อ

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ถอดถอน

(๔) ขาดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยในประเภทนั้น

(๕) ถูกจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก

(๖) เป็นบุคคลล้มละลาย

(๗) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

ในกรณีที่ตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใดและยังมิได้ดําเนินการให้ได้มาซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยแทนตําแหน่งที่ว่างให้สภามหาวิทยาลัยประกอบด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยเท่าที่มีอยู่

ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตําแหน่งก่อนครบวาระและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือได้มีการดําเนินการให้ผู้ใดดํารงตําแหน่งแทนแล้ว ให้ผู้นั้นอยู่ในตําแหน่งเพียงเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน แต่ถ้าวาระการดํารงตําแหน่งเหลืออยู่น้อยกว่าเก้าสิบวัน จะไม่ดําเนินการให้มีผู้ดํารงตําแหน่งแทนก็ได้

ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตําแหน่งตามวาระแต่ยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือยังมิได้ดําเนินการให้ได้มาซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่ ให้นายกสภามหาวิทยาลัยกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นซึ่งพ้นจากตําแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปพลางก่อนจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือได้มีการดําเนินการให้ได้มาซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่แล้ว


มาตรา ๒๒

สภามหาวิทยาลัยมีอํานาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัยอํานาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง

(๑) กําหนดนโยบายและแผนพัฒนาของมหาวิทยาลัย

(๒) ออกระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศของมหาวิทยาลัยหรือสภามหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัย และอาจมอบหมายให้ส่วนงานใดในมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกระเบียบและข้อบังคับสําหรับส่วนงานนั้นเป็นเรื่องๆ ไปก็ได้

(๓) อนุมัติการให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญาและประกาศนียบัตร ทั้งของมหาวิทยาลัยและที่มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่น รวมทั้งอนุมัติการให้ปริญญากิตติมศักดิ์

(๔) อนุมัติการจัดตั้ง การรวม และยุบเลิกส่วนงานของมหาวิทยาลัย รวมทั้งการแบ่งหรือการปรับปรุงหน่วยงานภายในของส่วนงานดังกล่าว

(๕) อนุมัติการรับเข้าสมทบ การจัดการศึกษาร่วม หรือการยกเลิกการสมทบ การยกเลิกการจัดการศึกษาร่วมของสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่น

(๖) อนุมัติหลักสูตรการศึกษาและการเปิดสอน รวมทั้งการปรับปรุง การยุบรวม หรือการยกเลิกหลักสูตรการศึกษา

(๗) พิจารณาดําเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และพิจารณาถอดถอนนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดี ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์พิเศษ

(๘) แต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการ หัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ

(๙) ออกระเบียบและข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของมหาวิทยาลัย

(๑๐) กําหนดนโยบายและวิธีการเกี่ยวกับการจัดหารายได้ จัดหาแหล่งทุนและทรัพยากรอื่น

(๑๑) ออกระเบียบและข้อบังคับต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารการเงิน การพัสดุ และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย

(๑๒) อนุมัติการตั้งงบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่ายของมหาวิทยาลัย

(๑๓) อนุมัติการกู้ยืมเงินและให้กู้ยืมเงิน และการลงทุนหรือการร่วมลงทุนตามมาตรา ๑๔ (๔) วรรคสอง

(๑๔) อนุมัติการจัดตั้งหรือร่วมกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งองค์กรที่เป็นนิติบุคคลหรือยกเลิกนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๑๔ (๗)

(๑๕) รับรองรายงานประจําปีของมหาวิทยาลัย และเสนอรายงานนั้นต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบ

(๑๖) ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานของอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก

(๑๗) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อกระทําการใดๆอันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย รวมทั้งมอบอํานาจให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการหรือบุคคลดังกล่าวทําการแทนแล้วรายงานให้สภามหาวิทยาลัยทราบ

(๑๘) ปฏิบัติหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัยที่มิได้ระบุให้เป็นหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ


มาตรา ๒๓

การประชุมและวิธีการดําเนินงานของสภามหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๒๔

ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการอีกจํานวนหนึ่ง ซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งจากบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัย

คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มีหน้าที่ให้คําแนะนําปรึกษาและสนับสนุนการดําเนินกิจการของมหาวิทยาลัย

จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการ ตลอดจนการประชุมและการดําเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๒๕

ให้มีคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย อธิการบดีเป็นประธานรองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัยสถาบัน หรือสํานัก และประธานสภาพนักงาน เป็นกรรมการ

ให้คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยแต่งตั้งรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดีคนหนึ่งเป็นเลขานุการโดยคําแนะนําของอธิการบดี


มาตรา ๒๖

คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการเสนอแผนพัฒนามหาวิทยาลัย พิจารณากลั่นกรองระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศของมหาวิทยาลัย พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้ง การรวม หรือการยุบเลิกส่วนงาน และการจัดตั้ง การรวม การแบ่ง หรือการยุบเลิกหน่วยงานภายในของส่วนงาน ดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ให้คําปรึกษาและข้อแนะนําแก่อธิการบดี ทั้งนี้ ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๒๗

การประชุมและวิธีการดําเนินงานของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๒๘

ให้มีคณะกรรมการวิชาการ ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย

จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการ ตลอดจนการประชุมและการดําเนินงานของคณะกรรมการวิชาการให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๒๙

คณะกรรมการวิชาการมีอํานาจหน้าที่ ดังนี้

(๑) เสนอแนะการกําหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางวิชาการของมหาวิทยาลัยต่ออธิการบดี

(๒) กําหนดและกํากับดูแลคุณภาพและมาตรฐานวิชาการของมหาวิทยาลัย

(๓) จัดทําจรรยาบรรณของคณาจารย์และผู้ทํางานวิจัยเพื่อเสนอสภามหาวิทยาลัยและดูแลให้มีการปฏิบัติตามจรรยาบรรณดังกล่าว

(๔) ประมวลและประเมินความก้าวหน้าทางวิชาการ และจัดทําข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาทางวิชาการเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยเป็นประจําทุกปี

(๕) เสนอแนะต่อสภามหาวิทยาลัยในการอนุมัติหลักสูตรการศึกษาและการเปิดสอน รวมทั้งการปรับปรุง การยุบรวม และการยกเลิกหลักสูตรการศึกษา

(๖) เสนอการให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญาและประกาศนียบัตรต่อสภามหาวิทยาลัย

(๗) พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการรับเข้าสมทบหรือการยกเลิกการสมทบของสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นตามมาตรา ๑๑ และการจัดการศึกษาและดําเนินการวิจัยร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยอื่นตามมาตรา ๑๒ ต่อสภามหาวิทยาลัย

(๘) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อกระทําการใดๆอันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการวิชาการ

(๙) ให้คําปรึกษาแก่อธิการบดีและปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่สภามหาวิทยาลัยหรืออธิการบดีมอบหมาย


มาตรา ๓๐

ให้มีสภาพนักงาน ประกอบด้วย ประธานสภาพนักงาน และกรรมการสภาพนักงานซึ่งมาจากพนักงานมหาวิทยาลัย

จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของประธานสภาพนักงานและกรรมการสภาพนักงาน ตลอดจนการประชุมและการดําเนินงานของสภาพนักงานให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๓๑

สภาพนักงานมีหน้าที่ดังนี้

(๑) ให้คําปรึกษาและข้อแนะนําแก่สภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีในการบริหารกิจการทั้งปวงของมหาวิทยาลัย

(๒) ช่วยเหลือ สนับสนุน และเผยแพร่กิจกรรมและการดําเนินงานของมหาวิทยาลัย

(๓) สร้างและส่งเสริมความสามัคคีของพนักงานมหาวิทยาลัย

(๔) ส่งเสรมคิ ุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และผดุงเกียรติของพนักงานมหาวิทยาลัย

(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่สภามหาวิทยาลัยหรืออธิการบดีมอบหมาย


มาตรา ๓๒

ให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดและรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัยและอาจมีรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดี หรือจะมีทั้งรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดี ตามจํานวนที่สภามหาวิทยาลัยกําหนด เพื่อทําหน้าที่และรับผิดชอบตามที่อธิการบดีมอบหมายก็ได้


มาตรา ๓๓

อธิการบดีนั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคําแนะนําของสภามหาวิทยาลัยจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๕

หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาอธิการบดี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

รองอธิการบดีนั้น ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งโดยคําแนะนําของอธิการบดีจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๖

ผู้ช่วยอธิการบดีนั้น ให้อธิการบดีแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๖


มาตรา ๓๔

อธิการบดีมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสี่ปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้

เมื่ออธิการบดีพ้นจากตําแหน่งให้รองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีพ้นจากตําแหน่งด้วย

นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ อธิการบดีพ้นจากตําแหน่งเมื่อ

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๕

(๔) สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ถอดถอน

(๕) ถูกจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก

(๖) เป็นบุคคลล้มละลาย

(๗) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ


มาตรา ๓๕

อธิการบดีต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้

(๑) สําเร็จการศึกษาไม่ต่ํากว่าชั้นปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง หรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารอื่นตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

(๒) สําเร็จการศึกษาปริญญาหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัย หรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง หรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารอื่นตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย หรือเคยดํารงตําแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปี

นอกจากคุณสมบัติตามวรรคหนึ่ง อธิการบดีต้องมีคุณสมบัติอื่น และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๓๖

รองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีต้องสําเร็จการศึกษาปริญญาหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัย หรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง รวมทั้งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๓๗

อธิการบดีเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยในกิจการทั้งปวง และให้มีอํานาจหน้าที่ ดังนี้

(๑) บริหารกิจการของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนดประกาศ รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย

(๒) บริหารงานบุคคล บริหารการเงิน การพัสดุ และทรัพย์สินอื่นของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนด และประกาศของมหาวิทยาลัย

(๓) กํากับดูแล ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานของคณบดี ผู้อํานวยการ และหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก

(๔) แต่งตั้งและถอดถอนผู้ช่วยอธิการบดี รองคณบดี รองผู้อํานวยการ รองหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก และอาจารย์พิเศษ

(๕) จัดทําแผนพัฒนามหาวิทยาลัยและปฏิบัติตามนโยบายและแผนงาน รวมทั้งติดตามประเมินผลการดําเนินงานด้านต่างๆ ของมหาวิทยาลัย

(๖) จัดหาทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดําเนินภารกิจของมหาวิทยาลัย

(๗) เสนอรายงานประจําปีเกี่ยวกับกิจการด้านต่างๆ ของมหาวิทยาลัยต่อสภามหาวิทยาลัย

(๘) จัดทํางบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่ายเพื่อเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย

(๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนด และประกาศของมหาวิทยาลัยหรือตามที่สภามหาวิทยาลัยมอบหมาย


มาตรา ๓๘

ในกรณีที่อธิการบดีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองอธิการบดีเป็นผู้รักษาการแทน ถ้ามีรองอธิการบดีหลายคน ให้รองอธิการบดีซึ่งอธิการบดีมอบหมายเป็นผู้รักษาการแทนถ้าอธิการบดีมิได้มอบหมาย ให้รองอธิการบดีที่มีอาวุโสสูงสุดเป็นผู้รักษาการแทน

ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดี หรือไม่มีผู้รักษาการแทนอธิการบดีตามวรรคหนึ่ง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๕ เป็นผู้รักษาการแทน


มาตรา ๓๙

ในวิทยาเขตหนึ่ง ให้มีสํานักงานวิทยาเขต โดยมีรองอธิการบดีคนหนึ่งซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งโดยคําแนะนําของอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของวิทยาเขต ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนด และประกาศของมหาวิทยาลัยและปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่อธิการบดีมอบหมาย


มาตรา ๔๐

ในวิทยาเขต ให้มีคณะกรรมการประจําวิทยาเขตคณะหนึ่ง

องค์ประกอบ จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการประจําวิทยาเขต ตลอดจนการประชุมและการดําเนินงานของคณะกรรมการประจําวิทยาเขต และการจัดระบบบริหารงานภายในวิทยาเขต ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๔๑

คณะกรรมการประจําวิทยาเขตมีหน้าที่ ดังนี้

(๑) ให้คําปรึกษาแนะนําแก่อธิการบดีในกิจการต่างๆ ของวิทยาเขต

(๒) เสนอความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาการของวิทยาเขตต่อคณะกรรมการวิชาการ

(๓) เสนอแผนพัฒนาและแผนงานของวิทยาเขตต่ออธิการบดี

(๔) เสนอแนะการรวม การจัดตั้ง และการยุบเลิกหน่วยงานภายในวิทยาเขตต่ออธิการบดี

(๕) ปฏิบตัิหน้าที่อื่นตามที่สภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีมอบหมาย


มาตรา ๔๒

ในคณะหรือวิทยาลัย ให้มีคณบดีคนหนึ่งซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของคณะหรือวิทยาลัย และจะให้มีรองคณบดีตามจํานวนที่สภามหาวิทยาลัยกําหนดเพื่อทําหน้าที่และรับผิดชอบตามที่คณบดีมอบหมายก็ได้

คณบดีมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ เมื่อคณบดีพ้นจากตําแหน่งให้รองคณบดีพ้นจากตําแหน่งด้วย

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง และถอดถอนคณบดีและรองคณบดี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๔๓

ในสถาบัน สํานัก หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก ให้มีผู้อํานวยการคนหนึ่งซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบัน สํานัก หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก แล้วแต่กรณี และจะให้มีรองผู้อํานวยการตามจํานวนที่สภามหาวิทยาลัยกําหนด เพื่อทําหน้าที่และรับผิดชอบตามที่ผู้อํานวยการมอบหมายก็ได้

ผู้อํานวยการมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ เมื่อผู้อํานวยการพ้นจากตําแหน่งให้รองผู้อํานวยการพ้นจากตําแหน่งด้วย

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง และถอดถอนผู้อํานวยการและรองผู้อํานวยการให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย


มาตรา ๔๔

ผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการ หัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก จะดํารงตําแหน่งดังกล่าวเกินหนึ่งตําแหน่งในขณะเดียวกันมิได้

ผู้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหนึ่งจะรักษาการแทนตําแหน่งดังกล่าวได้อีกเพียงหนึ่งตําแหน่งแต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน


มาตรา ๔๕

การจัดระบบบริหารงานในคณะ วิทยาลัย สถาบัน สํานัก หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานในคณะ วิทยาลัย สถาบัน สํานัก หรือส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานัก อธิการบดีจะมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งคณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ วิทยาลัย สถาบัน หรือสํานักปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดีเฉพาะในส่วนงานนั้นก็ได้

ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามวรรคสอง มีอํานาจหน้าที่ตามที่อธิการบดีกําหนด


มาตรา ๔๖

นอกจากที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ การรักษาการแทน การมอบอํานาจให้ปฏิบัติหน้าที่แทน ตลอดจนการมอบอํานาจช่วงให้ปฏิบัติหน้าที่แทนของผู้ดํารงตําแหน่งต่างๆ ในมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งหรือกําหนด ให้ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นกรรมการ อนุกรรมการ หรือให้มีอํานาจหน้าที่ใดให้ผู้รักษาการแทนทําหน้าที่กรรมการอนุกรรมการ หรือมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดํารงตําแหน่งนั้นในระหว่างรักษาการแทน



หมวด ๑ ขึ้น หมวด ๓

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"