พระราชบัญญัติ กำหนดเวลาขังผู้ต้องหาว่าปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8
พระราชบัญญัติ
กำหนดเวลาขังผู้ต้องหาในกรณีที่ต้องหาว่าปลงพระชนม์
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พ.ศ. ๒๔๙๑
ในพระปรมาธิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
คณะอภิรัฐมนตรี ในหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
รังสิต กรมขุนชัยนาทนเรนทร
อลงกฏ
ธานีนิวัต
มานวราชเสวี
อดุลเดชจรัส
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชชกาลปัจจุบัน
- โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเวลาสั่งขังผู้ต้องหาในกรณีที่ต้องหาว่าปลงพระชนม์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ไว้ในระหว่างสอบสวนเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
- พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
- มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติกำหนดเวลาขังผู้ต้องหาในกรณีที่ต้องหาว่าปลงพระชนม์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พ.ศ. ๒๔๙๑"
- มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
- มาตรา ๓ ในกรณีความผิดอาณามีข้อหาว่าปลงพระชนม์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลนั้น เมื่อพนักงานอัยยการหรือพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องต่อศาลขอหมายขังผู้ต้องหาไว้ในระหว่างที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ก็ให้ศาลมีอำนาจสั่งขังผู้ต้องหาหลายๆครั้งติดกันได้ แต่ครั้งหนึ่งต้องไม่เกินสามสิบวันและรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันแรกที่ได้ขังตามอำนาจในพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ควง อภัยวงศ์
นายกรัฐมนตรี
อ้างอิง[แก้ไข]
- ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า ๓ ตอนที่ ๖ เล่ม ๖๕ วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๔๙๑
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"
