ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1/เล่ม 2/พระไอยการลักษณวิวาทตีด่ากัน

จาก วิกิซอร์ซ
โครงสร้างเนื้อหา
พระไอยการ
อารัมภบท
ประกาศพระราชบัญญัติ
มาตรา
  1. วิวาทตีด่ากัน 9 กระทง 10 กระทง
  2. คนเดียวตี 10 คน 10 คนตีคนเดียว
  3. โจทก์จำเลยกล่าวหากันว่า ตีด่าฟันแทงเป็น 9 กระทง 10 กระทง
  4. ตีกันตายบนเรือนท่าน
  5. ญาติด่าตีกัน
  6. ไม่ห้ามปรามการวิวาทตีด่ากัน
  7. ถืออาวุธไปคอยทำร้ายท่านในตรอกตลาดถนน
  8. ยุความ
  9. ผู้ใหญ่ตีเด็ก
  10. เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้ชรา ตีด่ากัน หรือตีด่าท่าน
  11. เด็กเล่นกันจนบาดเจ็บล้มตาย
  12. ยุให้เด็กตีกัน
  13. ทาสตีด่าฟันแทงท่าน
  14. ตีด่ากันทั้งสองฝ่าย
  15. คนบ้าตีฟันแทงคนดี
  16. ตีฟันแทงคนบ้า
  17. ผัวเมียวิวาทกัน
  18. ตีฟันแทงคนหรือสัตว์มีครรภ์
  19. ตบตีข้าไทลูกเมียตน
  20. ชกตียิงซัดฟันแทงกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในภายหลัง
  21. การชันสูตรกรณีทวยราษฎร์วิวาทด่าตีกัน
  22. การพิจารณาคดีชกตีกันบาดเจ็บ
  23. วิวาทกันโดยมีการทำร้ายกันด้วยมือ
  24. วิวาทกันโดยมีการเอาของเหลวหรือของเปียกซัดสาดกัน
  25. วิวาทกันโดยมีการเอาของสกปรกซัดสาดกันหรือถ่มน้ำลายใส่กัน
  26. ชกตีกันไม่ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย
  27. วิวาทตีกันแล้วเอาข้าวของโยนใส่หรือตี ผลักให้โดนข้าวของ จองจำให้ตาย ทำให้จมน้ำ เอากระสุนยิง หยิกด้วยเล็บ กัดด้วยฟัน
  28. วิวาทกันแล้วเอาของร้อนสาด เอาของไม่มีคมฟันแทง เอาปืนยิง เอาหนังสือตี เอาบาตรตี หรือเอาของมีคมหรือมีไฟทำร้าย
  29. ทำร้ายถูกอวัยวะสำคัญ
  30. กรณีที่ถือเป็นบาดเจ็บสาหัส
  31. วิวาทกันแล้วชกตีฟันแทงถองถีบตบถูกหรือไม่ถูกตัวกัน
  32. วิวาทตีด่าฟันแทงสมณพราหมณพฤฒาจารย์หรือบิดามารดาปู่ย่าตายาย
  33. วิวาทกันแล้วจับกันแก้ผ้า
  34. ทุ่มเถียงกันแล้วชี้หน้ากัน
  35. ด่าลับหลัง
  36. ด่าหยาบคายต่าง ๆ
  37. ด่าเรื่องชู้
  38. รุกไปด่าตีท่าน รุกไปด่าตีกัน
  39. วิวาทร้องด่าเถียงกันแล้วรุกเข้าแดนคู่กรณี
  40. วิวาทด่าตีกันแล้วคุมพรรคพวกไปทำร้ายคู่กรณีถึงที่
  41. วิวาทด่าตีกันโดยมีการรุกแดน
  42. ด่าตีฟันแทงผู้หนีเข้าไปพึ่งบ้านอื่น
  43. กรณีที่ให้ลงโทษโดยทวนลวดหนัง
  44. ราษฎรวิวาทตีด่าฟันแทงกันนอกเรือน
  45. ล่วงเขตแดนที่กำหนดตามใจชอบ
  46. วินิจฉัยเขตแดน


พระไอยการลักษณวิวาท  ตี
ด่า
กัน[บก 1]

 อันว่าลักขณวิวาท  ตี
ด่า
กันแลลักขณรุกไป  ตี
ด่า
ท่านเปน
มูลคดีมีพระบาฬีในคำภีร์พระธรรมสาตว่า ปหรญฺจ ขุํสา ถานา
วิติกฺกมฺมพลากเรน เปนอาทิดั่งนี้ จึ่งมีอัฐาธิบายษาขคดีอัน
โบราณราชกรษัตรบัญญัติสืบ ๆ มาโดยมาตราดั่งนี้
 ศุภมศดุ ๑๓๖๙[บก 2][วซ 1] ศกสัปสังวัชรเชษฐมาศศุกขปักษยตติย
ดิถีคุรุวาระ มีพระราชโองการบัญญัติพระราชอาา สมเดจ์
พระเจ้ารามาธิบดีศรีสุนธรราชบรมจักรพรรดิศวรบรมบพิตร
พระพุทธิเจ้าอยู่หัว มีพระราชหฤๅไทยกรรุณา ปราถนาจ
ระงับดับทุกขทุระราษฎร จึ่งให้ตราพระราชกฤษฎีกา โฆษนา
แก่ชาวเจ้าเหล่าราชนิกุนขุนหมื่นพฤฒามาตย์ราชมนตรีพิริย
โยธาสมสังกัดพัน อันมีในพระราชอานาจักรประชาราษฎร
ทังปวง ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า
1
 ๑ มาตราหนึ่ง วิวาท  ด่า
ตี
กัน โทษ 
๑๐
กทง มิให้
เรียงกทงไหม โทษสิ่งใดหนักให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหม ต่ำนา
๔๐๐ ลงมาให้เอาบันดาศักดิผู้  เจบ
ได้
ตั้งไหม แต่นา ๔๐๐ ขึ้นไป
ให้เอาบันดาศักดิผู้สูงนาฝ่ายเดียวตั้งไหมให้แก่ผู้ชนะ ถอ้ยที
ถอ้ยด่าตีกัน ให้ไหมกลบลบกัน เหลือนั้นเปน  สีนไหม
พิไนย
กึ่ง
2
 ๒ มาตราหนึ่ง ๑๐ คนตีคนเดียวบาทเจบก็ดี[วซ 2] คน
เดียวตี ๑๐ คนบาทเจบก็ดี ใช่มันจตีแต่ทีเดียวหามิได้
มันย่อมตีคนละที ให้ไหมมันผู้เดียวให้แก่เขาจงทุกคนโดย
ยศถาศักดิ ๑๐ คนตีมันคนเดียวมีบาทเจบนั้น ท่านให้ไหม
๑๐ คนให้แก่มันผู้เดียว ถ้ามัน ๑๐ คนตีมันคนเดียวแตก
ช้ำบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมมันผู้บันดานโกรธเปนต้นเหตุ
นั้นไว้แห่งแตกแลบาทเจบทังนั้นให้ไหมรายตัวผู้ตี ถ้าบาท
เจบแต่แห่งหนึ่ง ๒ แห่ง ให้เอาคนทังนั้นเปนแต่พวกมิได้ลงมือ
ถ้ามันคนเดียวตี ๑๐ คนบาทเจบหลายแห่ง ให้ไหมผู้เดียว
ให้แก่เขาจงทุกคนตาม  บาท
แผล
มากแลน้อย
3
 ๓ มาตราหนึ่ง โจทหาว่าจำเลย  ตีด่า
ฟันแทง
ตนเจบปวด
เปนโทษถึง 
๑๐
กทงก็ดี ฝ่ายจำเลยให้การเกี้ยวแก้กล่าวโทษ
โจทว่า โจทตีด่าฟันแทงมีบาทเจบถึง 
๑๐
กทงก็ดี ท่านว่าโทษ
อันใด  ใหญ่
หนัก
ให้เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมกลบลบกัน เหลือนั้น
เปน  สีนไหม
พิไนย
กึ่ง
4
 ๔ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรทังหลายวิวาทตีด่ากัน ฝ่าย
ข้างหนึ่งวิ่งแล่นหนีขึ้นบนเรือนท่าน ฝ่ายข้างหนึ่งบังอาจ์ขึ้น
ไปตีบนเรือนท่าน แลผู้ต้องตีนั้นตายไซ้ ให้ฆ่าผู้ตีนั้นตายตก
ไปตามกัน ถ้าทรงฯ บให้ฆ่าตีก็ให้ไหมโดยขนาด ให้ทำสีนไหม
เปนสองส่วน ให้ได้แก่เจ้าเรือนนั้นส่วนหนึ่ง ได้แก่  พ่อ
แม่
พี่
น้องผู้ตายนั้นส่วนหนึ่ง ให้ไหมปลูกตัวผู้ตายด้วย ถ้าตีกัน
ตายพ้นชายคา เจ้าเรือนจกล่าวเอาสีนไหมนั้นมิได้เลย สีน
ไหมนั้นให้ได้แก่  พ่อ
แม่
พี่น้องผู้ตาย
5
 ๕ มาตราหนึ่ง  พ่อตา
แม่ยาย
ด่าตีลูกเขย ๆ ด่าตี  พ่อตา
แม่ยาย
ลูก
สไภ้ด่าตี  พ่อผัว
แม่ผัว
ๆ ด่าตีลูกสะไภ้ เมียหลวงด่าตีเมียน้อย ๆ ด่าตี
เมียหลวง  ปู่ญ่า
หลาน
ตายายหลานลุงป้าหลานอาวน้าหลานด่าตีกัน
ก็ดี พี่เมียน้องเขยด่าตีกันก็ดี ถ้าถึงแตกหักษาหัดจึ่ง
ให้ปรับไหมให้แก่กันดั่งฉันผู้อื่น ถ้ามิถึงแตกหักษาหัดไซ้
ให้นายร้อยแขวงนายบ้านนายอำเพอ บังคับว่ากล่าวกันตาม
ผิดแลชอบตามผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้ตบแต่งเข้าตอกดอกไม้ธูบ
เทียนสีนนุ่งห่มเล่าเข้าเปดไก่ไปแปลงขวันกัน เพราะเขาเสิย
กันมิได้
6
 ๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่ากัน แลผู้ใดอยู่ใกล้
รู้เหนมิได้ห้ามปราม ถ้าตีกันถึงมรณภาพไซ้ ให้ไหมผู้มิได้
ห้ามปรามนั้นเปนข้อเลมิดพระราชอาา เหดุตัวรู้เหนแล้ว
นิ่งเสีย จึ่งเสียไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินท่าน ถ้าผู้มิได้ห้ามปรามนั้น
เปนญาติพี่น้องภักพวกผู้ตีไซ้ ให้ไหมญาติพี่น้องภักพวกนั้น
ทำ ๓ ส่วน ยก ๒ ส่วนเอาส่วนหนึ่ง
7
 ๗ มาตราหนึ่ง เขาทังสองวิวาท  ตี
ด่า
กัน แล้วจับ
หอกดาบเครื่องสรรพสาตราวุธแลไม้ค้อนก้อนดิน อวด
กล้าหารไปอยู่ในตรอกแลตลาดถนนแห่งใด ๆ คอยทำร้ายแก่
ท่าน ๆ มีบาทเจบประการใด ให้ไหมทวีคูน ถ้าถึงตายให้ฆ่า
คนร้ายตกไปตามกัน
8
 ๘ มาตราหนึ่ง ถ้าผู้ใดวิวาท  ด่า
ตี
ฟันแทงกันแลสมัก
ภักพวกญาติพี่น้องร้องว่าให้  ด่า
ชกตี
ฟันแทง
ท่าน ๆ ว่าผู้นั้นยุความ
ให้ไหมดุจพวกกึ่งต้นเหดุ
9
 ๙ มาตราหนึ่ง  บุรุศ
สัตรี
ก็ดีเปนผู้ใหญ่บันดานโทโสตีทารก
ท่านให้ไหมทวีคูนโดยโทษาณุโทษ เหดุมิควรจโกรธจตี
10
d
 ๑๐ มาตราหนึ่ง เดกต่อเดกวิวาทตีกัน ให้ 
พ่อ
แม่
ห้าม
ปราม ถ้า  พ่อ
แม่
เดกฝ่ายข้างหนึ่งไปตีบุตรท่านฝ่ายข้างหนึ่ง
ไซ้ ให้ไหมผู้ตีนั้นโดยกรมศักดิทวีคูน เหตุว่าเดกมิรู้ผิด
แลชอบ ถ้าเดกตีกันมีบาทเจบไซ้ ให้พิเคราะห์ดูเดกผู้  ตี
เจบ
นั้น ถ้าเท่ากันอย่าให้มีโทษแก่มันเลย เหดุเปนเดกด้วย
กัน ถ้าเดกผู้ตีใหญ่ไซ้ ให้ทำขวันเสียค่าน้ำมันให้แก่มันผู้น้อย
d
 อนึ่งเดก ๗ เข้าเถ้า ๗๐ เปนคนหลงไหลไป 
ด่า
ตี
ท่าน ๆ
มิให้ปรับไหมมีโทษ แต่ให้นายบ้านนายเมืองช่วยว่ากล่าว
ให้สมักสมาผู้เจบนั้นโดยควร
11
 ๑๑ มาตราหนึ่ง เดก ๗ ขวบเหล้นด้วยกันผลักไส
กันตก  เรือน
ศาลา
ต้นไม้
ร้าน
น้ำ
ตายไซ้ ให้  พ่อ
แม่
แห่งเดกผู้ผลักนั้นปลูกตัวลูก
ท่าน ถ้ามิถึงตายแต่บาทเจบช้ำหักค่นบอดไซ้ ให้ช่วย
เสียค่าน้ำมันโดยควรแก่บาดเจบ ท่านมิให้ไหมโดยบันดา
ศักดิ เพราะต่างคนต่างน้อยมิรู้ถ้อยความเสมอใจบ้า
12
 ๑๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดยุให้เดกตีกันศีศะแตกคางหัก
แฃน
เท้า
มือ
หักก็ดี ท่านให้ไหมผู้ยุนั้นตามบาทแผลเดกซึ่งเจบนั้น
ถ้าถึงตายให้ไหมโดยตีตาย
13
 ๑๓ มาตราหนึ่ง ทาษตนตีด่าฟันแทงท่าน นายเงีน
อยู่นั่นด้วยมิได้ห้าม ให้ไหมทังนายทังทาษเสมอกัน เหตุ
นิ่งเสียให้เกิดความในเมืองท่าน
14
 ๑๔ มาตราหนึ่ง ผู้หนึ่งตีผู้หนึ่งด่าสวนสับขับแท้ดั่งนี้ไซ้
ท่านให้ทอดสีนไหมพิไนยโดยเบี้ยกรมศักดิกลบลบกันทีหนึ่ง
เพราะตีมันก่อนมันจึ่งด่า ๆ มันก่อนมันจึ่งตี ถ้าผู้ใดก่อ  ตี
ด่า
ก่อนก็ดี ให้ไหมผู้ตั้งกรณีนั้นอีกโสดหนึ่ง เปนสีนไหมกึ่ง
พิไนกึ่ง เหดุมันก่อความให้ยากแก่เมืองท่าน
15
 ๑๕ มาตราหนึ่ง คนบ้าเข้าบ้านท่านตีฟันแทงคนดี
ตาย จะไหมบ้าไซ้ท่านว่ามิชอบ เพราะว่าบ้านหาตำแหน่งแบ่ง
สัจมิได้ ท่านว่าให้พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้าใช้กึ่งเบิ้ยปลูกตัว
ผู้ตาย ให้เวนบ้านั้นไปให้แก่พ่อแม่พี่น้องเผ่าพันธุบ้านั้น
จึ่งชอบ ถ้ามันตีมีบาทเจบไซ้ หาโทษมิได้ ถ้าที่เปนที่ไร่นา
ป่าดงพงแขมเปนที่อยู่แห่งคนผู้สูงอายุศม์แลคนพิกลจริตบ้าใบ้
ผู้ใดเข้าไปในที่มันอยู่มันฟันแทงมีบาทเจบแลตายก็ดี ถ้าพบ
ปะมันกลางถนนหนทางมิได้หลีกแลมันฟันแทงบาทเจบถึงตาย
ก็ดี จะเอาโทษแก่มันมิได้เลย ให้โฆษนาแก่นครบาลให้จับ
เอาตัวมันจำจองไว้กว่าจะสิ้นกำม์
16
 ๑๖ มาตราหนึ่ง ผู้ร้ายตีฟันแทงคนบ้าตายไซ้ ให้
ทอดรางวัดเปนเบี้ยปลูกตัวผู้ตายโดยขนาด ให้แก่ญาติพี่น้อง
แห่งบ้า ถ้าบ้าหาญาติพี่น้องมิได้ ให้เอาเบี้ยรางวัดเปนค่า
หญ้าช้างหลวง
17
 ๑๗ มาตราหนึ่ง ผัวเมียวิวาทกันชายผัวทุบตีฟันแทง
หญิงผู้เมียตาย ให้ลงโทษดั่งฉันผู้อื่น ถ้าหญิงทุบตีฟันแทง
ชายผู้ผัวตาย ให้ลงโทษดุจกัน ถ้าบแกล้งตีฟันแทงให้ตาย
ท่านว่าให้ไหมโดยศักดิ  มือ
ไม้
เหลก
สีนไหมให้เอาเข้าพระคลัง
หลวงจงสิ้น
18
 ๑๘ มาตราหนึ่ง คนทังหลายมีครรภก็ดี สัตวของ
เลี้ยงมีครรภก็ดี มีผู้ตีฟันแทงให้ตายไซ้ ท่านให้พิกัดค่าแม่
มันเท่าใด ใช้ค่าลูกในท้องกึ่งค่าแม่มันด้วย แลจบาทไหม
นั้นให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
19
 ๑๙ มาตราหนึ่ง ผู้ใดตบตีข้าไทลูกเมียตน มันแล่น
หนีไปขึ้นบนเรือนท่านแลเลือดตกลงที่เรือนท่าน ให้ผู้ตบตี
นั้นพลีเรือนท่าน ให้นิมนพระสงฆ์ ๗ รูปสวดมนซัดน้ำแต่งบัด
พลี ๆ เรือนท่าน
20
 ๒๐ มาตราหนึ่ง ชกตียิงซัดฟันแทงกันมีบาทเจบบอบ
ช้ำลำบากด้วยเขาตี เปนใข้ผอมจึ่งตายใน ๑๕ วัน ท่านให้
ทอดพิไนยโดยตีตาย ให้ฆ่าผู้ร้ายตกไปตามกัน ถ้าทรง
พระกรรุณาบให้ฆ่าตีไซ้ ถ้าผู้ตายสูงนา ๔๐๐ ขึ้นไป อย่าให้
ปลูกตัวเลย ถ้าต่ำนา ๔๐๐ ลงมา ให้ปลูกตัวผู้ตายส่งให้
บุตรภรรยาญาติพี่น้องทำบุญไป แล้วให้เอาค่าตัวผู้ตาย
ตั้งไหมตามกระเสิยนอายุศม์ โดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก
สีนไหมให้แก่บิดามานดาพี่น้องผู้ตาย ถ้าพ้นกว่า ๑๕ วัน
ถึงเดือนหนึ่งจึ่งตาย ท่านว่าเปนกำม์แห่งสัตว ให้ปรับไหม
แต่โดยบาทเจบนั้น เปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง
21
 ๒๑ มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรวิวาทด่าตีกัน มายังแพ่ง
ให้กฎหมายบาทเจบไซ้ ให้นายพะทำมะรงดูบาทเจบจงถ่อง
แท้ ถ้าแลเจบปวดด้วยมือไม้เหลกอิด แคลงประการใดก็ดี
ให้ดูจงถ่องแท้ ถ้ามิเข้าใจไซ้ให้บอกกล่าวร่ำเรียน ถ้าอวดรู้
ดูผิดไซ้ บาทเจบเขานั้นตกอยู่แก่นายพะทำมะรงผู้คุมนั้น
สองส่วน ตกแก่ภูดาดผู้ตราคำนั้นส่วนหนึ่ง ถ้าตีฟันแทงกัน
มิตาย ให้นายพะทำมะรงเอาตัวมาตราบาทเจบไว้ ถ้าตายไซ้
ให้ไปดูถึงที่นั้น
22
 ๒๒ มาตราหนึ่ง สองชกตีกันแลข้างหนึ่งมีบาทเจบ
เอามาให้กระลาการตราบาทเจบไว้ ข้างหนึ่งหาบาทเจบมิได้
สักอันสาระพะทำเอาให้มีบาทเจบแล้วจึ่งเอามาให้ตราบาทเจบ
ไว้ด้วยว่ามีบาทเจบบ้าง เมื่อพิจารณามิสมอ้างก็ดี แลมันต่อ
ถึงพิสูดแพ้แก่บนจนแก่พิจารณาก็ดี ท่านให้ไหมมันเท่า
ใส่โทษท่าน แลส่วนบาทเจบข้างผู้บาทเจบจริงนั้น สิ่ง[วซ 3] ใดหนัก
เอาแต่สิ่งหนึ่งตั้งไหมมันผู้ชกตี ให้แก่ผู้เจบนั้นอีกโสดหนึ่ง
โดยขนาด
23
 ๒๓ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีทุบถองตบบิดข่วนด้วยมือ
ก็ดี เอา  ถุง
ผ้า
ฟาดตีท่านก็ดี แลผลักไสท่านให้กะทบกะเบื้อง
ไม้หนามอิดสินลาแลงก็ดี ประการเท่านี้ให้ไหมเสมอศักดิมือ
24
 ๒๔ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาดินเปียกเข้าเปียก
ชิ้น  เนื้อ
ปลา
สดทรายเปียกทิ้งซัดท่านก็ดี ให้ไหมเสมอศักดิมือ
ถ้าสาตซัดท่านด้วยน้ำผึ้งน้ำอ้อยน้ำมันแลเมดเข้าเปลือกก็ดี
ให้ไหมกึ่งศักดิมือ
25
 ๒๕ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลมันเอาสิ่งอันโสโครก
ทิ้งซัดต้องท่านก็ดี ถ่มน้ำลายรดท่านต้องท่านก็ดี ให้ไหม
เสมอศักดิไม้
26
 ๒๖ มาตราหนึ่ง ชกตีกันบช้ำแลฟกช้ำดำซับแตก
ฉลาย ค่นหักบอดตายก็ดี ถ้าตีด้วยไม้ ให้บวกกึ่งมือ
ถ้าฟันแทงด้วยเหลก ให้ไหม ๒ เท่ามือ
27
 ๒๗ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันจับเอาสันมีตสันพร้า
สันหอกสันดาบ ก้อนอิดก้อนดินกระเบื้องเมดกรวดหินสินลา
แลงนองาเขี้ยวกะดูกหอยเอนก็ดี เข้าก้อนแห้งขนมแห้ง
เข้าตังแห้งน้ำตานปึกน้ำอ้อยงบ แลสรรพฟองแลต้นเข้า
ต้นหญ้าหยากเยื่อ ก้อนเนี้อแห้งปลาแห้งตัวปลาสดเบี้ย
ชันหนังด้ายเขดจุกกะเทียม[บก 3] จุกหอมฃ่าขิงกล้วยท่อนอ้อย
แลขี้ม้าขี้วัวขี้ควายขี้ช้าง ลูกไม้ใบไม้ทังกิ่งกะลาเชือก
เถาวัลหวายฟาดตีทิ้งซัดท่านก็ดี แลจำท่านให้ตายด้วยฃื่อคา
โซ่รตรวนก็ดี ผลักท่านให้กะทบหอกดาบมีตพร้าขวานสี่ว
แหลนเหลกหลาวเหลกฉมวกกตักมีบาทเจบก็ดี แลทำท่าน
ให้จมน้ำก็ดี เอากสุนยิงท่านก็ดี หยิกด้วยเลบกัดด้วยฟันก็ดี
ประการเท่านี้ ให้ไหมเสมอศักดิไม้
28
 ๒๘ มาตราหนึ่ง วิวาทกันจับเอาไฟจุดน้ำร้อนรดสาด
ท่านก็ดี เอาทองคำเงินทองแดงสำริด ทองเหลืองทองขาว
สังกะสีดีบุก ชันร้อนหอกดาบมีดพร้า ขวานสี่วแหลนเหลก
หลาวเหลกฉมวก อันมิได้คมมิได้แหลม ฟันแทงท่านต้อง
เนิ้อหนังแตกพังบาทเจบก็ดี เอาปืนยิงท่านก็ดี ประการเท่านี้
ให้ไหมเสมอศักดิเหลก ถ้าเอาหนังสือตีท่านให้ไหมเท่าเหลก
เหดุทำให้เปนจันไรแก่ท่าน ถ้าเอาบาต  โขก
ตี
ท่าน ให้ไหม
๒ เท่าเหลก อนึ่งเอาเหลกมีคมมีแหลมแลเครื่องสาตราวุธ
เปนไฟไปต้องไปตีฟันแทงท่าน ให้ไหม ๒ เท่าเหลก
29
 ๒๙ มาตราหนึ่ง วิวาทตีกันถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง
คือตีถูกที่กำด้น ๑ ต้นฅอ ๑ จมูกหัก ๑ แสกหน้า ๑ เพรียง
หู ๑ ปลายคาง ๑ ชายโครง ๑ ขากันไตร ๑ ฟันแทงกัน
ถูกที่สำคัญตายนั้นมี ๘ แห่ง คือฅอ ๑ ฅอหอย ๑ ไหล่รวบ ๑
รักแร้ ๑ ราวนม ๑ ทรวงอก ๑ พุง ๑ ไข่ดัน ๑ ถ้าตีกัน
ด้วยไม้ตบองไม้คลีไม้ด้ำจอบไม้ด้ำขวานไม้ศอก แลสรรพไม้
อันใหญ่ก็ดี ต้องที่สำคัญที่ตาย ให้เอาเปนตีตายด้วย
เหลก ถ้าผิดที่สำคัญที่ตายแลตายนั้น ให้เอาเปนตีตาย
ด้วยไม้ ต่ำนา ๔๐๐ ลงมาให้ไหมปลูกตัว แล้วให้เอา
บันดาศักดิผู้ตายตั้งไหมโดยตีฟันแทงท่านตาย เปนสีนไหม
กึ่งเปนพิไนยกึ่ง
30
 ๓๐ มาตราหนึ่ง วิวาทตีฟันแทงกันถูกหูขาดทังสอง
ข้างก็ดี ตาบอดทังสองข้างก็ดี ข้อมือหักข้อแขนหักทังสอง
ข้างก็ดี แข้งขาหักทังสองข้างก็ดี ลิ้นด้วนจมูกด้วนก็ดี
ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมจัตุรคูน ถ้าขาดข้างหนึ่งวิ้นข้างหนึ้ง
ลิ้นแหว่งก็ดี ได้ชื่อว่าษาหัด ให้ไหมตรีคูน ถ้าช้ำน่วมทังตัว
ลำบากปางตายก็ดี หนังตาขาดวิ้นจมูกขาดแหว่งก็ดี ให้ไหม
ทวีคูน ถ้าที่แจ้งเปนแผลเสียโฉมให้ไหมทวีคูน ถ้าบาทเจบ
แตกที่ลับมิได้เปนที่แจ้งเสียโฉม ให้ไหมแต่ลาหนึ่ง
31
 ๓๑ มาตราหนึ่ง วิวาทชกตีฟันแทงถองถีบตบท่านถูก
ให้ไหมโดยศักดิมือศักดิไม้ศักดิเหลก ถ้าชกตีฟันแทงถอง
ถีบตบท่านผิดก็ดี แล่นหนีรอดก็ดี มีผู้ชิงได้ก็ดี ให้ไหม
โดยชกตีฟันแทงถองถีบตบถูกตามพระราชกฤษฎีกาเดิมแล้ว
ทำ ๔ ส่วน ยกเสียส่วน ๑ เอา ๓ ส่วน ถ้าเงือดเงื้อจะชก
จะตีจะ  ถอง
ถีบ
จฟันจแทงท่านไซ้ ให้ไหมกึ่งชกตีฟันแทง
ถูก ถ้าว่าแต่วาจาจชกจตีจ  ถอง
ถีบ
จฟันแทงท่าน ให้ไหม
กึ่งเบี้ยเงือดเงื้อ ถ้าฉุดคร่าผลักไสกัน ในลักษณวิวาทนั้น
หาบาทแผลมิได้ ให้ไหมโดยเบี้ยบช้ำ
32
 ๓๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดวิวาทตีด่าฟันแทงสมณพราหมณ
พุทฒาจาริย แลบิดามานดาปู่ย่าตายายแห่งตน มีบาทเจบ
ด้วยเหลกษาหัดไซ้ ให้เฆี่ยร ๓ ยกทเวนบก ๓ วันทเวนเรือ
๓ วันตัดนิ้วมือเสียให้สิ้นนิ้วทัง ๒ ข้าง ให้ทำแพลอยมันเสีย
ให้ปรากฎแก่ตาคนทังหลาย ถ้าตีเจบปวดด้วยไม้ษาหัดไซ้
ให้เฆี่ยร ๓ ยกทเวนบก ๓ วันทเวนเรือ ๓ วันให้ตัดนิ้วมือขวา
เสียจงสิ้นนิ้ว แล้วให้ทำแพลอยเสีย ถ้าตีเจบปวดด้วยมือ
ษาหัดไซ้ ให้ปอกเลบมือเสียทังสิ้บนิ้ว จำไว้ ๖ เดือนแล้ว
เอาขึ้นขาหย่างประจาน ๓ วัน ให้ทวนด้วยลวดหนัง ๓๐ ทีแล้ว
ให้สักอกไว้ว่าตีพ่อตีแม่ ถ้าตีด้วยไม้เจบปวดมิได้ถึงษาหัด
ให้ปอกเลบมือเสียทัง ๑๐ นิ้วแล้วให้จำไว้ ๖ เดือน เอาขึ้น
ขาหย่างประจาน ๓ วันแล้วให้ทวนด้วยลดหนัง ๓๐ ที ถ้า
ตีด้วยมือมิได้ถึงษาหัด ให้ปอกเลบเสีย ๕ นิ้วจำไว้ ๓ เดือน
แล้วทวนด้วยลวดหนัง ๒๕ ที ถ้าตายไซ้ให้ฆ่ามันตกไปตามกัน
33
 ๓๓ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลแก้ผ้านุ่ง[วซ 4] ท่านเสียให้เปน
ทุราจาน ถ้าหญิงสาวหาผัวมิได้ ให้ไหมผู้ทำเปนเบี้ย ๗๐๐๐๐
ทวีคูน ถ้าชายดุจหญิงสาวนั้น ถ้าแก้ผ้านุ่งหญิงม่าย ให้ไหม
เปนเบี้ย ๘๐๐๐๐ ทวีคูน ถ้าหญิงนั้นมีผัว ให้ไหมเปนเบี้ย
๑๗๐๐๐๐ ทวีคูน เหตุมันทำทุราจารแก่ท่านให้ได้อาย ถ้า
แลมีเจบปวดษาหัดด้วยไซ้ โทษอันใดหนักให้เอาแต่สิ่งหนึ่ง
ตั้งไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
34
 ๓๔ มาตราหนึ่ง วิวาทถุ้มเถียงกันด้วยเนิ้อความ
ประการใด แลเอาตีนชี้หน้าท่าน ให้เอาเบี้ยบช้ำทำ ๓ ส่วน
ยกส่วน ๑ ไหมสองส่วน ถ้าเอามือชี้หน้าท่าน ให้ไหม
ส่วน ๑ ยก ๒ ส่วน
 กล่าวลักษณวิวาทชกตีฟันแทงให้ปรับไหมโดยสังเขป
แต่เท่านี้
35
 ๓๕ มาตราหนึ่ง ผู้ใดมีบันดาศักดิแลหาบันดาศักดิ
มิได้ก็ดี แลมีผู้ใดด่าลับหลัง มิได้ยินแก่โสตประสาทตน
แลมีผู้มาบอกเล่าไซ้ ท่านว่ามิควรให้ฟังถ้อยคำผู้บอกนั้น
เอาเปนถ้อยเปนความเลย ถ้าเมื่อเฃาด่านั้นตนได้ยินไซ้
จึ่งควรให้เอาเปนถ้อยเปนความ ให้ร้องฟ้องกันได้ตาม
กฎหมาย
36
 ๓๖ มาตราหนึ่ง ด่าท่านว่าไอ้อี่ขี้  ตรุ
เมา
ขี้  โขมย
ช่อ
ขี้  ฉกลัก
ลวงคนฃาย
ขี้  โซ่ขี้ตรวน
ขื่อขี้[บก 4] คา
ขี้  ถอง
ทุบ
ขี้  ตบ
คุก
เค้า
ขี้  ประจานคนเสีย
ฃายคนกินทังโคด
ขี้  ครอก
ข้า
ถ้อย
แลด่าว่าไอ้อี่คน  เสีย
กระยาจก
อัประหลัก
คน  บ้า
ใบ้
ก็ดี แล
ด่าว่า  ไอ้
อี่
สับปลับอี่มัก  ชู้
ผัว
มึงทำชู้เหนือผัวกูก็ดี แลด่า
ท่านว่าอี่แสนหกแสนขี้จาบอี่  ดอกทอง
เยดซ้อน
ก็ดี สรรพด่ากันแต่ตัว
ประการใด ๆ ท่านให้ปรับไหมโดยยศถาศักดิลาหนึ่ง ถ้าด่า
ถึงโคตเค้าเถ้าแก่ ให้ไหมทวีคูน
37
d
 ๓๗ มาตราหนึ่ง ด่าสบประมาทท่านให้ได้ความอาย
ว่ามึงทำชู้ด้วยแม่มึง ๆ ทำชู้ด้วยพ่อมึง ๆ ทำชู้ด้วยลูกมึง ๆ ทำ
ชู้ด้วยหลานมึง ถ้าเปนสัจดั่งมันด่า อย่าให้มีโทษแก่ผู้ด่านั้น
เลย ให้ลงโทษแก่มันผู้ทำกระลีลามกนั้นโดยบทพระอายการ
ถ้าพิจารณาเปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้อาย ให้ไหมกึ่ง
ค่าตัวตามกระเศียรอายุศม์ผู้ต้องด่า
d
 อนึ่งด่าท่านว่ามึงเปนชู้กูก่อนมึงเปนข้ากูก่อนก็ดี พิจารณา
เปนสัจว่ามันแกล้งด่าท่านให้ได้ความอายอดสูดั่งนั้น เปน
สบประมาทให้ไหมกึ่งค่า ถ้าจริ่งดุจมันด่าไซ้ก็ให้ไหมกึ่งนั้น
ลงมาเล่า ถ้าด่าสิ่งอื่นเปรียบเทียบท่าน พิจารณาเปนสัจ
ท่านว่ามันด่าหมูประทามันด่าหมาประเทียบ ให้ไหมโดยเบี้ย
ค่าตัวเอาแต่กึ่งหนึ่ง
 กล่าวลักษณวิวาทด่ากันให้ปรับไหมโดยสังเขปแต่เท่านี้
38
 ๓๘ มาตราหนึ่ง รุกไปด่าตีท่านก็ดี สองรุก  ด่า
ตี
กันก็ดี
ให้พิจารณาจงรู้ทางบกทางน้ำห้วยบาง ทางลุ่มดอนขี่ขอนไม้
ขี่เรือขี่แพขี่ช้าง ผู้อยู่หัวมาท้าย ๆ มาหัว อยู่เรือขึ้นบก
อยู่บกลงมาเรือ อยู่เรือลำหนึ่งค่ามไปเรือลำหนึ่งก็ดี ค่าม
ฟากคลองที่แดนตนไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่านก็ดี แลอยู่
เรือนทัพทึมแลบนต้นไม้ก็ดี ผู้อยู่ไต้ต้นไม้ขึ้นไปถึงบน ผู้อยู่
บนลงมาถึงล่างก็ดี ปักกันปันแดนไว้ล่วงเข้าไปก็ดี อยู่เหนือ
น้ำลงมาไต้น้ำ อยู่ไต้น้ำขึ้นไปเหนือน้ำก็ดี ท่านว่าให้เอา
เปนรุก
39
 ๓๙ มาตราหนึ่ง วิวาทร้องด่าเถียงกัน ผู้ใดออกไป
จากที่แดนตน รุกเข้าไปถึงที่แดนท่านด่าตีกันไซ้ ท่านว่า
ผู้นั้นรุก ให้ไหมโดยพระราชกฤษฎีกา
40
 ๔๐ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลบันดานโกรธภา
พวกผู้คนข้าไทพี่น้องพ้องพันธุญาติลูกหลาน ถือไม้ค้อน
ก้อนอิดดิน แลเครื่องสรรพสาตราวุธรุกไป  ตีด่า
ฟันแทง
ท่านถึง
ที่แดนที่บ้านที่เรือนท่าน เจ้าบ้านบาทเจบ ให้ไหมทวีคูน
พวกไปด้วยมิได้ลงมือ ให้ไหมกึ่งต้นเหดุจงทุกคน ถ้า
เจ้าบ้านตีผู้รุกนั้นบาทเจบไซ้ ให้ยกบาทเจบผู้รุกนั้นเสีย ถ้า
เจ้าบ้านตีฟันแทงผู้รุกถึงตาย จเอาโทษเจ้าบ้านเจ้าเรือนนั้น
มิได้ เพราะมันสำหาวธรนงศักดิรุกที่รุกแดนท่าน ๆ ว่าตาย
เสียอย่าให้คนทังปวงดูเยี่ยงหย่างกัน
41
d
 ๔๑ มาตราหนึ่ง วิวาทด่าตีกันแลมันคุมพักพวกก็ดี
ผู้เดียวก็ดี รุกไปถึงที่แดนบ้านเรือนท่าน จด่าจตีฟันแทงท่าน
แลไปยังมิได้ด่าตีฟันแทงท่าน ๆ ว่าให้ไหมมันลาหนึ่งเปนพิไนย
หลวง
d
 อนึ่งวิวาทด่าตีกันแล้วต่างคนต่างมาเรือน ยังผูกใจ
โกรธคุมนุมโทษไว้วัน 

วันเดือนหนึ่ง จึ่งคุมพักพวกพี่น้อง
ไป  ตี
ด่า
ท่านเล่า ให้พิเคราะดูโทษ ให้ไหมทวีคูนตรีคูน
42
 ๔๒ มาตราหนึ่ง ญาติพี่น้องลูกหลานเผ่าพันธุ อัน
เขาเปนงานเดียวกัน แลต่างคนต่างไปอยู่ต่าง  ที่
แดน
ต่าง
บ้าน
เรือน
รั้วคั่นกัน แลมีผู้ใดตีด่าฟันแทงมัน ๆ แล่นหนีเข้าไป
ผึ้งบ้านอื่นนั้น แลมันด่าผู้ตีนั้นตามเข้าไปด่าตีฟันแทงถึง
ในที่แดนที่บ้านนั้น ท่านว่าใช่บ้านใช่เรือนมันอยู่เอง จเอา
เปนรุกมิได้ ถ้ามันหนีขึ้นไปถึงบนเรือนแล้ว ผู้ตีตามขึ้นไป
ตีฆ่าฟันแทงถึงบนเรือนดั่งนั้น ท่านว่ามันบังอาจ์ให้เอาเปนรุก
43
 ๔๓ มาตราหนึ่ง ลักษณจลงโทษด้วยลวดหนังนั้น
ถ้ามันลัก  ฟันแทง
ทรัพย
แลรุกที่รุกแดนบ้านเรือนท่าน ว่าจะฟันจะ
แทงท่านก็ดี จึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง ถ้าวิวาทชะเลาะทุ่มเถียง
ตีด่าฟันแทงกันบาดเจบก็ดี อย่าให้ลงโทษทวนแก่มันเลย
เหตุว่าวิวาทกันเหมือนช้างต่องาควายต่อเขา ต่างคนต่างด่า
ตีฟันแทงต่อกัน จลงโทษทวนด้วยนั้นมิชอบ ท่านให้ไหมให้
แก่กันแต่โดยบาดเจบโดยขนาด
44
 ๔๔ มาตราหนึ่ง ราษฎรทังหลายวิวาทตีด่าฟันแทงกัน
ในรัถยาตรอกถนนมรคาตลาดพิสาน ในสระท่าน้ำศาลากลาง
ไร่นาป่าสถานไพรแห่งใด ๆ ก็ดี ท่านมิให้ว่ารุกสักอันเลย
เพราะแห่งนั้นใช่ที่บ้านเรือนตน ให้พระสุภาวดีพิภากษาคดี
นั้นดู ถ้าแลจควรเอาเปนโทษ ให้เอาเปนสองด่าตีฟันแทงกัน
45
 ๔๕ มาตราหนึ่ง ทังสองวิวาทด่าตีฟันแทงกันในสถานที่
ใด ๆ แล้วต่างคนต่างย่างตีนเดิรไปจากที่วิวาทจมาเรือน แล
ขีดหนทางเปนรูปงูเลื้อยปันเปนแดนไว้มิให้ล่วงแดนเข้ามา ถ้า
ผู้หนึ่งกลับล่วงค่ามรอยขีดตาม[วซ 5] ไปตีด่าฟันแทงกันก็ดี จเอาเปน
รุกนั้นมิได้ เหตุใช่ที่  บ้าน
แดน
เรือน
ตน ขีดรอยปันแดนเอาโดยใจนั้น
ไม่ชอบ
46
 ๔๖ มาตราหนึ่ง ผู้ใดอยู่บ้านอยู่เรือนในที่ทำเนเปล่า
หารั้วกั้นเปนสำคัญมิได้ กำหนดเขดบ้านเขดเรือนไว้ให้รู้
ดั่งนี้ คือให้หญิงสกันยืนตรงชายคาเรือนเอาน้ำสาดออกไป
น้ำตกถึงไหนชื่อว่าเขดเรือนถึงนั่น ถ้านอกจากเขดเรือนนั้น
มีรั้ววงกั้น เพื่อจะป้องกันโคกระบือเข้าออกเพียงใด ๆ ชื่อ
ว่าเขดบ้านผู้นั้นเพียงนั้น อนึ่งให้ชายสกันยืนขอกรั้วแลประตู
รั้วทัง ๔ ทิศ ทิ้งดินไปตกถึงไหน ได้ชื่อว่าแดนบ้านถึงนั่น ถ้า
ราษฎรอยู่เรือนใกล้กันหารั้วกั้นมิได้ ก็ให้กระลาการพิจารณา
กำหนดเอาแต่ที่พ้นจากเรือนออกไป เปนของเจ้าเรือน
เท่าใด ก็ให้เอาแต่เท่านั้นเปนแดน ถ้าผู้มีชื่อวิวาทกัน
มิได้รุกเข้าไปถึงในที่อันท่านกล่าวไว้นี้ จะเอาเปนรุกนั้น
มิได้สักอันเลย
 กล่าวลักษณมูลวิวาทกันจเอาเปนรุกได้มี[วซ 6] ได้โดยสังเขปแต่
เท่านี้



เชิงอรรถ[แก้ไข]

เชิงอรรถของบรรณาธิการ[แก้ไข]

  1. พิมพ์ตามฉะบับหลวง L4 ยังเหลืออีกฉะบับหนึ่ง (ก) ซึ่งหอสมุดแห่งชาติพึ่งหาซื้อได้ในปี ๒๔๗๗ จึงไม่มีระบุในบัญชีของนายบูรเนย์
  2. ในต้นฉะบับ เลข ๓ ตอนหน้าลบเสีย เหลือแต่ตอนหลัง
  3. ต้นฉะบับ: จุกะเทียม แก้ตาม
  4. ต้นฉะบับ: ขื้อ แก้ตาม

เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ[แก้ไข]

  1. บัญชีท้ายกฎหมายลักษณอาญา (2451, น. 287) ว่า "๑๒๖๙"
  2. กำธร เลี้ยงสัจธรรม (2548, น. 258) แก้เป็น "มิ" และลงหมายเหตุว่า "ทั้งสองฉะบับเขียน มี"