รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540/หมวด 10
หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/76หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/77หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/78หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/79หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/80หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/81หน้า:รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐.pdf/82มาตรา๓๐๙ผู้เสียหายจากการกระทำตามมาตรา ๓๐๘ มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรา ๓๐๑ (๒) ได้ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องและปราบปรามการทุจริต
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๓๐๕ วรรคหนึ่ง วรรคสี่ และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา๓๑๐ในการพิจารณาคดี ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นหลักในการพิจารณา และอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๖๕ มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยโดยอนุโลม
บทบัญญัติว่าด้วยการคุ้มกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา ๑๖๖ และมาตรา ๑๖๗ มิให้นำมาใช้บังคับกับการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มาตรา๓๑๑การพิจารณาคดีให้ถือเสียงข้างมาก โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องทำความเห็นในการพิจารณาคดีเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมการลงมติ
ความเห็นในการวินิจฉัยคดีอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
(๑)ชื่อผู้ถูกกล่าวหา
(๒)เรื่องที่ถูกกล่าวหา
(๓)ข้อกล่าวหาและสรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา
(๔)เหตุผลในการวิจัยทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
(๕)บทบัญญัติของกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง
(๖)คำวินิจฉัยคดี รวมทั้งการดำเนินเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีคำสั่งและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เปิดเผยและเป็นที่สุด