วิบุลราชชาดก

จาก วิกิซอร์ซ

พระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภทานบารมีของพระองค์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ได้ยินว่า ในวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายประชุมกันในโรงธรรมว่า พระตถาคตมีบุญญาธิการมาก มีปัญญามาก บำเพ็ญบารมีครบแล้ว ครานั้นพระศาสดาสดับเรื่องนั้นด้วยพระโสตธาตุอันเป็นทิพย์เสด็จมาประทับนั่งแล้ว ตรัสถามได้ความว่าตรัสว่า ไม่น่าอัศจรรย์เลย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่ตถาคตบำเพ็ญทานบารมี ไม่คำนึงถึงบุตรภรรยาสละให้เป็นทาสของผู้อื่น แม้ครั้งก่อนก็เหมือนกัน ดังนี้แล้ว จึงทรงนำพระอดีตนิทานมาตรัสเล่าว่า อดีตกาลในเมืองสุจิรวดี ยังมีพระราชาพระนามว่าวิบุลราชครองราชย์อยู่ พระองค์มีพระเทวีพระนามว่าสุนทรี มีพระราชบุตรีพระนามว่าสุจี พระองค์ให้สร้างศาลาโรงทาน ๕ แห่ง ทุกวันจะพระราชทานทรัพย์ ๕๐๐,๐๐๐ ถวายทาน พวกมนุษย์ในชมพูทวีปทั้งสิ้นจึงไม่ต้องทำวาณิชกรรมกสิกรรมเลย เสวยโภคสมบัติ รื่นเริงบันเทิงทั่วไป พระมหาสัตว์มีพระสุจริตธรรม ทั้งที่ถวายทานแล้วยังมิได้พอพระทัยเพียงแค่นั้น วันหนึ่งดำริว่าได้บำเพ็ญทานภายนอกแล้ว ควรจะบำเพ็ญทานภายใน หากใครมาขอศีรษะก็จะตัดให้ ขอดวงตาก็จะควักให้ ขอหัวใจก็จะควักให้ทั้งหยดเลือก ขอเนื้อก็จะตัดให้ หากใคร่จะฆ่า หรือขอให้เป็นทาส ก็จะยอมตัวเป็นทาส เมื่อดำริอย่างนี้ ด้วยอานุภาพ มหาปฐพีก็กระหึ่งดุจพระยาช้างสาร เขาสิเนรุโอนเอน มหาสมุทรกระฉอกกระฉ่อน มหาเมฆตั้งเค้า ให้ฝนลูกเห็บตก สายฟ้ามิใช่ฤดูกาลก็ฟาดฟัน เทวดาให้สาธุการจนถึงพรหมโลก เกิดโกลาหลเป็นอันเดียว ภพของท้าวสักกะก็ร้อนระอุ พระองค์ทรงตรวจสอบดูทราบเหตุ ดำริว่าพระราชาเป็นหน่อพุทธางกูรอยากจะถวายทานภายใน เราจักทำให้สมพระทัย จึงนิรมิตเป็นเพศพราหมณ์หนุ่มมายังโรงทาน พระราชาเสด็จมาแต่เช้าถวายทาน ท้าวสักกะจึงประคองอัญชลีทูลขอพระเทวี พระราชาได้สดับทรงปีติโสมนัสจึงเต็มพระทัยให้แก่พราหมณ์ ตรัสเรียกพระเทวีมาแจ้งเรื่องราวให้ทราบว่าพราหมณ์ขอพระเทวี และพระองค์ก็ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณจะสะสมบารมี พระเทวีฟังดำรัสแล้วก็พอพระทัยมิได้ขัดข้อง มีแต่จะส่งเสริมให้ได้บำเพ็ญบารมี พระราชาจับพระเต้าทองจับพระหัตถ์พระเทวี หลั่งน้ำทักษิโณทกให้ปฐพีเป็นพยาน ประทานพระชายาให้แม้จะเป็นที่รักมากเพียงใด แต่มิเท่าพระสัพพัญญุตญาณร้อยพันแสนเท่า และมิได้หวัมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ อินทสมบัติ พรหมสมบัติ สาวกสมบัติ ปัจเจกพุทธสมบัติ แต่หวังพระสัพพัญญุตญาณเท่านั้น จากนั้มหาปฐพีได้สะเทือนเลื่อนสั่น ท้าวสักกะนำพระเทวีมาซ่อนด้วยอานุภาพ ขณะนั้นจึงเปลี่ยนเพศเป็นพราหมณ์ไปถวายพระพร ทูลขอราชบุตรี พระเจ้าวิบุลราชก็มิได้คัดค้าน เรียกพระธิดามาแจ้งให้ทราบแล้วได้ประทนให้ไป ด้วยประการฉะนี้ ด้ยยเดชแห่งทานจึงมีอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น พระมหาสัตว์ครั้งประทานแล้วก็เกิดปีติปรามทย์ คราวนั้นท้าวสักกะได้นำพระธิดาไปซ่อนไว้ด้วยอานุภาพ และได้เนรมิตรตนเป็นพราหมณ์อีกคน ถือไม้เท้า ผมหงอก หนวดเครายาวรุงรัง ไปประตูพระราชวัง พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นได้ทรงไต่ถาม จึงทูลว่ามาทูลขอพระนคร พระมหาสัตว์ทรงปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงประทานให้ไป ขณะนั้นได้จับพระเต้าทอง หลั่งน้ำทักษิโณทกถวายทานด้วยความเต็มพระทัย ท้าวสักกะเห็นอัศจรรย์นั้น จึงดำริว่าจักเป็นหน่อพุทธางกูร จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน จึงทูลว่ามิใช่พราหมณ์ เป็นท้าวสักกะ มาทดลองดูสุจริตกรรมของท่าน ดังนี้แล้วได้ประทานพระชายาพระธิดาคืน แล้วประกาศคุณความดีของพระราชาในท่ามกลางอากาศแล้วหายไป คราวนั้นพระราชาทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม บำเพ็ญทานเป็นต้น ในคราวสิ้นพระชนมายุ ได้เกิดในโลกสวรรค์ พระศาสดาครั้นทรงนำอดีตนิทานมาตรัสแล้ว ตรัสว่า มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน ตถาคตก็ได้ถวานทานแล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้วได้ทรงประกาศสัจจะ ๔ ในคราวจบสัจจะ ทรงประชุมชาดกว่า ท้าวสักกะในคราวนั้นได้เป็นพระอนุรุธ พระเทวีสุนทรีเป็นพระนางยโสธรา พระธิดาสุจีเป็นกุณฑกเถรี บริษัทครั้งนั้นเป็นพุทธบริษัทครั้งนี้ พระเจ้าวิบุลเป็นพระโลกนาถเจ้า ท่านทั้งหลายจงจำชาดกอย่างนี้