สิทธิสารชาดก

จาก วิกิซอร์ซ

พระศาสดาเมื่อทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ทรงพระปรารถพระธรรมจักร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ตโต โส สิทฺธิสาโร จ ดังนี้ ความมีอยู่ว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย นั่งประชุมพรรณนาโพธิสมภารของพระผู้มีพระภาคอยู่ในโรงธรรมว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่า พระศาสดา มีพุทธสมภารอันสำเร็จด้วยผลแห่งพระกุศลพระศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฎี มายังโรงธรรม ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลว่ ด้วยเรื่องชื่อนี้ จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ในกาลที่ตถาคตยังเป็นโพธิสัตว์เคยมีสมบัติบริบูรณ์ด้วยกุศลวิบากมาแล้ว ดังนี้แล้ว ก็ทรงนิ่งอยู่ อันภิกษุทั้งหลายกราบทูลวิงวอน จึงทรงนำอดีตนิทานมาแสดงว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล พระราชาพระนามว่าพรหมทัต ครองราชสมบัติสนเมืองพาราณสี พระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้นพระนามว่าวิมาลาราชเทวี พระโพธิสัตว์จุติจากดุสิตพิภพมาปฏิสนธิในพระครรภ์ของวิมาลาเทวี เมื่อครบกำหนดทศมาสแล้ว พระนางวิมาลาก็ประสูตรพระโอรสผู้มีผิวพรรณวรรณะเป็นสิริ พระราชบิดามารดาทรงประทานนามว่า สิทธิสาร พระโพธิสัตว์มีบริวารพันหนึ่ง มีปัญญามาก กล้าหาญ หากลัวผู้อื่นไม่ เล่นอยู่กับหมู่กุมารื้งหลาย ด่าว่าทุบตีเขาเหล่านั้น พวกกุมารเหล่านั้นร้องไห้ไปบอกแก่มารดาบิดา มารดาบิดาแห่งกุมารเหล่านั้น พากันไปเฝ้าพระราชากราบทูลให้ทรงทราบ พระราชาทรงทราบเรื่องนั้นแล้ว ทรงกริ้วมากต่อสองกุมารนั้น รับสั่งให้ขับไล่เสีย พระนางวิมาลาเทวีทรงสดับเรื่องนั้น ทรงกรรแสงไปเฝ้าพระราชา ถวายบังคมทูลวิงวอนว่า ข้าแต่สมมติเทพ ราชสมบัติของพระองค์จักพินาศ พระราชาทรงสดับคำนั้นแล้ว มิได้โปรดประภาษประการใดกับพระเทวี พระสิทธิสารกุมารอภิวันทนาบิดามารดาแล้ว จึงออกจากพระนคร พวกบริวารของพระมหาโพธิสัตว์ก็ตามออกไปส่งสองกุมารนั้น พระสิทธิสารมหาโพธิสัตว์ ทรงประทานโอวาทแก้บริวารของพระองค์ แล้วตรัสว่า ตั้งแต่นี้ ขอท่านทั้งหลายจงกลับเถิด ชนเหล่านั้น ไหว้พระมหาโพธิสัตว์ กลับยังพระนคร มีใจโทมนัส จำเดิมแต่นั้น พระสิทธิสารก็คมนาการไปตามลำดับ สิ้นทางได้โยชน์หนึ่ง ก็ถึงเมืองมิถิลา ในวันนั้น พระราชาประชวรพระโรค เสด็จทิวงคตไปได้เจ็ดวัน มหาชนมีอำมาตย์เป็นต้น ได้ทำการปลงพระศพแล้ว ในวันนั้น พระสิทธิสาร ไปยังพระราชอุทยาน นอนเอาผ้าคลุมศีรษะจนถึงเท้าบนหินดาด ลำดับนั้น ชนทั้งปวง ประชุมกัน ถามปุโรหิตว่า ท่านอาจารย์ผู้เจริญ พระราชโอรสและราชธิดาของพระราชาพวกเราหามีไม่ ก็ใครจักเป็นพระราชาของพวกเรา ปุโรหิตจึงพูดขึ้นว่า เราทั้งหลายจักแต่งปุสสรถให้งามวิจิตร ยกเอาปัญจราชกกุธภัณฑ์ใส่ไว้แล้วปล่อยไป อำมาตย์ทั้วปวงฟังคำนั้นแล้ว จึงประดับปุสสรถด้วยสรพาภรณ์วิภูสิต เมื่อไหว้อยู่ กล่าวอธิษฐานว่า แน่ะปุสสรถผู้เจริญ ใครเป็นเจ้านายของพวกเรา มีอยู่ในสกลนคร ปุสสรถ จงไป อำมาตย์ทั้งปวงปล่อยปุสสรถไป พวกพนักงานก็ประโคมดนตรีตามไปเบื้องหลัง ปุสสรถนั้น ทำปทักษิณนครแล้ว ออกจากนครตรงไปสู่ราชอุทยาน ทำปทักษิณมงคลศิลาบัฏแล้ว ทำอาการเหมือนจะเกยทับพระมหาโพธิสัตว์ ปุโรหิต เห็นปุสสรถหยุดอยู่ จึงดำริว่า บุรุษผู้นี้ ไม่มีบุญ จักหนีไป ถ้าว่า มีบุญ จักไม่หนีไป เราจักทดลองดู พนักงานประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน พระมหาโพธิสัตว์สดับเสียงดนตรี แล้วเลิกผ้าคลุมศีรษะออกแลดูแล้วก็นอนทางเบื้องซ้ายอีกต่อไป ปุโรหิตเดินเข้าไปใกล้พระมหาโพธิสัตว์ เลิกผ้าคลุมเท้าออก ตรวจดูปาทลักษณะ เห็นปาทลักษณะแล้ว จึงพูดว่า ทวีปหนึ่งจงยกไว้ บุรุษผู้นี้ มีบุญอาจจะครองราชสมบัติในทวีปทั้งสี่ได้ แล้วจึงปลุกให้พระโพธิสัตว์ตื่นขึ้นแจ้งว่า ข้าแต่นาย ราชสมบัติมาถึงแก่ท่าน ท่านจงเป็นอิสระของพวกเราเถิด พระมหาโพธิสัตว์ ถามว่า พระราชโอรสและราชธิดาของพระราชาไม่มีหรือ ปุโรหิตตอบว่า สมมุติเทพ พระราชโอรสและราชธิดาของพระราชาหามีไม่ พระมหาโพธิสัตว์ประสงค์จะครองราช์จึงรับว่า ดีละ ดังนี้ อำมาตย์ทั้งปวงกับพลนิกายทั้งหลาย พากันอุ้มพระโพธิสัตว์นั้นขึ้นรถนำไปถึงพระนคร ให้นั่งบนบรรลังก์ พร้อมกับอภิเษกพระมหาโพธิสัตว์ถวายพระนามว่า พระเจ้าจักรพรรดิราช ลำดับนั้น ยศใหญ่ได้มีแก่พระโพธิสัตว์แล้ว สถานที่ที่พระโพธิสัตว์นั้นแลดูหวั่นไหวแล้ว พระโพธิสัตว์ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชแล้วทรงครองราชสมบัติโดยยุติธรรม พระศาสดา เมื่อจะประกาศความนั้น จึงตรัสว่า ตั้งแต่พระสิทธิสารได้เป็นพระราชาจักรพรรดิแล้ว บริบูรณ์ด้วยแก้วเจ็ดประการ ทรงอิทธิใหญ่ มีบุญมาก มีปัญญามาก มีลาภและยศมาก มีกำลังและเดชมาก ย่อมได้สำเร็จผลด้วยบุญกรรมที่ทรงทำไว้ บุคคลใด ทรงบุยไว้ประเสริฐกว่านรชน บุคคลนั้น ครองราชย์อันไพบูลย์โดยธรรม ยินดีสุขที่ยิ่งกว่าสุขทั้งปวง ด้วยวิบากสมภารที่มีผลไพบูลย์ ลำดับนั้น สิทธิสารประเสริฐยิ่งกว่าราชาทั้งหลาย เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ที่เป็นภุมมเทวดา มีสารถ วรรณะดังทอง มีสุขะ มีพละ มีอายุยืนแสนปี ต่อกาลนานมา พระเจ้าจักรพรรดิ สิ้นพระชนมายุแล้ว ก็เสด็จไปอุบัติในดุสิตสวรรค์