ราชการอย่างใดก็ดี หรือจะออกคำสั่งหรือจะมีหนังสือไปแห่งใดในราชการก็ดี ต้องเปนคำสั่งโดยอนุมัติของกองบัญชาการเมือง แลการที่จะมีคำสั่งในราชการไปในเฃตร์แขวงบ้านเมืองนั้น ต้องให้สั่งทางกรมการอำเภอตามระเบียบของการปกครองท้องที่
ข้อ๑๑ให้กองบัญชาการเมืองมีใบบอกแลรายงานข้อราชการในบ้านเมืองไปยังข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณตามปรกติ เว้นแต่การต่าง ๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้ กองบัญชาการเมืองจะมีใบบอกตรงไปยังที่ว่าการมณฑลก็ได้ แต่ต้องส่งสำเนาให้ที่ว่าการบริเวณทราบในคราวเดียวกัน คือ
(๑)รายงานข้อราชการอย่างใดที่ไม่ต้องขอคำสั่ง
(๒)การด่วนที่จะต้องทำ แต่เหนืออำนาจข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณ
(๓)การที่ได้มีหนังสือมณฑลหรือท้องตราถึงฉเพาะเมืองนั้น
(๔)การปัจจุบันทันด่วน คือ
รายงานเหตุการแปลกประหลาดเกิดขึ้น เช่น เหตุโจรผู้ร้าย เปนต้น
(๕)ในการอย่างใด ๆ ซึ่งกองบัญชาการเมืองเห็นว่า จะมีใบบอกไปยังข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณไม่ทันท่วงทีราชการ หรือจะเสื่อมเสียประโยชน์ของราชการ จะมีใบบอกตรงไปยังมณฑลก็ได้ แต่ต้องส่งสำเนาแจ้งไปให้ข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณทราบด้วยโดยเร็ว
(๖)บรรดาการที่เกี่ยวข้องกับหัวเมืองในบริเวณเดียวกัน กองบัญชาการเมืองจะมีหนังสือไปมาตรงถึงกันก็ได้ แต่ต้องส่งสำเนาไปให้ข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณทราบโดยเร็วทุกฉบับเหมือนกัน
ข้อ๑๒ถ้ากองบัญชาการเมืองเห็นเปนการจำเปนแล้ว จะมีใบบอกตรงมายังกรุงเทพฯ ก็ได้ ไม่ห้ามปราม
ข้อ๑๓การที่ห้ามต่อไปในข้อนี้ ตามพระราชกำหนดกฎหมายแลตามประเพณีแต่เดิมมา เปนการที่ข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณ พระยาเมือง แลข้าราชการทำไม่ได้มาแต่ก่อนแล้ว แต่เห็นว่า ควรจะกล่าวไว้ในที่นี้เพื่อให้ทราบชัดเจน คือ ห้ามไม่ให้ข้าหลวงใหญ่ประจำบริเวณ พระยาเมือง หรือปลัดเมือง หรือข้าราชการที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร์ แลศรีตวันกรมการ ทำการต่อไปนี้ นอกจากได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ห้าม
(๑)ตั้งกฎหมายอย่างใดโดยพลการ
(๒)ตั้งภาษีอากรหรือเก็บเงินจากราษฎรโดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง
(๓)อนุญาตภาษีผูกขาด ทำสัญญาบ่อแร่ แลสัญญาป่าไม้
(๔)ห้ามไม่ให้ทำสัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเกี่ยวในราชการหรือในพื้นบ้านเมืองกับคนในบังคับต่างประเทศ