กันว่า ปืนที่เรียกว่าแคตริงกันอย่างที่ว่ามาแล้วนั้น ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดซื้อหาแลกเปลี่ยนไว้ใช้สอยสำหรับวัง สำหรับห้าง แลบ้านเรือนโรงเรือแพ เปนอันขาดทีเดียว ฉเภาะมีได้แต่เปนของหลวงสำหรับที่จะรักษาแผ่นดินแห่งเดียว ถ้าหัวเมืองที่เปนอาณาเขตรแลประเทศราชซึ่งขึ้นกับกรุงเทพฯ นั้น ถ้าผู้รักษาเมืองอยากจะมีไว้สำหรับรักษาบ้านเมือง ก็ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบไต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทก่อน เมื่อทรงพระบรมราชานุญาตให้ซื้อให้สั่งมาไว้สำหรับที่จะรักษาบ้านเมือง จึงมีได้ ถ้าไม่ทรงพระบรมราชานุญาตให้ผู้ใดมีแล้ว ที่จะซื้อหาไว้ใช้สอยนั้นไม่ได้เปนอันขาต คนที่เปนสัปเยกสยาม ถ้าผู้ใดไม่ฟัง ลักลอบซื้อหาปืนแคตริงกันไว้ใช้สอยแล้ว จะปรับไหมทำโทษตามบทพระอัยการ ถ้านายห้างพ่อค้าชาวต่างประเทศจะบันทุกปืนแคตริงกันนี้เข้ามาขายที่ในกรุงเทพฯ ก็ขายได้แต่เปนของหลวงสำหรับรักษาแผ่นดินแห่งเดียว ถ้าในหลวงไม่ต้องการแล้ว เจ้าของปืนที่บันทุกปืนแคตริงกันเข้ามาขายนั้นก็ต้องบันทุกปืนกลับไปตามข้อหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีทุกฉบับซึ่งฅอเวอนแมนต์ต่างประเทศได้ทำไว้ต่อกรุงเทพฯ ทั้งสองฝ่าย แลนายห้างพ่อค้าที่เปนชาวต่างประเทศนั้นก็ได้มีหนังสือแจ้งความไปถึงกงสุลซึ่งเปนผู้แทนฅอเวอน
หน้า:กม ร ๕ (๑) - ๒๔๓๖.pdf/193
หน้าตา