ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:กม ร ๕ (๑) - ๒๔๓๖.pdf/51

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
เล่ม ๑
39
ลักษณพยาน

ไม่มีพยานนอกวังนอกบ้านรู้เหน เจ้าของวังเจ้าของบ้านจะอ้างเอาทาษลูกหนี้บ่าวไพร่เจ้าของวังเจ้าของบ้านเรือนในถานที่วิวาทรู้เหนเปนพยานสมกับข้อความ ก็ควรฟังเปนพยานได้ เพราะว่าพยานอยู่ในถานที่มูลวิวาท

มาตรามีกฎหมายลักษณพยานข้อหนึ่งว่า คู่ความอ้างพยานนำตระลาการไปเผชิญโดยอ้าง ครั้นภบพยานแล้ว เชิญไปสถานที่ควร ตระลาการถามพยานโดยอ้าง พยานนิ่งอยู่ มิได้ว่าถ้อยคำสิ่งใดก็ดี อนึ่ง พยานสาบาลตัวแล้วนิ่งเสียมิได้ให้การ มิได้แก้คำค้าน มิได้กล่าวคำสิ่งใดไซร้ ชื่อว่าโมฆพยาน บมิควรเอาผู้นั้นเปนพยาน กฎหมายบทนี้เหนว่า โจทย์จำเลยอ้างพยาน ก็ต้องสาบาลให้การตามรู้ตามเหนตามได้ยินตามสัตย์ตามจริง จะอั้นความไว้ไม่ให้การ จะให้ยกพยานเสียไม่ให้สืบนั้น ไม่ควร ให้ยกกฎหมายบทนี้เสีย แต่นี้สืบไป ถ้าโจทย์จำเลยอ้างพยาน ก็ให้ตระลาการเสมียนผู้คุมเชิญพยานมาสาบาลในถานที่ควร แล้วสืบตามประเด็นข้ออ้างของโจทย์จำเลย ถ้าพยานอั้นความไว้ไม่ให้การตามประเด็นข้ออ้าง แลไม่แก้ค้านแก้ติงตามข้อค้านข้อติง ก็ให้ตระลาการเสมียนผู้คุมเกาะพยานไว้ ให้โจทย์จำเลยเฝ้าพยานอยู่ อย่าให้มีเหตุที่จะแนะนำซักซ้อมจ้างบนพยานประกระการใด ๆ แล้วให้ตระลาการสืบตามประเด็นข้ออ้างของโจทย์จำเลยให้จงได้ เสร็จแล้วจึ่งให้ปล่อยพยานไป