มาตรา๖ในเขตร์ที่ใช้กฎอัยการศึกนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหมือนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในการระงับปราบปรามหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องช่วยราชการทหารตามความต้องการของฝ่ายทหาร
มาตรา๗อำนาจของศาลทหารในตำบลที่ใช้กฎอัยการศึกนั้น ต้องเปนไปตามพระราชกำหนดกฎหมายอาญาทหารทุกประการ
แต่ศาลพลเรือนคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาความอาญาที่ยังตกค้างอยู่ก่อนออกประกาศใช้กฎอัยการศึก และศาลทหารคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาความอาญาที่ยังตกค้างอยู่เมื่อยกเลิกกฎอัยการศึก
มาตรา๘เมื่อใช้กฎอัยการศึกในตำบลใด เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจที่จะทำดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็ได้
๑)มีอำนาจที่จะเข้าค้นที่หนึ่งที่ใดในเวลาใดได้
๒)มีอำนาจขับไล่ผู้ใดซึ่งไม่มีภูมิ์ลำเนาอาไศรยเปนหลักถานในตำบลนั้น
๓)มีอำนาจบังคับให้คนในตำบลนั้นส่งอาวุธและกระสุนดินปืนซึ่งมีอยู่ไปยังเจ้าพนักงานฝ่ายทหาร และมีอำนาจตรวจและจับกุมอาวุธ และกระสุนดินปืน และสิ่งของต้องห้ามในการสงคราม ๚
ประกาศมาณวันที่ ๑๐ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เปนวันที่ ๑๔๒๗๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้