พี่เองจักหักอุปราชา แต่น้องยาจงช่วยหนุนรองป้องกันเถิด พลขันธ์พี่นี้บอบมาหนักหนา ครั้นตรัสดังนั้นแล้วก็จัดแจงโยธาทัพให้เปนปีกซ้ายขวากัน ทั้งทัพหนุนทัพรองก็แน่นหนา ด้วยได้พลโยธามาใหม่ ครั้นเกณฑ์สำเร็จแล้ว ทั้งสองพระองค์ก็ทรงช้างพระที่นั่ง แล้วยืนอยู่กลางพล แล้วก็ยกพลทัพตีรุกเข้าไป เหล่าโยธาก็โห่ร้องเอาไชย ทั้งเสียงฆ้องไชยกลองไชยก็ดังครื้นเครงไปทั้งป่าใหญ่ ก็เข้ารบพุ่งประจันกันเปนหนักหนา จึ่งเหล่าทัพน่าเสนารามัญก็ประจันสู้ พระนเรศร์จึ่งเอาช้างเข้าไล่แทง ช้างข้างรามัญก็หนี พระองค์จึ่งตีด้วยพระแสงขอ ก็ถูกท้ายช้างมอญเข้า ก็ล้มตะแคงอยู่ทับที่ พระเอกาทศรถก็ไล่มาทันเสนามอญผู้หนึ่งเข้าไม่ถอยหนี ก็กลับหน้ามาสู้กันกับพระองค์ ก็หักโหมกระโจมสู้กันเปนหนักหนา พระเอกาทศรถจึ่งแทงด้วยทวน ก็ถูกกลางช้างข้างมอญนั้นก็ตายตกช้างลงมาอยู่กับที่ ฝ่ายช้างพระนเรศร์นันก็มาทันเข้า ทั้งสองพระองค์ก็ประจันกันเข้าเหยียบค่าย ฝ่ายทัพข้างมอญก็ล้มตายหน่ายหนีเปนหนักหนา จนถึงน่าช้างอุปราชา อุปราชาครั้นเห็นช้างพระนเรศร์ จึ่งจับเอาลูกคลีจักทิ้งเอาพระนเรศร์ พระนเรศร์จึ่งสรวลพลางแล้วก็ร้องว่ามา ว่าดูกรอุปราชา ท่านก็เปนเชื้อกษัตร ฝ่ายเราก็เปนเชื้อขัติยวงษา จักทิ้งกันด้วยลูกคลีนั้นดูเหมือนเด็กเล่น ควรที่ท่านกับเราจักชนช้างชิงไชยกัน ให้เสนาทั้งปวงดูเล่นเปนขวัญตาจึ่งจักสมควรกับเรา
หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/29
หน้าตา