หน้า:คำพิพากษาคดีกบฏ - กรมโฆษณาการ - ๒๔๘๒.pdf/12

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยจะอัญเชิญสมเด็จพระปกเกล้า ฯ หรือสมเด็จกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ให้เป็นพระมหากษัตริย์

๗. ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๐ ถึงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ เวลากลางวันและกลางคืน นายพนเอก หลวงมหิทธิโยธี นายพันตรี ขุนชิตปัจจนึก และนายร้อยเอก ขุนรณมัยพิสาล จำเลย ได้ชักชวนข้าราชการทหาร พลเรือนให้เป็นสมัครพรรคพวกและสะสมศาสตราวุธไว้เพื่อจับบุคคลสำคัญในคณะรัฐบาล หรือใช้กำลังทหาร ซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของหลวงมหิทธิโยธี บังคับรัฐบาลเพื่อยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เปลี่ยนแปลงราชประเพณี นอกจากนี้จำเลยยังช่วยเหลือปกปิดแผนการณ์กบฏซึ่งปรากฏแก่บุคคลบางคนอีกด้วย

๘. ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ตลอดจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร จำเลย มีหน้าที่เกลี้ยกล่อมหาพรรคพวกทางเจ้านาย ข้าราชการทหารและราษฎร มีพระปกเกล้า ฯ กระพระนครสวรรค์พินิต นายพันเอก พระยาทรงสุรเดชกับพรรคพวกไว้ และได้กระทำการติดต่อหาเงินจากพวกเจ้านายเพื่อกำลังทำลายล้างรัฐบาล นอกจากนี้ได้เป็นผู้คิดงางแผนการณ์ในการกระทำผิดครั้งนี้ ทั้งได้ใช้ให้ นายเพิ่ม เผื่อนพิภพ จำเลย เกลี้ยมกล่อมหาพรรคพวกอีกด้วย แล้วนายเพิ่มได้เกลี้ยกล่อมหาพรรคพวกตามคำสั่งของกรมขุนชัยนาทนเรนทร นอกจากนี้นายเพิ่มได้กล่าวต่อคนทั้งหลายว่า รัฐบาลถือเอาแต่พวกพ้องรับรองกับราษฎรว่าจะให้เสรีภาพกลายเป็นเสรีพวกไป และกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้ลัทธิเผด็จการ เป็นการกระทำให้คนทั้งหลายเกิดความดูหมิ่นต่อรัฐบาลในหมู่ประชาชน ทั้งนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลโดยใช้กำลังบังคับตามแผนการณ์ส่วนหนึ่ง ซึ่งวางไว้แล้วที่จะเชิญพระปกเกล้า ฯ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ และให้พระยาทรงสุรเดช เป็นนายกรัฐมนตรี