หน้า:คำพิพากษาคดีกบฏ - กรมโฆษณาการ - ๒๔๘๒.pdf/8

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

เรื่อง กบฏ

คณะกรรมการซึ่งมีนามข้างท้ายนี้ ได้พิจารณาคดีเสร็จแล้ว จึงประชุมกันพิพากษาดั่งต่อไปนี้

คดีทั้ง ๑๔ สำนวนนี้ ศาลได้พิจารณารวมกัน ๑๓ สำนวน แยกพิจารณา ๑ สำนวน แต่เป็นมูลกรณีเดียวกัน เพื่อสะดวก ศาลนี้จึงพิพากษารวมกันทั้ง ๑๔ สำนวน

คดีทั้ง ๑๔ สำนวนนี้ โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องมีใจความต้องกันว่า นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ซึ่งเป็นเวลาที่ประเทศไทยได้เปลี่ยนระบอบการปกครองจากราชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย เป็นประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญเป็นต้นมา ได้มีบุคคลคณะหนึ่งประกอบด้วยข้าราชการทหาร, พลเรือน, ตำรวจ, และราษฎรบางคน ได้สมคบกันเป็นกบฏส้องสุมผู้คนและศาสตราวุธโดยเจตนาล้มล้างรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยจากระบอบรัฐธรรมนูญให้เป็นอย่างอื่น ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ คณะบุคคลดั่งกล่าวแล้ว ได้บังอาจใช้กำลังยึดการปกครองจนถึงใช้อาวุธต่อสู้กับรัฐบาล ในที่สุดรัฐบาลได้ใช้กำลังปราบปรามพวกกบฏพ่ายแพ้ไป และได้ทำการจับกุมพวกกบฏฟ้องร้องลงโทษไปแล้วก็มี ที่หลบหนีไปอยู่นอกประเทศไทยก็มี ที่ปรากฏหลักฐานมีมูลแต่ยังไม่ได้ห้องร้องก็มี ที่มีแต่เพียงพฤตติการณ์แวดล้อมยังไม่ได้ทำการจับกุม โดยพนักงานเจ้าหน้าที่สืบสวนเพื่อการก้าวหน้าต่อไปก็มี ความทะนงองอาจของบุคคลคณะนั้นที่จะเปลี่ยนการปกครองดั่งกล่าวแล้วหาได้ยุตติลงไม่ ยังคงดำเนินการกบฏอยู่เสมอโดยมีแผนการณ์หลายอย่าง เช่นเกลี้ยกล่อมทหารและพลเรือนเพื่อใช้กำลังบังคับ, ลอบทำร้ายบุคคลสำคัญในคณะรัฐบาล, ส่อเสียดให้เกิดแตกร้าวขึ้น ในหมู่รัฐบาลด้วยกัน ยุยงส่งเสริมเกลี้ยกล่อมให้ข้าราชการทการ, พลเรือน และราษฎรให้เกลียดชีงเข้าใจผิดต่อคณะรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการที่จะยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยนั่นเอง เจ้าพนักงานตำรวจได้กระทำการจับกุมบุคคลคณะนี้ และได้จัดการฟ้องร้องต่อศาลหลาบครั้งแล้ว อาทิ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ นายพุ่ม ทับสายทอง กับพวก ได้