หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๔) - ๒๔๗๒ a.pdf/28

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘

อังวะ มองหม่องจึ่งว่า สมบัตินี้อาว์เอาเถิด ปะดุง ปะคาน แปงตะแล จึ่งว่า สมบัติทั้งนี้ได้ด้วยบุญของเจ้า ๆ จงเอาเถิด จึงตั้งอะแซหวุ่นกี้คงที่อะแซหวุ่นกี้ พรรคพวกมองหม่องซึ่งตั้งเป็นเสนาบดีขึ้นใหม่ข่มเหงเอาบุตรสาวเก็บริบเอาพัสดุทองเงินของอาณาประชาราษฎรซึ่งหาความผิดมิได้ และชาวบ้านไพร่พลเมืองได้ความเข็ญแค้นเคืองเดือดร้อนนัก ปะดุงจึงปฤกษาด้วยญาติวงศ์และเสนาอำมาตย์คนเก่าว่า มองหม่องได้เป็นเจ้า ๕–๖ วัน ข่มเหงอาณาประชาราษฎรร้อนเข็ญดังนี้ หาควรที่จะให้เสวยราชสมบัติไม่ เสนาบดีไพร่พลเมืองเป็นใจด้วยปะดุง เข้าล้อมเอาวัง รบกันกับมองหม่องแต่เช้าจนเที่ยง ผู้คนล้มตายเป็นอันมาก จับตัวมองหม่องได้แล้วฆ่าเสีย ปะดุงได้เสวยราชสมบัติ แล้วสั่งให้เอาเกวียนบรรทุกศพซึ่งรบกันตายนั้นไปทิ้งเสียนอกเมือง ๚

 ในปีนั้น ปะดุงใช้ให้มะหาสีละวะอำมาตย์ ๑ จอกตะลุงโบ ๑ กับเรือรบ ๕๐ ลำ คนประมาณพันหนึ่ง ให้ขึ้นไปจับตัวจิงกู ครั้นยกไปถึงบ้านสันโผ ไกลกันกับอังวะทางหกคืน จิงกูกับไพร่เหลือหนีอยู่สามสิบคน กับมเหษีนางห้าม จิงกูก็พาเข้ามาหามะหาสีละวะอำมาตย์ว่า ปะดุงผู้อาว์ได้ราชสมบัติแล้ว เห็นเราหาตายไม่ มะหาสีละวะอำมาตย์เอาตัวจิงกูกับบุตรภรรยาจำลงมาถวายแก่ปะดุง ๆ สั่งให้ฆ่าจิงกูทั้งบุตรภรรยาเสียให้สิ้น ๚

 ครั้นศักราชได้ ๑๑๔๔ ปี เดือนเจ็ด เพลาสองยามเศษ งะพุงพะม่าเป็นคนท่องเที่ยวอยู่ในเมืองอังวะ กับพวกเพื่อนประมาณสามร้อย