หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/17

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

แต่ในเวลานั้นกำลังของไทยยังไม่พอที่จะไปตีเมืองพม่า เพราะพม่ากวาดเอาผู้คนไปเสียเมื่อครั้งตีกรุงศรีอยุธยาเปนอันมาก จึงเห็นประโยชน์ในการที่จะลองเจรจากับพม่า ถ้าหากพม่าจะเปนไมตรีจริง ก็คงจะต้องผ่อนผันให้พอใจไทย จึงแต่งข้าราชการให้ไปเจรจาความเมืองกับข้าราชการพม่าที่ปลายแดน ที่ไม่ยอมให้ทูตพม่าเข้ามาราชธานีนั้น ก็ตามประเพณีที่จะมิให้เห็นการในพระนครด้วยยังเปนข้าศึกกัน ข้อความที่เจรจากันครั้งนั้นก็ดูเหมือนพอจะคาดได้ว่าว่ากันด้วยข้อใด คือ ข้างไทยคงเกี่ยงว่า ถ้าพม่าจะเปนไมตรีจริง ก็ให้คืนผู้คนแลทรัพย์สมบัติซึ่งพม่าเก็บกวาดเอาไปเมื่อครั้งตีกรุงศรีอยุธยามาให้ก่อน จึงจะเปนไมตรีด้วย ความคงไม่ตกลงกันในข้อนี้ ครั้นพระเจ้าปดุงตีเมืองยะไข่ได้ กลับมีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งพระเจ้ามังระ ก็ยกกองทัพมาตีเมืองไทยในรุ่งปีขึ้น คือ คราว “ลาดหญ้า” ที่พม่ายกมาทุกทิศทุกทางนั้น เข้าใจว่าเรื่องราวที่ไทยกับพม่าเจรจาความเมืองกันครั้งที่ ๑ จะเปนดังแสดงมา