หน้า:ประวัติ - ปิติ วาทยะกร - ๒๕๑๒.pdf/93

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

ในการรับนักเรียนรุ่นแรกนี้ ข้าพเจ้าได้ทำการตกลงกับท่านผู้มีอำนาจแห่งกรมศิลปากรไว้แล้วว่า เงินที่เสนอขอขึ้นไปนั้นจะต้องได้รับจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้สำหรับนักเรียนฝึกหัดเหล่านี้คนละ ๑๕ บาทต่อเดือน เมื่อปรากฏจำนวนนักเรียนที่แท้จริงเช่นนี้ แทนที่จะได้รับเงินจ่ายดังที่ทำการตกลงกันไว้ ก็กลับผิดหวังอีก แม้ข้าพเจ้าจะได้เสนอคำร้องเรียนขึ้นไปก็มิได้รับผลตอบแทนประการใด ครั้นได้ส่งคำร้องฉบับที่ ๒ ที่ ๓ เตือนขึ้นไปอีก ผลที่ได้รับ ก็คือ ข้าพเจ้าถูกสั่งปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้ากองดุริยางค์ศิลป เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นอาจารย์ใหญ่ ขาดอำนาจหน้าที่ทางปกครองเด็ดขาดตั้งแต่นั้น บรรดานักเรียนฝึกหัดทั้งหลาย เมื่อหมดที่พึ่งจากเงินค่าเบี้ยเลี่ยง ต่างคนต่างก็พากันออกไปรับราชการเป็นนักดนตรีในกรมกองอื่นจนหมดสิ้น เช่น วงดนตรีกรมโฆษณาการ วงดนตรีทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และวงดุริยางค์ทหารอากาศ เป็นต้น

วงดนตรีของกรมศิลปากร เมื่อขาดความหวังจากนักเรียนฝึกหัดเช่นนี้แล้ว จำนวนนักดนตรีก็คงขาดตกบกพร่องอยู่เช่นเดิม ฐานะของวงทรุดหนักลงอีก จนเหลือวิสัยที่ข้าพเจ้าจะดิ้นรนเพื่องานนี้ต่อไปได้

เบื้องหลังของการที่วงดนตรีไม่ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักเรียนฝึกหัดนั้น เหตุผลที่ข้าพเจ้าสืบทราบมาภายหลัง คือ จำนวนเงินนับพันที่มีอยู่นั้นเป็นแต่เพียงตัวเลขในบัญชีเท่านั้น ส่วนตัวเงินที่แท้จริงได้อันตรธานไปทางใด ข้าพเจ้าหาทราบไม่

ข้าพเจ้าได้ดำรงค์ตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของกรมศิลปากรได้ประมาณ ๖ เดือน ก็ถูกสั่งย้ายไปรับราชการทางกองทัพอากาศ เมื่อคราว

– 91 –