กรุณา จึงกล่าวว่า แม่จงกลับไปเรือนไปพาลูกมาเถิด จะยอมให้ไปค้าขายด้วย นางได้ฟังแล้วก็ชื่นชมโสมนัส จึงลาพวกพ่อค้ากลับมาเรือนเล่าให้พระโพธิสัตว์ฟัง พระโพธิสัตว์จึงได้นามว่า สุวรรณสิรสา แต่นั้นมา นางมารดาจึงบัญจุขนมแลเข้าสัตตูอันคลุกเคล้าด้วยน้ำอ้อยน้ำผึ้งลงในถุงย่าม บัญจุทองห้าร้อยลิ่มลงอีกถุงหนึ่ง แล้วบอกแก่พระโพธิสัตว์ว่า นี่ห่อขนมของเจ้า นี่ห่อทอง
ลำดับนั้น พวกพ่อค้าก็ลำดับสิ่งของเครื่องสินค้าลงในเรือเสร็จแล้ว ก็ถอยเรือมาเทียบท่า พระมหาสัตว์ทราบว่า ถอยเรือมาแล้ว จึงบอกแก่มารดาว่า แม่จงนำของเคี้ยวของกินไปให้แก่พวกพ่อค้า แล้วจงกลับมาพาลูกไป นางแม่ก็ทำตาม ครั้นนางกลับมาแล้ว จึงพาลูกรักกับถุงทองถุงของกินลงไปมอบให้แก่นายเรือ พวกพ่อค้าทั้งหลายเห็นพระโพธิสัตว์มีแต่เศียร งามดุจหน่อทอง ก็เลื่อมใสโสมนัส ให้สาธุการว่า เจ้าสุวรรณสิรสางามนักหนอ พระโพธิสัตว์จึงอำสามารดา กล่าวคาถานมัสการว่า
นโม เม ตฺยตฺถุ มาตุโน | สุขี ภวานนฺตรายา | |
มา โน ตฺวํ จินฺตยิ อมฺม | โวหาราหํ คมิสฺสามิ ฯ |
แปลว่า ลูกขอนอบน้อมแก่แม่ แม่จงเปนสุข อย่ามีอันตราย แม่อย่าคิดวุ่นวายไปเลย ลูกจะไปค้าขาย
นางมารดาได้ฟังคำพระโพธิสัตว์แล้ว ไม่อาจทรงตนอยู่ได้ มีหทัยอันหวั่นไหว น้ำตาอาบหน้า นางจึงกล่าวคาถาว่า
หาหา ปุตฺต นิวตฺตสฺสุ | มา มํ อนาถํ กโรตุ | |
รตฺติยํ ปุตฺตํ นาทฺทสฺสํ | หทยํ เม ผลิสฺสติ ฯ |