หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/32

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
19
๓ สุวรรณสังขชาดก

ได้มาสะโมสรกับพระโพธิสัตวผู้เป็นสาธุสับปุรุษผู้บำเพ็ญบารมี และยักขเทวีผูกพันฉันทสิเนหากับพระโพธิสัตวมั่นคงถึงวันตาย เพราะเหตุนั้น ยักขเทวีจุติจากอัตตภาพยักษ์แล้ว จึ่งไปบังเกิดในดาวดึงส์เทวโลกด้วยประการฉะนี้

คราวนั้น พระโพธิสัตวเห็นยักขินีมารดาตายแล้ว จึ่งกลับมาดูรู้ว่าตายจริง จึ่งเก็บเอาฟืนทำจิตรกร ยกศพมารดาขึ้นบนจิตรกร แล้วจึ่งเอาไฟเผากเลวระของมารดาจนไหม้ ทำปทักษิณสามรอบเสร็จ ก็เสด็จลอยไปในอากาศ ทรงตรวจดูเมืองน้อยใหญ่ เห็นเมืองพาราณสีเกษมสุขด้วยโภชนาหารดี จึ่งลงจากอากาศดำเนินไปถึงบ้าน ๆ หนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เมืองพาราณสี เข้าไปหานายคามโภชกในบ้านนั้น นายคามโภชกเห็นพระโพธิสัตวมีรูปเหมือนเงาะป่าจึ่งถามว่า แน่ะหลานน้อย พ่อมาแต่ไหน ฯ ข้าแต่นายคามโภชก ข้าพเจ้าหาที่พึ่งมิได้ เที่ยวมาหาเลี้ยงชีพ ฯ แน่ะหลานน้อย พ่ออย่าไปที่อื่นเลย จงอยู่กับเรา ๆ จะรับเลี้ยงพ่อไว้

นายคามโภชกจัดแจงโภชนให้พระโพธิสัตวบริโภค แล้วจึ่งห่อเข้าให้พระสุวรรณสังขกุมารห่อหนึ่ง แล้วให้ไปเลี้ยงโคกับเด็กเลี้ยงโคทุกวัน พวกเด็กเลี้ยงโคเห็นพระสุวรรณสังขกุมารรูปแปลกเหมือนเงาะป่า บางคนก็หมิ่นประมาท บางคนก็กล่าวท้าทายว่า เจ้ามานพรูปชั่วช้า เจ้าจงมาเล่นขลุบกับพวกเรา พวกเด็กเลี้ยงโคเล่นขลุบอยู่กับพระโพธิสัตว แม้แต่คนหนึ่งก็ไม่อาจทำให้พระโพธิสัตวแพ้ได้ ครั้นเวลา