เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
ราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๓๐ ผู้ใดต้องคําพิพากษาให้ชําระค่าปรับเป็นพินัย ไม่ชําระค่าปรับภายในเวลาที่ศาลกําหนด ให้ศาลมีอํานาจออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินของผู้นั้นเพื่อชําระค่าปรับเป็นพินัย
มาตรา ๓๑ ให้นําความในมาตรา ๒๙/๑ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้บังคับแก่การบังคับคดีตามคําสั่งศาลตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๓๐ ด้วยโดยอนุโลม
มาตรา ๓๒ ห้ามมิให้อุทธรณ์คําพิพากษาของศาลในปัญหาข้อเท็จจริงและจํานวนค่าปรับเป็นพินัย
ผู้กระทําความผิดทางพินัยมีสิทธิอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายตามเงื่อนไขที่กําหนดในข้อบังคับที่ออกตามมาตรา ๒๘ เงื่อนไขดังกล่าวต้องคํานึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้อุทธรณ์และสังคมโดยรวมในการรับภาระค่าใช้จ่ายประกอบกัน
คําพิพากษาของศาลชั้นอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๓๓ คดีความผิดทางพินัยเป็นอันยุติด้วยเหตุดังต่อไปนี้
(๑) เมื่อมีการชําระค่าปรับเป็นพินัยหรือทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับเป็นพินัยครบถ้วนแล้ว
(๒) โดยความตายของผู้กระทําความผิดทางพินัย
(๓) เมื่อมีการเปรียบเทียบความผิดอาญาตามมาตรา ๑๖ (๔)
(๓) เมื่อคดีขาดอายุความตามมาตรา ๑๑ หรือพ้นกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๒ แล้วแต่กรณี
มาตรา ๓๔ ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐบันทึกการกระทําความผิดทางพินัยของบุคคลใดรวมไว้ในบันทึกประวัติอาชญากรรม หรือในฐานะเป็นประวัติอาชญากรรม
มาตรา ๓๕ เพื่อประโยชน์ในการอํานวยความสะดวกในการชําระค่าปรับเป็นพินัย จะกําหนดให้ชําระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวงก็ได้
มาตรา ๓๖ ค่าปรับเป็นพินัยให้นําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เว้นแต่กฎหมายซึ่งบัญญัติความผิดทางพินัยหรือกฎหมายอื่นจะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น