หน้า:พิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีแดง 1606 2559.pdf/11

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๑

ไว้ในครอบครอง ทั้งที่ ๑ ตัดคะแนน ๓๐ คะแนน และเชิญผู้ปกครอง นอกจากนั้น การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยังเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนของสำนักงานคณะกรรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานตามหนังสือลับ ที่ ศธ ๐๔๐๐๙/๒๑๐๓ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต และผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่ให้สถานศึกษาทุกแห่งถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยเคร่งครัด แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มิได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ครั้งแรกที่พบการกระทำผิด และมิได้ทำการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เพียงแต่อาศัยบันทึกเหตุการณ์ที่เขียนด้วยลายมือของผู้ฟ้องคดีที่ยอมรับว่าการกระทำผิดเท่านั้นมาตัดสินลงโทษผู้ฟ้องคดี ทั้งๆ ที่ผู้ฟ้องคดีได้แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ทราบแล้วว่าบันทึกดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องถูกนางจรี ใจตรง บังคับให้เขียน และก่อนที่ผู้ฟ้องคดีจะนำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ ต่อคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาตามที่กำหนดไว้ในระเบียบโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ตรัง ว่าด้วยการอยู่ประจำของนักเรียนโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ตรัง พุทธศักราช ๒๕๔๙ หมวดที่ ๕ ส่วนที่ ๔ ข้อ ๘๐ เหตุที่ผู้ฟ้องคดียื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ ก็เนือ่งจากเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบด้วยวาจาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งลงโทษผู้ฟ้องคดีโดยให้ผู้ฟ้องคดีออกจากหอพักและให้หาที่เรียนใหม่ไว้ด้วย ผู้ฟ้องคดีจึงรีบอุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิด ๑๕ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และเมื่อผู้ฟ้องคดีได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์การลงโทษต่อคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ไม่ได้จัดส่งอุทธรณ์ดังกล่าวให้คณะกรรมการบริหารสถานศึกษาพิจารณาตามระเบียบ กลับจัดประชุมคณะกรรมการบริหารหอพักพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีแทน นอกจากนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แต่งตั้งนางสาวจรี ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ถูกพาดพิงถึงว่าได้บังคับให้ผู้ฟ้องคดีเขียนบันทึกรับสารภาพมาเป็นกรรมการเข้าร่วมทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีการกระทำผิดกฎระเบียบหอพักของผู้ฟ้องคดีด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายทั่วไปว่าด้วยหลักแห่งความเป็นกลาง ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ย้ายสถานศึกษาด้วยความสมัครใจ แต่จำใจต้องย้ายเพราะถูกตั้งข้อรังเกียจและกลั่นแกล้ง

/โดยตลอด...