ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:ลัทธิฯ (๒๖) - ๒๔๗๙ a.pdf/42

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
30
 

แทนพระองค์ หาได้เสด็จไปทอดเองไม่ ถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ทำจุลกฐินของหลวง เวลาเย็น หมายเรียกพวกภรรยาข้าราชการเข้าไปประชุมกันในพระราชวังทางด้านหลัง พอพลบค่ำก็ให้ลงมือปั่นฝ้ายทอผ้า กำหนดให้เสร็จเป็นผืนผ้าก่อนรุ่งสว่าง ถ้าจับได้ว่า ใครเอาผืนผ้าปลอมเข้าไป ทั้งสามีภรรยาต้องระวางโทษให้เอาผ้านั้นนุ่งห่มและรำซุยร้องเพลงเข้าปี่พาทย์ประจานตัว ผ้าที่ทอแล้วนั้นพอเช้าก็ตัดเย็บย้อมเป็นไตร ถวายจบพระหัตถ์แล้วพระราชทานไปทอดกฐินที่พระอารามหลวงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ หาได้เสด็จไปทอดเองไม่

อนึ่ง ในวันกลางเดือน ๑๒ นั้น พระเจ้าแผ่นดินเสด็จไปบูชาเทวรูปณหอเทวาลัย เจ้านายและข้าราชการทั้งปวงก็ไปบูชาด้วย

พิธีเผารูปปราสาทจำลอง เห็นจะเป็นพิธีเสดาะพระเคราะห์ ในกฎมนเทียรบาลพะม่ากล่าวว่า ถึงวันแรม ๘ ค่ำ ให้เอาปราสาท Pyathat ซึ่งผูกโครงด้วยไม้ไผ่ ๘ หลัง ถวายพระเจ้าแผ่นดินกับพระอัครมเหษีจบพระหัตถ์ แล้วแห่เอาไปเผาณพระอารามที่สำคัญ ๘ แห่ง

เดือนอ้าย มีการพิธีถวายเข้าใหม่ Maha Peinne Pwè-daw อธิบายว่า เมื่อเกี่ยวข้าวใหม่ที่ปลูกในนาหลวงได้แล้ว เอาไปถวายบูชาพระพุทธรูปมหามัยมุนี (ที่พระเจ้าปะดุงเชิญมาจากเมืองยักไข่) ขุนนาง เรียกว่า ละเมียง หวุ่น Lamaing Wun กับละเมียง สะเย Lamaing Saye (สันนิษฐานว่า ในกรมนา) เป็นพนักงานทำพ้อมสานผูกเป็นรูปโคกระบือและกุ้ง ไส่ข้าวเปลือกและพืชพันธุ์ไม้อื่นที่เก็บเกี่ยวได้ผลในฤดูเดียวกัน แล้วขนไปถวายที่วัดยักไข่นั้น