หน้า:อัลกุรอานภาษาไทย - อะบู อิสรอฟีล - ๒๕๖๓.pdf/20

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

รับ เช่นเดียวกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกนาง ที่จะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม และสำหรับบรรดาบุรุษนั้น มีฐานะเหนือพวกนางขั้นหนึ่ง และอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงมีอำนาจ พระผู้ทรงมีปรีชาญาน

{2:229} การหย่านั้นมีได้สองครั้ง ดังนั้นจงยับยั้งไว้โดยชอบธรรม หรือไม่ก็ให้ปล่อยไปโดยดี และไม่ อนุญาตแก่พวกเธอ ในการที่พวกเธอจะยึดเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่พวกเธอได้ให้แก่พวกนาง นอกจากเขาทั้งสองเกรงว่า จะไม่สามารถปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺได้ ถ้าหากพวกเธอเกรงว่า เขาทั้งสองจะไม่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺ ก็ไม่ใช่ความผิดแก่เขาทั้งสองในสิ่งที่นางใช้มันไถ่ตน เหล่านั้นแหละคือกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺ พวกเธอจงอย่าละเมิดมัน และผู้ใดละเมิดกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺแล้ว ชนเหล่านั้นก็คือผู้ทุจริต

{2:230} ถ้าหากเขาได้หย่านางอีก(เป็นครั้งที่สาม) นางก็ไม่เป็นที่อนุมัติแก่เขาหลังจากนั้น จนกว่า จะนางจะสมรสกับคู่ครองอื่นนอกจากเขา แล้วหาก(สามีคนใหม่นั้น)หย่านาง ก็ไม่เป็นความผิดสำหรับ เขาทั้งสอง ที่จะคืนดีกันใหม่ หากเขาทั้งสองคิดว่า จะปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺได้ และนั่นแหละ คือกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงแจกแจงมันอย่างแจ่มแจ้งแก่กลุ่มชนที่รู้ดี

{2:231} และเมื่อพวกเธอหย่าบรรดาสตรี แล้วพวกนางก็ได้ถึงกําหนดเวลาของพวกนางแล้ว ก็จงยับ ยั้งนางไว้โดยชอบธรรม หรือไม่ก็จงปล่อยนางไปโดยชอบธรรม และพวกเธอจงอย่ายับยั้งพวกนางไว้ โดยมุ่งก่อความเดือดร้อน เพื่อพวกเธอจะได้ข่มเหงรังแก และผู้ใดกระทำเช่นนั้น แน่นอนเขาก็ได้ทุจริต ต่อตนเอง และจงอย่าเอาโองการของอัลลอฮฺ มาเป็นที่เย้ยหยัน และจงระลึกถึงอุปการคุณของอัลลอฮฺ ที่มีแก่พวกเธอ และสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเธอ อันได้แก่คัมภีร์และวิทยญาณ ซึ่งทรง ใช้คัมภีร์นั้น ตักเตือนพวกเธอ และพวกเธอจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงรู้เถิดว่าอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ ในทุกสรรพสิ่ง

{2:232} และเมื่อพวกเธอหย่าบรรดาสตรี แล้วพวกนางก็ได้ถึงกําหนดเวลาของพวกนางแล้ว ก็จงอย่า ขัดขวางพวกนาง ในการที่พวกนางจะสมรสกับบรรดาคู่ครองของพวกนาง เมื่อพวกเขาต่างพอใจต่อ กัน โดยชอบธรรม นั่นแหละคือสิ่งที่จะถูกนำมาตักเตือนแก่ผู้ที่มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่น แหละคือสิ่งที่บริสุทธิ์กว่าและสะอาดกว่าสำหรับพวกเธอ และอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ แต่พวกเธอไม่รู้

{2:233} และเหล่ามารดานั้น จะให้นมแก่ลูก ๆ ของนางภายในสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ นมจนครบกำหนด และเป็นหน้าที่ของบิดาเด็กนั้นที่จะต้องให้ปัจจัยยังชีพและเครื่องนุ่งห่มแก่พวกนาง โดยชอบธรรม ชีวิตใดหนึ่งจะไม่ถูกกำหนดให้รับภาระหน้าที่ นอกจากเท่ากำลังความสามารถของมันเท่านั้น มารดาก็จงอย่าได้ก่อความเดือดร้อน เนื่องด้วยลูกของ นาง และบิดาของเด็กก็จงอย่าได้ก่อความเดือดร้อน เนื่องด้วยลูกของตน และหน้าที่ของทายาทผู้รับ มรดกก็เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเขาทั้งสองต้องการให้หย่านม อันเกิดจากความพอใจของทั้งสองฝ่าย และ การปรึกษาหารือกันแล้ว ก็ไม่เป็นความผิดสำหรับเขาทั้งสอง และหากพวกเธอจะขอให้มีแม่นมมาเลี้ยง ลูก ๆ ของพวกเธอแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดสำหรับพวกเธอ ถ้าพวกเธอได้มอบสิ่งที่พวกเธอให้(เป็น ค่าตอบแทนแก่พวกนาง)โดยชอบธรรม และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงรู้ด้วยว่า อัลลอฮฺทรงเห็น ในสิ่งที่พวกเธอกระทำ

{2:234} และบรรดาผู้ที่สิ้นอายุขัยในหมู่พวกเธอ และทิ้งคู่ครองไว้นั้น พวกนางจะต้องรอคอยตัวของ พวกนางเองสี่เดือนกับสิบวัน ครั้นเมื่อพวกนางครบกําหนดเวลาของพวกนางแล้ว ก็ไม่เป็นความผิดอัน ใดสำหรับพวกเธอ ในสิ่งที่พวกนางได้กระทำไปในเรื่องส่วนตัวของพวกนางโดยชอบธรรม และ อัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียด ในสิ่งที่พวกเธอกระทำกัน

{2:235} และไม่เป็นความผิดอันใดสำหรับพวกเธอ ในการที่พวกเธอกล่าวเป็นนัยในการสู่ขอสตรี หรือการที่พวกเธอเก็บงําไว้ในใจของพวกเธอ อัลลอฮฺทรงรู้ว่า พวกเธอจะบอกกล่าวแก่นางให้ทราบ ทว่าพวกเธออย่าได้สัญญากับนางเป็นการลับ นอกจากพวกเธอจะกล่าวถ้อยคําอันดีเท่านั้น และจงอย่า ตัดสินใจทำพิธีสมรส จนกว่ากําหนดเวลาอันนั้นจะบรรลุถึงความสิ้นสุดของมัน และพวกเธอจงรู้เถิดว่า