ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/10

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
17
 

อ้างว่าฟื้นความจำหนังสือไทยของผมที่จะเข้าหม้อเสีย การหัดเรียงพิมพ์นั้นเหมือนคล้ายเรียนหนังสือกันใหม่ ทั้งสะกดการันต์ต้องระวัง ทั้งยังต้องฝึกอ่านหนังสือที่พวกข้างบนเขาเขียนให้ออกแจ่มแจ้ง ผมเรียนอยู่หกเดือนก็พอจะเรียนได้คล่อง และความรู้ข่าวสารการเมืองพอจะผ่านหูผ่านตาขึ้นมาบ้าง ด้วยว่าอ่านทุกวัน เรียงตัวอักษรทุกวัน ผิดทุกวันเขาก็แก้ลงมาทุกวัน นานเข้า ๆ สะกดการันต์ก็ไม่ค่อยผิดชักจะคุ้นตาคุ้นใจ การเรียงพิมพ์นี่เท่ากับสอบภาษาไทยทุกวัน การเรียนหนังสือของผมเลยดีขึ้น สะกดตัวไม่ผิดวรรคตอนดีขึ้น สำนวนการพูดดีขึ้น พอจะพูดจะคุยอะไรกับใครพอรู้เรื่องเท่ากับเรียนทางลัด เพราะอายุผมสิบห้าปีนี่จะไปเข้าเรียนที่ไหน โรงเรียนอะไรเขาจะรับนักเรียนโค่งเข้าไว้เล่า

คนหนังสือพิมพ์ที่นี่เป็นนักการเมืองกันหลายคน และน้าเกียรติก็เล่นการเมืองกับเขาด้วย ผมได้ยินคุณเขาพูดกันว่าน้าเกียรตินี่ปากกาคมนัก ผมก็แปลกใจว่าถ้าน้าเกียรติเป็นคนสำคัญทำไมไม่มีบ้านอยู่ ผมเพิ่งจะรู้จักว่านักการเมืองนี้บางคนดูเร่ร่อน แต่เพื่อนนั้นมากมาย เช่นน้าเกียรติเป็นต้น กลางคืนมักจะไปประชุมกับเพื่อนหาเสียงคะแนนอะไรกันไม่รู้บางคืนไม่กลับมาทั้งคืน ผมต้องนอนในตึกคนเดียว ชักไม่สบายใจเลย ตัวตึกมันใหญ่และน่ากลัวถ้าอยู่คนเดียว แต่ผมไม่กล้าจะร้องเรียนอะไรกะแกได้ กลัวแกจะโกรธและเกลียดผมว่าไม่อดทน ความจริงแล้วการที่ผมใหม่ต่อตึกนี้มันย่อมหวาดกลัวอยู่เอง บางเวลามีเสียงอะไรแปลก ๆ ข้างนอกห้อง ผมนิ่งฟังด้วยใจระทึก ไม่กล้าพอที่จะเปิดประตูออกมาดูว่าเป็นเสียงอะไรที่ได้ยิน

การไม่ค่อยจะอยู่ติดที่พักของน้าเกียรตินั้นยังดีที่แกห่วงผม จ่ายเงินไว้ให้ซื้ออาหารกินคนเดียวที่ร้านเจ๊ก เสร็จอาหารแล้วเลี่ยงมานั่งคุยกับลุงพัฒน์และป้าน้อยฆ่าเวลาก่อน ง่วงจริง ๆ จึงจะฝืนขึ้นนอน แม้แต่จะกลัว ๆ อยู่ก็ตามใจต้องขึ้นไปนอน ผมปิดประตูใส่กลอน เปิดไฟก็สว่างตลอดคืน ยังไม่หลับก็นอนฟังเสียงรถวิ่งที่ถนน เป็นรถสามล้อมากกว่ารถอื่น