ผมพูดเอาใจ แต่ที่จริงก็ไม่รู้ว่า คนผู้นั้นมีอาการหนักเบาแค่ไหน แต่พูดไปเพื่อให้คลายความกังวล กิริยาและคําพูดของแกมันแน่เสียยิ่งกว่าแน่ ถ้าเพียงรักกันเฉย ๆ ไม่ร้อนรนขนาดนี้ แต่นี้มันถลําเลยไปแล้ว
"เดี๋ยวนี้หนูทํางานอะไรอยู่ล่ะ?" ผมถาม
"หนูช่วยเตี่ยและแม่เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู เตี่ยกับแม่ออกทําไร่ผักค่ะ" หนูเงินยวงบอกเรื่องทางครอบครัวหมดสิ้น ผมคะเนไม่ผิดว่า ต้องเป็นลูกจีน สําหรับชีวิตชาวไร่ย่อมหนักอยู่กับงานมากกว่าจะมานั่งอบรมลูกเต้า มีแต่หากินกันไปวันยังค่ำ แบ่งหน้าที่กันทําไป
"หนูติดต่อกับนายอเนกน่ะ เตี่ยกับแม่รู้หรือเปล่า?"
"เปล่าค่ะ!" เงินยวงก้มหน้าตอบ "หนูเคยซื้อยาเขา พบกันที่รถบ้าง และ..." เงินยวงชะงักคําพูดคล้ายคิดอะไรได้หรือไม่กล้าพูดต่อไป
"อ้อ!" ผมพยักหน้ารับรู้และไม่ถามไม่พูดอะไรต่อไปอีก เพราะหนูเงินยวงคงไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะอายหน้าอายปาก แต่เท่าที่พูดมาไม่กี่คํามันก็บอกชัดอยู่แล้ว
"เอาเถอะ หนูคอยไปก่อนก็แล้วกัน ตาจะไปหาเขา เขาคงไม่เจ็บนาน ตาจะชวนเขามา"
"ถ้าเขายังมาไม่ได้หรือไม่มาเลย หนูจะทํายังไงเล่าคุณตา เขาจะเป็นอะไรบ้างกําลังนี้นะ"
"อดใจหน่อยเถอะหนู เขาหายเมื่อใดเขาต้องมาแน่"
"ถ้าเขามาไม่ได้หรือไม่มา หนูต้องตายแน่ ทําอย่างไรเตี่ยก็ต้องรู้ เตี่ยเป็นคนดุ ตีหนูตาย หรือไม่หนูก็ต้องตายเอง"
ข้อความที่เงินยวงพูดออกมามันก็สารภาพอยู่ในตัวแล้ว ผมนิ่งฟังอย่างสลดใจ มันก็เป็นความผิดพลาดของหญิงอายุน้อยทั่ว ๆ ไป แต่รายของเงินยวงนี้อาจจะไม่ผิด แต่บังเอิญมีเคราะห์ของฝ่ายชายเข้ามาแทรก เลยทําให้ปั่นป่วนไปด้วยกัน
"ถ้าหนูคิดจะไปเยี่ยมเขา ตาจะเป็นคนช่วยนําไปเยี่ยมจนได้