"งั้นพี่จะไปถามท่านเอง"
"แต่เอ๊ะ พี่ ถ้าพี่ไปวัด ฉันจะต้องเรียกเพื่อนเขามาเป็นเพื่อนละ ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว"
"งั้นบานเย็นไปหาพระก็แล้วกัน ไปเล่าให้ท่านฟัง พี่จะอยู่กับแม่เอง"
"เออ จริงซิ ฉันไปได้ แต่เอ พี่ทิด เราจะถามลุงอ่ำบ้านใกล้เราดูก่อนดีไหม?"
"เออ จริงแฮะ ลุงอ่ำคงรู้ว่า ใครรักษาได้บ้าง"
"ไปบนเรือนกันก่อนเถอะ ฉันมาจ๋องอยู่ท่าน้ำนานแล้ว" บานเย็นเตือนผม และผลักผมให้เดินข้างหน้า
เมื่อเราขึ้นมาบนเรือนแล้ว คนเจ็บก็หันมาดู พอแกเห็นหน้าผม แกยิ้มแห้ง ๆ ตามเคย แล้วนอนตาปริบ ๆ บานเย็นเลี่ยงเข้าไปในห้องนอนของตัว ส่วนผมนั่งอยู่กับแกห่าง ๆ และทำใจให้กล้า อดจ⟨ะ⟩หวาดไม่ได้เมื่อทราบเรื่องเสียก่อนดังนี้ ไม่ค่อยจะสบตากันนัก ชักเกรงดวงตาลึกโหลของแก
"ช่วยพยุงแม่ไปเยี่ยวทีลูก" แกขอร้องเสียงแห้ง ๆ บานเย็นได้ยิน แอบมองตาผมมาจากในห้อง สบตากัน อันเป็นที่รู้กันว่า ถ้าเผลอคน แกลุกขึ้นวิ่งได้และกินหมูดิบ ๆ ผมขยิบตาให้บานเย็นออกมาช่วยกันพยุงแก ในขณะพยุงตัวแก เกือบไม่น่าเชื่อว่า แกจะลุกขึ้นวิ่งได้อย่างที่บานเย็นพูด เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผมก็เลี่ยงเข้าห้องบานเย็น คนเจ็บมองตามนิดหน่อย แต่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะแกรู้อยู่แก่ใจว่า ผมก็คือเขยของแกในวันหน้า ที่คอยอยู่ก็เพราะแกเจ็บอยู่ มิฉะนั้น มารดาผมก็จัดแจงแต่งกันเสียแล้ว
"แหม! ตัวแกเย็นเฉียบ" ผมว่าเมื่อมาอยู่ในห้องของบานเย็นแล้ว บานเย็นพยักหน้า
"แกไม่ได้อาบน้ำเลย กลิ่นตัวชักสาง ๆ" บานเย็นว่า "พี่อยู่คนเดียวนะ ฉันจะไปบ้านลุงอ่ำ"
"ไปเถอะ พี่ไม่กลัวหรอก" ผมตอบอย่างส่งเดช ซึ่งปากไม่ตรงกับใจ
"น้องไปเล่าอาการของแม่ให้ลุกอ่ำแกฟังให้ละเอียดนะ บางทีแกจะ