ส่วนการกุศล ท่านก็ได้ร่วมบำเพ็ญกับหม่อมราชวงศ์จรัส อิศรางกูร ผู้สามี ตลอดมา เช่น สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม สร้างสะพาน ทำถนน และอื่น ๆ ตลอดจนได้เข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสภากาชาดไทย มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในทางพระพุทธศาสนา ตั้งหน้าทำบุญทำทานต่าง ๆ มามิได้ขาดจนตลอดชีวิต จัดเข้าในลักษณะของบัณฑิตตามในพระพุทธภาษิตว่า โชติ โชติปรายโน แปลว่า สว่างมาแล้วกลับสว่างไป ดังนี้
คนบางคน แม้เบื้องต้นมีความเจริญงอกงามตั้งอยู่ในฐานอันดีเพราะกุศลกรรมเก่าช่วยอุปถัมภ์ แต่ส่วนต่อไปจะเป็นอย่างไรมิได้คำนึงถึง เห็นแต่ปัจจุบันสุขซึ่งมีเฉพาะหน้า บาปก็ช่าง บุญก็ช่าง มิได้นำพา ผู้เช่นนี้ถูกตำหนิจากพระบรมศาสดาว่า โชติ ตมปรายโน แปลว่า สว่างมาแล้วแต่กลับมืดไปภายหน้า ดังนี้
อันคนทั้งหลายผู้เกิดมาในโลกนี้ ตามปรกติประเพณี จำต้องมีเกี่ยวข้องติดต่อกันเป็นธรรมดา เริ่มต้นแต่บิดามารดากับบุตร ญาติต่อญาติ มิตรสหายต่อมิตรสหาย เป็นต้น แต่ในระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกันนั้น บางท่านก็มีโชคเหมาะมี