ซงอิหยินจึงว่า ที่ของเรามีอยู่แห่งหนึ่งที่ในเมือง ท่านจงไปอยู่เถิด แล้วซงอิหยินก็ให้ผู้คนไปช่วยปลูกโรงให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยไปอยู่ได้ประมาณสี่เดือนห้าเดือน หามีผู้ใดมาจ้างดูไม่
ขณะนั้น มีเล่าเขียนผู้หนึ่งหน้าตาคมสัน สูงหกศอกเศษ เป็นคนจน เที่ยวหาบฟืนขาย พอมาถึงหน้าร้านจึงแวะเข้ามาหาให้เกียงจูแหยดูจะมีลาภบ้างหรือไม่ เกียงจูแหยจึงทายว่า วันนี้ ท่านไปข้างทิศใต้เถิด จะพบหญิงแก่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ จะซื้อฟืนท่านเป็นเบี้ยร้อยยี่สิบอีแปะ แล้วจะได้กินเหล้าสองชามกับของหวาน เล่าเขียนก็ลาไป พบหญิงแก่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ เรียกเข้าซื้อฟืนแล้วให้เหล้ากับของหวาน แล้วเล่าเขียนก็กลับมาบอกเกียงจูแหยว่า ท่านดูแม่นดังเทวดา ข้าพเจ้าไปขายฟืนได้ลาภสมดังคำท่าน เกียงจูแหยจึงว่า เอาค่าจ้างดูมาให้เราบ้าง เล่าเขียนรับปากว่าจะให้ แต่มือไม่หยิบ ครั้นเกียงจูแหยซ้ำเตือน จึงนับอีแปะให้ยี่สิบแล้วก็ลาไป กิตติศัพท์อันนั้นก็เลื่องลือว่า เกียงจูแหยดูแน่ หญิงชายชาวเมืองมาหามิได้ขาด เกียงจูแหยได้ค่าจ้างดู ค่อยมีอันจะกิน
ฝ่ายปีแป๋ ปิศาจซึ่งหนึงวาสีให้มาทำร้ายพระเจ้าติวอ๋องนั้น เข้าอาศัยอยู่ในกุฏิศพเก่าแก่แห่งหนึ่งข้างประตูทิศใต้