ฝ่ายนางขันกีครั้นได้ทีก็แกล้งรินสุราถวายให้เสวยเจ็ดจอกแปดจอก พระเจ้าติวอ๋องก็เมาจนลืมสติหาสมประดีไม่ พอเวลาค่ำ นางขันกีก็เรียกนางสนมให้ช่วยประคองเสด็จเข้าที่บรรทม แล้วนางก็เอาขิมมาสองอัน ส่งให้กองจู๊เปกอิบโค้อันหนึ่ง นางดีดอันหนึ่ง นางขันกีดีดพลาง พลางแลดูกองจู๊เปกอิบโค้ กองจู๊เปกอิบโค้จึงว่า การดีดขิมนี้ยากนัก ถ้าจะเรียนให้รู้จริง ๆ จงมีความเพียรตั้งจิตเป็นใจเดียว อย่าคิดการอื่นเป็นสองใจ นัยน์ตาให้ก้มดูขิมกับสายขิม อย่าเหลียวแลไปที่อื่น คนเสพสุราเมาก็ดีดขิมไม่ได้ นางขันกีก็รับว่าจะทำ ครั้นเห็นคนว่าง คิดจะใคร่ชวนกองจู๊เปกอิบโค้ร่วมรัก แต่ทำผุดลุกผุดนั่งขยับตัวให้ท่วงทีกองจู๊เปกอิบโค้ ครั้นเห็นไม่สมคิด จึงเรียกให้ยกโต๊ะกับสุรามา แล้วเรียกกองจู๊เปกอิบโค้ว่า มากินด้วยกัน กองจู๊เปกอิบโค้ก็คุกเข่าคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นลูกคนโทษ จะโปรดให้ข้าพเจ้าไปนั่งที่สูงกินโต๊ะร่วมนั้นหาควรไม่ นางขันกีจึงว่า เจ้าเป็นครู เราเป็นศิษย์ จะกินร่วมโต๊ะกันก็ได้ ไม่พอที่จะ แล้วดีดขิมก็นั่งห่างกันนัก เราดีดตามไม่ทัน จำเพลงไม่ได้ ขอขึ้นนั่งบนตักเจ้า เจ้าอุ้มเราจับมือสอน สักประเดี๋ยวก็จะรู้ กองจู๊เปกอิบโค้ได้ฟังก็ตกใจจนตัวสั่นแล้วว่า ถึงจะนั่งห่างกัน ถ้าตาดูหูฟัง
หน้า:Hongsin 2506 (1).djvu/242
หน้าตา