สุนัขก็เห่ากันแซ่อย่างตกอกตกใจแล้วก็เลยหอนเลยเห่าอย่างน่าขนลุกขนพอง บิดาประภาศรีห่วงผมว่าจะตกใจกลัวจึงเดินออกมาพบกับผมความวิบัติได้เป็นไปอีกหน่อยแล้วก็หยุดเงียบไป ผมจึงได้หลับไปได้
แต่พอรุ่งเช้าก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น คือมีตำรวจมาเชิญเจ้าบ้านไปที่สถานีตำรวจ โดยมีเจ้าทุกข์หลายคนว่าเป็นคนเดินถนนเมื่อคืนนี้ ถูกก้อนดินแข็ง ๆ และก้อนอิฐขว้างออกไปจากบ้านเรา ผูกหัวเขาแตกแล้วปูดโปนไปสองคน และก้อนอิฐก้อนดินก็ร่วงหล่นอยู่ที่ถนนนั้นมากมายอยู่ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในคืนที่ผมไปนอนค้างนั่นเอง พ่อแม่ประภาศรีตกใจมาก พากันไปสถานีตำรวจ ผมก็ไปกับเขาเพื่อให้การเป็นพยานตามที่รู้เห็น
เป็นการสอบสวนที่ยุ่งยากแก่ทางการตำรวจนัก จะว่าเหตุเกิดเพราะพายุ แต่พายุก็ไม่มี แม้จะมีจริง พายุอะไรจะพัดเอาดินทรายและก้อนอิฐไปทำกับคนเดินถนนได้ พยานทั้งหมดก็เป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ยากจะฟังเป็นหลักฐานแน่นอน ตำรวจต้องมาตรวจที่บ้านแล้วก็พบอิฐและก้อนดินแข็ง ๆ ร่วงเกลื่อนลานบ้าน ทั้งกิ่งไม้ใบไม้เหล่านั้นก็แสดงว่าเป็นอาการของพายุจริง ๆ สอบสวนคนในบ้านทั้งหมดก็เป็นเสียงเดียวกันว่าทุกคนอยู่บนบ้าน ไม่มีใครลงไปข้างล่างเลย ตาแก่ยายแก่ท้ายบ้านก็ว่ากลัวพายุ ปิดประตูอยู่ในห้องไม่กล้าออก
ใครเล่าครับจะพูดกับตำรวจว่า ความวิบัตินั้นเกิดจากการกระทำของปิศาจ จึงอึกอักไปตาม ๆ กัน ตำรวจเองก็ประหลาดใจ พยานสิ่งของมันบอกว่ามีพายุ แต่พายุใกล้เคียงก็ไม่มีจะเอามาช่วยเป็นพยานได้ เจ้าบ้านเลยต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญแก่เจ้าทุกข์ไป เหตุนี้ก็เป็นที่อื้อฉาวในย่านใกล้เคียงนั้นทั้งหมด มีผู้คนมาดูก้อนอิฐก้อนดินกันหลายกลุ่มและพูดจากันไปต่าง ๆ และก็ไม่ต้องสงสัยว่าญาติประภาศรีกลุ่มหนึ่งจะไม่หัวเราะกันก๊ากไป ถ้าทางเขาเป็นผู้ทำให้เป็นขึ้น
ทางตำรวจเคยจำได้ว่า ไม่กี่คืนมาบ้านนี้ถูกกล่าวหาจากชาวเรือที่จอดอยู่ชายฝั่ง ว่ามีก้อนอีกก้อนดินขว้างไปจากในบ้านมากมาย แต่บังเอิญไม่มีใครเป็นอันตราย บิดาประภาศรีปวดเศียรเวียนเกล้า รับรองกับตำรวจว่าจะระวังที่สุดไม่ให้มีเหตุอย่างนี้เกิดขึ้นอีก แต่ก็แจ้งกับ