ต่อเมื่อพิจารณาถึงว่าเปนปาราชิก ถ้ามีข้ออันจะพึงสงสัยยกประโยชน์ให้แก่ผู้ต้องหา ฝ่ายทางพระวินัยพิจารณาได้ไม่ถึงเปนปาราชิก แต่มัวหมองในอย่างอื่น ก็ปรับโทษได้ ผู้ต้องหาเปลื้องตนไม่พ้นจากข้อสงสัย ไม่หลุดพ้น แลในบัดนี้ การปกครองคณะสงฆ์เปนไปรอบคอบพอจะป้องกันแลกำจัดภิกษุอลัชชีผู้ลเมิดพระพุทธบัญญัติข้อนี้ได้แล้ว จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นไว้ มีความดังต่อไปนี้
มาตรา๑พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติอธิกรณ์ประถมปาราชิก พระพุทธศักราช ๒๔๖๓
มาตรา๒ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้เปนกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๒๓ เดือนเมษายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๓ เปนต้นไป
มาตรา๓ตั้งแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัตินี้สืบไป ให้ยกเลิกโทษอาชญาฐานปาราชิกในกฎหมายลักษณผัวเมีย มาตรา ๔๐ กับ ๔๑ แลประกาศรัชกาลที่ ๔ ว่าด้วยภิกษุสามเณรประพฤติ์อนาจาร ลงวันศุกร์ เดือนเก้า แรมค่ำหนึ่ง ปีวอก โทศัก จุลศักราช ๑๒๒๒ เฉภาะข้อว่าด้วยโทษอาชญาฐานปาราชิกนั้นเสีย
มาตรา๔ถ้ามีคดีประถมปาราชิกค้างพิจารณาในศาลยุติธรรมในเวลาที่ใช้พระราชบัญญัตินี้เปนกฎหมาย ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลนั้นโอนคดีไปยังกรมธรรมการโดยพลัน
มาตรา๕ตั้งแต่บัดนี้สืบไป ภิกษุผู้ลเมิดพระพุทธบัญญัติ