แลวาจาซึ่งสำแดงเสน่หาอย่างน้อยเสมอกับที่ได้แสดงต่อพระภรรตฤราชผู้สามี อำมาตย์หนุ่มรับผลอำมฤตด้วยกิริยาแลวาจาซึ่งสำแดงเสนหาไม่หย่อนกว่าที่นางสำแดง แล้วกลับจากตำหนักพระชายา พบนางสนมรูปงามคนหนึ่งซึ่งเป็นที่พิสวาทของอำมาตย์หนุ่ม ๆ ก็ให้ผลอำมฤตแก่นางนั้นด้วยกิริยาแลวาจาซึ่งสำแดงเสนหาไม่หย่อนกว่าที่ได้แสดงต่อพระชายาประมาณ ๕ นาฑีซึ่งพ้นมาแล้ว นางสนมรูปงามได้รับผลไม้สำคัญ ไม่ทราบเรื่องแต่เดิมมา คิดจะหาความชอบต่อพระภรรตฤราช โดยความฝันว่า จะได้เป็นใหญ่ จึ่งนำผลไม้ไปถวาย ทูลว่า เป็นผลอำมฤตซึ่งถ้าเสวยให้หมดผลจะทรงพระชนม์ยืนยาวชั่วกัลปาวสาน
พระภรรตฤราชทรงรับผลอำมฤตจากนางแล้วประทานทรัพย์เป็นรางวัลมากมาย ครั้นนางออกจากที่เฝ้าแล้ว ก็ทรงถือผลไม้ในพระหัตถ์ พิศพลางทรงรำพึงว่า
"มายาคือความมั่งคั่งแลมายาคือความรักนี้มีคุณดีที่ไหนบ้าง ความชื่นบานอันเกิดแต่มายาทั้งสองนี้อยู่ได้ครู่เดียวก็กลับเป็นความขมตลอดชาติ ศฤงคารนี้เหมือนเหล้าในถ้วยของนักเลงสุรา เมื่อจิบครั้งแรก มีรสดีเอิบอาบไปทั่วกาย ยิ่งดื่มบ่อยเข้า ยิ่งหย่อนรส ในที่สุด เป็นทุกข์อันหนัก ชีวิตนี้มิใช่อื่นไกล คือความหมุนเวียนแห่งความชื่นบานซึ่งเป็นความหลงกับความเร่าร้อนซึ่งเป็นความจริงเท่านั้น วันที่จะตื่นจากชีวิตก็คือวันที่สิ้นสุดแห่งชีวิตนั้นเอง ทางที่สองรองความตื่นจากชีวิตนี้ก็คือความเป็นดาบสไว้ศรัทธาในตบะเพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้ทรงกรุณาประทานในโลกน่า ความสุขซึ่งไม่ประทานในโลกนี้"
เราได้กล่าวมาในเบื้องต้นว่า พระภรรตฤราชเป็นผู้มีหฤทัยซึมเซาชวนจะเป็นฤษีอยู่เสมอ ๆ แล้ว ถ้อยคำที่ทรงรำพึงนี้เป็นคำของคน