พระโอษฐ์แล้ว ถ้าไม่ทำตาม จะเสียคำไป จึ่งตรัสว่า "เราจะไปยังป่าช้าและช่วยท่านในพิธีที่กล่าวนั้น ท่านจงบอกกำหนดวันและเวลาเถิด"
โยคีทูลว่า "เชิญเสด็จไปที่ป่าช้าจำเพาะแต่พระองค์กับพระราชบุตร มิให้มีคนตามเสด็จ แต่ให้ทรงถืออาวุธไปด้วย กำหนดวันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนนี้"
พระราชาทรงรับแม่นมั่นแล้ว โยคีก็ทูลลาจากวังไปเตรียมการสำหรับพิธีที่กล่าวนั้น
ฝ่ายพระวิกรมาทิตย์ ครั้นโยคีทูลลาไปแล้ว ก็เสด็จขึ้นข้างใน ทรงดำริข้อความซึ่งประทานคำมั่นแก่โยคี ไม่มีท่าทางจะถอยได้ แต่การอันนี้เป็นเครื่องซึ่งอาจให้ได้อาย จึ่งมิได้รับสั่งแพร่งพรายแก่ใคร แม้อำมาตย์ที่สนิทก็มิได้ตรัสให้รู้เรื่อง
ครั้นถึงกำหนดกลางคืนแรม ๑๔ ค่ำ พระราชากับพระราชบุตรก็เตรียมพระองค์ ทรงผ้าโพกพันไปใต้คาง ทรงถือดาบอันเป็นอาวุธคู่พระหัตถ์สามารถสู้อริทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ สององค์พากันเสด็จออกจากวังดำเนิรไปตามถนน บ่ายพระพักตร์สู่ป่าช้าซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโคทาวรี
คืนนั้น มืดนัก พยุพัด ฝนตก เยือกเย็น ผู้คนไม่มีเดิรไปมาในถนน พระราชาและพระราชบุตรตั้งพระพักตร์รีบดำเนิรไปจนเห็นแสงไฟอยู่กลางป่าช้า ก็เสด็จตรงเข้าไปหาแสงไฟ เมื่อถึงขอบป่าช้า พระราชาหยุดชะงักเพราะรังเกียจเหยียบที่ดินโสโครกด้วยซากศพ ทรงเหลียวดูพระราชบุตร เห็นมิได้ครั่นคร้ามเลย สององค์ก็ทรงดำเนิรตรงเข้าไป
สักครู่หนึ่ง ถึงกลางป่าช้า พระราชาทอดพระเนตรเห็นสิ่งซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่าง ๆ อยู่ล้อมกองไฟซึ่งได้เผาศพใหม่ ๆ ภูตผีปิศาจ